เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 487 สนทนาโป้ปด

ตอนที่ 487 สนทนาโป้ปด

 

“เป็นเจ้า——” มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอสีหน้าตกใจพร้อมทั้งขมวดคิ้วขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามีอาการตกใจขึ้นมาอย่างยิ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้ถึงกับปรากฏตัวขึ้นมา

 

“เพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วจะทำอะไรได้?”

 

มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้ก้าวขึ้นมายังพื้นที่ว่างเปล่าทางด้านหน้า ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้อยู่ในสภาวะพลังเป็นประกายแสงสีทองแวววับไปมา เส้นขนบนร่างกายของมันทุกเส้น ในขณะนี้ก็ได้ประดุจดั่งศาสตราวุธขั้นบรรลุชิ้นหนึ่งก็มิปาน ปะทุประกายแสงสว่างไสวขึ้นมาจนถึงขีดสุด ระหว่างนั้นมันก็ได้เข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง จนทำให้ตลอดทั่วทั้งอากาศเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาก็มิปาน มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อในขณะนี้ บนร่างกายก็ได้ปกคลุมไปด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวประดุจเทพมารแผ่กระจายออกมา

 

มหาราชันปีศาจทุนเทียนตอนนี้ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นมันก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้มุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านหน้า ทว่าเขาก็ยังมิได้แสดงพลังอันน่ากลัวออกมา เพียงแต่ว่า ทางด้านหลังร่างกายของเขาประดุจดั่งมีหลุมมิติไร้สภาพขึ้นมาก็มิปาน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่เขาใกล้เขาภายในพริบตานั้น ต่างก็ได้ถูกหลุมมิตินั้นดูดกลืนเข้าไปภายใน ขณะนี้ มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาประจำตัวออกมา ประดุจดั่งมีพลังพอที่จะกลืนกินสวรรค์ได้ก็มิปาน

 

บริเวณทางด้านล่าง เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากนี้ เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบ ว่ามหาราชันปีศาจทั้งสองตนนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมายังบริเวณแห่งนี้ จะเป็นเพราะว่ามาเพื่อตนเองหรือไม่นั้น แต่ว่าก็เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่า การปรากฏตัวของพวกเขาในขณะนี้ ก็ได้ทำให้ตนเองตกอยู่ภายในสถานการณ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ เป็นตายยากคาดเดา ความรู้สึกเฉกเช่นนี้ ถือได้ว่าไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง

 

ในเวลาเดียวกัน นอกเสียจากมหาราชันปีศาจทั้งสองตนแล้ว เยี่ยจงก็ยังคงรู้สึกได้ ว่ายังมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อยที่อยู่ในระดับพระยาปีศาจและราชันปีศาจรวมอยู่ด้วย ยอดฝีมือเหล่านั้นต่างก็มีไอปีศาจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นที่ยากจะต่อกรด้วยได้

 

“มหาราชันปีศาจสองตนเข่นฆ่าสังหารมาจนถึงที่ของพวกเรา ยังดีที่เจ้าอาวาสหวู่โหวอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ วันนี้พวกเราคงจะต้องพลาดท่าขึ้นมาครั้งใหญ่แล้ว!” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา บนใบหน้าก็ได้ปรากฏสีหน้าปั้นยากปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ ขณะนี้ ก็ได้มีศิษย์ในสำนักของซือคงจาปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางอากาศอยู่ไม่น้อย แต่ละคนนั้นก็ปรากฏใบหน้าโกรธแค้นขึ้นมา รังสีสังหารเดือดพล่านขึ้นมา พร้อมที่จะลงมือออกไปทุกเมื่อ

 

“พระคุณท่านหวู่โหว? เขาร้ายกาจมากหรือ?” เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ เหม่อมองไปยังชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนฉุอย่างแปลกประหลาด กลับมีความรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ค่อยจะพึ่งพาได้เสียเท่าไหร่

 

“อาวาสหวู่โหวท่านย่อมต้องร้ายกาจอย่างแน่นอน แต่ว่าคนอย่างเขานั้น……” จงหลี่ราวกับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ก็มิปาน จากนั้นก็ได้มองไปยังดวงตาของเยี่ยจงอย่างละเอียด “ก็อย่างว่า คนอย่างเขานั้นถึงแม้ว่าจะมิใช่คนที่มีจิตคิดร้ายอะไร แต่ว่าเจ้าก็ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี อย่าได้ถูกเขาหลอกไปได้ก็เป็นใช่ได้แล้ว ”

 

“เอาเถอะ อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระพวกนี้อีกแล้ว เด็กน้อยแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจเหล่านี้อย่างน้อยก็คงจะต้องมาหาเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้ารีบออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็วเถอะ ” จงหลี่ยื่นแผ่นป้ายหยกชิ้นหนึ่งมอบให้แก่เยี่ยจง จากนั้นก็ได้มีแผนที่อยู่แผ่นหนึ่ง

 

“ข้าในวันนี้เกรงว่าคงจะจากไปไม่ได้เสียแล้วละ หากว่าคนเหล่านี้มาเพื่อตามตัวข้าจริงแล้วละก็ หากว่าข้าจากไปแล้ว มิใช่จะกลายเป็นการทำร้ายพวกเจ้าหรอกหรือ?” เยี่ยจงหัวเราะออกมา อีกทั้งยังไม่คิดจะจากไป ถึงแม้ว่าจะมีมหาราชันปีศาจปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกันถึงสองตน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะไม่เกิดอาการขนลุกขึ้นมาได้ แต่ว่าเรื่องเช่นนี้เมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจงกลับมิได้หวาดกลัวแต่อย่างไร อีกทั้งยังมิได้เกิดอาการแตกตื่นแต่อย่างไร

 

บนตัวของตนเองได้ครอบครองคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์、สายทางแห่งดวงตะวันที่เป็นปัจจัยเหตุผลในครั้งนี้เอาไว้ และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ เกรงว่าจะเป็นเพราะว่าตนเองได้สังหารราชันปีศาจที่เป็นสายโลหิตของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อไป ไม่ว่ามหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อจะมีนิสัยเช่นไร เรื่องราวเหล่านี้ มันก็ไม่อาจที่จะพลิกฟ้าเข้ามามิได้ ดังนั้นเรื่องราวในวันนี้ อย่างน้อยก็คงจะกลายเป็นสภาวะไม่รอดก็แค่ตาย หากว่าตนเองจากไปในขณะนี้ ก็เหมือนเป็นกับการทอดทิ้งลูกศิษย์ในสำนักมากมายของซือคงจาเอาไว้ เรื่องราวเช่นนี้ ด้วยนิสัยของเยี่ยจงแล้วย่อมไม่อาจที่จะสามารถที่จะกระทำได้ลงอย่างแน่นอน อีกทั้งหลายวันที่ผ่านมานี้ ซือคงชิงฉี จงหลี่ต่างก็ถือได้ว่าดีต่อเขาอยู่ไม่น้อย

 

“เจ้าแน่ใจแล้วหรอว่าเจ้าจะไม่ไป?” จงหลี่มองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความสงสัยขึ้นมา

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่ชอบกล่าววาจาไร้สาระอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงหัวเราะออกมา

 

“ดี ในเมื่อกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว วันนี้เราเจ้าสองพี่น้องจะร่วมมือกัน ตีฝ่าสังหารสู่อนาคตข้างหน้า ข้าอยากที่จะดูสักหน่อยว่า เด็กน้อยจากหุบเขาหมื่นปีศาจเหล่านี้ ในครั้งนี้ใช้เหิมเกริมได้นานซักแค่ไหนกัน!” จงหลี่หัวเราะฮาฮาออกมา จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง นำพาเยี่ยจงมุ่งหน้าออกไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างระมัดระวัง ถึงแม้ว่าทั้งสองคิดที่จะตีฝ่าออกไป แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทุกการกระทำจำเป็นที่จะต้องมีความหนักแน่นและมุ่งมั่น ก่อนอื่นก็ต้องรวมกันกับกลุ่มคนทั้งคณะก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็มีความเป็นไปได้ที่ว่าแม้แต่ตายลงเช่นไรก็คงไม่อาจที่จะทราบได้

 

ทางด้านบนอากาศ มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อประดุจดั่งเทพมารลอยล่องอยู่ก็มิปาน แล้วก็ได้เดินไปทางด้านหลังอยู่หลายก้าว มันที่มีรูปร่างที่ใหญ่โตก็ได้จ้องมองไปทางด้านของซือคงจา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ซือคงจา ก่อนที่เราเจ้าจะลงมือต่อกัน ข้านั้นต้องการที่จะให้เจ้าส่งตัวคนผู้หนึ่งออกมา ”

 

เยี่ยจงเดิมทีกำลังอยู่ในสภาวะร่างกายที่กำลังซวนเซไปมาอยู่ จนเกือบที่จะล้มไปชนกับกำแพง ถึงแม้ว่าเขาจะทราบอยู่แล้วหุบเขาหมื่นปีศาจกว่าแปดส่วนนั้นมาเพื่อตนเอง แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่ามหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อจะกล่าวออกมาถึงข้อนี้ในขณะนี้

 

ไม่นานนัก นามของเขาก็ได้เริ่มที่จะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งดินแดนขนาดเล็กนี้ไปทั่ว ถึงกับถูกบุคคลใหญ่โตเช่นนี้เอ่ยขึ้นมาด้วยตนเอง กลับยิ่งจะทำให้เยี่ยจงเหมือนกับถูกประหารลงไปในพริบตา เมื่อถูกมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเอ่ยนามออกมา ไม่ว่าจะมองเช่นไรเขาก็ต้องตายลงอย่างแน่นอน

 

“ลิ่วเอ่อ เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าต้องการที่จะให้ข้าส่งมอบเด็กหนุ่มผู้นี้ออกไปงั้นหรือ?” ใต้ฝ่าเท้าของซือคงจาก็ได้ปรากฏบันไดสายรุ้งขึ้น เขายืนกอดอกอยู่ ภายในน้ำเสียงก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยเสียงหัวเราะน้อยๆ อยู่

 

“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เด็กผู้นี้ได้สังหารราชันปีศาจที่เป็นสายโลหิตของข้าไปถึงห้าตน อีกทั้งพระยาปีศาจรวมอีกร้อยตน ข้าจำเป็นที่จะต้องให้เจ้าหนูผู้นั้นส่งมอบค่าชดเชยออกมา ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะเย็นเยียบ แต่ว่าก็เป็นเหมือนกับต้องการที่จะให้ส่งมอบคนออกมาเพื่อเป็นการชดเชย ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ มันที่เป็นถึงหนึ่งในเก้ามหาราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจกลับต้องมาต่อกรกับชนชั้นระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงคนเดียว ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติเป็นอย่างมาก

 

ซือคงจาส่ายหน้าไปมา แล้วก็มองไปทางด้านของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อด้วยความสงสัย ตอบออกมาอย่างช้าๆ : “อย่าได้คิดว่า เมื่อมีพวกเจ้าเก้ามหาราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจแล้ว จะสามารถที่จะข่มเหงเผ่าพันธุ์อื่นได้หรอกนะ จนใต้ฟ้าบนดินไร้ผู้คนต่อกรกับพวกเจ้าได้ แต่ว่า หากว่าพวกเจ้าคิดที่จะลงมือต่อเยี่ยจงจริงแล้วละก็ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงไม่มีความเชื่อมั่นขนาดนั้นหรอก ”

 

ภายในคำพูดนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เหล่ายอดฝีมือแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปในเวลาเดียวกัน ต่อให้เป็นมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ยังถึงกับต้องขมวดคิ้วไปมา

 

“น่าเสียดายนักที่ได้ยินเช่นนี้ เพียงแค่เยี่ยจงเพียงคนเดียวเท่านั้น ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดที่อ่อนแอถึงเพียงนั้น แต่ว่าขณะนี้กลับคิดที่จะเบิกฟ้าทลายผืนดินไปทั่ว อีกทั้งยังเข่นฆ่าสังหารไปทั่ว

 

“งั้นหรือ?” ซือคงจาหัวเราะขึ้นมากะทันหัน เขามองลงไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างกะทันหัน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สหายน้อยเยี่ยจง เจ้าเข้ามา ”

 

ทางด้านล่าง เยี่ยจงที่กำลังอึ้งอยู่ ทว่าเขาก็ทราบดีว่าซือคงจานั้นย่อมต้องไม่คิดร้ายต่อตนเอง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงได้แต่เพียงกัดฟันไปมา จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า

 

ในพริบตานั้นเอง ต่อให้มีที่มีสภาวะจิตใจอย่างเยี่ยจงก็ยังต้องถึงกับขนลุกขึ้นมาเป็นสาย เพราะว่า ราชันปีศาจและพระยาปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจขณะนี้ราวกับได้ทอดตาทองไปยังที่เขาในเวลาเดียวกัน จนทำให้หนังตาของเขากระตุกขึ้นมา ในครั้งนี้เขากลับมิได้ตระเตรียมที่จะใช้ออกมาด้วยค่ายกลสังหารเอาไว้ อีกทั้งยอดฝีมือจากหุบเขาหมื่นปีศาจยังมีอยากมากมายถึงเพียงนี้แล้วละก็ เพียงแค่คนละฝ่ามือก็เพียงพอที่จะฟาดตนเองให้ตายลงไปได้

 

สายตาของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและมหาราชันปีศาจทุนเทียนในขณะนี้ ก็ได้มองเข้าไปยังทางด้านเยี่ยจงได้อย่างชัดเจน จากนั้นในระหว่างฟ้าดินก็ได้ยินเสียงหัวเราะฮิฮะดังขึ้นมาจากทางด้านของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ น้ำเสียงนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนทั้งหมดเกิดอาการขนลุกขึ้นมาได้ การที่ถูกมหาราชันปีศาจนึกถึงอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่มีหน้ามีตา แต่ว่าคาดว่าคงจะไม่มีผู้ใดคิดที่จะมีหน้ามีตาเช่นนี้อย่างแน่นอน

 

ซือคงจาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพยักหน้าไปทางด้านของเยี่ยจง จากนั้นก็ได้หันกลับไปมองทางด้านของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อคราหนึ่ง ตอบกลับมาอย่างเย็นชา: “เจ้าคิดที่จะฆ่าสังหารเด็กหนุ่มผู้นี้ มิใช่ว่ามิได้ เพียงแต่ว่าหากว่าเจ้าคิดที่จะลงมือต่อเขาจริงเพื่อสิ่งของที่อยู่บนตัวของเขาแล้วละก็ เกรงว่า คงไม่อาจที่จะมีคนที่จะช่วยเหลือเจ้าได้!”

 

กลุ่มยอดฝีมือต่างก็มีอาการแตกตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทอสีหน้าเหม่อมองไปทางด้านของซือคงจา นี้ถือได้ว่าเป็นการข่มขู่มหาราชันผู้นี้ก็ว่าได้ เยี่ยจงผู้นี้ ก็ช่างมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเสียจริง?

 

“เพียงแค่ผู้เยาว์เพียงคนเดียวเท่านั้น ฆ่าไปก็ฆ่าไปเถอะ!” มหาราชันปีศาจทุนเทียนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างยิ่ง

 

“เยี่ยจง นำวัตถุที่เจ้าได้รับมาจากผู้สืบทอดของจักรพรรดิฟ้าตะวันออกส่งมอบออกมาให้แก่มหาราชันปีศาจสองตนเชยชมดูหน่อย ” ซือคงจาหัวเราะไปมา จากนั้นก็ได้พยักหน้าน้อยๆ ไปทางด้านเยี่ยจง

 

เยี่ยจงทอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พริบตานั้นก็ได้เข้าใจได้ว่าซือคงจากำลังคิดอะไรอยู่ เขานั้นไม่มีเวลาให้ชักช้าอีกต่อไปแล้ว เพียงพลิกมือออกคราหนึ่ง แล้วก็ได้นำกระบี่แสงจันทร์ออกมา

 

เมื่อได้มองดูไปยังกระบี่แสงจันทร์ภายในมือของเยี่ยจง มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็มีใบหน้าที่กระจ่างใสปรากฏขึ้นมาจนเปลี่ยนเป็นสีเทาขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าจดจำวัตถุสิ่งนี้ออกมา ในครั้งนี้เขามิได้กล่าวอันใดออกมาอีก เพียงแต่เงียบเชียบลง มิได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

 

บนร่างของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้ปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีทอง ขณะนี้ร่างกายของเขาก็ได้เกิดประกายสีทองสว่างไสวขึ้นมาไม่หยุดนิ่ง หลังจากนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เสี่ยวเยี่ยจง เจ้ามีวาสนาที่ไม่เลวเลย ถึงกับสามารถครอบครองกระบี่แสงจันทร์ที่เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุครึ่งชิ้นได้!”

 

หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ ตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน นั้นก็เพราะว่านี้ถือได้ว่าเป็นการยืนยันครั้งแรกของชนชั้นมหาราชันเลยก็ว่าได้ ว่ากระบี่ในมือของเยี่ยจงนั้นที่แท้แล้วมิใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ แต่เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ว่าก็เป็นที่บ่งบอกได้ว่า กระบี่นี้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด

 

“สหายน้อยเยี่ยจง เจ้าจะไม่บอกกล่าวต่อมหาราชันปีศาจสองตนหน่อยหรือว่า เจ้าได้วัตถุชิ้นนี้มาได้อย่างไร ” ซือคงจายิ้มขึ้นมาเบาๆ ภายในคำพูดก็ได้เน้นด้วย” วัตถุชิ้นนี้” อย่างหนักแน่น

 

เยี่ยจงก็ไม่ทราบว่าตนเองสมควรที่จะพูดถึงเหตุผลข้ออ้างอันใดออกมาดี ต่อมาเขาก็ได้โค้งคำนับไปทางด้านของซือคงจา กล่าว: “วัตถุชิ้นนี้และสายทางแห่งดวงตะวัน เป็นจักรพรรดินีตะวันออกฮวาเพ่ยหยี่ให้หยิบยืม วัตถุชิ้นนี้ในมือข้า เพียงเพื่อที่จะสืบทอดเจตนารมของผู้สืบทอดแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันออกเพื่อออกเดินทาง เพื่อที่จะเสาะหาสถานที่โบราณ อีกไม่นานหลังจากนี้สายโลหิตแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันออกก็คงจะปรากฏขึ้นมาสู่ดินแดน เพื่อที่จะเป็นไปตามแผนการที่พวกเขาได้นัดแนะเอาไว้ ”

 

เยี่ยจงปิดตาลงเพื่อที่จะระบายโทสะออกมา ในเมื่อเมื่อวันก่อนตนเองก็เคยพบพานฮวาเพ่ยหยี่มาก่อน อีกทั้งยังถึงกับถูกนางหลอกลวงไป ขณะนี้เมื่อเขาก็ได้ระบายความคับแค้นในใจออกมาทั้งหมดจนไม่หลงเหลือแรงกดดันเอาไว้

 

ในครั้งนี้ แม้แต่ซือคงจาเองก็ยังต้องเหม่อมองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เขาเดิมทีคิดที่จะให้เยี่ยจงโป้ปดออกมา แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกับกล่าวโป้ปดออกมาได้เหมือนจริงถึงเพียงนี้ หรือแม้แต่เรื่องอย่างสายโลหิตแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันออกเพื่อที่จะให้กระทำเรื่องราวบางอย่างก็ยังถึงกับโป้ปดออกมาได้อย่างลื่นไหลถึงเพียงนี้ออกมา

 

“ท่านผู้อาวุโส ท่านอย่าได้มองข้าเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ตำนานสืบทอดแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันออกที่มีมาเนิ่นนาน อีกทั้งยังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ในเวลานี้กลับแทบจะปรากฏออกมาสู่ดินแดนจนเกือบหมดสิ้นแล้ว ” เยี่ยจงกล่าวอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพื่อที่จะให้ซือคงจาได้ยินเพียงคนเดียว

 

“ชิ——”

 

มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อทันใดนั้นก็ได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง เขาที่มีชื่อว่าลิ่วเอ่อ (หกใบหู) ประสาทสัมผัสการได้ยินย่อมต้องรวดเร็วอย่างยิ่ง ย่อมต้องได้ยินสิ่งที่เยี่ยจงกล่าวออกมา ขณะนี้เขาก็มิได้มองไปทางด้านของเยี่ยจงอีกแม้สักครา เพียงแค่จ้องมองเข้าไปอย่างเย็นเยียบไปทางด้านของซือคงจา ราวกับเหมือนว่าเยี่ยจงเป็นเพียงอากาศธาตุก็มิปาน

 

และมหาราชันปีศาจทุนเทียนขณะนี้ก็ได้เงยหน้าขึ้นมา เผชิญหน้าไปทางด้านของเจ้าอาวาสหวู่โหว มิได้มองไปทางด้านของเยี่ยจงอีก

 

ขณะนี้ก็ได้เกิดบรรยากาศแปลกประหลาดขึ้นมา มหาราชันปีศาจทั้งสองตนต่างก็ประกาศนามของเยี่ยจงออกมา ขณะนี้กลับทำเป็นไม่พบเห็นเขาก็มิปาน ประดุจดั่งไม่มีการคงอยู่ของเขาก็มิปาน

 

“สหายน้อยเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ถึงกับมีหนังพยัคฆ์อย่างผู้สืบทอดของจักรพรรดิฟ้าตะวันออกอยู่ พวกเขาในขณะนี้ยังมิได้ตัดสินใจ ย่อมไม่ลงมือออกมาด้วยตนเอง แต่ว่าเหล่าพระยาปีศาจราชันปีศาจเหล่านี้กลับมิได้เป็นเช่นนั้น ความวุ่นวายครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เจ้าหาโอกาสหลบหนีจากไปเถอะ ” ซือคงจาส่งเสียงกระซิบดังเข้ามาในหู ทอสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset