เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 479 สภาพการณ์สองแบบ

ตอนที่ 479 สภาพการณ์สองแบบ

“ตราผนึกนภา ! ”

เยี่ยจงทอสีหน้าเคร่งเครียด พลิกทั้งสองมือแปรเปลี่ยนรอยตราไปในทันที มือหนึ่งชี้ขึ้นฟ้า มือหนึ่งชี้ลงพสุธา ดูไปแล้วลี้ลับอย่างไร้ที่เปรียบ ระหว่างนั้นใจกลางฝ่ามือของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนรอยตราไปอีกครา วินาทีนั้น พลังความรุนแรงของตราผนึกนภาพสุธาสายหนึ่งก็ได้แผ่ขยายออกไปในขณะนี้

เงาอาวุธมีคมทั้งหมดในขณะนี้ก็ได้ผนึกรวมเข้าด้วยกันท่ามกลางอากาศ จากนั้นก็ได้แตกกระจายไปในทันที จนกลายเป็นเพียงประกายแสงสีทองสายหนึ่ง แล้วก็ได้หายสาบสูญไปในทันทีท่ามกลางอากาศ

ระหว่างฟ้าดิน ในแต่ละบริเวณก็ได้ทอแสงขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าประกายแสงสีทองนั้นได้หลั่งไหลประดุจดั่งสายฝนสาดเทลงมา จากนั้นก็ได้กระทบลงตกลงบนพื้นอยู่เช่นนี้

“หนึ่งในสิบแห่งวิชามนต์ตราเทพโบราณสูงสุด ตราผนึกนภา ! ” ซือคงชิงฉีถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าแปลกใจ ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ทั้งสองคนนี้ พลังฝีมือต่างก็ถือได้ว่าแทบจะแยกกันไม่ออก อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นพลังฝีมือเยี่ยงด่างก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนแตกตื่นตกใจขึ้นมาอย่างอดที่จะถอนหายใจออกมามิได้ ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดความอิจฉาขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ได้

ในส่วนของยอดฝีมือคนอื่นๆ รวมไปจนถึงจงหลี่ด้วย ต่างก็เกิดความอึดอัดอยู่ชนิดหนึ่งขึ้นภายในจิตใจ หากว่าบุคคลทั้งสองคนนี้ หากว่าต้องมาเผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้าแล้วละก็ ดุจดั่งเช่นศึกนี้ของพวกเขา ? อีกแล้วหากต่อกรกันด้วยพลังในระดับเฉกเช่นเดียวกันกับพวกเขาแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องถูกฆ่าสังหารไปในพริบตาอย่างไม่ต้องสงสัย ?

“ซวบ——”

ท่ามกลางอากาศ ร่างกายสือซิ่งก็ได้หายไปภายในพริบตา เข้าสู่ความมิติความว่างเปล่า นี้ก็คือท่าร่างหลบเลี่ยงห้าธาตุ ที่สามารถใช้การหลบหลีกท่ามกลางสภาวะอากาศ ขณะนี้เขาก็ได้ถูกเขาใช้ออกมาแล้ว ผู้คนท่ามกลางสนามไม่มีผู้ใดที่พอจะสามารถตรวจพบความเคลื่อนไหวได้

เยี่ยจงยืนอยู่ท่ามกลางอากาศ ตราผนึกนภาก็ได้รวมกันอยู่เหนือศีรษะ พลังกดดันของบรรยากาศจากตราผนึกนภาก็ได้แผ่กระจายออกมาจากตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาออกไป กวาดออกไปทั่วทุกมุม ระหว่างนั้นก็ได้ตระเตรียมใช้เพื่อที่จะจู่โจมไปที่สือซิ่งประดุจสายฟ้า เพราะว่าเยี่ยจงนั้นต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดี เมื่อครู่ตนเองนั้นไม่อาจที่จะฆ่าสังหารคู่ต่อสู้ได้ เพียงแต่ว่าเขานั้นถูกสลายกระบวนท่าสังหารไปก็เท่านั้นเอง

คนอื่นๆ แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าแปลกใจ จากนั้นก็ได้ทอดสายตาไปยังท่ามกลางอากาศเพื่อที่จะเสาะหาไม่หยุด

“สือซิ่งนั้นพึ่งจะถูกพี่เยี่ยจงทุบตีถึงขนาดนั้น ตอนนี้กลับสามารถที่จะใช้ตราผนึกนภาของเขาเพื่อที่จะสลายสภาวะของคุกสมบัติราชวงศ์ไปได้ในทันที เกรงว่าร่างกายคงจะได้รับบาดเจ็บหนักแล้วกระมั่ง ? ตอนนี้เด็กน้อยผู้นี้คงจะไม่ใช่คิดจะหลบหนีไปหรอกนะ ? ” จงหลี่ร้องชิออกมาคำหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างเย็นชา เขานั้นเรียกได้ว่าไม่ชมชอบสือซิ่งอย่างถึงที่สุด ย่อมคิดหวังที่จะให้เขาพ่ายแพ้จนไม่อาจแม้แต่หลบหนีไปได้

ส่วนยอดฝีมือคนอื่นๆ นั้นต่างก็เงียบงัน แต่ละคนต่างก็เกิดความหวาดหวั่นไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะเหล่าผู้ติดตามองค์ชายหกหลายคนกลุ่มนั้น ขณะนี้ต่างก็ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เพราะว่าหากว่าสือซิ่งนั้นพ่ายแพ้จากไปจริงแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเขาคงจะต้องเสียหน้าอย่างถึงที่สุดแน่นอน

ทั้งยัง ตราผนึกนภาที่เหนือศีรษะของเยี่ยจงขณะนี้ก็ได้แผ่พลังอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาอยู่ชนิดหนึ่งอย่างถึงที่สุดออกมา จนทำให้เป็นที่แตกตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์มากมายต่างก็สัมผัสความรู้สึกเช่นนั้นได้อย่างแจ่มแจ้ง หากว่าเปลี่ยนเป็นพวกเขา เกรงว่าแม้แต่เพียงแค่พลังจากบรรยากาศก็ยังไม่อาจที่จะทานรับไว้ได้ !

สุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ วีรบุรุษผู้กอบกู้แห่งเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นฉายานามใดฉายานามหนึ่งต่างก็ไม่อาจที่จะถูกเรียกขานออกมาอย่างง่ายดายได้อย่างแน่นอน ควรทราบว่า มีแต่เพียงแค่การเรียกขานนามที่ผิดแผกไปได้ แต่กลับไม่อาจที่จะเรียกฉายานามผิดแผกไปได้อย่างแน่นอน

เยี่ยจงราวกับว่าอยู่ในสภาวะไร้ผู้ต้านทานก็มิปาน อีกทั้งยังสามารถที่จะได้รับฉายานามที่สะท้านฟ้าเช่นนี้ได้ พลังฝีมือที่แต่เดิมมีอยู่ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกความสามารถของเขาได้แล้ว

“องค์ชายหก เจ้าในที่สุดก็ไม่ไหวแล้วอย่างงั้นหรือ ? เป็นถึงรัชทายาทแห่งรัฐสือ ก็ทำได้เพียงแค่นี้เองอย่างนั้นหรือ ตำแหน่งรัชทายาทแห่งรัฐสือหากว่าต้องตกอยู่ในมือสวะอย่างเจ้าเช่นนี้จริง เกรงว่าเก้ารัฐใหญ่โบราณเผ่ามนุษย์คงจะต้องกลายเป็นแปดรัฐแล้วละ ” เยี่ยจงใช้มือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมา

เสียงดังชิอย่างเย็นชาได้ดังออกมาอย่างหนักแน่นเป็นสาย เงาร่างของสือซิ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศอีกครั้ง เขานั้นนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางพื้นที่ว่าง ตลอดทั่วทั้งร่างกายบนล่างก็ได้พัวพันเอาไว้ด้วยบรรยากาศอันมืดมิดอยู่เป็นสาย ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้เกิดเสียงดังเปรี้ยงปังขึ้นมา เดิมทีร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ได้ฟื้นคืนพลังกลับคืนมาได้ภายในพริบตา

“ตูม——”

ในขณะนี้เอง พลังบรรยากาศแห่งมหาราชันสายหนึ่งก็ได้พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ในบริเวณรอบกายของสือซิ่ง ราวกับว่าเป็นมังกรศิลากำลังนั่งสมาธิผนึกพลังอยู่ก็มิปาน เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ภายในดวงตาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบรรยากาศชนิดหนึ่ง ขณะนี้เขาก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงเช่นนี้ แล้วจึงค่อยยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้นมาเสียงเย็นชา กล่าว : “ข้าองค์ชายจะพ่ายแล้วหนีงั้นหรือ ? ช่างเป็นเรื่องน่าขบขันยิ่งนัก ทั้งหมดทั้งมวลนั้นยังไม่ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นได้เสียด้วยซ้ำไป ! ”

ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ทั้งหมดต่างก็กลอกตาไปมาอย่างตระหนกตกใจ อดไม่ได้ที่จะเหม่อมองไปที่สือซิ่งด้วยความแตกตื่น ทั้งสองฝ่ายเมื่อครู่ยังสู้กันถึงขั้นนั้น แต่ว่าขณะนี้สือซิ่งประดุจดั่งมิได้รับบาดเจ็บก็มิปาน ถึงกับฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้ ฉากนี้ได้ทำให้ผู้คนหวาดผวาขึ้นมา

“เจ้าก้อนหินนี้ก็ร้ายกาจเกินไปหน่อยไปแล้วมั่ง ? เมื่อถูกพี่เยี่ยจงทุบตีสาหัสถึงเพียงนั้น แต่ว่าตอนนี้ถึงกับฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ ? ” จงหลี่หายใจไปมาด้วยความตกใจ บนใบหน้าก็ได้แสดงอาการแปลกประหลาดออกมา

“องค์ชายหกรัฐข้าถือได้ว่าเป็นที่หนึ่งแห่งฟ้าดิน ไร้ผู้ต้านในแดนดิน เป็นที่สุดแห่งเผ่ามนุษย์ อย่าว่าแต่เผ่ามนุษย์อื่นใด หรือต่อให้เป็นในหมู่ของสิ่งมีชีวิตในเผ่าพันธุ์อื่นก็ตาม จะมีผู้ใดต้านทานได้กัน ! ? ” เหล่าผู้ติดตามขององค์ชายหกต่างก็เอ่ยปากหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเย่อหยิ่งและมั่นใจอย่างยิ่งออกมา เพราะว่าการแสดงออกมาของสือซิ่งในขณะนี้ ได้ทำให้พวกเขานั้นยิ่งมีความมั่นใจขึ้นมาได้อย่างถึงที่สุด

“เขาที่ได้ฝึกปรือวิชากายาไม่ดับสูญแห่งรัฐสือมา ในส่วนของความแข็งแกร่ง ถือได้ว่าอยู่ห่างไกลจากความคาดคิดเอาไว้ได้ หากว่าสามารถที่จะเติบโตขึ้นมาได้ ย่อมต้องกลายเป็นความหวังในวันข้างหน้าได้ สามารถที่จะกลายเป็นสุดยอดแห่งเผ่ามนุษย์ก็ว่าได้ ! ” ซือคงชิงฉีทอสีหน้าแปลกใจ จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาเสียงทุ้มต่ำ นางที่มีใบหน้าประดุจนางเซียนบนสรวงสวรรค์ ก็ได้มีความเคร่งเครียดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า การแสดงออกของสือซิ่งนั้นถือได้ว่าอยู่เหนือความคาดหมายของนางไปมากแล้ว

ท่ามกลางอากาศ สือซิ่งที่กำลังกอดอกอยู่ ขณะนี้อาการบาดเจ็บของเขาก็ได้ฟื้นฟูกลับคืนมา มิได้หลงเหลืออาการบาดเจ็บแม้แต่น้อยปรากฏออกมา เขาผู้ซึ่งสามารถที่จะเผชิญหน้ากับเยี่ยจงได้เช่นนี้ ตลอดทั้งร่างก็ได้มีกลิ่นอายของราชาแผ่กระจายปรากฏขึ้นมา ก่อเกิดกลายเป็นเงาร่างของมังกรศิลา ไหลเวียนเป็นรังสีอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาอย่างดุดัน แผ่กระจายรังสีสังหารออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง

“คุกสมบัติราชวงศ์ ! ถือได้ว่าเป็นหนึ่งแผ่นดิน ! ”

เขากล่าวออกมาอย่างช้าๆ ทีละคำ ถึงแม้ว่าจะดูไปแล้วแผ่วเบาอย่างยิ่ง แต่ว่าก็เพียงพอที่จะทำให้ได้ยินไปทั่วทั้งดินแดนขนาดเล็กผืนนี้ได้ ทุกผู้คนต่างก็สามารถที่จะได้ยินได้ฟังอย่างชัดเจน

“บรึม——”

ในระหว่างที่เสียงของเขาได้ทอดลงมานั้นเอง ในครั้งนี้ก็ได้พบกับ ประตูศิลาเก่าแก่บานหนึ่งปราฏขึ้นมาทางด้านหลังของสือซิ่งตอนนี้ ประตูศิลานั้นมีขนาดใหญ่ประดุจเขาลูกหนึ่งก็มิปาน มันทว่าก็ได้ค่อยๆ ที่จะแง้มเปิดออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่องว่างสายหนึ่งที่เกิดขึ้นมาดูไปแล้วแฝงเอาไว้ด้วยลึกล้ำอย่างหนึ่งก็มิปาน ลึกซึ้งจนยากที่จะสัมผัสได้

“สวบสวบสวบ——”

ศาสตราวุธแต่ละสายก็ได้พวยพุ่งออกมาจากภายในช่องว่างนี้ แผ่ปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งผืนฟ้า ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีรังสีสังหารพุ่งขึ้นมายังท้องฟ้า ราวกับมีอาวุธของยอดฝีมือนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาก็มิปาน ในขณะนี้เอง ก็ได้มีรังสีสังหารปกคลุมออกไปทั่วทั้งผืนฟ้า

ขณะนี้ก็ได้มีประกายแสงจากอาวุธเหล่านี้ออกมา อีกทั้งยังดูไปแล้วแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ราวกับเพิ่มด้วยวัตถุบางอย่างเอาไว้ก็มิปาน พวกมันก็ได้ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าในสภาวะเช่นนี้ อาวุธทุกด้ามทุกชิ้นก็ได้ทอเป็นประกาย ต่างก็เพิ่มขึ้นมาด้วยพลังในการสังหารขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ปรากฏขึ้นมาอย่างถี่ยิบ มีทั้งอาวุธที่รู้จักฉายานามและไม่รู้จักฉายานามรวมตัวกันเอาไว้ขึ้นมา ทะยานขึ้นไปยังบริเวณฟากฟ้า ในขณะนี้เอง ก็ได้สาดประกายแสงคมกล้าขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ทะยานฆ่าสังหารออกมา !

คุกสมบัติราชวงศ์ ! นี้จึงเป็นคุกสมบัติราชวงศ์ที่แท้จริง

ในครั้งนี้ สือซิ่งถึงกับใช้ออกมาด้วยการคงอยู่ในระดับตำนาน ประดุจดั่งคุกสมบัติเก่าแก่โบราณทอดเงาออกมาอย่างไม่น่าที่จะปรากฏขึ้นมาก่อน ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย เขาจะสามารถที่จะฝ่าฟันคุกสมบัติที่อยู่เบื้องหน้าได้หรือไม่ อีกทั้งยังต้องการที่ดูว่าคุกสมบัติที่เป็นดั่งตำนานนี้เป็นเช่นไรด้วยสายตาของตนเอง และขณะนี้ อาวุธทุกๆ ด้ามก็ได้ดูดกลืนประกายแสงสังหารเบื้องหน้าสายตาเข้าไป สาดทอเป็นประกายแสบดวงตา ทำให้เป็นที่น่าแตกตื่นไปจนถึงภายในจิตวิญญาณ !

เมื่อได้ทอดตามองเข้าไป ขณะนี้สมบัติปราณแต่ละชนิด ต่างก็ได้เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน กลายเป็นดั่งเครื่องจักรสังหาร ที่ทำให้ผู้คนเกิดความแตกตื่นเมื่อต้องต่อสู้

“เยี่ยจง เจ้าน่าจะทราบ ท่านมหาราชันในตำนานผู้นั้น แท้จริงแล้วก็คือบรรพบุรุษรัฐสือข้าเอง ตระกูลของพวกเรา ตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะเป็นที่สุดของเผ่ามนุษย์ และเจ้า ก็เป็นได้เพียงแค่แท่นรองเท้าของข้าเท่านั้น หากยอมมาอยู่ภายใต้อาณัติข้า ด้วยโลหิตของเจ้า มาเพื่อที่จะเป็นตำนานที่ไม่สูญสลายแห่งข้า ! ”

ในครั้งนี้ สือซิ่งก็ได้ทะยานขึ้นสู่ฟ้า เส้นผมตลอดทั่วทั้งศีรษะก็ได้ลอยพริวไหวอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาเมื่อเทียบกับคุกสมบัติทางด้านหลัง ถือได้ว่ามีขนาดที่เล็กเป็นอย่างมาก แต่ว่าในครั้งนี้ เขาค่อยๆ ที่จะมองขึ้นไปทางด้านบนที่สูงลิบ ประดุจดั่งมหาราชันตนหนึ่งลงมาจุติสู่แดนดินก็มิปาน

บริเวณเหนือศีรษะเยี่ยจงก็ได้ปรากฏตราผนึกนภาขึ้นมา ต่อให้ขณะนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับประกายแห่งการสังหารนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังเกิดรังสีสังหารหนาวเย็นเข้าไปจนถึงขั่วกระดูก แต่ว่าเขากลับมิได้เกิดความหวาดกลัวแม้แต่น้อย จากนั้นก็ได้ทอสีเรียบเฉยจ้องมองไปทางด้านสือซิ่งที่อยู่ทางด้านหลัง หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้วกล่าว : “ช่างไม่รู้จักเจียมกะลาหัวตัวเอง คนละต่างก็ทราบกันอยู่แล้ว ว่ามหาราชันในตำนานแห่งเผ่ามนุษย์ผู้นั้นเป็นบรรพบุรุษที่สูงศักดิ์ เจ้ากลับนำเอามาดุจดั่งทองโบกไว้ที่ใบหน้า ช่างไม่รู้จักยางอายเอาเสียเลย คนอย่างเจ้านี้ก็นะ มาคนหนึ่ง ก็ต้องถูกข้าฟาดจนตายคนหนึ่ง เมื่อครู่ข้ายังกดดันทุบตีเจ้าเอาไว้ได้อยู่ ตอนนี้ก็ยังย่อมที่จะสามารถกดดันทุบตีเจ้าได้เช่นเดียวกัน ! ”

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ภายในคำพูดของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเองอย่างถึงที่สุด ขณะนี้ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศเฉกเช่นเดียวกันกับสือซิ่ง แต่ว่าเขาก็ยังมองสือซิ่งอย่างต่ำต้อยก็มิปาน บนร่างกายก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งสภาวะที่สูงส่งอย่างยิ่ง

ทั้งสองคนได้เข้าเผชิญหน้ากัน การถูกมองดูเช่นนี้ ภายในดวงตาต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายรังสีสังหารแผ่กระจายออกมาอย่างเย็นชาและเยียบเย็น ในขณะนี้เอง ผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะกล่าวออกมาได้ชัดเจน ทว่าในขณะนี้ผู้ใดจะได้รับชัยชนะ แต่ว่าหากมองในสภาวะที่ไม่เหมือนกัน คนทั้งสองนี้ต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเองเป็นอย่างยิ่ง

ท่ามกลางอากาศ บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้มีสมบัติปราณอยู่ในตลอดทุกพื้นที่ ก่อเกิดประกายแสงในการดูดกลืนเข้าไปทั่วทุกบริเวณ พวยพุ่งขึ้นไปด้านบน เหม่อมองออกไปคราหนึ่ง เครื่องจักรสังหารที่น่าตื่นตกใจในแดนดิน หากมองเข้าไปในเชิงลักษณะนี้ หากว่าสือซิ่งยินยอมแล้วละก็ แน่นอนว่าเขาก็คงจะสามารถที่จะใช้เพียงกระบวนท่าเดียวทำลายทุกสิ่งทุกอย่างภายในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้

คุกสมบัติราชวงศ์ นี้ก็คือคุกสมบัติราชวงศ์ที่แท้จริง กระบวนท่าสังหารที่แท้จริง ตำนานเล่าขานแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ สิ่งที่มหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งได้หลงเหลือเอาไว้

แต่ว่า ภายใต้การกดดันอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ เหนือศีรษะเยี่ยจงก็ได้ปรากฏตราผนึกนภาขึ้น เขาเป็นประดุจดวงดาวที่ทอแสงอยู่ในยามค่ำคืนอันมืดมิด เกาะอันโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่โหดร้ายก็มิปาน ทอประกายแสงจันทราขึ้นมา จนผู้คนทั้งหมดก็ไม่อาจที่ไม่มองไปเห็นถึงการคงอยู่ของเขา ผู้คนทั้งหมดยังไงเสียก็ต้องมองไปที่เขา เขาในขณะนี้ มิได้เกิดความหวาดกลัวต่อกระบวนท่าสังหารนี้ของสือซิ่งเลย

ทั้งสองคนได้เผชิญหน้ากันเช่นนี้ จนทำให้ผู้คนมากมายตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง ภายใต้สภาวะสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ต้องเกิดอาการชาไปทั่วทั้งฝ่าเท้า อีกทั้งขณะนี้ทั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย ราวกับผู้ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มิใช่ตนเองก็มิปาน

“เจ้าก้อนหินนี้ก็ร้ายกาจเกินไปแล้ว เขาถึงกับสามารถที่ฝึกปรือคุกสมบัติราชวงศ์ในตำนานได้จนถึงขั้นนี้เชียวงั้นหรือ ? ทั้งยัง กระบวนท่านั้นเมื่อได้เริ่มเปิดคุกสมบัติแล้วยังถึงกับมีพลังทำลายมากถึงเพียงนี้อีก หากว่าเปิดออกมาได้มากมายแล้วละก็ ถ้าเช่นนั้นพลังทำลาย……” จงหลี่สูดลมหายใจเข้าออกอย่างตกใจ

ซือคงชิงฉีขณะนี้ก็ได้ครุ่นคิดขึ้น กล่าวพร้อมกับส่ายหน้าไปมา : “นี้สมควรที่จะเป็นพลังขีดสุดในขณะนี้ของสือซิ่งแล้ว กล่าวได้ว่า ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับมหาราชันเอง ก็ยังยากที่จะทานคุกสมบัติราชวงศ์นับไม่ถ้วนนี้ได้ ด้วยพลังฝีมือของสือซิ่งขณะนี้ เขาได้ใช้ออกมาด้วยพลังที่แท้จริงของคุกสมบัติ แทบจะเรียกได้ว่าใช้ชีวิตเข้าแลกเลยก็ว่าได้ นี้ก็เหมือนเป็นการบอกได้ว่า จากการปะทะเมื่อครู่นี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นผู้ที่ตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไม่ต้องสงสัย เยี่ยจงผู้นี้ ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่ถูกเรียกขานกันว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ ภายในสภาวะในระดับพลังเดียวกัน ถึงกับสามารถที่จะกดดันสือซิ่งได้จนถึงขั้นนี้ได้ ! ”

“เมื่อกล่าวเช่นนั้น พี่เยี่ยจงก็ชนะแล้วงั้นหรือ ? ” จงหลี่กล่าว

“พูดได้ยาก ” ซือคงชิงฉีถอนหายใจออกมา “ยังไม่ถึงช่วงสิ้นสุด ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทราบผลของสภาพนี้ได้ ”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset