เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 486 มหาราชันปีศาจสูงสุด

ตอนที่ 486 มหาราชันปีศาจสูงสุด

 

เวลาได้ไหลเวียนผ่านไปอย่างช้าๆ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็ได้ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เยี่ยจงก็ได้ฝึกปรือพลังอยู่ภายในตำหนักของซือคงชิงฉี แม้ว่าจะมิได้ทะลวงมีการทะลวงพลังขึ้นอีก แต่ว่าเขาก็ถือได้ว่าได้ผ่านการฝึกปรือจากสายทางแห่งดวงตะวัน จนทำให้พลังลมปราณภายในร่างกายเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะได้ตลอดเวลา ถือได้ว่าได้มีการเติบโตขึ้นมาอยู่หลายเท่าตัว

 

เยี่ยจงสัมผัสได้อยู่อย่างหนึ่ง อีกไม่นานหลังจากนี้ ตนเองจะสามารถที่จะเข้าสู่ขอบเขตเล็กอีกขอบเขตได้ เพียงแค่ว่าความรู้สึกเช่นนี้กลับยังเบาบางอยู่ หากว่าฝึกฝนต่อไปอีกแล้วละก็ ไม่ว่าแน่อีกเพียงแค่ครึ่งปีก็จะสามารถที่จะทะลวงเข้าสู่อีกระดับได้ แต่ว่าก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า จะต้องใช้เวลาอีกนานก็ไม่อาจที่จะทะลวงได้ ทั้งหมดนี้ก็คงจะพึ่งพาวาสนาของตนเองแล้ว

 

และในช่วงเวลาในการฝึกปรือในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้ค้นหาหนทางไม่หยุดหย่อน นึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง สู่หนทางที่ปลอดภัยดั่งเช่นก่อนหน้านี้ของตนเอง แต่ว่าเขาไม่ว่าจะคาดคิดอย่างไร ก็เหมือนกับว่าตนเองได้ถลําลึกเข้าไปยังสภาวะอันตรายจนไม่อาจที่จะคาดคำนวณเอาไว้ได้แล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะมีคนของแดนลับแลคิดที่จะรับตนเองเข้าร่วมในเวลาด้วยหรือไม่นั้น ต่อให้มีแดนลับแลยินยอม ตนเองก็ยังคงต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ว่าพวกเขานั้นมีใจคิดที่จะรับตนเองเอาไว้หรือไม่

 

และหลายวันที่ผ่านพ้นมาเหล่านี้ ซือคงชิงฉีและจงหลี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นครั้งคราว เพื่อที่จะมาสนทนากับเยี่ยจง

 

หลังจากที่ได้พบปะกันหลายครั้งคราเยี่ยจงก็ทราบได้อย่างกระจ่างว่า ซือคงชิงฉีแม้ว่าจะยังเยาว์วัยอยู่ แต่ว่าพลังฝีมือของนางยังถือได้ว่าน่าหวาดกลัวกว่าตนเองเสียอีก สำเร็จเข้าสู่ระดับราชันเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้ตระเตรียมที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับพลังเทวะขั้นที่หนึ่งแล้ว

 

และถึงแม้ว่าพลังฝีมือของจงหลี่จะอ่อนโทรมกว่า แต่ว่าก็เพียงอีกแค่ครึ่งก้าวก็สามารถที่จะเข้าสู่ระดับราชันได้แล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงเองก็ได้รับข่าวสารบางส่วนมาด้วยเช่นเดียวกัน ภายใต้การต่อสู้ระหว่างตนเองกับสือซิ่งในระดับพลังเดียวกัน แล้วยังได้รับชัยชนะ ในเวลาเดียวกันเรื่องที่ได้ครอบครองเอาไว้ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ได้แพร่ออกไปเช่นเดียวกัน อีกทั้งคงจะต้องมีขุมกำลังอยู่ไม่น้อยที่พอจะคาดเดาได้ว่า ตนเองในขณะนี้ได้เข้ามาพึ่งพิงอยู่ภายในดินแดนขนาดเล็กนี้ของมหาราชันเผ่ามนุษย์ซือคงจา กล่าวได้ว่า ต่อให้เป็นซือคงจาในขณะนี้ก็คงจะต้องได้รับแรงกดดันอันมหาศาลเช่นเดียวกัน

 

ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงเผ่าอื่นก่อน เพียงแค่รัฐสือแห่งเก้ารัฐใหญ่โบราณ ก็ได้มีองค์ชายอยู่หลายคนออกหน้า คิดที่จะให้ซือคงจาส่งเยี่ยจงออกมาเพื่อพบหน้าซักครา ทว่าคำขอเหล่านี้กลับถูกซือคงจาปฏิเสธไป

 

หากเป็นไปตามการคาดคะเนของซือคงชิงฉีที่ได้รับข่าวสารมานี้ ซือคงจาอย่างน้อยก็คงตระเตรียมที่จะส่งเยี่ยจงจากออกไปเป็นการลับ เพื่อความปลอดภัยของเขา เพียงแต่ว่าในขณะนี้เขายังเตรียมการไม่เสร็จก็เท่านั้นเอง ดังนั้นจึงยังมิได้ลงมืออันใดออกมา

 

ภายในจิตใจของเยี่ยจงหนักอึ้งประดุจยกของที่มีน้ำหนักหมื่นพันชั่ง การเป็นเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน อีกทั้งบุคคลผู้นี้ยังเป็นถึงชนชั้นมหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์ซึ่งมิได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับตนเอง แต่กลับยินยอมที่จะแบกรับวิกฤตที่เกิดขึ้นมาจากตนเองเอาไว้ ในทางกลับกันรัฐสือแห่งรัฐกู่กวอ กลับยังคงมีคนคิดที่จะลงมือต่อตนเองอยู่ เพียงแค่มองในความข้อนี้ก็เพียงพอที่จะทราบได้ถึงความแตกต่างได้แล้ว

 

“หรือไม่ก็ขอให้ท่านผู้อาวุโส ให้ส่งข้าไปยังดินแดนตงฮวง ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว เกี่ยวกับคำถามเช่นนี้ เขากลับไม่ต้องการที่จะให้บุคคลใดทราบถึงแผนการต่อไปของตนเอง แต่ว่าถ้าหากไม่กล่าวออกไปแล้วละก็ หากว่าถูกส่งไปยังดินแดนหนานฮวงหรือไม่ก็เป่ยฮวงแล้วละก็ เช่นนั้นการที่ตนเองจะเสาะหาทางไปยังสุสานบรรพบุรุษของลัทธิแห่งดวงดาวคงจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมาได้

 

“พี่เยี่ยจง มีข่าวใหม่ถูกส่งกลับมาอีกแล้ว ” ร่างกายของจงหลี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องที่เยี่ยจงฝึกปรือเอาไว้อยู่ เขาถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ทอสีหน้าลำบากใจขึ้นมาหลายส่วน

 

“เป็นอย่างไร?” เยี่ยจงเงยหน้าขึ้น หลายวันที่ผ่านมานี้จงหลี่ได้นำข่าวสารไม่น้อยมาด้วย เพื่อที่จะให้เขาได้ทราบถึงเกี่ยวกับเรื่องราวโดยส่วนมาจากโดยรวมให้กระจ่างยิ่งขึ้น

 

“กล่าวกันว่ามหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจได้ออกมาจากการเก็บตัวและลงมาจากเขาแล้ว ” จงหลี่ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ทอสีน่าหดหู่ขึ้นมาอย่างยิ่ง

 

“มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ ” เยี่ยจงทอสีหน้าครุ่นคิด เมื่อครั้งก่อนได้พบเจอกับมหาราชันปีศาจผู้นี้ที่สมรภูมิฮวงกู่ คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วกลับคิดที่จะเอาเปรียบตนเอง คิดที่จะลงมือต่อตนเองเพื่อช่วงชิงคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ และราชันปีศาจทั้งแปดตนก็ได้ตายตกภายใต้น้ำมือของตนเองไปแล้วทั้งหมดหกตน เยี่ยจงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า ต่อให้บุคคลอื่นสามารถที่จะไม่ลงมือ แต่ว่ามหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อกลับไม่อาจที่จะปล่อยตนเองไปได้อย่างแน่นอน

 

“มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและมหาราชันปีศาจทุนเทียนขณะนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เขตชายแดนของดินแดนซีฮวงพร้อมกัน สมควรที่จะมุ่งหน้ามายังพี่เยี่ยจงท่าน พี่เยี่ยจงท่านจะต้องระมัดระวังเอาไว้ให้มาก ต่อให้พวกเราอยู่ภายในดินแดนขนาดเล็กก็ใช่ว่าจะปลอดภัย นอกเสียจากว่าท่านจะสามารถออกไปยังภายนอกเพื่อเสาะหาสถานที่หลบซ่อนสักแห่งได้จริง!” จงหลี่ถอนหายใจ สองมหาราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจปรากฏตัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ต่อให้เป็นสุดยอดมหาราชันเผ่ามนุษย์อย่างซือคงจา ก็คงไม่อาจที่จะไม่ถอยสักก้าวได้ เพราะว่า การร่วมมือกันของมหาราชันปีศาจสองตน ถือได้ว่ามิใช่เป็นเพียงตัวเลขที่ใช้เพียงแค่หนึ่งบวกกับอีกหนึ่งกลายเป็นสองได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นอย่างแน่นอน

 

“แล้วนอกเหนือจากนั้นเล่า?” เยี่ยจงลังเลอยู่นาน จึงได้ค่อยกล่าวออกมาต่อ

 

“เรื่องราวที่เจ้าเมื่อวันก่อนได้ฆ่าสังหารยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและระดับราชันไปนับพัน กระนั้นก็ยังถือได้ว่าสร้างความเสียหายได้อยู่ส่วนหนึ่ง หากกล่าวถึงก่อนหน้านี้ เหล่าขุมกำลังขนาดเล็ก ราวกับว่ายังไม่คิดที่จะลงมือต่อเจ้าก็ตาม กล่าวได้ว่ามีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่เกรงกลัวเจ้าจะกระทำเรื่องราวดุจดั่งเช่นเมื่อวันนั้น ไปจัดตั้งค่ายกลสังหารอยู่ที่หน้าประตูหุบเขาของพวกเขา เช่นนั้นต่อให้พวกเขาน้ำตาไหลรินก็ไหลไม่ออก!” จงหลี่กล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

 

“แล้วคนอื่นๆ เล่า?” เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชาคำหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา

 

“คนอื่นๆ เจ้ากำลังพูดถึงสำนักอย่างหุบเขาเทพชิงหวิน เผ่าซือ เผ่าปีกที่เป็นขุมกำลังใหญ่อย่างงั้นหรือ?” จงหลี่ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน “คนเหล่านี้ขณะนี้ก็มิกล้ากระทำการวู่วามจนเกินไป แต่ว่าตามการวิเคราะห์ของข้าแล้ว พวกเขายังคงจับตามองเตรียมพร้อมที่จะลงมือต่อเจ้าอยู่ กระนั้นสิ่งของทุกสิ่งที่อยู่กับตัวเจ้าทุกชิ้นนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาบ้าคลั่งขึ้นมาได้แล้ว หมายที่จะตะปบมาที่เจ้าอย่างไม่คิดชีวิตแน่ ยากที่จะมีอะไรหยุดยั้งเอาไว้ได้ แต่ว่า หากกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ขุมกำลังเหล่านี้ยังถือได้ว่าอ่อนแออยู่ นั้นก็เพราะว่าท่านบรรพบุรุษออกหน้าให้แก่เจ้า จึงยังพอที่จะสามารถกดดันขุมกำลังขนาดเล็กท่ามกลางดินแดนซีฮวงเอาไว้ได้ มิได้กลายเป็นสุนัขที่หิวกระหายเหล่านั้น หากกล่าวถึงก่อนหน้านี้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ที่กดดันเจ้าเป็นอย่างมากที่สุดก็คงจะเป็นสองมหาราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจแล้ว หลังจากที่ท่านบรรพบุรุษกลับมา ข้าคงต้องบอกกับท่านแล้ว ว่าจะมีวิธีไหนหรือไม่ ที่พอที่จะสามารถส่งเจ้าออกไปจากดินแดนซีฮวงได้ ”

 

“ได้!” เยี่ยจงหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ “ครั้งต่อไปหากว่าท่านผู้อาวุโสกลับมา วานท่านช่วยมาบอกต่อข้าสักครา หลังจากที่ข้าขอบคุณด้วยตัวเองแล้ว คงจะขอความกรุณาขอให้ท่านอาวุโสช่วยส่งข้าออกไปสักระยะ ”

 

“ได้ เรื่องนี้มอบให้ข้าเถอะ ” จงหลี่ตบไปที่ไหล่ของเยี่ยจง ทอสีหน้าถอนหายใจออกมา “เจ้าในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ข้าย่อมต้องให้การสนับสนุนเจ้า หลังจากเจ้าออกไปจากดินแดนซีฮวงแล้ว ก็เสาะหาสถานที่สักแห่งเพื่อฝึกปรือ ด้วยคุณสมบัติเช่นเจ้า อย่างมากก็สิบปีก็เพียงพอที่จะไปถึงระดับมหาราชันได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็ค่อยหวนคืนกลับสู่ดินแดนซีฮวง ข้าและเจ้าร่วมมือกัน เข่นฆ่าสังหารหุบเขาปีศาจนับหมื่น เผ่าซือให้กองเป็นภูเขา!”

 

“ข้าก็ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา เขาขณะนี้ได้มีการตัดสินใจไปแล้ว หากว่าสามารถที่จะกลับไปยังสุสานบรรพบุรุษแห่งลัทธิแห่งดวงดาวได้สำเร็จแล้วละก็ เช่นนั้นขอให้ตนเองไม่เกิดเรื่องก่อนที่จะสำเร็จระดับมหาราชัน เรื่องการถูกไล่ล่าในวันข้างหน้า เขาก็ถือได้ว่าได้รับมาอย่างเพียงพอแล้ว

 

“ครืน——”

 

ในช่วงเวลานี้เอง ตลอดทั่วทั้งดินแดนขนาดเล็กก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาน้อยๆ ท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นไหวหวั่นขึ้นมา บริเวณที่ห่างออกไป ราวกับมีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ

 

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?” เยี่ยจงลุกขึ้นยืนขึ้นมาในทันที ภายในจิตใจก็เริ่มที่จะเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ

 

จงหลี่ก็ได้ลุกขึ้นมาในทันทีเช่นเดียวกัน ราวกับคาดเดาได้ว่าจะต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก็มิปาน ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาภายในพริบตา

 

“โครม——”

 

แล้วก็ได้มีเสียงที่ดังหนักหน่วงกว่าเดิมดังขึ้นมา ในครั้งนี้ แล้วก็ได้พบว่าบริเวณท่ามกลางผืนฟ้าของดินแดนขนาดเล็ก ก็ได้เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างไม่อาจที่จะหยุดลงได้ และด้านบนของท้องฟ้า ก็ได้ปรากฏเงาร่างสองสายขึ้นมาอย่างช้าๆ ทั้งสองคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาประดุจดั่งเทพลงมาจุติก็มิปาน

 

จงหลี่ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงไปในทันที การที่หาญกล้าพอที่จะทลายดินแดนขนาดเล็กของมหาราชันเผ่ามนุษย์ได้ ย่อมต้องเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา และขณะนี้หากสัมผัสได้ถึงพลังที่คงอยู่อันแข็งแกร่งของทั้งสองตนนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้คาดเดาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย——สองมหาราชันปีศาจนั้นเอง!

 

ขณะนี้ เงาร่างทั้งสองสายก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณสุดขอบฟ้า แล้วก็ได้มีเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปีก็มิปานผู้หนึ่ง มีท่วงท่าที่สง่างาม และอีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีเงาร่างของคนที่มีรูปร่างใหญ่โตขึ้นมาอีกทางหนึ่ง มีส่วนสูงราวสิบจัง แต่ว่า ทั้งสองคนนั้นกลับมีความแตกต่างกันอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกที่น่าประหลาดบางอย่าง ก็คือการคงอยู่ของทั้งสองคนนี้ เพียงพอที่จะใช้มือเพียงข้างเดียวในการพลิกผืนฟ้าได้ก็มิปาน

 

ต่อให้เป็นผู้ที่มีสภาวะจิตใจเยี่ยงเยี่ยจง ในขณะนี้ก็เกิดความคิดที่แทบจะคุกเข่าลงกับพื้นอย่างอดมิได้ นั้นก็เพราะว่า นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นแรงกดดันของชนชั้นมหาราชันอย่างแน่นอน!

 

“มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ! มหาราชันปีศาจทุนเทียน!” เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ทั้งสองคนนี้เขาได้พบพานมาก่อน ขณะนี้ก็ได้ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดต่อไปแล้วว่า จะต้องเป็นการลงมือของทั้งสองคนอย่างแน่นอน

 

“ฮูม——”

 

พริบตานั้นเอง ก็ได้มีเสียงคำรามดังขึ้นมาทั่วทั้งผืนฟ้า พระยาปีศาจ ราชันปีศาจหลายเผ่าพันธุ์、ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาจากรอยแตกที่มาจากภายนอกเข้ามาในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้ทะยานร่างเข้ามายังดินแดนขนาดเล็กอย่างถี่ยิบ พวยพุ่งรังสีสังหารขึ้นมา

 

“ที่แท้ก็เป็นพี่ลิ่วเอ่อกับพี่ทุนเทียนนี้เอง พวกท่านคิดที่จะมาเป็นแขก ข้าซือคงจาย่อมต้องยินดีที่จะต้อนรับ ทว่ากลับมาสร้างรอยแตกภายในดินแดนขนาดเล็กของข้า การลงมือของทั้งสองท่านก็ช่างไม่ไว้หน้ากันเลย!” แล้วก็ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่งของดินแดนขนาดเล็ก จากนั้นก็ได้พบเห็นประกายสายรุ้งพวยพุ่งขึ้นไปยังฟากฟ้า ทอเป็นประกายอยู่ทางด้านบน แล้วก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาของเงาร่างชุดคลุมสีขาว ที่แท้คนผู้นั้นก็คือซือคงจามหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์นั้นเอง บนร่างกายของเขากลับมิได้แผ่พลังรังสีสังหารออกมามากจนเกินไป แต่ว่าเพียงแค่การปรากฏตัวของเขา พริบตานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าพระยาปีศาจและราชันปีศาจเงียบเสียงลงได้

 

นอกเสียงจากมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและมหาราชันปีศาจทุนเทียนแล้ว สิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งหมดต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่ถอยรนออกไป เกี่ยวกับมหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์ผู้นี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอยู่ภายในจิตใจของสิ่งมีชีวิตนับหมื่นเผ่าพันธุ์เหล่านี้

 

“ซือคงจา รูหนอนของเจ้าช่างหาได้ยากยิ่งนัก ทำให้ข้าต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอยู่ไม่น้อย จนถึงขั้นที่ต้องเชิญท่านบัญชาสวรรค์ทำลายนับสิบครั้ง จึงจะสามารถที่จะระบุสถานที่ได้อย่างแน่นอน เพียงแค่ข้อนี้ ก็เรียกได้ว่าข้าได้ทุ่มเทกำลังทรัพย์ไปกว่าครึ่งตระกูลไปเชียวนะ!” สุ้มเสียงของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้ดังสนั่นประดุจสายฟ้าฟาดก็มิปาน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวคล้ายกับระเบิดขึ้นมาท่ามกลางผืนฟ้า เขายืนมีไพล่หลังอยู่ ประดุจดั่งเทพมารตนหรือก็มิปาน ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะมองเข้าไปโดยตรงได้

 

“พี่ซือคง ครั้งที่แล้วเราท่านยังไม่ทราบผลแพ้ชนะ ในครั้งนี้ก็มาทดลองกันอีกสักคราเป็นอย่างไร? คิดเสียว่าเป็นการตัดสินต่อก็แล้วกัน?” มหาราชันปีศาจทุนเทียนหัวเราะน้อยๆ ขึ้นมา ใบหน้าอันหล่อเหลาอันเยาว์วัยก็ได้ปรากฏริ้วรอยรอยยิ้มแห่งความชั่วร้ายขึ้นมา แต่ว่ากลับทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายแทบจะกลืนน้ำลายลงคอ

 

“เหอะเหอะเหอะ ว่ากันว่าเก้ามหาราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ กระทำเรื่องราวใดไม่เคยเกิดความเกรงกลัวมาก่อน อีกทั้งยังไร้พ่ายในแดนซีฮวง ดูเหมือนว่า พวกท่านในวันนี้ไม่เพียงแต่คิดที่จะทำลายดินแดนขนาดเล็กของข้า อีกทั้งยังตระเตรียมที่จะถอดรากถอนโคนข้าแล้วกระมั่ง?” ซือคงจายิ้มน้อยๆ ขึ้นมา “ทั้งๆ ที่มาเพื่อสหายน้อยเยี่ยจง แต่กลับยังคิดที่จะมาเพื่อฆ่าข้าซือคงจาอีก พวกท่านช่างไม่เลวเลยจริงๆ ……แต่ว่า พวกท่านคิดจริงหรือว่าเผ่ามนุษย์เรานั้นรังแกได้ง่ายอย่างงั้นหรือ?”

 

“ก็แค่นกไร้ขนตัวหนึ่ง กับวานรใบหูหกใบอีกตัว คิดจริงหรือว่าตนเองจะเป็นผู้ที่ไร้ผู้ต้านในแผ่นดินงั้นหรือ? ประเดี๋ยวก็เข่นฆ่าไปทั่ว เหมือนกับใช้ไว้เป็นผักปลาไว้แกล้มสุรา ” แล้วก็ได้มีเสียงหัวเราะฮิฮะดังขึ้นมาเป็นสาย หลังจากนั้นท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมา จากนั้นก็ได้มีชายวัยกลางคนร่างอ้วนฉุผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ตบเข้าไปยังหน้าท้องของตนเองจนเกิดเสียงร้องดังขึ้นมาทั่วทั้งผืนฟ้า เขาและซือคงจานั้นก็ได้ยืนอยู่ร่วมกัน ประจวบพอเหมาะทานพลังรังสีของมหาราชันปีศาจทั้งสองตนเองไว้

 

“เจ้าเป็นผู้ใดกันอีก?” มหาราชันปีศาจทุนเทียนขมวดคิ้ว กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

 

“อาตมามีฉายานามว่าหวูเหลียง (无量ไร้จำกัด) ” ชายวัยกลางคนยืดกายขึ้นตรงแล้วโค้งลงเล็กน้อยอย่างมีมารยาท ประจวบกับยกมือขึ้นตั้งในระหว่างแนวของท้อง แสดงอัปกิริยาอย่างมีมารยาทออกมา “อาตมาหวู่โหว (吴厚) น้อมพบกับท่านทั้งสอง ”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset