เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 474 ลงมือ

ตอนที่ 474 ลงมือ

“ตั้งค่ายกลสังหาร? ช่างเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เลยจริงๆ เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้คงมิใช่คิดที่จะทำให้เข้าต่อสู้ในระดับพลังเช่นเดียวกับเจ้าหรอกกระมั่ง?” สือซิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา “ความจริงแล้วข้าเองก็ตื่นเต้นอย่างมาก สังหารเจ้าได้ในระดับพลังเช่นเดียวกัน เมื่อถูกเล่าขานออกไปช่างน่าฟังยิ่งนัก เพียงแต่ว่าข้านั้นไม่ชื่นชอบถูกผู้คนคอยบ่งการก็เท่านั้น หากข้าสือซิ่งยินยอม ต่อให้อยู่ในระดับเดียวกันก็สามารถที่จะเชือดเจ้าเช่นสุนัขได้!”

“อย่าเลย ต่อสู้ในระดับเดียวกันจะมีความหมายอะไร ยังคงให้ข้าตั้งค่ายกลสังหารเถอะ มาลองดูกันว่าที่แท้พลังฝีมือของเจ้า หรือว่าจะเป็นค่ายกลสังหารของข้าแข็งแกร่งกว่ากัน ” เยี่ยจงส่ายหน้า “ระดับราชันข้าก็ฆ่ามาก็มากแล้ว มีแต่ก็เฉพาะระดับองค์ชายที่เพียงฆ่าไปเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น วันนี้ก็คงต้องฝืนใจสักหน่อยแล้วละ ถือว่าใช้เจ้ามาลับดาบก็แล้วกัน ”

คำพูดเช่นนี้ได้ทำให้สือซิ่งหรี่นัยน์ตาเล็กลง ค่ายกลสังหารของเยี่ยจงสามารถที่จะเข่นฆ่าสังหารชนชั้นราชันระดับพลังเทวะขั้นที่สามได้ ในข้อนี้ต่อให้เป็นเขาก็ยังต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา หากว่าปล่อยให้เยี่ยจงจัดตั้งได้แล้วละก็ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่หาญกล้าพอที่จะเข้าไปยังภายในค่ายกล ในขณะที่งงงันขึ้นมา สือซิ่งก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาเป็นสายอย่างกะทันหัน : “เจ้าเกรงว่าจะพ่ายแพ้ต่อการต่อสู้ในระดับพลังเดียวกันกับข้าอย่างงั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต่างจากได้พ่ายแพ้ให้กับข้าไปแล้ว?”

“องค์ชายหก ท่านไยต้องลดตัวไปปะทะคารมกับเจ้าสวะที่ไม่เคารพรัฐกู่กว่อด้วยกัน อย่าได้พึงลดสถานะตนเองเช่นนี้ ยังคงให้ข้าลงมือเถอะ ” ทางด้านหลังของสือซิ่งก็ได้มีคนผู้หนึ่งสาดสายตาขึ้นมา เอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา “หากว่าเขาไม่ยอมรับ ก็ให้ข้าจัดการเขาเสีย องค์ชายหกเจ้าเป็นประดุจดั่งมรกตที่ล้ำค่า เหตุใดไยต้องนำไปปะทะกับก้อนกรวดด้วย ”

“คนของเจ้าเช่นนี้ก็ไม่ไหว มาคนหนึ่งข้าก็ฟาดตายคนหนึ่ง ” เยี่ยจงจดจ้องมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่แยแสแม้แต่น้อย นั้นก็เพราะว่าคนผู้นี้เรียกได้ว่ามิได้มีพลังฝีมือถึงระดับขั้นราชันเสียด้วยซ้ำ เยี่ยจงจึงสามารถที่จะฟาดให้ตายคามือได้อย่างจริงแท้แน่นอน

คนเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นหมู่ลูกขุนนางของรัฐสือขององค์ชายหกนั้น ต่างก็ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับชนชั้นผู้โดดเด่นได้ เขามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏประกายเย็นเยียบขึ้นมา จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาเสียงเย็นชา : “ยอดมาก เช่นนั้นท่านเยี่ยจง ในวันนี้ข้าคงต้องทราบให้ได้แล้วว่า เจ้าจะสามารถฟาดข้าตายภายในฝ่ามือเดียวได้หรือไม่กัน ”

“ตูม——”

คนผู้นี้ก็ได้ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ร่างกายก็ได้เข้าปะทะออกไปภายในพริบตา ฟาดฝ่ามือมุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณหน้าอกของเยี่ยจง

“ผัวะ——”

เยี่ยจงพลิกฝ่ามือตบกลับไปคราหนึ่ง ประจวบเหมาะเจาะกระทบลงบนใบหน้าของเขา จนเกิดเสียงดังฉาดดังก้องขึ้นมา แล้วผู้ติดตามนั้นก็ได้ลอยกระเด็นออกไป กระอักโลหิตออกมาคำโต ในช่วงที่กระแทกชนกับพื้น ใบหน้าก็ได้บวมเป่งคล้ายกับหัวสุกรตัวหนึ่ง

ผู้คนทั้งหมดต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมายกใหญ่ คนผู้นี้ถือได้ว่าอยู่ในระดับพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณสูงสุดแล้วก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งกับเยี่ยจงแล้วซึ่งห่างชั้นกันเพียงแค่หนึ่งขั้นหนึ่งนั้น ในเวลาเดียวกันเหล่าบุตรขุนนางของรัฐสือ ที่ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดีจนเติบใหญ่ขึ้นมา ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าบุคคลเฉกเช่นนี้เมื่อลงมือ ถึงกับแม้แต่การเผชิญหน้ากันก็ยังทำมิได้ จนทำให้ผู้คนเกิดอาการตกใจขึ้นมา พวกเขาถือได้ว่าทราบกันแล้วว่า เหตุใดเยี่ยจงถึงได้มีพลังเข้มแข็งถึงขั้นนี้ได้ นั้นก็เพราะว่า เดิมทีแล้วเขาก็มีพลังสภาวะที่แข็งแกร่งอย่างมากอยู่แล้ว จัดได้ว่าอยู่ในระดับไร้ผู้ต้านก็ว่าได้

“ซวบ——”

เยี่ยจงพวยพุ่งพลังดัชนีออกไป ก็ได้มีพลังคมกระบี่สายหนึ่งพวยพุ่งออกมา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณหน้าอกของผู้ติดตามที่ล้มลงอยู่ พลังปราณกระบี่สายนี้เสียบทะลุออกไป เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวไร้สองรองใด

“อ็อก——”

ในครั้งนี้ พลังคมกระบี่สายนี้เมื่อได้กวาดเข้าไป ร่างกายนั้นเองก็ได้ลอยกระเด็นออกไป สภาวะตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้เกิดเสียงกร๊อบกร๊อบจากกระดูกดังขึ้นมา จากนั้นก็ได้ล้มลงกับพื้นจนกระอักโลหิตออกมาคำโตหลายครั้ง แทบจะไม่อาจมีลมหายใจออกมาได้

“คนของรัฐสือต่างก็ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์กันทางสายโลหิต เห็นๆ อยู่ว่ามิได้มีความสามารถอันใด กลับกล่าววาจาโอ้อวดไม่หยุดหย่อนอีก ขณะนี้หากว่าไม่เห็นแก่หน้าของคุณหนูชิงฉี ไม่คิดที่จะให้สถานที่แห่งนี้แปดเปื้อนโลหิตแล้วละก็ เจ้าคงจะตายไปแล้ว ” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา ยกมือไพล่หลัง อยู่ในท่วงท่าเย้ยหยันอย่างถูกที่สุด

ระหว่างนั้นก็ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้วยโทสะ กลืนกินโอสถปราณลงไปอยู่หลายชิ้น ร่างกายก็ได้เกิดเสียงดังกร๊อบกร๊อบขึ้นมาทั่วร่าง ฟื้นคืนพลังภายในพริบตา ในเวลาเดียวกันก็เพิ่มพลังสภาวะขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุด เขาทอดวงตาแดงฉาน ในขณะนี้ก็ได้มองเข้าไปที่เยี่ยจงอย่างบ้าคลั่งอยู่หลายส่วน หมายที่จะพุ่งเข้าสังหารอีกครั้ง : “ข้าจะสับสวะอย่างเจ้า!”

“เจ้าหาที่ตายเอง อย่าได้โทษว่าข้าก็แล้วกัน ” เยี่ยจงส่ายหน้า ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง เมื่อครู่เขาถือได้ว่าลงมือยั้งไมตรีเอาไว้แล้ว ขณะนี้คนผู้นี้กลับไม่ทราบถึงความหวังดีแล้วละก็ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าเขาเลยก็แล้วกัน

“เปรี้ยง——”

ในครั้งนี้ ผู้ติดตามผู้นั้นก็ได้เข้าไปยังเบื้องหน้าภายในพริบตา เยี่ยจงก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ไหลเวียนพลังปราณสมุทรกระแทกเข้าไปยังบริเวณจุดตันเถียน

แล้วก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมา ผู้ติดตามผู้นั้นก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาเป็นสาย ลมปราณจุดตันเถียนก็ได้แตกสลายภายในพริบตา ตลอดทั่วทั้งคนลอยกระเด็นออกไป กระแทกพุ่งเข้าชนศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ตลอดทั่วทั้งคนเรียกได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแทบทั้งสิ้น จนเกือบที่จะวิงเวียนสลบตายไป

“เจ้า……เจ้า……เจ้าถึงกับทำข้าพิการ! อา——”

เขาราวกับเกิดความเจ็บปวดจนแทบจะบ้าคลั่งขึ้นมา ทว่าเรื่องอีกอย่างหนึ่ง นั้นกลับยิ่งทวีทำให้เขาเจ็บปวดจนร่ำร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดจนถึงภายในจิตใจ ก็คือเยี่ยจงถึงกับลงมือสะบัดเส้นลมปราณของเขาจนพิกลพิการไป จนเปลี่ยนเขากลายเป็นคนพิการผู้หนึ่ง? เรื่องเช่นนี้เมื่อเทียบกับการถูกฆ่ายังถือได้ว่ายากที่จะทานรับได้เสียยิ่งกว่า

“ตูม——”

สือซิ่งกวาดมือขวาออกไปคราหนึ่ง ชักนำผู้ติดตามผู้นั้นออกมาจากภายในก้อนศิลานั้นช่วยออกมา ดีดนิ้วนำโอสถปราณชิ้นหนึ่งพุ่งเข้าไปยังภายในปาก หลังจากที่เคลื่อนไหวเช่นนี้เสร็จแล้ว เขาจึงค่อยหันหน้ากลับมา จ้องมองไปยังทางด้านเยี่ยจงอย่างเยียบเย็น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ : “เจ้ายอดมาก ถึงกับอยู่ต่อหน้าข้า จัดการผู้ติดตามข้าจนพิการได้ เจ้าแน่นอนว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทำให้ข้าอดไม่ได้ที่จะไม่ลงมือออกมาได้ หากว่าข้าสังหารเจ้าในระดับพลังเช่นเดียวกัน ก็ถือได้ว่าเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่าข้านั้นเป็นสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งรุ่นของเผ่ามนุษย์แล้ว!”

เมื่อกล่าวจนถึงตรงนี้ เขาก็ได้มองไปที่ซือคงชิงฉีคราหนึ่ง หัวเราะแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน : “คุณหนูชิงฉี ในเมื่อเจ้าคิดที่จะให้ข้าประชันศึกกับเขาในระดับพลังเดียวกัน เช่นนั้นข้าก็จะปะทะกับเขาเอง ยังคงขอให้คุณหนูโปรดลงมือ ผนึกพลังของข้าเอาไว้ หลังจากที่ข้าได้ชัยชนะแล้ว จะได้ไม่มีผู้ใดไม่ยินยอมในชัยชนะของข้า ”

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือที่จะต่อสู้กับเยี่ยจงในระดับพลังเดียวกัน? ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ติดตามของเจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือ เจ้าไม่เกรงกลัวเลยอย่างงั้นหรือ?” จงหลี่กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มออกมา

“ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ ถูกเรียกขานว่าเป็นร่างเทวะที่กดดันเทพ ข้าเองก็ต้องการที่จะทราบว่าจะมีความแข็งแกร่งในขั้นใดกันแน่ แม้ว่าว่าจะสามารถพบเห็นได้ในสภาวะอยู่แล้ว ทว่าไม่ลงมือกันสักครา ย่อมต้องมีคนไม่ยอมรับ ” สือซิ่งกล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ ต่อให้มาจนถึงขั้นนี้ เขาก็ยังไม่ยอมรับว่าเยี่ยจงนั้นแข็งแกร่ง

“หากกลัวก็กล่าวออกมาตรงๆ มีข้ออ้างจากไหนมากถึงเพียงนี้กัน ” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเย้ยหยันอย่างมาก “ช่างเถอะ เช่นนั้นข้าก็ปะทะกับเจ้าในพลังระดับเดียวกันก็แล้วกัน ดีเสียกว่าจะให้ข้าจัดตั้งค่ายกลมา จนทำให้เจ้าตกใจจนร่ำไห้ออกมามันคงจะดูไม่ดี ”

“ในเมื่อเจ้าร้องขอถึงเพียงนี้ ข้าย่อมสนองให้เจ้าอย่างเต็มที่เอง!” ในขณะที่ซือคงชิงฉีจ้องมองไปที่สือซิ่ง จากนั้นนางก็ได้โบกมือขึ้นคราหนึ่ง แล้วก็ได้พบว่าท่ามกลางอากาศปรากฏประกายแสงสายรุ้งพุ่งขึ้นมาจากฟากฟ้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน ค่อยๆ ที่จะปกคลุมเข้าไปยังบนร่างกายของสือซิ่ง

กลิ่นอายแห่งราชาบนร่างกายสือซิ่งก็ได้ลดทอนลงไปหลายส่วนในขณะนี้ หลังจากนั้นก็ได้ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ฝ่ามือของตนเอง กล่าวออกมาเส้นเย็นชา : “นี้ก็คือขอบเขตของพลังแต่เดิมที่อ่อนโทรมกว่าเล็กน้อยของข้าอย่างงั้นหรือ แต่ว่าก็ช่างมันเถอะ ฆ่าสังหารเยี่ยจงเจ้าได้ ก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้ว!”

“ตูม——”

เมื่อสิ้นเสียง สือซิ่งก้าวออกไปหนึ่งก้าว ตลอดทั่วทั้งร่างกายของคนก็ได้แผ่พุ่งพลังมารอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาชนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่าระดับขอบเขตเขาจะต่ำลง ทว่าก็ยังคงทำให้ผู้คนสัมผัสได้จนต้องเหม่อมองออกมาได้ชนิดหนึ่ง เขาจ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงเช่นนี้ กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “สังหารร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่ในระดับพลังเดียวกัน ช่วงชิงคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ สายทางแห่งดวงตะวัน เพื่อเป็นรากฐานความรุ่งโรจน์ของเผ่ามนุษย์ยาวนานนับหมื่นปี ทำให้ข้ากลายเป็นที่สุดแห่งแผ่นดินนับแต่โบราณมา จะเริ่มต้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ”

เยี่ยจงลูบไปที่คาง กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “อัจฉริยะ、ผู้โดดเด่นก็สังหารไปมากแล้ว องค์ชายแห่งรัฐรัฐหนึ่งก็เคยสังหารมาก่อน ช่างมิได้มีความรู้สึกสดใหม่เลยจริงๆ !”

ทั้งสองถึงแม้ว่าจะประชันอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าเมื่อเทียบกันดูแล้ว สือซิ่งยังถือได้ว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาที่ในวันข้างหน้าถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่สามารถปกครองไปทั้งแดนด้วยเส้นทางแห่งพลังยุทธ์ได้ ทว่าเยี่ยจงกลับทำให้เขาเหมือนกับคนที่พ่ายแพ้ไปแล้วก็มิปาน

“แท้จริงแล้วจะเป็นความเย่อหยิ่งหรือความสูงส่ง เพียงแต่น่าเสียดาย ความเย่อหยิ่งของเจ้าความสูงส่งของเจ้า ทั้งหมดนั้นก็จะจบลงแต่เพียงแค่วันนี้เท่านั้น ชีวิตของเจ้าในขณะนี้ถือได้ว่ามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ” เส้นผมสีดำของสือซิ่งลอยพลิ้วไหวไปมา ภายในดวงตาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งขึ้นมา “วันนี้ข้าจะใช้โลหิตของเจ้า ใช้ร่างเนื้อของเจ้ามาเพื่อเซ่นไหว ข้าก็อยากจะดูหน่อยว่า พลังกายาทองไม่สูญสลายจะสามารถมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน!”

เยี่ยจงไม่กล่าวอันใด ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง ทว่ากลับมิได้เกิดความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย

“เด็กน้อยผู้นี้ เหตุใดเมื่อดูไปแล้วเหมือนกับคนบ้าผู้หนึ่ง ทว่าความบ้าคลั่งนี้ถึงกับมีความน่าหวาดกลัวได้ถึงขั้นนี้เชียว ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ยิ่งนัก!” จงหลี่เหม่อมองไปยังฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา สือซิ่งถือได้ว่าอยู่เหนือความคาดหมาย ไม่ธรรดามาอย่างถึงที่สุด

ซือคงชิงฉีพยักหน้าตอบรับ เอ่ยเสียงแผ่วเบากล่าว : “ในหมู่องค์ชายมากมายแห่งรัฐสือองค์ชายหกถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังตามคำเล่าขาน กล่าวกันว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน องค์ชายใหญ่แห่งรัฐสือก็ยังต้องพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของเขา เขาก็ได้เริ่มต้นนับจากวันนั้น เขาก็ได้กลายเป็นผู้ที่ถูกเลือกของทางจักรพรรดิ คนผู้นี้นั้นถือได้ว่ามีสถานะที่สูงล้ำ ต่อให้เป็นองค์ชายรัฐกู่กวออีกแปดรัฐใหญ่ ก็น้อยนักที่จะยินยอมเผชิญหน้ากับเขา ”

จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา เสียงแผ่วเบากล่าว : “เขาคงมิได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้จริงหรอกกระมั่ง? พี่เยี่ยจงสามารถที่จะฝึกปรือพลังกายาทองไม่สูญสลายได้ ถือได้ว่าเป็นผู้ไร้พ่ายในระดับเดียวกัน สมควรที่จะไม่พ่ายแพ้หรอกกระมั่ง?”

“ตลอดทุกอย่างนั้นยากที่กล่าวออกมาได้ กายาทองไม่สูญสลายมิได้เป็นทุกสิ่ง บอกไม่ได้ถึงพลังการต่อสู้ พลังฝีมือของสือซิ่งนั้นน่าหวาดกลัว จนวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบได้กระจ่าง ว่าที่แท้แล้วเขาได้สืบทอดสิ่งของระดับตำนานของรัฐสือมามากมายแค่ไหน หากเขาลงมือด้วยพลังทั้งหมด ผลแพ้ชนะคงยากที่จะคาดเดา ” ซือคงชิงฉีถอนหายใจออกมา “เผ่ามนุษย์แห่งเก้ารัฐใหญ่โบราณ นับแต่โบราณกาลมาเรียกได้ว่าประดุจดั่งสิ่งที่ไม่อาจสูญสลาย เพียงแค่นี้ก็สามารถที่บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของเก้ารัฐใหญ่โบราณได้แล้ว! สือซิ่งย่อมทราบอย่างดีอยู่แล้วว่าเยี่ยจงนั้นต้องใช้ออกมาด้วยกายาทองไม่สูญสลายยังคงในการต่อสู้ เขาเดิมทีแล้วก็มีความเชื่อมั่นในตนเองอยู่แล้ว เพียงแค่นี้ก็บอกได้ว่าเขานั้นย่อมต้องมีพลังฝีมืออยู่!”

“หวังว่าพี่เยี่ยจงจะจัดการเขาได้นะ กับผู้เย่อหยิ่งเช่นเขา!” จงหลี่ส่งเสียงร้องชิออกมาเบาๆ รู้สึกไม่สบอารมณ์สือซิ่งเป็นอย่างยิ่ง

“ดูเถอะ ยังไม่ทันถึงตอนสุดท้าย การต่อสู้นี้ย่อมไม่อาจที่จะมีคนที่คาดเดาผลลัพธ์ได้อยู่แล้ว ” ซือคงชิงฉีถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา

บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ขณะนี้ยอดฝีมือทั้งหมดก็ได้ถอยหลบออกไป นั้นก็เพราะว่าเพื่อที่จะทิ้งพื้นที่ให้กว้างพอสำหรับการปะทะของอัจฉริยะเผ่ามนุษย์ทั้งสองคน ขณะนี้ ตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้สงบลงอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันก็ได้มีผู้คนไม่น้อยปรากฏตัวขึ้นมายังสถานที่ห่างไกล มองเข้ามาทางด้านนี้

เห็นได้ชัดว่า การต่อสู้นี้จะต้องแผ่ขยายกลายเป็นวงกว้าง ผู้คนไม่น้อยต่างก็ต้องการที่จะทราบว่า การต่อสู้เช่นนี้ เรียกได้ว่ยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ออกมาได้!

“ครืน——”

บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ สือซิ่งชิงลงมือออกมาก่อน เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ท่าร่างหลบเลี่ยงห้าธาตุอันพิสดารอย่างไร้ที่เปรียบ ก็ได้ทำให้ร่างกายของเขาอยู่ในระดับความเร็วประดุจดั่งแสงก็มิปานปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง ในเวลาเดียวกันก็ได้พวยพุ่งคมหมัดออกไปบริเวณทางด้านหน้า จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาท่ามกลางอากาศ

“ผัวะ——”

ฝ่ามือสีทองของเยี่ยจงก็ได้ฟาดออกไป เท้าก้าวออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดประกายแสงสีทองออกมาจากฝ่ามือ พุ่งเข้าไปยังคมหมัดที่อยู่ทางด้านหน้าของสือซิ่ง

“ตูม——”

เสียงที่ดังออกมาประดุจดั่งสายฟ้าคำรามกึกก้องก็มิปาน วินาทีนั้นในขณะนี้ก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นบนยอดเขา สีทองและสีดำทมิฬพัวพันกันจนเกิดพลังความบ้าคลั่งปะทุขึ้นมาในขณะนี้ ประดุจดั่งสายน้ำที่เชี่ยวกราก มุ่งหน้าแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านออกไป

“ผัวะผัวะผัวะ——”

บริเวณทางด้านบนพื้นดิน ก็ได้เกิดรอยแตกแผ่กระจายออกมา รอยแตกร้าวนั้นประดุจดั่งงูยักษ์อันน่าหวาดกลัวก็มิปาน

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset