เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 472 ซือคงชิงฉี

ตอนที่ 472 ซือคงชิงฉี

หญิงสาวผู้นี้มีท่วงท่าที่ส่งศักดิ์ ดูไปแล้วก็เหมือนกับว่ามีอายุเพียงแค่สิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น มีเส้นผมดกดำ ขนตาเรียวยาวสั่นไหวไปมา ผิวพรรณผุดผ่องดุจดั่งหยดน้ำค้าง โครงหน้าได้สัดส่วนที่เรียกได้ว่างดงามอย่างไร้ที่ติก็มิปาน จนทำให้ผู้คนอดที่จะถอนหายใจออกมามิได้ จิตใจอดไม่ได้ที่เต้นติดต่อกันมิได้

หญิงสาวในเวลานี้ก็ได้เงยหน้าขึ้นมา มองไปยังทางด้านหน้า นางจึงได้หัวเราะขึ้นมาเบาๆ วินาทีนั้นประดุจดั่งมีดอกไม้นับพันเบ่งบานขึ้นมาท่ามกลางหุบเขาก็มิปาน พริบตานั้นก็ได้ทำให้สีสันตลอดทั่วทั้งห้องโถงลดทอนสีสันลง

“มีท่วงท่าที่สง่าประดุจสวรรค์ ล่มเมืองสลายรัฐได้ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณลักษณ์แห่งเซียน ” ต่อให้มีนิสัยเช่นเยี่ยจง ขณะนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการตกใจขึ้นมาเบาๆ ภายในจิตใจ และจากนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

จงหลี่หันหน้ามองไปทางด้านเยี่ยจงพร้อมกับรอยยิ้มที่มีแต่เพียงบุรุษเท่านั้นที่จะเข้าใจ มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย

“ท่านนี้คาดว่าคงจะเป็นพี่เยี่ยเยี่ยจงแล้วกระมั่ง?” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา จ้องมองไปยังทางด้านของเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมาเป็นสาย ไม่ทราบว่าเป็นนับตั้งแต่เพราะเกิดมาหรืออย่างไร ถึงกับมีท่วงท่าแห่งฟ้าเช่นนี้ได้

“ผู้น้อยเยี่ยจง ขอเรียนถามนามอันสูงส่งด้วย?” เยี่ยจงยังคงอยู่ในท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยมารยาทอย่างยิ่ง

“พี่เยี่ย นี้ก็เป็นเจ้าทำตัวไม่เหมาะสมแล้วกระมั่ง?ภายในดินแดนซีฮวง มีผู้ใดกันที่ไม่ทราบว่าคุณหนูบ้านข้านั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความงดงามของดินแดนซีฮวงนามซือคงชิงฉีกัน เทียบได้กับชิงหญิง โหยวเหลียนและคนอื่นๆ ก็ได้เลยก็ว่าได้ ” จงหลี่กล่าวถากถางเยี่ยจง ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูชิงฉีนั้นเอง ต้องขออภัยในความไร้มารยาทด้วย ” เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ เขาและชิงหญิง โหยวเหลียนทั้งสองคนนั้นถือได้ว่าสนิทชิดเชื้อกันอย่างยิ่ง ขณะนี้ก็ได้กล่าวประโยคเหล่านี้ออกมา เห็นได้ชัดว่ายังคงอยู่ในอาการขวยเขินอยู่เล็กน้อยไม่เสื่อมคลาย

ซือคงชิงฉียิ้มน้อยๆ ขึ้นมา บนใบหน้าก็ได้ปรากฏมีประกายแสงลอยขึ้นมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “พี่เยี่ยก็ล้อเล่นไปแล้ว พี่ชิงหญิงและพี่โหยวเหลียนนั้นจึงจะถือได้ว่ามีลักษณะแห่งฟ้าอย่างแท้จริง ข้าจะเอาอะไรไปเทียบเปรียบได้กัน ”

“เอาเถอะ อย่าพึ่งนำความงามของผู้ใดมาเทียบกันก่อนเลย ในเมื่อในสายตาของข้า คุณหนูเจ้าถือได้ว่างดงามที่สุดแล้ว ” จงหลี่ตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน เข้าสู่ประเด็นหลัก “ตอนนี้คุณหนูก็ถูกเชิญมาแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องยุ่งยากอยู่เล็กน้อย พี่เยี่ยนั้นได้ถูกคนแซ่สือนั้นเพ่งเล็งเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังคิดที่จะเอาชีวิตเขาอีกด้วย ”

“องค์ชายหก?เพราะอะไร?” ซือคงชิงฉีขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่ารอยยิ้มนั้นก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นเจ้าความคิดขึ้นมาจนเป็นที่หวั่นไหวของผู้คนอย่างมาก น้ำเสียงนั้นเป็นไปอย่างธรรมชาติก็มิปาน เป็นที่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง

“เด็กน้อยผู้นั้นจับตามองไปที่คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันของพี่เยี่ย หมายจะช่วงชิงไป ” จงหลี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าความเคลื่อนไหวของสือซิ่งเป็นการคุกคามอย่างยิ่ง

“วัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดินย่อมทำให้ผู้คนเกิดความหวั่นไหว ต่อให้องค์ชายหกไม่ลงมือ ยังไงเสียก็ย่อมต้องมีบุคคลอื่นลงมืออยู่ดี ” ซือคงชิงฉีงงงันขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้หลั่งไหลความงดงามออกมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“เดิมทีพี่เยี่ยนั้นก็มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ติดตัว ย่อมสมควรที่จะฝึกปรือเอาไว้แต่เนิ่นๆ จึงไม่สมควรที่จะปรากฏมายังสถานที่แห่งนี้ ทว่าสถานการณ์ของพี่เยี่ยนั้นข้าถือได้ว่าเข้าใจได้อยู่หลายส่วน อีกทั้งยังเป็นท่านปู่ข้านำพาเจ้ามาด้วยตัวเอง เรื่องราวเช่นนี้ข้าสมควรที่จะไกล่เกลี่ยให้กับเจ้าจึงจะถูกต้อง ” ซือคงชิงฉีกล่าว

เยี่ยจงหัวเราะไปมา ทอสีหน้าที่มิได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายออกมา เพียงแต่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา: “ขอขอบคุณในความหวังดีของคุณหนูชิงฉี เพียงแต่ว่า ก็เป็นเฉกเช่นที่คุณหนูกล่าวมาทั้งหมดก็มิปาน คนที่หมายปองสิ่งของเหล่านี้นั้นมีอยู่มากเกินไป ข้าแน่นอนว่าย่อมต้องเสาะหาสถานที่เพื่อเร้นกายเอาไว้ น่าเสียดาย ก่อนหน้านี้ยังไม่อาจที่จะหาสถานที่ได้ แต่ว่าคุณหนูโปรดวางใจ คนที่คิดร้ายต่อข้า โดยส่วนมากต่างก็กลายเป็นเพียงเศษเนื้อสุนัข อย่างไม่มีวันหวนกลับไปได้ ”

ซือคงชิงฉีส่งเสียงหัวเราะ “ฮิฮะ” ออกมาเสียงหนึ่ง ภายในน้ำเสียงนั้นประดุจดั่งเสียงนกร้องท่ามกลางขุนเขาก็มิปาน นางส่ายหน้าแล้วกล่าว: “คิดไม่ถึงว่าถึงกับยังมีคนที่สามารถนำไปเปรียบเปรยเป็นสุนัขได้ พี่เยี่ย เจ้าก็จริงๆ เลย ”

เยี่ยจงหลังจากที่เงียบงันได้สักพัก เขาแน่นอนว่ามิได้มีความหมายเช่นนี้ เพียงแต่ว่าขณะนี้เมื่อถูกซือคงชิงฉีกล่าวออกมาเช่นนี้ ก็ยังถึงกับไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้

“คุณหนู ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร เจ้าคนแซ่สือนั้นมาก่อความวุ่นวายในที่แห่งนี้ก็เหมือนกับไม่ให้ความเคารพต่อท่านบรรพจารย์อยู่แล้ว เขานั้นหมายปองวัตถุมีค่าของพี่เยี่ยก็ยังว่ากันไปแล้ว ยังถึงกับมีความคิดที่จะหมายปองคุณหนูอีก เด็กน้อยผู้นี้สมควรที่จะถูกฟาดให้ตายคามือในฝ่ามือเดียวยิ่งนัก ” จงหลี่เกิดอาการไม่พอใจอย่างไม่ปกติ ขณะนี้มีอย่างที่ไหนที่ดูคล้ายกับผู้ที่น่าเกรงขามดั่งเช่นก่อนหน้านี้ ทำให้เยี่ยจงมองไปอย่างอดที่จะกรอกตาขาวขึ้นมามิได้

“ข้าเดิมทีนั้นไม่คิดที่จะพบหน้ากับเขาอยู่แล้ว จึงได้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ออกมา ” ซือคงชิงฉีครุ่นคิดขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้พยักหน้าไปมาแล้วกล่าวออกมา “ทว่า สถานที่แห่งนี้ยังไงเสียก็ยังเป็นสถานที่ของข้า ข้าจะให้เขาได้ลิ้มลองคำว่ายอมรับเอง ”

ทางด้านนอกของตำหนัก ก็ได้มีสวนไม้อยู่แห่งหนึ่ง สวนไม้นั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก บริเวณด้านในนั้นแต่ละแห่งถือได้ว่างดงามอย่างยิ่ง ท่ามกลางสวนไม้นั้นก็มีร่มไม้อยู่แห่งหนึ่ง ขณะนี้สือซิ่งและกลุ่มคนของเขาก็ได้นั่งอยู่ในที่แห่งนั้น

ภายในการชักนำของซือคงชิงฉี จงหลี่ เยี่ยจงและพวกก็ได้ค่อยๆ เดินเข้ามา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เป็นร่มไม้

สือซิ่งราวกับตรวจพบขึ้นมาได้ เขาลุกขึ้นมาในทันทีทันใด ชายตามองเข้าไปยังร่างของเยี่ยจง ภายในดวงจาเกิดรังสีสังหารขึ้นมา ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง

“องค์ชายหก เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?” ซือคงชิงฉีเป็นคนแรกที่เอ่ยถามออกมา บนใบหน้าของนางก็ได้สลายรอยยิ้มออกไป แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ยังคงคงท่วงท่าประดุจดั่งน้ำแข็งจากหุบเขาหิมะก็มิปาน ทำให้ผู้คนเกิดความละอายภายในใจขึ้นมา

สือซิ่งขณะนี้ก็ได้มองไปที่ซือคงชิงฉีคราหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยกมือขึ้นคารวะ กล่าวออกมาอย่างเย็นชา: “เดิมทีข้าเพียงแค่ต้องการนำคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันจากเขาเท่านั้น แต่ว่า ขณะนี้เขาถึงกับสามารถเชิญให้คุณหนูชิงฉีเจ้าเคลื่อนไหวได้ เช่นนั้นเขายิ่งต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว!”

“พี่เยี่ยเป็นแขกของท่านปู่ของข้า เจ้าทำเช่นนี้มิใช่เกินเลยไปหน่อยหรือ ” ซือคงชิงฉีขมวดคิ้วขึ้นมา นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ประดุจดั่งนางเซียนจากภาพวาดก็มิปาน

“เขาพันไม่ควร หมื่นไม่ควร ก็คือไม่ควรที่จะเดินเข้าไปใกล้ยังคุณหนูชิงฉีเจ้าจนเกินไป ควรจะทราบว่า คุณหนูชิงฉีเจ้านั้นจะต้องกลายมาเป็นฮ่องเฮาของข้า เขาถึงกับดูหมิ่นถึงเพียงนี้ ก็เหมือนกับหาที่ตายเองแล้ว!” เส้นผมของสือซิ่งทั้งศีรษะก็ได้ลอยระบำขึ้นมาเป็นสาย ชุดขุนนางที่สวมเอาไว้ก็ได้พัดไปมาตามลม ดวงตาทอเป็นประกายขึ้นมา

“สือซิ่ง ” เป็นครั้งแรกที่ซือคงชิงฉีเปลี่ยนคำเรียกขาน “นี้เป็นครั้งสุดท้าย หากว่าเจ้ายังไม่ยอมฟังคำพูดของข้าอีก ข้าจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว ”

“เจ้าจะเป็นคนรุ่นหลังของผู้อาวุโสซือคงจาที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชันแห่งยุค ภายในมีโลหิตศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ ข้านั้นเป็นถึงองค์จักรพรรดิผู้สืบทอดแห่งรัฐสือ ถูกแต่งตั้งเป็นราชทายาทเอาไว้ เจ้าข้าต่างก็เปรียบเสมือนสิ่งที่ฟ้าเกิดมาให้คู่กัน ในข้อนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องยอมรับ นั้นก็เพราะว่าแต่ละคนต่างก็ทราบกันดี และกับเจ้าสวะผู้หนึ่ง ย่อมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปมาหาสู่กับเจ้า ยิ่งไม่มีคุณสมบัติพอที่จะยืนอยู่พร้อมกับเจ้า ปล่อยให้ข้าสังหารเขาเถอะ ดีเสียกว่าจะทำให้คุณหนูชิงฉีเจ้าต้องมาแปดเปื้อนเพียงเพราะเหตุผลแค่นี้!” คำพูดของสือซิ่งนั้นเย็นเยียบอย่างยิ่ง แผ่พุ่งพลังจนถึงขีดสุด ภายในสายตาของเขา ซือคงชิงฉีถือได้ว่าเป็นสตรีของเขาไปแล้ว เยี่ยจงอาจหาญมายุ่งเกี่ยว ก็ถือได้ว่าเป็นเหมือนคนที่ตายไปแล้วผู้หนึ่ง

“สือซิ่ง เจ้าคิดจริงหรือว่าตนเองนั้นจะเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ได้อย่างงั้นหรือ?แม้แต่เจ้าก็ยังไม่เหมาะสมกับคุณหนูบ้านข้าหรอกนะ!?” จงหลี่ทอสีหน้าดำคล้ำ ครุ่นคิดแล้วส่งเสียงดังเฮอะด่าทอออกมา

“หากมิใช่เห็นแก่เจ้าที่เป็นศิษย์พี่ของคุณหนูชิงฉี ขณะนี้เจ้าคงต้องตายไปแล้ว ” สือซิ่งกวาดสายตาเข้ามายังจงหลี่อย่างเย็นเยียบ เย่อหยิ่งอย่างไร้ที่เปรียบ

“พอแล้ว!สือซิ่ง สถานที่แห่งนี้จะไม่ยินดีต้อนรับเจ้าอีกต่อไป ขอเชิญเจ้าจากไปเถอะ ” สีหน้าของซือคงชิงฉีก็ได้เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้นมา “หากว่าเจ้ายังไม่ทราบในความหวังดี ก็อย่าได้โทษว่าพวกข้านั้นไม่เห็นแก่หน้าของรัฐสือก็แล้วกัน ”

“เขาที่ถือได้ว่าเป็นเผ่ามนุษย์ กลับไม่เคารพรัฐกู่กวอ ขณะนี้ในเมื่อข้ายังอยู่ แน่นอนว่าจะต้องชิงคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันมาไว้ในมือให้จงได้ นั้นก็เพราะว่าสิ่งนี้ถือได้ว่าความหวังสูงสุดของเผ่ามนุษย์ของพวกเรา ข้าที่เป็นถึงจักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์ในวันข้างหน้า ขณะนี้เมื่อสิ่งของทั้งสองสิ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้าแล้ว เช่นนั้นนี้ก็คือลิขิตของสวรรค์ เป็นความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์ ดังนั้นสิ่งของทั้งสองสิ่งจะต้องตกมาอยู่ในมือข้าอย่างแน่นอน!และเจ้า ก็จะต้องกลายมาของของข้า อย่าได้ขัดขืนไป นี้ถือได้ว่าเป็นวาสนาแล้ว!” สือซิ่งไร้ซึ่งความหวาดกลัว ไม่ยอมถอยไปแม้แต่น้อย

“ลิขิตสวรรค์ เป็นวาสนาอย่างงั้นหรือ?สือซิ่ง ดูเหมือนว่าข้าจะดูแคลนเจ้าไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เจ้านั้นมีชื่อเสียงเกรียงไกรภายในรัฐสือ นั้นก็เพราะว่าที่ตายไปนั้นต่างก็เพราะถูกคำพูดเจ้าทับถมจนตายไปนั้นเอง ” ความงดงามอันไร้ที่ติบนใบหน้าของซือคงชิงฉีเป็นครั้งแรกที่ปรากฏโทสะขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าสือซิ่งเรียกได้ว่ากระทำจนเกินไปแล้ว

“มีอยู่หลายเรื่อง ที่ไม่อาจพึ่งพาแต่วาจาได้ สือซิ่งข้าเกิดมาเป็นองค์ชาย วันข้างหน้ารัฐสือเองก็จะตกอยู่ในมือของข้า และเมื่อได้รับสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้ ข้าก็เพียงพอที่จะหยิบยืมหนึ่งในพลังแห่งเก้ารัฐใหญ่โบราณแห่งเผ่ามนุษย์ กลายเป็นมหาจักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ นี้จึงถือได้ว่าเป็นความยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ ผู้ใดคิดที่จะต่อต้าน ก็มิใช่เผ่ามนุษย์ แต่เป็นกบฏ!” สือซิ่งถือคำขาดออกมา เส้นผมบนศีรษะก็ได้ลอยระบำไปมาเป็นสาย ภายในดวงตาก็ได้สาดประกายคมกล้าออกมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่า เขามิได้กล่าวออกมาโดยไม่คิด เพียงแต่เป็นสิ่งที่คิดเอาไว้เช่นนี้อยู่แล้ว

“เจ้าเมื่อไม่เกรงกลัวที่จะถูกพายุใหญ่กลืนกินเข้าไปแล้วละก็ นับแต่โบราณมา ที่สุดแห่งเผ่ามนุษย์ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นที่เชิดชูของประชาราษฎร์ กับเจ้าที่เป็นดั่งแหล่งรวมของความเกลียดชังอย่างงั้นหรือ คิดหมายที่จะเป็นสุดยอดแห่งเผ่ามนุษย์งั้นหรือ?” จงหลี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาติดต่อกัน

“เชิดชูของประชาราษฎร์งั้นหรือ?ระหว่างสิ่งใดที่เป็นการเชิดชูที่แท้จริงจากประชาราษฎร์กัน ยังมี ต่างก็เป็นเพราะเพียงถูกนับพาโดยการกดขี่อย่างแน่นอน!แม้แต่ข้าขณะนี้ที่ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ไร้ผู้ต้านรุ่นเยาว์แห่งดินแดนซีฮวง จึงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์อย่างแท้จริง ข้าสือซิ่งจึงเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ที่ยังไม่เกิดขึ้นแห่งเผ่ามนุษย์!” ภายในดวงตาของสือซิ่งก็ได้ทอประกายความเย็นแผ่พุ่งออกมา ประดุจดั่งมองคนที่ตายแล้วก็มิปาน มองดูจงหลี่ที่เอ่ยปากกล่าวขณะนี้ “หากว่าไม่สบอารมณ์แล้วละก็ เจ้าก็จงรีบลงมือ ข้าจะใช้เพียงสามกระบวนท่าก็จะฟาดเจ้าให้กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อได้แล้ว เจ้าสามารถที่จะมาลองดูได้ ”

เมื่อคำพูดกล่าวมาจนถึงขั้นนี้ เยี่ยจงย่อมทราบได้ ว่าพลังใจของสือซิ่งนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด ต่อให้ขณะนี้ตนเองมิได้ถือครองคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ มิได้สายทางแห่งดวงตะวัน แต่ว่าในสถานะที่ตนเองเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ วีรบุรุษผู้กอบกู้ที่ยังไม่เกิดขึ้นแห่งเผ่ามนุษย์ที่เปล่งประกายจากทั้งสองสิ่งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้องค์ชายหกของรัฐสือผู้นี้ลงมือแล้ว

นั้นก็เพราะว่า คนผู้นี้นั้นมีทิฐิที่เหนือล้ำ คิดที่จะกลายเป็นที่สุดแห่งเผ่ามนุษย์ที่แท้จริง ใช้เพียงฝ่ามือเดียวในการควบคุมเผ่าพันธุ์เอาไว้ เพื่อทำให้กลายเป็นที่สุดแห่งเก้ารัฐใหญ่โบราณ

หากมองในความหมายเช่นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ สือซิ่งนั้นถือได้ว่ามีปณิธานที่ยาวไกล ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ และนั้นก็เพราะว่าในข้อนี้ เขาจึงอดที่จะยอมรับการคงอยู่ของเยี่ยจงเอาไว้มิได้

เพราะว่า การคงอยู่ของเยี่ยจง นั้นถือได้ว่าเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็น สุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ วีรบุรุษผู้กอบกู้ที่ยังไม่เกิดขึ้นแห่งเผ่ามนุษย์ คือเยี่ยจง กลับมิใช่เขา

และนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเหตุผลที่เหมาะสมพอที่จะลงมือออกไปได้แล้ว

สือซิ่งจ้องมองไปที่จงหลี่ ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏรังสีฆ่าฟันออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาก้าวออกไปทีละก้าว คิดหมายที่จะเด็ดชีวิตของจงหลี่มา ด้วยพลังสภาวะของเขาเอง ที่เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายที่ไร้ผู้ที่จะเทียบเคียงได้

จงหลี่ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง คิดหมายจะลงมือ แต่ว่าก็ยังคงอดกลั้นเอาไว้ นั้นก็เพราะว่าเขาไม่อาจที่จะกระทำการอุอาจได้ ทราบว่าสือซิ่งมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสังหารตนเองได้

“เหอะเหอะ——”

สือซิ่งหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ไม่มองไปที่จงหลี่อีก เพียงแต่หันกายไป จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงในขณะนี้ กล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบ: “วาจาไร้สาระก็จบแต่เพียงเท่านี้ เจ้าเข้ามารับความตายเสียเถอะ ”

“คิดที่จะลงมือกับร่างศักดิ์สิทธิ์ของไท่กู่เผ่ามนุษย์ เจ้าไม่เกรงกลัวจะกลายเป็นปรปักษ์กับเผ่ามนุษย์ทั้งหมดอย่างงั้นหรือ?” จงหลี่อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

“ข้าไม่สังหารเขา ข้าจึงจะกลายเป็นทรราชที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์สิ ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่อะไรกัน?สุดยอดรุ่นเยาว์อะไรกัน?จัดการฆ่าทิ้งซะ เผ่ามนุษย์ก็จะหลงเหลือเอาไว้แต่เพียงสือซิ่งข้าแต่เพียงผู้เดียว ที่จะสามารถปกครองหมื่นเผ่าพันธุ์ในโลกหล้าได้!” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างไร้ที่เปรียบ ปะทุรังสีฆ่าสังหารออกมา

ซือคงชิงฉีขมวดคิ้วขึ้นมา ก้าวขึ้นไปทางด้านหน้า ขวางรั้งสือซิ่งเอาไว้ ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset