เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 489 ไล่ล่า

ตอนที่ 489 ไล่ล่า

 

เยี่ยจงขณะนี้ประดุจหัวโตขึ้นมา “คนรู้จัก” ของตนเองเหล่านี้สามารถกล่าวได้ว่าไม่มีแม้แต่เพียงคนเดียวที่จะสามารถต่อกรได้อย่างง่ายดาย แต่ละคนต่างก็มีความคิดและพลังฝีมือเป็นของตนเอง หากว่าตกไปอยู่ในมือของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วก็คงจะต้องตายตกมากกว่าที่จะมีชีวิตรอดได้

 

เกี่ยวกับความคิดของขุมกำลังที่สอดมือเข้ามา ขณะนี้เยี่ยจงเองเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีหนทาง เพียงแค่ดูแค่ว่าแม้แต่ชนชั้นระดับมหาราชันอย่างซือคงจาก็ยังไม่อาจที่จะปกป้องตนเองเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็ควรทราบว่า ไม่ว่าตนเองจะเข้าไปอยู่ภายใต้ขุมกำลังใดก็ตาม กล่าวไปก็เป็นได้เพียงแค่ลมปากเท่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากจะทำได้ จนท้ายที่สุดก็คงต้องถูกทรยศอยู่ดี

 

ในตอนนี้ซึ่งที่น่ายินดีที่สุดก็คงจะเป็น ตนเองในตอนนี้เปรียบเสมือนได้คลุมหนังพยัคฆ์อย่างผู้สืบทอดของจักรพรรดิฟ้าตะวันออกเอาไว้ ช่วงเวลานี้เองยอดฝีมือระดับมหาราชันที่แท้จริงนั้นต่างก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาภายในจิตใจ จึงไม่กล้าพอที่จะลงมือด้วยตนเอง มิเช่นนั้นแล้วละก็ ขณะนี้ตนเองคิดที่จะหลบนี้ก็คงจะหลบหนีไม่รอด

 

ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงกำลังขมวดคิ้วขึ้นมา นางเซียนชิงหญิงก็ได้เคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย ทว่าระดับความเร็วยังถือได้ว่ารวดเร็วยิ่งกว่าเดิมอยู่หลายส่วน แล้วก็ได้มีดอกกงจักรปรากฏขึ้นมาบริเวณใต้ฝ่าเท้า จนเกือบที่จะปรากฏขึ้นมาบริเวณเบื้องหน้าของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่นาง แล้วก็ได้ฉันออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะไม่ต้องการที่จะให้คนผู้นี้ไล่ล่าติดตามมาได้

 

“ท่านเยี่ยจง หากว่าเป็นขุมกำลังอื่นคงไม่อาจที่จะปกป้องคุ้มครองท่านเอาไว้ได้ เกี่ยวกับความคิดในใจของท่าน ทว่าแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์พวกเราจึงจะสามารถกระทำได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะมอบตำแหน่งอย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์อันดับสี่ไว้ให้แก่ท่าน ท่านไม่มีความสนใจจริงอย่างงั้นหรือ?” นางเซียนชิงหญิงก็ได้ส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง นางยื่นมือขาวประดุจหยกออกมาเล็กน้อย แล้วก็ได้มีพลังคมกระบี่กดทับลงมายังบนร่างกายของเยี่ยจง จนทำให้ระดับความเร็วของเขาเริ่มที่จะลดทอนลงไปอยู่หลายส่วน

 

แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในระยะที่ห่างกัน ทว่าเยี่ยจงก็ยังคงสามารถที่จะตรวจสอบพบได้ หากว่านางเซียนชิงหญิงยินยอมที่จะลงมือแล้วละก็ นางย่อมต้องสามารถที่จะหยุดยั้งตนเองเอาไว้กว่าแปดส่วน ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงจะต้องแล้วแต่ชะตาชีวิตแล้ว

 

เยี่ยจงไม่อาจที่จะไม่เพิ่มระดับความเร็วเพิ่มขึ้นอีกได้ ในเวลาเดียวกันก็ได้หันหน้าตอบกลับไป: “นางเซียนชิงหญิง ข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่ข้าเคยบอกต่อเจ้า หากว่าสามารถที่จะอยู่เคียงคู่เคียงข้างกับนางเซียนอย่างเจ้าแล้วละก็ ข้าเองก็ย่อมยินยอมที่จะไปเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!”

 

เหล่าผู้คนทั้งหมดที่ต่างก็กำลังไล่ตามเยี่ยจงอยู่ต่างก็เกิดอาการทึ่งขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทุกผู้คนต่างก็มองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยสายตาที่แปลกประหลาด คาดว่าคงจะมีผู้คนไม่น้อยที่คิดจะฟาดเขาให้ตายตกลงไปภายในฝ่ามือเดียว นางเซียนชิงหญิงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสาวงามแห่งดินแดนซีฮวง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็หมายปอง ขณะนี้เยี่ยจงถึงกับกล่าวออกมาเช่นนี้ ย่อมต้องทำให้ผู้คนไม่น้อยเกิดอาการทึ่งขึ้นมาได้ คิดไม่ถึงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เด็กน้อยผู้นี้ยังสามารถที่จะกลับวาจาที่ไม่แตกต่างจากการรนหาที่ตายเช่นนี้ออกมาได้ หรือว่าเขามิได้เกิดความเกรงกลัวเลยจริงอย่างงั้นหรือ ขณะนี้ก็ได้มีคนลงมือพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย ใช้เพียงหนึ่งฝ่ามือฟาดตบไปที่เขาให้รู้แล้วรู้รอด ?

 

นางเซียนชิงหญิงก็เกิดอาการงุนงงขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงเยี่ยจงถึงกับตะโกนออกมาเช่นนี้ แต่ว่าไม่นานนักภายในดวงตาของนางก็ได้ทอเป็นประกายประหลาดขึ้นมา ยิ้มแล้วกล่าวขึ้นมาเล็กน้อย: “ท่านเยี่ยจง ท่านทำเช่นนี้ไม่กลัวหรือว่าข้าจะตอบรับท่านจริง? คนมีความสามารถเช่นเจ้า ย่อมไม่มีสำนักใดย่อมที่จะผิดพลาดไปได้อย่างแน่นอน”

 

“หากนางซียนตอบรับเช่นนั้นจริงแล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็ย่อมต้องขอเดิมพันเสียหน่อย ยังไงซะก็ย่อมต้องตายอยู่ใต้กระโปรงของนางเซียน เป็นผีสางวนเวียนอยู่ในนั้น!” เยี่ยจงหัวเราะฮาฮาขึ้นมา ทอสีหน้าไม่แยแส เขายังคงกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วไม่หยุด ในช่วยพริบตานั้นเอง ก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบในระดับสูงสุด

 

แล้วก็ได้มีเสียงหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ดังออกมา ร่างกายของซูม่อหยงก็ได้ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว นางหัวเราะมุ่งไปทางด้านของเยี่ยจงในที่ห่างไกลออกไป ส่งเสียงกล่าวออกมา: “เสี่ยวเยี่ยจง นางเซียนชิงหญิงเป็นถึงหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนสวรรค์ เจ้าอย่างน้อยก็ทำได้เพียงแค่ฝันหวาน แต่ว่าเจ้าหากว่ากลับไปยังหุบเขาจิ้งจอกกับข้าแล้วละก็ ข้าไม่เพียงแต่จะคุ้มครองเจ้าด้วยชีวิต ไม่แน่ว่ายังจะสามารถให้เจ้ากินเป็นของหวานก็ยังได้เลย”

 

ในระหว่างที่กล่าว ซูม่อหยงก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ขึ้นมา บนใบหน้าก็ได้แสดงสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มออกมา

เยี่ยจงขนลุกชูชันขึ้นมา ซูม่อหยงผู้นี้คาดว่าก็คงจะมิใช่บุคคลธรรมดาอันใด ตนเองหากว่าเชื่อนางจริงแล้วละก็ อย่างน้อยในท้ายที่สุดคงจะต้องถูกนางแทะจนแม้แต่กระดูกก็ยังไม่หลงเหลือ

 

“สุนัขน้อยเยี่ย เจ้าอย่าได้มัวแต่เสียเวลาอีกเลย วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!” ในบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง มือข้างหนึ่งที่ถือไว้ด้วยกระบองของราชันวานร ก็ได้ย่างกรายมาพร้อมกับหมอกสีดำ เคลื่อนที่ไปมาด้วยระดับความเร็วสูงสุด มันก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง ราวกับเกลียดชังเยี่ยจงจนแทบจะฟาดให้ตายคามือ

 

เยี่ยจงมองไปที่มัน ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาเช่นเดียวกัน หากว่าตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นตนเองย่อมตายลงอย่างแน่นอน ทว่าถ้าหากตกไปอยู่ภายใต้มือของสายโลหิตแห่งมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อแล้ว คาดว่าถึงแม้ว่าตนเองต้องการที่จะตายก็ยังเป็นไปไม่ได้ นั้นก็เพราะว่าเยี่ยจงนั้นย่อมต้องเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าตนเองนั้นได้กระทำเรื่องราวอย่างเช่นการฆ่าสังหารเชื้อสายแห่งมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อไปถึงห้าตน ถือได้ว่าเป็นการยั่วยุโทสะของพวกมันได้ถึงระดับใด

 

“เหอะเหอะเหอะ……น้องเยี่ย เจ้าหนีไปอย่างรวดเร็วไปทำไมกัน? พี่สาวยังไม่ทันจะได้แสดงความขอบคุณต่อเจ้าเลยนะ หรือไม่ว่าเจ้าก็มาเป็นแขกที่บ้านพี่สาวดีเล่า? ข้าจะพาเจ้าไปท่องเที่ยวนครเผ่าซือของเรา เจ้าวางใจได้เลย เผ่าซือข้าอย่างน้อยก็คงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถที่จะปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยได้!” หลิงม๋งย่างกรายออกไปประดุจหมอกควัน นางใช้ออกมาด้วยระดับความเร็วสูงสุด พริบตานั้นก็ได้ร่นระยะทางไปคืบใหญ่

 

เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกมาด้วยความเร็วสูงสุดติดต่อกัน ไล่ติดตามไปยังเหล่าผู้คนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เหล่าพระยาปีศาจ ราชันปีศาจเหล่านี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมืออัจฉริยะผู้โดดเด่นของแต่ละสำนักเผ่าพันธุ์ ย่อมไม่มีคนใดที่เรียกได้ว่าต่อกรได้อย่างง่ายดาย พวกเขาแม้ว่าจะมีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเท่านั้น ทว่าเมื่อต้องสู้การอย่างจริงจัง เกรงว่าคงสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยพลังที่ไม่แพ้พลังของยอดฝีมือระดับราชันพลังเทวะขั้นหนึ่งเลย

 

ชิงหญิง หลิงม๋ง ซูม่อหยง ชิงยี่……

 

สายตาของเยี่ยจงก็ได้กวาดเข้าไปยังบนร่างกายของผู้คนเหล่านั้น จากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ คนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นคนใดก็ตาม หากว่าเป็นการประลองตัวต่อตัวแล้วละก็ ตนเองย่อมไม่เกรงกลัวพวกเขาอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าต่อให้ไม่พ่าย อย่างน้อยก็ยังพอที่จะคงสภาพร่างกายสมบูรณ์ถอยไปได้ ทว่าถ้าหากมีผู้คนมากมายเช่นนี้ลงมือพร้อมกันแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย จะกลายเป็นแต่เพียงหาที่ตายเท่านั้น

 

และนอกจากคนที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว พระยาปีศาจที่หลงเหลืออีกมากมายที่ต่างก็ได้ถูกที่ได้ถูกสลัดหลุดไปแล้ว ที่สามารถไล่ตามขึ้นมาได้นั้น ต่างก็เป็นผู้ที่อยู่ในระดับราชันปีศาจ แน่นอนว่า ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ยังคงมีคนอยู่อีกหลายคนที่มาจากเผ่าสำนักอื่นๆ ที่อยู่ในระดับราชันซ่อนเร้นคอยสอดส่องอยู่ จนทำให้เยี่ยจงนั้นเริ่มที่จะหดหู่ขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว เยี่ยจงแม้แต่การจะรวมตัวไปที่กลุ่มลูกศิษย์ของซือคงจาก็ยังไม่อาจที่จะกระทำได้ นั้นก็เพราะว่าเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเหล่านั้นก็ได้ถูกเหล่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและระดับราชันขัดขวางเอาไว้ เยี่ยจงแม้ว่าจะมีระดับความเร็วที่เร็วยิ่ง ทว่าภายในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ในที่สุด จนเมื่อท้ายที่สุด เขาก็ไม่อาจที่จะไม่นำเอาแผ่นป้ายหยกที่จงหลี่มอบให้ออกได้ จากนั้นก็ได้มองไปยังด้านหลังของแผนที่คราหนึ่ง เพื่อที่จะออกมาจากดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ด้วยวิธีที่พิเศษเฉพาะ

 

ทว่าต่อให้เป็นเฉกเช่นนี้ เหล่าคนคุ้นเคยที่ไล่ตามอยู่ทางด้านหลังก็ยังไม่มีทีท่าที่จะยอมแพ้แม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีผู้คนไม่น้อยแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นบนใบหน้าก็ได้ปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า เยี่ยจงเมื่อออกไปจากดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ ก็เปรียบเสมือนได้ออกไปจากการระยะการคุ้มครองของมหาราชันเผ่ามนุษย์ซือคงจาไปเท่านั้น ในเวลาเดียวกันก็มีสายตาที่มองเข้ามาลดน้อยลง ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะตกไปอยู่ในมือของผู้ใด หากมองในมุมมองของคนเหล่านั้น ต่างก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี

 

“เสี่ยวเยี่ยจื่อ ยังคงติดตามพี่สาวไปจะดีกว่านะ พี่สาวชื่นชอบหนุ่มน้อยอย่างเจ้าที่สุด พี่สาวจะดูแลถนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีเลย!” หลิงม๋งสาดประกายดวงตาประดุจสายน้ำ ร่างกายก็ได้อ่อนช้อยขึ้นมา เป็นที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ขณะนี้ก้าวเดินเข้ามาติดต่อกัน ประดุจดั่งเดินอยู่ภายใต้แสงจันทราออกมา หมายที่จะหยุดเยี่ยจงเอาไว้ท่ามกลางอากาศ

 

“สาวงาม ข้าว่ายังคงรอก่อนเถอะนะ หลังจากที่ข้าเข้าสู่ขั้นมหาราชันแล้ว จะต้องไปเสาะหาเจ้าเพื่อตามหาวาสนาที่เผ่าซือเจ้าอย่างแน่นอน ตอนนี้ยังมิใช่ช่วงเวลาที่ดีนัก!” เยี่ยจงหัวเราะฮาฮาออกมา ทว่าก็ได้เกิดความหวั่นไหวขึ้นมาภายในจิตใจ เพิ่มระดับความเร็วมากยิ่งขึ้น วิชาดำดินรุกคืบในขณะนี้ก็ได้ถูกเขาใช้ออกมาจนถึงขีดสุด ในทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน เขาก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกทางด้านหนึ่งภายในพริบตา ถ้าหากว่ามิใช่ว่าขณะนี้ถูกผู้คนเหล่านี้ไล่ตามมา หากใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบด้วยการเตรียมพร้อมแล้วละก็ ขณะนี้คงจะสลัดพวกเขาหลุดไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

พื้นที่ราบเสี่ยวหนาน อยู่ในใจกลางของใจกลางของดินแดนซีฮวงภายในป่าเขา และหุบเขาเหล่านี้ ถนนหนทางต่างก็เป็นขุนเขาสูงชัน

 

สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกขานว่าพื้นที่ราบเสี่ยวหนาน หากมองในมุมมองของยอดฝีมือมากมายแห่งแดนซีฮวงแล้ว ก็เปรียบเสมือนพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งก็มิปาน

 

นั้นก็เพราะว่า ผู้คนมากมายต่างก็ทราบกันดี ว่าระหว่างท่ามกลางดินแดนหนานฮวงแห่งสี่ดินแดน ตลอดทั้งปีต่างก็มีสิ่งที่น่าหวาดกลัวแผ่ขยายไปนับพันลี้ จนทำให้ก่อเกิดการสูญสลายไปนับพันหมื่นปี แผ่กระจายเพลิงกาฬไปนับหมื่นลี้

 

และตำแหน่งที่เป็นประดุจใจกลางของพื้นที่ราบเสี่ยวหนาน ก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงกาฬแห่งการดับสูญไปทั่วทั้งขุนเขา

 

กล่าวกันว่าทั่วทั้งขุนเขาเมื่อสมัยก่อนนี้เป็นเพราะมีเทพผู้ยิ่งใหญ่ลงโทษดินแดนแห่งนี้ จากนั้นก็ได้ใช้เพียงฝ่ามือเดียวในการเปลี่ยนแปลงสภาพขุนเขากลายเป็นเช่นนี้ ส่วนเรื่องเล่าขานนี้จะเป็นจริงหรือแปลกปลอมนั้น ทว่าก็ยังมีส่วนที่เป็นจริงอยู่ส่วนหนึ่งก็คือ พื้นที่ราบเสี่ยวหนานแห่งนั้นที่เป็นดั่งใจกลางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเพลิงกาฬตลอดทั่วทั้งปี ไม่ทราบว่าได้ผ่านพ้นวันเวลาเดือนปีไปมากมายเท่าไร ที่แท้แล้วเกิดการสูญสลายไปมากน้อยกี่ปี ในข้อนี้กลับไม่อาจที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดได้

 

ในเวลาเดียวกัน เพลิงกาฬเหล่านี้ก็ยิ่งปกคลุมปรากฏขึ้นไปทั่วทั้งอากาศก็มิปาน ประดุจเหมือนมีการคงอยู่เช่นนี้มาโดยตลอด ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเป็นหินลาวา แต่เพลิงกลับหลั่งไหลออกมาจากพื้นดินมาโดยตลอด ทว่ากลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะสามารถอยู่ได้ หรืออาจจะคงอยู่ได้ไม่นาน แทบจะไม่อาจที่จะหาวิธีต้านพลังการดับสูญได้

 

กล่าวกันโดยทั่วไป พื้นที่ราบเสี่ยวหนานนี้ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งขุนเขาสายนี้ อีกทั้งยังกลายเป็นการคงอยู่ของดินแดนต้องห้าม ภายใต้แผนที่ที่จงหลี่มอบให้ ได้มีการระบุเอาไว้อย่างละเอียด ว่าพื้นที่ราบเสี่ยวหนานแห่งนี้นั้นอยู่ไม่ห่างไกลจากดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้มากนัก อีกทั้งยังอันตรายอย่างถึงที่สุด หากว่าเข้าไปใกล้อย่างไม่ระมัดระวังก็คงจะต้องถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้ นั้นก็เพราะว่าต่อให้เป็นระดับมหาราชันที่มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วละก็ ก็ยังทนอยู่ในระยะห่างจากสถานที่แห่งนี้ได้ไม่นานนัก

 

เยี่ยจงขณะนี้ก็ได้ถูกกลุ่มคนคุ้นเคยเหล่านี้ไล่ล่าสังหารมาใกล้กว่านับพันลี้ เขาได้เดินทางตามเส้นทางที่จงหลี่มอบให้ในแผนที่มา ที่เป็นพื้นที่เฉพาะที่หลบเลี่ยงจากเส้นทางที่อันตรายเหล่านี้ ทว่าไม่นานนัก เขาก็ได้พบว่า ไม่ว่าเขาจะหลบหนีอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ นั้นก็เพราะว่าเหล่าคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นประดุจดั่งมีหางเล็กๆ อยู่ก็มิปาน (เปรียบว่าเป็นเหมือนสุนัข) ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจที่เขาจะสลัดให้หลุดออกไปได้ จนทำให้เขานั้นรู้สึกขนลุกชูชัน เด็กน้อยเหล่านี้นั้นถือได้ว่าใรความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไล่ล่าเขามาตลอดทาง อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาไปเลยแม้แต่น้อยเลย จนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นอย่างถึงที่สุด

 

ไม่นานนัก เยี่ยจงก็ได้เริ่มที่จะเข้าไปใกล้ยังพื้นที่ที่บันทึกเอาไว้อยู่ภายในแผนที่ พื้นที่ราบเสี่ยวหนาน ก็สามารถที่จะพบเห็นได้พื้นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงกาฬสีแดงไปตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าก็มิปาน แดงระเรื่อไปตลอดทั่วทั้งฟ้า เกิดเพลิงผลาญไปไกลนับหมื่นลี้!

 

“เจ้าสุนัขเยี่ย ตอนนี้เจ้าต่อให้ขึ้นสู่สวรรค์ก็ไม่มีประตูสู่ทางรอดให้เจ้าหรอก ข้าก็อยากที่จะดูสักหน่อยว่า เจ้าจะสามารถหลบหนีไปยังสถานที่อะไรกันแน่!” ราชันวานรแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจก็ได้ไล่ตามมาถึงสถานที่แห่งนี้อย่างไม่เร่งรีบ ภายในดวงตาของมันก็ได้เผยรังสีสังหารออกมา ร่างกายก็ได้เคลื่อนไหวเข้ายับยั้งเส้นทางทั้งหมดของเยี่ยจงเอาไว้ ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา

 

ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้หยุดลงอยู่ในอีกทางด้านหนึ่ง ปิดทางหลบหนีเอาไว้อีกทั้งสามด้าน มิให้เยี่ยจงถอยหนีไปได้ นั้นก็เพราะว่าบริเวณทางด้านหน้าร่างกายของเยี่ยจงในขณะนี้นั้นก็คือพื้นที่ราบเสี่ยวหนาน เขาในขณะนี้ ก็เป็นเหมือนดั่งถูกกักขังเอาไว้อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้เอาไว้ ต่อให้คิดหลบหนีก็ไม่อาจที่จะหลบหนีไปยังเส้นทางอื่นใดได้

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาเดิมทีคิดที่จะทะยานไปยังทางด้านพื้นที่ราบเสี่ยวหนาน คิดที่จะหาวิธีหลบหนีสลัดหลุดจากเด็กน้อยเหล่านี้ ทว่าคิดไม่ถึงเด็กน้อยเหล่านี้ถึงกับคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้เป็นอย่างดี ราวกับได้มีการคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าตนเองจะต้องกระทำเรื่องเช่นนี้เอาไว้ก็มิปาน ถึงกับเข้าปิดกั้นเส้นทางที่หลงเหลืออยู่อีกทั้งสามเส้นทางที่ตนเองใช้ไว้หลบหนีเอาไว้

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา เขานั้นมิได้เคลื่อนไหวอันใดมากมายนัก เพียงแต่จดจ้องมองไปยังทางด้าน” คนคุ้นเคย” เหล่านี้อย่างเย็นเยียบ ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง

.

.

.

.

 

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset