เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 473 โอหังยิ่งกว่า

ตอนที่ 473 โอหังยิ่งกว่า

สือซิ่งย่างก้าวไปทางด้านหน้า แผ่พุ่งพลังรังสีกลิ่นอายไร้ผู้เทียบเคียงชนิดหนึ่งกดดันผู้คนออกมา เขาจ้องมองไปที่ซือคงชิงฉีอย่างเย็นชา กล่าว : “คุณหนูชิงฉีเจ้าน่าจะเข้าใจดี ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพราะมีเป้าหมายที่จะมาเพื่อสู่ขอคุณหนูเจ้า เจ้าถูกตัดสินให้เป็นมเหสีของข้า ข้าย่อมไม่ลงมือต่อเจ้า ทว่าถ้าหากเจ้ายังต้องการที่จะปกป้องเขา ก็อย่าได้โทษว่าข้าเลยนะ

“คุณหนูบ้านข้าจะแต่งให้กับคนเช่นเจ้าได้อย่างไรกัน?” จงหลี่หัวเราอย่างเย็นชาขึ้นมา กล่าวออกมาถึงสิ่งที่ทุกผู้คนต่างก็คิดขึ้นภายในใจ

หลังจากที่เงียบงัน ศิษย์น้องชายหญิงไม่น้อยของซือคงชิงฉีก็ได้พยักหน้าขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ละคนก็ได้ทอสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา นั้นก็เพราะว่า สือซิ่งผู้นี้ถือได้ว่าเกินเยียวยาแล้วจริงๆ

“หากมิใช่ข้าแล้ว ยังสามารถเป็นผู้ใดได้อีกกัน? ระหว่างดินแดนยังมีผู้ใดกันที่จะสามารถเหมาะสมกับคุณหนูชิงฉีกัน?” สือซิ่งมองไปทั้งสี่ด้าน ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างไร้ที่เปรียบ “วันข้างหน้าข้าขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ คุณหนูก็จะเป็นฮ่องเฮา หากว่าคุณหนูรู้สึกโดดเดี่ยว ข้าจะนำพาชิงหญิง โหยวเหลียนและพวกเชิญมาเป็นสนมให้”

“เด็กน้อยผู้นี้บ้าจนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ เขาถึงกับคิดที่จะวาดร่างแหใส่สี่นางงามแห่งดินแดนซีฮวงให้ได้หรืออย่างไรกัน? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นคนที่โอหังเช่นนี้มาก่อน” จงหลี่ร้องไห้ไม่ออกหัวเราะมิได้ เอ่ยปากออกมาอย่างหดหู่

“ข้าเคยพบมาก่อน จื่อจุนเทียนยังโอหังมากกว่านี้อีก แต่ว่า ต่อให้เป็นจื่อจุนเทียน ก็ยังใช้วิธีที่เป็นมีหลักการวิธีอย่างมีชั้นเชิง แต่กลับมิได้มีความเชื่อมั่นอย่างเช่นเขาเช่นนี้อย่างแน่นอน” เยี่ยจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“เจ้ายกตนวิจารณ์องค์ชายข้า แม้จะเป็นเพียงแค่เล็กน้อย เจ้าก็สมควรตายแล้ว!” สือซิ่งภายในดวงตาก็ได้ปรากฏรังสีจิตสำนึกแห่งการฆ่าฟันขึ้นมา พริบตานั้นเอง ตลอดทั่วทั้งร่างกายบนล่างของเขาก็ได้มีรังสีฆ่าฟันพวยพุ่งออกมา จากนั้นก็ได้ฟาดฝ่ามือออกมาในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าตะปบเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

“เปรี้ยง——”

ซือคงชิงฉียื่นนิ้วมือที่ประดุจดั่งหยกขาวเนื้อดีขยับเบาๆ พวยพุ่งดอกบัวเจ็ดสีดอกหนึ่งออกไป ต้านทานการโจมตีที่เป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ของสือซิ่งเอาไว้ วินาทีนั้น ก็ได้สลายพลังสภาวะความน่าหวาดกลัวหายไปท่ามกลางสถานที่แห่งนี้

“ข้าเพียงแต่ต้องการที่จะฆ่าจะสวะที่ไม่เคารพรัฐกู่กวอผู้นี้เท่านั้น คุณหนูชิงฉีเจ้าเพียงเพื่อบุคคลภายนอกถึงกับลงมือต่อข้างั้นหรือ? เช่นนี้คุ้มค่าอย่างงั้นหรือ?” สือซิ่งทอดวงตาประดุจคมดาบ เขาจ้องมองไปที่ซือคงชิงฉี ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถที่จะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้อย่างงั้นหรือ สามารถที่จะกลายเป็นที่สุดแห่งเผ่ามนุษย์นับแต่โบราณได้อย่างงั้นหรือ เช่นนั้นก็ยอดมาก หากว่าเจ้าสามารถที่จะประชันต่อสู้กับเยี่ยจง อีกทั้งยังสู้จนได้ชัย ข้าจะยินยอมเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้าตามที่เจ้าต้องการ นับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่สนใจเรื่องราวของเจ้าและเยี่ยจงอีกต่อไป” ซือคงชิงฉีทอประกายแววตาสาดเป็นประกายประดุจดาวตกพวยพุ่งแสงสว่างออกมา จากนั้นก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทอสีหน้าสดชื่นขึ้นมา

“ย่อมได้ ทว่าช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ขอบเขตของเขาย่ำแย่จนเกินไป มิมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้ด้วยพลังเช่นเดียวกับข้าได้!” สือซิ่งหัวเราะออกมาเสียงเย็นชาเสียงหนึ่ง จ้องมองไปที่เยี่ยจง ทอสีหน้าไม่แยแสอย่างถึงที่สุดออกมา

“ท่านปู่ได้ทิ้งค่ายกลใหญ่ไว้ให้ในขณะนี้ สามารถที่จะทำให้พลังฝีมือของเจ้าเข้าไปจนถึงขั้นก่อฟ้าขอบเขตลมปราณความสำเร็จใหญ่ได้” ซือคงชิงฉีกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ราวกับเรื่องที่คิดจะกล่าวออกมาถือเป็นเรื่องที่ปกติอย่างยิ่ง

“ทั้งสี่แดนต่างก็ทราบ เยี่ยจงถือได้เป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ ถูกเรียกขานว่าวีรบุรุษผู้กอบกู้ที่ยังไม่เกิดขึ้น หากเจ้าไม่ยอมรับเรื่องเช่นนี้ เช่นนั้นในวันนี้ก็จะเปิดเผยความสามารถให้เจ้าเห็นก็แล้วกัน หากว่าเจ้าสามารถที่จะสู้ในศึกระดับพลังเดียวกันกับเยี่ยจง พร้อมทั้งยังจัดการลงได้ เช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนยอมรับเจ้า สุดยอดรุ่นเยาว์ วีรบุรุษผู้กอบกู้ สิ่งเหล่านี้มิใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อเรียกขานตนเอง แต่เป็นผู้อื่นมอบให้ต่างหาก” ซือคงชิงฉีทอสีหน้าเรียบเฉย “ชิงชัยในระดับเดียวกัน ดูว่าผู้ใดจะเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ที่แท้จริง เจ้ากล้าหรือไม่?”

“เหอะเหอะ——” สือซิ่งส่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา ทอสีหน้าไม่แยแสออกมา “ข้าที่เป็นถึงองค์ชายรัฐสือ องค์จักรพรรดิแห่งรัฐสือในอนาคต ข้าจำเป็นที่ต้องให้คนนอกยอมรับด้วยงั้นหรือ อีกทั้งค่าเองก็ไม่เคยฟังการบงการของผู้อื่นมาก่อนมิใช่หรือ? อย่าว่านะเจ้าจะกลายเป็นมเหสีของค่าในวันข้างหน้า ข้าต้องการจะสังหารผู้ใด ผู้นั้นก็ต้องตาย ถ้าต้องการให้ผู้ใดดับสูญ คนผู้นั้นก็ต้องดับสูญ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!”

หลังจากที่สิ้นเสียง สือซิ่งก็ได้ก้าวมาด้านหน้า เส้นผมลอยระบำไปมาเป็นสาย ไปพร้อมกับชุดอันสูงศักดิ์ ในขณะนี้เอง ท่วงท่าของเขาประดุจดั่งมารร้ายเยาว์วัยก็มิปานเข่นฆ่าไปทั่วสี่ทิศ จนทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว

เยี่ยจงจ้องมองไปที่เขาอย่างเยียบเย็น บนร่างกายก็ได้ทอประกายแสงสีทองไหลเวียนไปมา แม้ว่าเขาในขณะนี้จะอยู่ในอาการหนักแน่นที่สุดก็ตาม ทว่าก็มิได้เกิดแรงกดดันที่มาจากสือซิ่งแต่อย่างไร เห็นได้ชัดว่า สือซิ่งต้องการที่จะลงมือแล้วละก็ แน่นอนว่าเขายังต้องสนองตามอย่างไม่ต้องสงสัย

“ถ้าหากว่า ข้าในตอนนี้สามารถที่จะสังหารเจ้าได้แล้วละก็ เจ้าย่อมต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าเข้าใจหรือไม่?” สือซิ่งจ้องมองเยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“มีคนมากมายที่เคยกล่าววาจาเฉกเช่นนี้ต่อข้ามาก่อน น่าเสียดายที่พวกเขาต่างก็ได้ตายตกกันไปหมดแล้ว ข้ากลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม” เยี่ยจงทอสีหน้าสงบอย่างถึงที่สุด เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพียงแต่สงบนิ่งกล่าวออกมาถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมา

“ฮาฮาฮา——พี่เยี่ย ข้าเข้าใจแล้ว องค์ชายหกของพวกเราทราบว่า หากว่าเจ้าและเขามีพลังในระดับเดียวกันแล้วละก็ คงจะไม่อาจที่จะทำเรื่องราวเช่นเจ้าเหล่านั้นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต่อสู้ในระดับเดียวกันกับเจ้าอย่างแน่นอน เป็นที่ชัดแจ้งว่าเขานั้นหวาดกลัวเจ้า เป็นถึงราชทายาทแห่งรัฐสือหากว่ายังต้องมากลัวโดยที่ยังไม่ลองทำแล้วละก็ เกรงว่าเก้ารัฐใหญ่โบราณแห่งเผ่ามนุษย์ คงจะกลายเป็นแปดรัฐใหญ่โบราณแล้ว” จงหลี่หัวเราะฮาฮาออกมา ทอสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ข้าจะฆ่าเขา ประดุจเชือดสุกรสุนัข ใยฟ้าจะต้องลดสถานะของตัวเองไปอยู่เช่นเดียวกันกับเขากัน?” สือซิ่งมิได้เป็นไปตามคาด มิได้ถูกยั่วยุจนเกิดโทสะ เพียงแต่กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา เพียงแต่มองไปทางเยี่ยจงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารที่ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ

“อย่าได้ปากแข็งไป ในใจเจ้านั้นเกิดความหวาดกลัว ทราบว่ามีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามเคยถูกเยี่ยจงสังหารมาก่อน อย่างเจ้าหรือจะหาญกล้าพอที่จะเปิดศึกกับเยี่ยจงในระดับเดียวกันได้? ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ สุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ วีรบุรุษผู้กอบกู้แห่งเผ่ามนุษย์ที่ยังไม่เกิดขึ้น รัศมีเปล่งประกายเช่นนี้เมื่อเทียบกับคนผู้หนึ่งที่ไม่มีแม้แต่ความหาญกล้าพอนั้นเรียกได้ว่าแตกต่างจนยากที่จะเทียบเปรียบได้ ต่อให้เจ้าในวันนี้มีโอกาสที่จะลงมือจริง เข่นฆ่าสังหารเยี่ยจงลงได้ ทว่าเจ้าก็ยังเป็นเพียงแค่บุคคลจำพวกขลาดเขลาแห่งเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้น ไม่อาจที่จะกลายเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ไปได้ตลอดกาลอยู่แล้ว ” จงหลี่กล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบอย่างยิ่ง

“การกระทำของข้าสือซิ่ง จำเป็นที่จะต้องให้คนภายนอกกล่าวมากความด้วยงั้นหรือ ข้าบัดนี้ก็เพียงแค่ต้องการชีวิตของเขา คนนอกมาวิจารณ์ข้าทำอันใดกัน?” จงหลี่ยังคงทอสีหน้าเย็นเยียบ เขาก้าวออกมาหนึ่งก้าว ตลอดทั่วทั้งผู้คนก็ได้พุ่งเข้าสังหารออกไป มุ่งหน้าจู่โจมสังหารเข้าไปบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

“เคร้งเคร้งเคร้ง——”

เยี่ยจงได้ตระเตรียมลงมืออยู่แล้ว ทว่าซือคงชิงฉีก็ได้ยื่นมือที่ประดุจดั่งหยกเข้ามาอย่างช้าๆ แล้วก็ได้พบกลัวดอกไม้ที่มีลักษณะงดงามปรากฏขึ้นมาเป็นสาย ดอกไม้นั้นประดุจดั่งอาวุธมีคมก็มิปาน มุ่งหน้าบินเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้าออกไป ต้านทานเส้นทางของสือซิ่งเอาไว้

“กร๊อบ——”

สือซิ่งตัดสินใจที่จะถอยหลังออกครึ่งก้าว พวยพุ่งคมหมัดออกไปบริเวณทางด้านหน้า ประดุจดั่งคมหมัดศิลาเคลื่อนไหวไปมาภายในพื้นที่ว่าง จนทำให้ดอกไม้ทั้งหมดนี้กลายเป็นเพียงฝุ่นผง เลือนหายไปท่ามกลางระหว่างฟ้าดิน

“มีข้าอยู่ ย่อมไม่ให้เจ้าได้ลงมือทำอันใดต่อแขกผู้มีเกียรติของข้าอย่างได้อย่างแน่นอน” ซือคงชิงฉีสงบนิ่งยืนอยู่บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ทอสีหน้าเรียบเย็น ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกแตกตื่นขึ้นมาได้ นั้นก็เพราะว่าถือได้ว่าอยู่ในระดับพลังฝีมือเทียบเท่ากับสือซิ่ง ทว่าซือคงชิงฉีถึงกับสามารถที่จะสลายพลังการโจมตีได้อย่างง่ายดายได้ นั้นก็เพียงพอที่จะบอกได้ถึงว่าพลังฝีมือแต่เดิมของนางนั้นไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด

“เจ้าหยุดข้าได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ทว่าเจ้าย่อมจะหยุดข้าไปได้ตลอดงั้นหรือ? หากว่าข้าลงมือออกไปอย่างไม่สนใจ ต่อให้เป็นคุณหนูชิงฉีเจ้าก็ใช่ว่าจะหยุดยั้งได้” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง ภายในดวงตาก็ได้ทอประกายรังสีสังหารออกมา เห็นได้ชัดว่า ซือคงชิงฉีถึงกับลงมือเพื่อเยี่ยจง เรื่องเช่นนี้ได้ทำให้เขาเกิดเพลิงโทสะขึ้นมา

บริเวณทางด้านหลัง เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมาอย่างเย็นชา กวาดสายตามองไปเข้ายังทางด้านของสือซิ่งคราหนึ่งแล้วกล่าว : “ตนเองคิดว่าเป็นยอดฝีมือไร้ผู้จบแดนอย่างงั้นหรือ คิดจริงหรือว่าตนเองจะเป็นราชาแห่งมวลมนุษย์ได้งั้นหรือ? เจ้าหากว่าคิดไว้เช่นนั้นจริงแล้วละก็ ไปยังหุบเขาหมื่นปีศาจสังหารเก้ามหาราชันปีศาจให้หมดก่อน เพื่อให้ข้าดูว่าเจ้านั้นมีพลังความเข้มแข็งร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ ”

“ในวันข้างหน้าข้าย่อมทำได้อย่างแน่นอน” สือซิ่งจ้องไปที่เขา ภายในดวงตาต่างก็มีรังสีสังหาร

“เรื่องราวในวันข้างหน้า? เช่นนั้นข้าก็บอกได้เหมือนกันว่า วันข้างหากว่าเจ้ามีโอกาสขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ ในวันที่เจ้าขึ้นครองราชย์ ข้าจะไปฆ่าสังหารเจ้าถึงที่เอง!” เยี่ยจงยิ้มแล้วร้องชิออกมา

“เจ้าถือได้ว่ามีความมั่นใจในตัวเองมากเลยทีเดียว ราวกับไม่อาจที่จะยอมรับได้อย่างงั้น? หรือว่าเจ้าจะเกิดความกลัว คิดที่จะยั่วยุโทสะข้าอย่างงั้นหรือ?” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมายิ่งกว่าเดิม

“ที่ข้ากล่าวออกไปมีแต่ความจริงเท่านั้น วันนี้ต้องการที่จะลงมือ ก็ลงมือเถอะ ข้ายังต้องเกรงกลัวเจ้าด้วยอย่างงั้นหรือ? ยอดฝีมือระดับราชันข้าก็สังหารมาไม่รู้กี่คนแล้ว” เยี่ยจงแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ “ต่อสู้ในระดับเดียวกันอย่างงั้นหรือ? ข้าว่าช่างมันเถอะ หากพลั้งเผลอฟาดเจ้าลอยกระเด็นออกไปเพียงฝ่ามือเดียว ข้าเกรงว่าเจ้าจะร่ำไห้กลับไปฟ้องพระราชบิดา กล่าวหาว่าข้าเยี่ยจงนั้นรังแกเจ้า!”

“เยี่ยจง เป็นเพียงแค่มุสิกที่ไม่ทราบว่าผุดออกมาจากสถานที่ใด เจ้าถึงถึงกับหาญกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับข้าเลยงั้นหรือ!” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง

“ข้าใช้เวลาฝึกปรือมาเพียงแค่สามปีเท่านั้น ยังแค่เพียงแตกต่างจากระดับขอบเขตจากเจ้าเพียงน้อยนิด แต่หากพึ่งพาความสามารถ แน่นอนว่าเจ้าย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว ทว่าต้องการเทียบพลังฝีมือ ใช่ว่าข้าจะด้อยไปกว่าเจ้า! เจ้าที่ฝึกฝนเข้าสู่เส้นทางมาหลายปี แน่นอนว่าย่อมสามารถที่จะวางท่าทีสูงส่งได้สักหน่อยอยู่แล้ว ทว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง ในสายตาของข้าเจ้ามิได้มีท่าทางแห่งลักษณะของผู้ที่ไร้ผู้ต้านแต่อย่างไร เจ้ายังห่างไกลอีกมากนัก!” เยี่ยจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

ผู้คนท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดต่างก็ตกใจขึ้นมา แต่ละต่างก็ละสายตามามองไปทางด้านของเยี่ยจงราวกับพบเจอภูตผีก็มิปาน เด็กน้อยเบื้องหน้าผู้นี้ เพียงแค่ใช้เวลาฝึกปรือเพียงสามปีเท่านั้น ถึงกับประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้ กระทำเรื่องราวที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินมากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งบนร่างกายยังถือได้ว่าเปล่งประกายมากมายถึงเพียงนี้ บุคคลเฉกเช่นนี้ มองอย่างง่ายดายเรียกได้ว่าช่างไร้ขีดจำกัดเสียจริง หากว่ายังเติบโตขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทราบได้ว่าเข้านั้นจะมีความสำเร็จถึงขั้นใดกันแน่

และสือซิ่ง ซึ่งถือได้ว่าคาบช้อนทองเติบใหญ่ขึ้นมา ฝึกปรือมาเกือบจะยี่สิบปีอยู่แล้ว บุคคลเฉกเช่นนี้ยังแสร้งมาทำเป็นวางก้ามต่อผู้ที่มีพลังฝีมือในการฝึกฝนเพียงแค่สามปี แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าได้เลยทีเดียว

“กล่าววาจาไร้สาระมากมายถึงเพียงนี้ เจ้าคงมิใช่หวาดกลัวไปแล้วหรอกมั่ง คิดที่จะยั่วยุโทสะข้าเพื่อที่จะลดระดับพลังในการต่อสู้กับเจ้าอย่างงั้นหรือ” สือซิ่งหัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน “แต่ว่าข้าก็ยังต้องการที่จะกดขี่ขอบเขตของเจ้าเอาไว้ เจ้าสามารถที่จะทำอะไรข้าได้กัน?”

“คนที่มีความสามารถจะไม่เจียมตัวและไร้ซึ่งความหวาดกลัวเช่นนี้หรือ กระบวนท่านี้ข้าคงต้องเรียนรู้ให้มากเสียหน่อยแล้ว” เยี่ยจงส่ายหน้า จากนั้นก็ได้หันกายไป มุ่งหน้าก้าวเดินออกไปยังพื้นที่ว่าง ในระหว่างที่เดินก็ได้เปลี่ยนเป็นโบกมือขึ้นมาแล้วกล่าว “คุณหนูชิงฉีเจ้าช่วยข้าต้านทานเขาไว้สักครึ่งชั่วยาม ให้ข้าวางค่ายกลสังหารสักครู่ หลังจากที่จัดวางเสร็จแล้ว ข้าจะค่อยๆ เล่นกับเขาอย่างช้าๆ เอง”

“ชิ——”

ในขณะนี้เอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็สูดลมหายใจเข้าออกด้วยอาการแตกตื่น ค่ายกลสังหารไร้อนันต์ของเยี่ยจงนั้นถือได้ว่าอยู่ห่างไกลจากไกลมากนัก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดที่พอจะทราบได้ว่าระดับผู้ฝึกยันต์ของเขาแท้จริงแล้วอยู่ในระดับใดกันแน่ ถึงกับสามารถจัดตั้งค่ายกลสังหารอะไรนั้นได้ ทว่าประสบการณ์ในการต่อสู้ของเข้านั้นย่อมต้องมีเป้าหมาย เข่นฆ่าสังหารชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สามไปห้าคน เข่นฆ่าสังหารชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สองไปเกือบยี่สิบคน ในเวลาเดียวกันก็ได้ฆ่าสังหารยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน

ไปเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ค่ายกลเช่นนี้ ทุกผู้คนต่างก็ทราบกันดี การจัดตั้งนั้นถือได้ว่าเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง ทว่าขณะนี้เมื่อได้ยินว่าเขาจะตั้งค่ายกล แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง

และผู้ติดตามที่อยู่ทางด้านหลังของสือซิ่งต่างก็เกิดอาการหน้าเปลี่ยนสีไปนับไม่ถ้วน พวกเขาทราบดีถึงพลังทำลายของค่ายกลใหญ่นั้นของเยี่ยจงเป็นอย่างดี ต่อให้ในสายตาของพวกเขาจะเห็นว่าสือซิ่งเป็นผู้ที่ไร้ผู้ต้านแต่หากว่าตกเข้าไปภายในค่ายกลแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงไม่อาจที่จะรอดพ้นจากความตายได้

“ฮาฮาฮา พี่เยี่ยถ้าหากมีความคิดดีๆ ยันต์ปราณในครั้งนี้ก็ถือซะว่าข้าจ่ายให้ก็แล้วกัน เจ้าไม่ต้องเกรงใจไป!” จงหลี่หัวเราะฮาฮาออกมายกใหญ่ กล่าวออกมาจากทางด้านข้าง

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset