เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 466 ฉากจบ

ตอนที่ 466 ฉากจบ

“หรือไม่ข้าอาจจะสามารถจ่ายออกมาด้วยค่าตอบแทนอย่างอื่น ขอเพียงพี่เยี่ยยินยอม ” เยว่จิ่งครุ่นคิด หลังจากนั้นเอง ร่างกายอ้อนแอ้นของนางทอแสงสว่างแห่งจันทราเป็นประกายออกมาอย่างช้าๆ เปิดเผยผิวพรรณอันขาวเนียน ประดุจดั่งดอกไม้ที่ทรงเสน่หา ดวงตาทั้งคู่ประดุจดั่งจันทราเสี้ยวที่อยู่บนท้องฟ้าก็มิปาน งดงามจนทำให้ผู้คนทั้งพื้นที่แห่งนี้เกิดความหวั่นไหว นางในตอนนี้ ต่อให้อยู่ในลักษณะท่าทางที่หวาดหวั่น แต่ว่ายังคงเป็นประดุจดั่งนางเซียนก็มิปาน ดูไปแล้วน่าหลงใหลอย่างมาก หญิงสาวเช่นนี้ หากว่าสามารถที่ยินยอมให้เชยชม ฟังนางขับกล่อมขับขานก็ถือได้ว่าเป็นความสุขอยู่ไม่น้อย

เยี่ยจงงงันขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้หัวเราะฮาฮาออกมาเสียงดัง บนใบหน้าของเขาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งขึ้นมา แต่ว่าภายในดวงตากลับยังคงเต็มเปี่ยมสีหน้าแห่งความเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด หญิงสาวนางนี้ช่างเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปจริงๆ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ ถึงกับสามารถที่จะทอดทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดไปได้

“เนื้อหนังประดุจดั่งกระดูกหยกน้ำแข็ง ทรงเสน่ห์ดั่งบุปผา หากว่าต้องแลกมาด้วยเพียงแค่การมีชีวิตอยู่ต่อไป การแลกเปลี่ยนนี้ก็ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว ” เยี่ยจงยิ้มเสร็จ บนใบหน้าก็ได้เกิดความเย้ยหยันขึ้นมาอย่างถึงที่สุด “เพียงแต่น่าเสียดายที่ข้าช่างเป็นคนที่ช่างหวาดระแวงเสียเหลือเกินนี้สิ ! ”

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ชักกระบี่ดำยกสูงขึ้นมา วินาทีนั้น ก็ได้เกิดประกายดวงดาวปะทุรวมตัวกันขึ้นมายังบริเวณปลายกระบี่ ทอประกายแสงสีขาวสว่างไสวขึ้นเป็นสาย ในขณะที่ทอดตัวลงมา

รอยยิ้มบนใบหน้าของเยว่จิ่งก็ได้เลือนหายไปในที่สุด ปั้นสีหน้าชาด้านขึ้นมา นางแทบจะคิดไม่ถึงเลยว่า ตนเองที่ประดุจดั่งถูกมองอย่างสูงศักดิ์มาโดยตลอด เมื่ออยู่เบื้องหน้าของเยี่ยจงกลับไม่อาจที่จะใช้ประโยชน์ได้เลยแม้แต่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ถึงกับเตรียมตัวที่จะเด็ดบุปผาอย่างเผ็ดร้อนเลยอย่างงั้นหรือ ?

พลังความคมกล้าอันน่าแตกตื่นของสำนึกกระบี่ก็ได้ปะทุขึ้นมาในตอนนี้ แผ่กระจายพลังแห่งความตายออกมา คิดที่จะปกคลุมเข้าไปยังบริเวณทั่วทั้งร่างกายของเยว่จิ่งเอาไว้

เยว่จิ่งทอแววตาเปลี่ยนไป คมจันทราบนร่างกายนางก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ตัดสินใจคิดหมายที่จะถอยหลังไป นั้นก็เพราะว่านางย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี กระบี่ของเยี่ยจงตอนนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวจนเกินไป ด้วยพลังสภาวะของนางตอนนี้ เรียกได้ว่าแทบจะไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้ แต่ว่าคงจะมีแต่เพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจได้เป็นอย่างดี ตนเองที่อยู่ภายใต้ท่ามกลางค่ายกลสังหารไร้อนันต์นี้ หากว่าก้าวเดินผิดพลาดไปแม้เพียงครึ่งก้าว ก็คงจะต้องพบเจอกับความตายที่เบื้องหน้านี้อย่างแน่นอน

“ซวบ——”

สำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าในตอนนี้ก็ได้ถูกใช้ออกมา พลังแห่งการทำลายล้างชนิดหนึ่งก็ได้ถูกแผ่กระจายกันออกมาก็มิปาน มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยว่จิ่งอยู่

“เคร้ง——”

เยว่จิ่งผสานมือผนึกพลังเข้าต้านทาน แล้วก็ได้มีหยดน้ำสีสันสดใสปานแมลงโลหิตปรากฏขึ้นมาบริเวณหว่างคิ้วแผ่กระจายพลังออกไป จนกลายเป็นประดุจดั่งเงาโลหิตสายหนึ่ง พวยพุ่งออกมา ให้ความรู้สึกถึงความงดงามที่เปี่ยมไปทั่วทั้งท้องฟ้าในขณะนี้เอง ในขณะนี้เอง ราวกับว่ามีพลังแห่งปีศาจบรรพกาลฟื้นคืนชีพขึ้นมากก็มิปาน เหมือนจะต้องการเผาผลาญไปทุกสรรพสิ่ง

เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง เยว่จิ่งนอกเสียจากพลังฝีมือประจำสำนักแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดของสายโลหิตแห่งปีศาจบรรพกาลในตำนานอีกด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ นางก็คงจะไม่อาจที่จะใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ เพียงแต่ตามปกติแล้วนางมักจะเก็บงำซ่อนเร้นเอาไว้เป็นอย่างดี ไม่เคยที่จะนำออกมาใช้มาโดยตลอด วันนี้เมื่อมาจนถึงขั้นนี้ นางก็ไม่อาจที่จะไม่ใช้ออกมาได้

“ตูม——”

คมกระบี่ของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ฟาดฟันลงไป เข้าปะทะกับพลังโลหิตขนาดใหญ่นั้นเข้าด้วยกัน จนก่อเกิดพลังปะทะอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา

“แค๊กแค๊ก——”

เยว่จิ่งกระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายลอยกระเด็นออกไป ประกายแสงจันทราอันทรงเสน่ห์ก็ได้สลายหายไป เปิดเผยให้ใบหน้าน้อยๆ ใบหน้าขึ้นมา เต็มเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นอย่างถึงที่สุด

เยี่ยจงตอนนี้ที่อยู่ท่ามกลางค่ายกลสังหารไร้อนันต์ ก็ได้มีพลังการสังหารเทวะชนิดหนึ่ง บวกกับที่เขามีพลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็ก จากนั้นก็ได้ฟาดฟันกระบี่ออกไป ในระดับสูงสุดที่เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นจะเป็นผู้ใดในที่แห่งนี้ก็ไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้ ?

กายใช้เพียงพลังสภาวะกายเนื้อเพียงอย่างเดียว เยว่จิ่งที่เรียกได้ว่าเหมือนดั่งตระเกียงที่ไร้น้ำมันยากที่ต้านทานเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเยี่ยจงยังใช้ออกมาด้วยพลังแห่งสำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่า นางกระอักโลหิตออกมาคำโต ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหน่วงติดต่อกัน

แต่ว่า นางกลับมิได้ล้มลงไปเช่นนี้แต่อย่างไร เพียงแต่ยื่นมือปาดเข้าไปยังบริเวณใจกลางหน้าผากของตนเองคราหนึ่ง จากความเคลื่อนไหวของนาง ก็ได้พบว่าที่ระหว่างคิ้วของนางนั้นก็ได้เกิดการปะทุพลังขึ้นมาในทันที ประดุจดั่งมีก้อนมรกตสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นมาก็มิปาน

ดาบโลหิตจันทร์เสี้ยวด้ามหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้าของนาง และในเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีโลหิตสีแดงซ่านเริ่มต้นที่จะหมุนเวียนไปมา แฝงเอาไว้ด้วยพลังแห่งมารโลหิตปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งบนร่างกายของเยว่จิ่ง เพียงแค่ชั่วเวลาเพียงสั่นๆ เพียงพริบตาเดียว นางที่เป็นหนึ่งในเก้านางสวรรค์เร้นลับสุดจะเอื้อม ก็ได้กลายเป็นนางมารมายาห้วงสมุทรไปแล้ว

“ดาบจันทร์โลหิตปีศาจเต็มดวง ! ”

เยี่ยจงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า ทอสีหน้าเคร่งเครียด คมดาบมารด้ามนี้ที่ถือได้ว่าเป็นที่กล่าวขานกันมา เขาก็เคยได้ยินมาก่อน แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่า เยว่จิ่งผู้นี้ถึงกับมีจิตใจที่เด็ดขาดถึงเพียงนี้ หากตัวนางใช้ออกมาด้วยพลังสภาวะแห่งมารโลหิตออกมาตั้งแต่แรก คงจะทำให้การต่อสู้ในขณะนี้เองปะทุขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัวอย่างแน่นอน

“น่าเสียดาย ” หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ถอนหายใจออกมา “หากว่าเจ้าใช้พลังฝีมือเฉกเช่นนี้ออกมานับตั้งแต่เริ่มต้นแล้วละก็ เช่นนั้นข้าอย่างน้อยก็คงจะต้องถูกเจ้าสังหารไปแล้ว แม้แต่การใช้ออกมาด้วยค่ายกลสังหารไร้อนันต์ก็ยังไม่อาจที่จะใช้ได้ทันกาล แต่ว่าตอนนี้กลับใช้พลังฝีมือเช่นนี้ออกมาเมื่อในช่วงเวลาที่เปรียบเสมือนดั่งตะเกียงใกล้ดับลง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ถือได้ว่าไร้ประโยชน์ ”

“ชิ——”

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกมาด้วยสำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่า กระบี่ดำภายในมือก็ได้ตัดผ่าออกไปไม่หยุด จนก่อเกิดเป็นคมกระบี่อันงดงามขึ้นมาเป็นสาย ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งฟ้าดิน

นี้ถือได้ว่าเป็นสภาวะที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ตลอดทั่วทั้งบริเวณสี่ทิศแปดด้าน เพลิงกาฬสีกำก็ได้ลอยระบำแฝงเข้ามา ท่ามกลางอากาศ ก็ได้ก่อเกิดพลังคมกระบี่ที่ฟาดฟันเข้ามาประดุจดั่งดาวตกลงมาจากท่ามกลางท้องฟ้าก็มิปาน จนกลายเป็นพลังความน่าหวาดกลัวขึ้นมาเป็นสาย มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยว่จิ่งเข้าไป

เยว่จิ่งร่ำร้องตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด บริเวณหว่างคิ้วก็ได้สาดประกายลำแสงสีเลือดขึ้นมา ดาบจันทร์โลหิตปีศาจเต็มดวงนั้นก็ได้พวยพุ่งออกไป จนก่อเกิดกลายเป็นเงาโลหิตขึ้นมาเป็นสาย หมายที่จะต้านทานคมกระบี่ของเยี่ยจงเอาไว้

แต่ก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง ตอนนี้เยี่ยจงถือได้ว่าอยู่ในพลังสภาวะสูงสุด และเยว่จิ่งที่เปรียบเสมือนดั่งตะเกียงไร้น้ำมัน หากว่าพลังสภาวะของทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับเดียวกัน ผลแพ้ชนะคงจะเป็นไปได้ยากอย่างที่จะคาดเดาได้ แต่ว่าในขณะนี้เอง เยว่จิ่งกลับไม่อาจที่จะต่อต้านเยี่ยจงได้ทั้งสิ้น

คมกระบี่อันน่ากลัวแต่ละสายก็ได้พัวพันกันเข้ามา จนก่อเกิดสภาวะเงากระบี่ขึ้น ตัดผ่าทุกสรรพสิ่ง แม้แต่คมกระบี่สีเลือดสายนี้ก็ยังถูกตัดผ่าไปในทันที จนท้ายที่สุด ธาราโลหิตสายนี้ก็ได้กลายเป็นเพียงปุ๋ยผงในทันที

เยว่จิ่งคำรามก้องอย่างเจ็บปวด ในเวลานี้เรียกได้ว่าไม่หลงเหลือเค้าความสภาวะของนางเซียนอันดับหนึ่งหลงเหลืออีกต่อไป

เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นมา คมกระบี่สายนี้ก็ได้ทลายธาราโลหิตออก ร่วงหล่นอยู่ท่ามกลางบนร่างกาย วินาทีนั้น ร่างกายเยว่จิ่งก็ได้รับบาดเจ็บทันที

“อ็อก——”

เยว่จิ่งกระอักโลหิตออกมาคำโต บนใบหน้าแสดงอาการยากที่จะเชื่อขึ้นมา นางไม่ว่าจะอย่างไรก็คาดคิดไม่ถึงว่า เหตุใดถึงยังมีชายหนุ่มคิดที่จะลงมือสังหารตนเองเช่นนี้ นางยกมือขึ้นมา ทันใดนั้นก็ได้เผยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณออกมา : “เยี่ยจง เจ้าลงมือได้ลงคอจริงงั้นหรือ ? หากว่าตอนนี้เจ้าวางมือกลับไป ไม่แน่ว่าข้าอาจจะกลายเป็นของเจ้าก็ได้นะ ”

“ซวบ——”

เยี่ยจงทอสีหน้าปรากฏความเยือกเย็นขึ้นมา กระบี่ดำภายในมือไม่มีความคิดสภาวะหยุดลงแม้แต่น้อย กระบี่นี้กลับเสือกแทงทะลุออกไป มุ่งหน้าทะลุเข้าไปยังบริเวณทรวงอกของเยว่จิ่งออกไป

“เจ้า——”

หน้าอกก็ได้ปรากฏรอยโลหิตไหลรินออกมาแห่งหนึ่ง เยว่จิ่งพ่นโลหิตออกมาคำโต นางก้มหน้าลงไปอย่างไม่อยากที่จะเชื่อได้ลง เหม่อมองไปยังบาดแผลของตนเอง เผยรอยยิ้มสุดท้ายอันงดงามขึ้นมาเป็นสาย : “เยี่ยจง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ! ”

เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนไป ทันใดนั้นร่างกายก็ได้ถอยออกไปยังบริเวณทางด้านหลัง

“เปรี้ยง——”

ในขณะนี้เอง ร่างกายของเยว่จิ่งก็ได้สั่นไหวไปมา จนก่อเกิดขุมพลังแห่งการดับสูญปะทุขึ้นมาสายหนึ่ง เงาโลหิตอันน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่กระจายออกไป บดขยี้ทุกสิ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

“ระเบิดตัวเอง——”

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เขาคิดไม่ถึงว่าเยว่จิ่งถึงกับมีความน่าหวาดกลัวได้จนถึงขั้นนี้ พลังการต่อสู้ที่แท้จริงของนาง เกรงว่าคงจะอยู่นอกเหนือความคาดคิดไปมากแล้ว หากมิใช่ว่าได้เข้ามายังท่ามกลางค่ายกลใหญ่ จนสูญเสียพลังไปมากมายอยู่ไม่น้อยแล้วละก็ หากเปิดศึกลงมือกันขึ้นมาจริงๆ ผลแพ้ชนะ คงยากที่จะคาดเดาได้

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้เดิมที ที่ยังคงหลงเหลือยอดฝีมือสิบกว่าคน แต่ว่าตอนนี้เมื่อเยว่จิ่งใช้พลังสภาวะระเบิดตัวเองไป พวกเขาก็ไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงได้ทัน พริบตานั้นก็ได้กลับกลายเป็นโลหิตที่ไหลนองออกมาจนไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีก

ในเวลานี้ ตลอดทั่วทั้งค่ายกลใหญ่ก็ได้หลงเหลือเยี่ยจงผู้สวมอาภรณ์สีขาวแต่เพียงคนเดียว ยืนมือไพล่หลังลอยอยู่บริเวณท่ามกลางอากาศ

ค่ายกลใหญ่ ยังคงไหลเวียนไปมาอยู่ในตอนนี้ เพลิงกาฬแต่ละสายก็ได้ทอดลงมา ประดุจดั่งอุ้งมือของเทพแห่งความตายก็มิปาน ด้วยพลังสภาวะในขณะนี้

ในช่วงเวลานี้เอง ตลอดทั่วทั้งของหุบเขาก็ได้กลับกลายเป็นเงียบสงบลงไปใหม่อีกครั้ง

“อืม องค์ชายใหญ่ตระกูลถังมิได้เข้ามา เขาที่มีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างสูงส่ง ยังถึงกับไม่ลงมืออย่างงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงหลังจากครุ่นคิดแล้ว ก็ได้กล่าวออกมาเสียงเบากับตนเอง “ซูม่อหยงก็มิได้เข้ามาเช่นเดียวกัน ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก ไม่เข้ามาก็ถือได้ว่าถูกต้องแล้ว ”

ทั้งสองคนนี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจ องค์ชายใหญ่ตระกูลถังนั้นถือได้ว่าลึกล้ำสุดยั้งคาด ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กันภายในการท้าดวลภายในสามกระบวนท่า เยี่ยจงจึงได้รอดมาจากเงื้อมมือของเขา แต่ว่าตอนนี้ก็ยังคงเกิดความหวาดกลัวต่อเขาอยู่ อีกทั้งยังมีจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางซูม่อหยง เยี่ยจงย่อมทราบได้เป็นอย่างดี ว่าหญิงสาวผู้นี้หากว่ามีโอกาสแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมไม่เกิดความเกรงใจต่อตนเองอย่างแน่นอน

เมื่อมองเข้าไปยังระดับขั้นนี้แล้ว ทั้งสองคนย่อมถือได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจได้ เพียงแต่น่าเสียดายอย่างยิ่ง พวกเขาถึงกับมิได้เข้ามายังภายในค่ายกลนี้

และเมื่อถึงช่วงเวลาในขณะนี้เอง เกรงว่าพวกเขาคงจะถอยร่นออกไปนับตั้งแต่แรกแล้ว ย่อมไม่ถึงกับโง่เขลาเพื่อที่จะเข้าไปหาความตายอย่างแน่นอน

สายตาของเยี่ยจงก็ได้ทอดลงไปยังบริเวณด้านนอกของหุบเขา เหล่าผู้คนที่มิได้เข้าไปยังหุบเขาเหล่านั้น ตอนนี้ก็ได้ถอยรนออกไปนับครั้งไม่ถ้วน เห็นได้ชัด การเดิมพันครั้งใหญ่ของเยี่ยจงในค่ำคืนนี้ ก็เรียกได้ว่าเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนมากมายแตกตื่นตกใจได้แล้ว

“ค่ำคืนของวันนี้ ก็คงจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ! ”

เยี่ยจงครุ่นคิด หลังจากนั้นสักพักก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้เข้ามายังบริเวณหัวมุมหนึ่งของค่ายกลใหญ่ ตอนนี้ เสี่ยวหลุนก็ได้กลืนกินสมบัติเซียนไปมากมายจนอิ่มเปริม ทอดตัวลงบนหัวไหล่ของเยี่ยจง

เยี่ยจงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ข้ามพ้นผ่านออกไปยังค่ายกลนำส่งจากออกไปทางด้านนอกอันห่างไกลนับพันลี้ และในขณะที่เขาจากไปนั้นเอง พริบตานั้นค่ายกลใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็ได้ทลายลงไป หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงเพลิงกาฬที่พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ประดุจดั่งไร้ซึ่งการควบคุมก็มิปาน

การศึกนี้ ได้มีชนชั้นราชันระดับเทวะขั้นที่สามตายตกไปทั้งหมดห้าตน ชนชั้นราชันระดับเทวะขั้นที่สองตายตกไปทั้งหมดเจ็ดตน ชนชั้นราชันระดับเทวะขั้นที่หนึ่งตายตกไปทั้งหมดสิบสามตน นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมียอดฝีมือระดับพลังอีกครึ่งก้าวสู่ระดับราชันมากมาย ซึ่งไม่อาจที่จะคาดคะเนเป็นจำนวนได้ รวมไปจนถึงชิงยี่แห่งหุบเขาเทพชิงหวิน สตรีอันดับหนึ่งแห่งเผ่าซือเยว่จิ่งรวมอยู่ด้วย

ข่าวลือ ได้ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ความเคลื่อนไหวที่ดินแดนซีฮวง ! ต่างก็ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องอ้าปากตาค้างมองมาทางด้านนี้ ขุมกำลังไม่น้อยถึงกับต้องคร่ำครวญออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นสภาวะที่ยากจะคาดคิดขึ้นมาได้

สถานการณ์เช่นนี้ ถือได้ว่าได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนทั้งหมดไปอย่างมากมาย ทุกผู้คนต่างก็คาดคิดว่า เยี่ยจงในครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ตำนานเล่าขานอย่างสุดยอดรุ่นเยาว์จะต้องตายลงเช่นนี้

แต่ว่าคิดไม่ถึงว่า ท้ายที่สุดแล้วสภาพการณ์กลับกลายมาเป็นเช่นนี้ เยี่ยจงตัวคนเดียวกลับไม่ตายลง อีกทั้งยังสามารถที่จะฆ่าสังหารยอดฝีมือจำนวนมากไปได้

มีคนคำนวณอย่างละเอียด ในครั้งนี้ถือได้ว่ามียอดฝีมือตายตกภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงมากมายจนเกินไป เกรงว่าอาจจะมีถึงพันคนขึ้นไป นี้ถือได้ว่าเป็นความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ละขุมกำลังที่ลงมือต่อเยี่ยจง ต่างก็ได้สูญเสียไปไม่น้อยกว่าหลายสิบคน และเหล่าผู้ตายตกไปต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้เป็นยอดฝีมือระดับราชัน ระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเป็นอย่างน้อย เมื่อมองในมุมมองของขุมกำลังมากมายเหล่านี้ ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องเก็บตัวเพื่อรักษาบาดแผลเอาไว้อยู่อย่างเนิ่นนานเลยทีเดียว

และเหล่ายอดฝีมือที่มิได้เข้ามายังหุบเขาเมื่อวันก่อนเหล่านั้นแต่ละคนต่างก็ถือได้ว่ามีโชคที่ดีอยู่ไม่น้อย แต่ว่าเมื่อนึกถึงฉากที่เกิดขึ้น ก็ยังคงทำให้เกิดอาการที่หนักอึ้งขึ้นมาภายในจิตใจเป็นอย่างมาก

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset