เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 469 จงหลี่ สือซิ่ง

ตอนที่ 469 จงหลี่ สือซิ่ง

บริเวณยอดเขา ที่ตั้งของกิ่งไม้ เยี่ยจงโอ่อ่ากลิ่นอายแห่งปราณยามเช้า น้ำค้างที่หลงเหลือจากยามค่ำคืน ประดุจเข้าสู่สัจธรรมของดินแดนสายนี้ แน่นอนว่า ความเข้าใจของเขาขณะนี้กลับมิใช่พลังยุทธ์ อีกทั้งยังมิใช่แนวทางของมนต์ตรายันต์ หากมองจากความหมายที่กล่าวจากด้านนี้ ก็อาจจะกล่าวได้ทั้งสองสิ่งนี้เปรียบเสมือนสิ่งเดียวกัน

เยี่ยจงขณะนี้เพียงแต่เพราะว่าดำดิ่งจดจ่อต่อคัมภีร์กุ่ยจางนี้ และยังมีอยู่อีกส่วนหนึ่งที่เป็นความเข้าใจทางความรู้สึก ความเข้าใจทางความรู้สึกนี้เรียกได้ว่าเร้นลับในความลี้ลับก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจที่จะกล่าวเป็นรูปธรรมได้ แต่ว่าก็ยังมีส่วนช่วยเหลือต่อตัวเขาเองอย่างมาก หากว่าจะให้อธิบายออกมาแล้วละก็ สิ่งนี้ก็เหมือนกับสัจธรรมฟ้าดินอย่างหนึ่ง แต่ว่ากลับเป็นแนวทางที่พิเศษเฉพาะสำหรับเยี่ยจง

หลังจากนั้นสักพัก เยี่ยจงจึงค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากนั้น เขาค่อยๆ หรี่ตาลง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปบริเวณทางด้านหน้า เมื่อดูจากความเคลื่อนไหวของเขา วินาทีนั้นก็ได้พบกับยันต์ปราณขนาดเล็กๆ ปรากฏที่บริเวณเบื้องหน้าของเขา เพียงแต่ว่ายันต์ปราณสายนี้กลับมิได้คงอยู่อย่างเนิ่นนานนัก ก็ได้ค่อยๆ ที่จะหายไปจากท่ามกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เหมือนกับว่าข้าจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ” จากความเข้าใจทั้งหมดของเยี่ยจง ถือได้ว่าเป็นความเข้าใจใหม่ในวิชาแนวทางของมนต์ตรายันต์ก็ว่าได้ ถือได้ว่าได้เข้าสู่ระดับขอบเขตใหม่ทั้งหมดของวิชามนต์ตรายันต์ หากว่าจะให้แบ่งออกมาอย่างละเอียดจำเพาะแล้วละก็ เขาขณะนี้เกรงว่าคงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกยันต์ปราณในขั้นที่สามแล้วก็ว่าได้

“เกรงว่า วันข้างหน้าหากคงยังจะต้องการเพิ่มพูนระดับของมนต์ตรายันต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นแล้วละก็ คงจำเป็นที่จะต้องเหน็ดเหนื่อยแรมวันแรมเดือนแล้ว ขอเพียงตกทอดไปถึงระดับอีกขั้น ก็อาจที่จะทำให้วิชามนต์ตรายันต์ของตนเองเข้าสู่ระดับเล็กอีกขั้นก็เป็นได้ จากระดับของผู้ฝึกยันต์ปราณ ก็จะกลายเป็นยันต์ราชัน ” เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง ทอสีหน้าแปลกใจ

ยันต์ราชัน ก็คือการเรียกขานของผู้ฝึกยันต์ปราณระดับสูง การเป็นชนชั้นยันต์ราชัน เรียกได้ว่าจะสามารถสร้างอาณาเขตค่ายกลยันต์ปราณระดับที่สี่ได้ กักขังสังหารชนชั้นราชัน ถือได้ว่าเป็นพลังฝีมือที่น่ากลัวอย่างยิ่ง อีกทั้งเกี่ยวกับสัจธรรมแห่งฟ้าดินเหล่านี้ก็คงจะมีการทำความเข้าใจที่พิเศษเฉพาะในตัวของมันเอง อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นขอบเขตในระดับที่ลี้ลับ เพียงแต่ว่าเยี่ยจงในเวลานี้ยังไม่อาจที่จะก้าวเข้าไปได้ เขายังคงเข้าใจไม่เลือนราง จำเป็นที่จะต้องสะสมไปเรื่อยๆ

“น่าเสียดายที่ไม่อาจที่จะออกไปจากดินแดนแห่งนี้ได้ ” เยี่ยจงถอนหายใจ หลังจากนั้นก็ได้ค่อยๆ ที่จะลุกขึ้นมา การเก็บตัวฝึกฝนมานานนับหนึ่งเดือนนี้ ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อตัวเขาเองอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะต้องรักษาอาการบาดเจ็บ อีกทั้งทั้งสายพลังยุทธ์และสายมนต์ตรายันต์ ต่างก็ถือได้ว่ามีความคืบหน้า ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มรากฐานให้แก่เยี่ยจงอีกทาง

หลังจากนั้นก็ได้ครุ่นคิดได้แล้ว เยี่ยจงจึงค่อยได้เดินลงมาจากกิ่งไม้ มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณกระท่อมหญ้านี้เข้าไป

“ผู้ใดกัน ! ถึงกับหาญกล้าเข้าออกยังสถานที่บำเพ็ญของท่านบรรพบุรุษ ! ” ทันใดนั้น ทางด้านหน้าก็ได้มีเสียงดังเฮอะดังขึ้นมาเป็นสาย จากนั้นก็ได้มีเงาร่างหลายสายทอเป็นประกายปรากฏตัวขึ้นมา

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลายวันก่อนเขาก็พอที่จะทราบได้แล้วว่า มีคนได้เข้ามาใกล้เพื่อที่จะสังเกตการณ์ เพียงแต่ว่ายังคงไม่แน่ใจได้ว่าผู้ที่อยู่ด้านบนของกิ่งไม้นั้นเป็นผู้ใด ดังนั้นตลอดมานี้จึงไม่มีคนออกหน้าก็เท่านั้น ขณะนี้เมื่อตนเองปรากฏตัว คนเหล่านี้จึงได้เอ่ยถามขึ้นมาในทันที

ทว่า เยี่ยจงก็ยังถือได้ว่ายากนักที่จะหลีกเลี่ยงได้ ว่ากันตามเหตุผล เขาก็ถือเป็นคนนอกคนหนึ่ง ในเวลาเดียวกันเขายังถือได้ว่าติดค้างน้ำใจของซือคงจาอยู่ เพราะเช่นนี้ ในขณะนี้เขาจึงมิได้มีโทสะออกมา เพียงแต่ยกมือคารวะออกมาแล้วกล่าว : “ผู้น้อยเยี่ยจง เมื่อก่อนหน้านี้ท่านผู้อาวุโสซือคงจานำพามาถึงที่แห่งนี้ ท่านผู้อาวุโสจึงปล่อยให้ข้าเก็บตัวอยู่ในสถานที่นี้อย่างเงียบๆ ”

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า ! ” เงาร่างที่อยู่บริเวณทางด้านหน้าหลายสายก็ได้กระโดดมาจนถึงบนพื้น ชายหนุ่มมีท่าทีห้าวหาญ หญิงสาวนั้นงดงามเพริศพริ้ง เห็นได้ชัด ซือคงจาคงจะได้บอกให้คนรุ่นหลังของให้ทราบถึง การมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ของเยี่ยจง ดังนั้น ขณะนี้สีหน้าของคนเหล่านี้ก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นอบอุ่นขึ้นมา

“ที่แท้ก็เป็นพี่เยี่ย เรื่องราวเมื่อครั้งที่ผ่านมานี้ของพี่เยี่ยถือได้ว่าเป็นที่เล่าขานกันอย่างมาก พวกเข้าถึงแม้จะอยู่ในมุมที่คับแคบ แต่ว่าก็ยังคงได้ยินได้ฟังจนหูชากันเลยทีเดียว วันนี้เมื่อได้พบพาน ที่แท้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ หลายวันมานี้พี่เยี่ยฝึกปรือมาอย่างน้อยก็คงจะเหน็ดเหนื่อยแล้ว หากว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วละก็ มิสู้เข้าไปยังภายในท่ามกลางเมืองเดินเล่นหน่อย คนที่ปรากฏขึ้นมายังสถานที่แห่งนี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นคนในสำนักเดียวกัน ย่อมไม่ทำให้พี่เยี่ยลำบากใจอย่างแน่นอน ” ชายหนุ่มท่าทางองอาจผู้หนึ่งก็ได้เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ยิ้มอย่างอบอุ่นมองไปทางด้านเยี่ยจงคราหนึ่ง เขามีร่างกายที่กำยำ ร่างกายสวมเอาไว้ด้วยชุดสีดำ เห็นได้ชัดว่ามีความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างมาก ในเวลาเดียวกันเขาดวงตาก็ทอเป็นประกายประดุจดวงดาวท่ามกลางแสงจันทร์ แต่ว่าเส้นผมที่อยู่บนหัว กลับมีทั้งดำทั้งขาว เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี

“ยังมิทราบนามของท่านเลย ” เยี่ยจงกล่าว

“ผู้น้อยจงหลี่ เป็นศิษย์เหลนของอาจารย์ปู่ อาจารย์ปู่กำชับเอาไว้ว่า หากว่าได้พบกับพี่เยี่ยแล้วละก็ จะต้องต้อนรับขับสู้ให้ดี ” จงหลี่ยิ้มน้อยๆ ทอสีหน้าอบอุ่นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาที่ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดของซือคงจาที่ไม่ธรรมดา แต่ว่ากลับมิได้มีความรู้สึกที่เย่อหยิ่งแม้แต่น้อย

หลังจากที่เยี่ยจงเกิดลังเล จึงค่อยพยักหน้าไปมาช้าๆ ยิ้มแล้วกล่าว : “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว กล่าวตามจริง หลายวันที่เอาแต่ฝึกปรือมานี้ ก็ได้ทำให้ปากของข้าเริ่มที่จะขมขึ้นมาแล้วละ ”

“ผู้น้อยจงหลี่ เป็นศิษย์เหลนของอาจารย์ปู่ อาจารย์ปู่กำชับเอาไว้ว่า หากว่าได้พบกับพี่เยี่ยแล้วละก็ จะต้องต้อนรับขับสู้ให้ดี ” จงหลี่ยิ้มน้อยๆ ทอสีหน้าอบอุ่นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาที่ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดของซือคงจาที่ไม่ธรรมดา แต่ว่ากลับมิได้มีความรู้สึกที่เย่อหยิ่งแม้แต่น้อย

ทางด้านข้างของจงหลี่ยังมีชายหญิงสองคู่ ต่างก็เป็นดั่งเช่นเดียวกับเขาก็มิปาน ถือก็เป็นศิษย์หลานของซือคงจา ขณะนี้พวกเขาต่างก็ได้ทอสีหน้าสงสัยเมื่อพบเห็นเยี่ยจงมีมารยาท โดยเฉพาะศิษย์หญิงนั้น ยิ่งทอประกายดวงตาประดุจดวงดาวอยู่เล็กน้อย

ในที่สุดเรื่องราวแต่อย่างของเยี่ยจงต่างก็ได้ถูกแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งดินแดนซีฮวงมาตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่ามีอยู่หลายครั้งหลายคราที่เขาถูกมองว่าเป็นดั่งราชันมารร้ายเยาว์ก็มิปาน แต่ว่าภายในสายตาของเผ่ามนุษย์ เขาถือได้ว่าเป็นเหมือนดั่งวีรบุรุษรุ่นเยาว์ที่ต่อกรกับเผ่านับหมื่นเพียงคนเดียวได้ ท่ามกลางเผ่ามนุษย์ ไม่ทราบว่ามีสาวน้อยใหญ่มากน้อยเพียงใดที่คิดจะหมายปองตนเองมาเป็นเนื้อคู่ เพียงแค่ในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกความสูงต่ำของคนเยี่ยงเยี่ยจงได้แล้ว

ในที่สุด มิใช่ว่าจะเป็นทุกผู้คนที่อยู่ในระดับอีกเพียงครึ่งก้าวเข้าสู่ระดับราชัน จะสามารถเข่นฆ่าสังหารราชันปีศาจได้ อีกทั้งยังถึงกับเป็นผู้ที่มีพลังในระดับขั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามก็ยังถูกสังหารไปอีกด้วย

ไม่นานนัก เมื่อช้างขนาดมหึมาได้เดินมาถึง จงหลี่ก็ได้นำพาเยี่ยจงเข้าไปยังจนถึงบริเวณที่เป็นตำหนักใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่ง ในบริเวณนี้สมควรที่จะเป็นบริเวณภายในของเขา ก็ได้เข้ามาจนถึงบันไดหิน เพื่อที่จะเดินเข้าไปยังท่ามกลางของห้องโถง จงหลี่ยิ้มขึ้นมาน้อยๆ แล้วกล่าว : “พี่เยี่ยท่านช่างโชคดียิ่งนัก วันนี้คุณหนูของพวกเรายากนักที่จะออกมา ข้าพึ่งจะถ่ายทอดคำสั่งไปให้กับนาง นางกล่าวว่าคิดที่พบท่านอยู่สักครา ”

“คุณหนูพวกเจ้า ? ” เยี่ยจงเกิดความสงสัยขึ้นมา

“ก็คือหลานสาวแท้ๆ ของอาจารย์ปู่ของพวกเรา ปีนี้ย่างสิบแปดปี ยามปกติต่อให้เป็นข้าเองก็ยากนักที่จะพบเจอกับนางสักครา วันนี้คิดว่าคงจะต้องรบกวนพี่เยี่ยเจ้าเสียหน่อยแล้ว ! ” จงหลี่หัวเราะฮาฮาออกมา กะพริบตาไปมา เผยให้เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นที่มีเพียงแต่ชายหนุ่มเท่านั้นที่จะเข้าใจได้ออกมา

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ได้หัวเราะออกมา จงหลี่ผู้นี้ก็ช่างเป็นคนที่น่าคบอยู่ไม่น้อย

ห้องโถงภายในตำหนักนั้นถือได้ว่าใหญ่โตอย่างมาก แต่ว่าภายในนั้นกลับตกแต่งประดับประดาให้ความรู้สึกของผู้ที่เป็นเจ้าของว่าชมชอบความร่มรื่นจากป่าไม้อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าดูไปแล้วให้ความรู้สึกที่โอ่อ่าโบราณ แต่กลับไม่พบเห็นความฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด บริเวณสี่ด้านก็ได้มีหญิงรับใช้ส่วนหนึ่งเดินเคลื่อนไหวไปๆ มาๆ กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยง

เมื่อได้เดินเข้ามายังภายในห้องโถงใหญ่ ก็ได้พบกับชายหนุ่มเผ่ามนุษย์สวมเอาไว้ด้วยชุดขุนนางหรูหรานั่งอยู่บริเวณที่เป็นที่นั่ง อีกทั้งยังนั่งอยู่ในจุดที่เป็นบริเวณหัวแถวของที่นั่ง มีผมเผ้าสีดำยาวประบ่า บนร่างกายก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยของพลังแห่งผู้ที่มีพลังอันน่าหวาดกลัวออกมา

เมื่อพบเห็นฉากนี้ ภายในดวงตาของจงหลี่ก็ได้กลอกไปมาอย่างกะทันหัน กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบาพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นมา : “เด็กน้อยผู้นี้มาได้อย่างไรกัน ? ”

ศิษย์น้องชายหญิงที่อยู่ด้านหลังของเขาหลายคนต่างก็ส่ายหัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เป็นความหมายว่าไม่ทราบเช่นเดียวกัน

“เหอะ ดูเหมือนว่าวันนี้จะกลายเป็นแขกที่น่ารังเกียจมาเยี่ยมเยียนเสียแล้ว ” ก่อนอื่นชายหนุ่มผมดำก็ได้ยิ้มขึ้นมาน้อยๆ อย่างกะทันหัน เอ่ยปากขึ้นมาแล้วจ้องมองเข้าไปทางด้านของจงหลี่ “ได้ยินมาว่าวันนี้พี่จงหลี่ได้ตระเตรียมงานเลี้ยง แม่นางซือคงก็คงจะมาร่วมด้วย ผู้น้อยอดมิได้ที่จะถึงกับมาด้วยตนเอง ยังคงทำให้พี่จงหลี่แตกตื่นไปแล้ว ”

จงหลี่ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอยู่หลายส่วนอย่างเห็นได้ชัด เขาส่งเสียงดังชิออกมา กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “ข้าว่าพี่ซือท่านในวันนี้คงมิได้มาเพื่อที่จะเป็นแขกแล้วละ เพียงแต่มาเพื่อที่จะเป็นเจ้าภาพแล้วกระมั่ง ? ”

เมื่อชายหนุ่มผมดำที่ถูกเรียกขานว่าพี่ซือได้หัวเราะฮาฮาออกมา ก็ได้ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง ปรบมือไปมา : “ช่างเสียมารยาทเกินไปแล้ว มันคงความเคยชินของข้า จนทำให้หลงลืมไปแล้วว่า สถานที่แห่งนี้มิได้เป็นพระราชวังของรัฐซือข้า ขอพี่จงหลี่อย่าได้ถือสา ”

ในระหว่างที่กล่าว ชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้เดินเข้าไปยังบริเวณที่นั่งของแขกเหรื่อ ทอสีหน้าไม่แยแสขึ้นมาเล็กน้อย

ในขณะนี้ก็ถือได้ว่าเป็นโอกาส จงหลี่กลับส่งเสียงออกมาเพื่อบอกถึงสถานะของชายหนุ่มผู้นี้ให้แก่เยี่ยจง คนผู้นี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเก้ารัฐกู่กว่อเผ่ามนุษย์ ถือได้ว่าเป็นองค์ชายอันดับที่หกของรัฐซือ รัฐซือองค์ชายหกสือซิ่ง เมิ่อครึ่งเดือนก่อน คนผู้นี้ได้มาถึงยังสถานที่แห่งนี้ คิดที่จะขอเข้าพบกับหลานสาวของซือคงจาสักครา เพื่อที่จะมาสู่ขอ แต่ว่ากลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่ยใย แต่ว่าคนผู้นี้กลับดึงดันไม่จากไป เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่พบแม่นางซือคงก็คงจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน

แม้แต่จงหลี่ก็คิดไม่ถึงว่า ไม่นึกเลยว่าสือซิ่งถึงกลับมาปรากฏอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้

“องค์ชายหกแห่งรัฐซือ ” หลังจากนั้นเยี่ยจงก็ได้ครุ่นคิด จากนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างไร้สุ้มเสียง มิได้กล่าวอันใดออกมา

“วันนี้ดูเหมือนว่า ราวกับได้ตระเตรียมงานเลี้ยงไว้เพื่อน้องชายผู้นี้แล้วกระมั่ง ? หากเป็นไปตามข่าวลือที่ข้าได้รับมา แม้แต่แม่นางซือคงเองก็ยังต้องการที่จะมาพบเจอกับเขาสักครา ไม่ทราบว่าพี่จงหลี่จะสามารถแนะนำสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าที่แท้เป็นผู้ใดกัน ผู้น้อยสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ” บริเวณฝั่งตรงข้าม สือซิ่งก็ได้ยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ทอสีหน้าสงสัยขึ้นมาอยู่หลายส่วน เขานั้นมีรูปร่างที่สูงใหญ่ ขณะนี้ราวกับไม่เห็นเยี่ยจงอยู่ในสายตาอยู่หลายส่วน

“คนผู้นี้ก็คือพี่เยี่ยเยี่ยจง หลายวันมานี้ได้ถูกท่านอาจารย์บรรพบุรุษพามารักษาตัวในสถานที่แห่งนี้ เป็นแขกผู้มีเกียรติของพวกเรา ” หลังจากที่จงหลี่ลังเล จึงได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา แนะนำออกไปคราหนึ่ง เพราะว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงปิดบังเอาไว้ไม่อยู่ ยังไงเสียทุกผู้คนต่างก็ทราบกันแล้ว

“อ๋อ ? ที่สามารถฆ่าสังหารองค์ชายสิบสามแห่งตระกูลถัง เป็นผู้ที่ไร้ผู้ต้านในสมรภูมิฮวงกู่ ฆ่าสังหารราชาปีศาจเพียงคนเดียวในดินแดนขนาดเล็กศิลาตะวันบริสุทธิ์ เมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังถึงกับสามารถที่จะสังหารยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและราชันไปนับพันคนสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ผู้นั้น ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ วีรบุรุษผู้กอบกู้ที่ยังไม่เกิดขึ้นของเผ่ามนุษย์ เยี่ยจง ? ” สือซิ่งอมยิ้มขึ้นมา เปิดเผยวีรกรรมของเยี่ยจงออกมา อีกทั้งยังบ่งบอกถึงสิ่งที่มีอยู่เยี่ยจงขณะนี้ ทอสีหน้าให้ความรู้สึกเย้ยหยันออกมา

เยี่ยจงพยักหน้าไปมา ทอสีหน้าสงบเงียบ

“ยอดเยี่ยม ! ”

ทันใดนั้นสือซิ่งก็ได้หัวเราะออกมาฮาฮาแล้วก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปทางด้านหน้า วินาทีนั้น มือแขนข้างนั้นก็ได้ทะลวงสภาวะอากาศเข้ามา มุ่งหน้าเข้าไปยังก้อนศิลาก้อนหนึ่ง

สือซิ่งผู้นี้ก็ได้แปรเปลี่ยนพลังออกมาจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ข้างหนึ่ง ขณะนี้ก็ได้ตัดผ่าสภาวะอากาศออกไป จนปกคลุมอยู่ตลอดทั้งตัวของเยี่ยจงลงมา

“เปรี้ยง ——”

แล้วก็ได้มีประกายเงาแสงหลบเลี่ยงออกไป การลงมือของจงหลี่ ก็ได้ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวต้านรับการโจมตีสายนี้ เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยโทสะ : “พี่ซือเจ้าหมายความว่ายังไง ? สถานที่แห่งนี้มิใช่รัฐซือของพวกเจ้า มิใช่สถานที่ที่ให้เจ้ามากระทำการสามหาวเช่นนี้ ”

เยี่ยจงขมวดคิ้ว เตรียมพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ เมื่อครู่เพียงพริบตาเดียว เขาก็สัมผัสได้ถึงขุมพลังแห่งรังสีสังหารกลุ่มหนึ่งได้ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ได้มุ่งเป้าหมายมายังเขา

เส้นผมของสือซิ่งนั้นก็ได้สั่นไหวไปมา ไม่สนใจแม้แต่น้อย เพียงแต่หัวเราะแล้วกล่าว : “ข้าเพียงแต่คิดที่จะขอหยิบยืมวัตถุสิ่งของสองสิ่งจากพี่เยี่ยเท่านั้น พี่จงหลี่เหตุใดถึงได้ต้องมีโทสะเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้กัน ? ”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset