เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 492 กลางไฟ

ตอนที่ 492 กลางไฟ

 

ระหว่างที่ยอดฝีมือหุบเขาหมื่นปีศาจมากมายได้จากไป ยอดฝีมือที่ได้ไล่ล่ามาหลังจากที่เกิดความลังเล ก็ได้ทะยานร่างถอยจากไปจนหมดสิ้น นั้นก็เพราะว่า พื้นที่ราบเสี่ยวหนานนี้อันตรายเป็นอย่างมาก ต่อให้พวกเขาทั้งหมดต่างฝ่ายต่างก็มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็ยังไม่อาจที่จะรั้งอยู่ได้นานนมจนเกินไปนัก

 

“สุดยอดรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งเผ่ามนุษย์ คงจะไม่สาบสูญไปอย่างง่ายดายหรอกนะ……” นางเซียนชิงหญิงก็ได้แสดงสีหน้ารับไม่ได้ขึ้นมา บนใบหน้าก็ได้แสดงอารมณ์ประหลาดขึ้นมา ภายใต้การปกคลุมของเตาหลอมเล็กที่ส่องเป็นประกายอยู่ นางก็ถือได้ว่าอยู่ในสถานที่แห่งนี้อยู่นานพอสมควรแล้ว หลังจากที่ได้ตัดสินใจว่าจะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นมาอีกอย่างใจเย็นแล้ว นางจึงได้ค่อยส่งเสียงถอนหายใจออกมา หันกายหมายจากไป

 

ชิงยี่ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ตนเองยังมิได้เห็นเยี่ยจงตายตกไปกับตา หากมองในมุมมองของเขาย่อมไม่อาจที่จะวางใจได้ เขานั้นก็ได้อยู่ภายในเพลิงกาฬลำดับที่ห้าครุ่นคิดอยู่นาน แต่ว่าในที่สุดก็มิได้เข้าไปต่อ เพียงแต่หันกายจากออกไป

 

ซูม่อหยงและหลิงม๋งก็ได้สบตามองกัน แล้วก็ได้หัวเราะออกมาด้วยความเย้ายวนขึ้นในเวลาเดียวกัน พวกนางเดิมทีก็ได้ตัดสินใจได้แล้ว ว่าในครั้งนี้เยี่ยจงจะต้องตายลงไปอย่างแน่นอนแล้ว

 

ไม่นานนัก ผู้คนทั้งหมดที่ไล่ล่ามาจนถึงพื้นที่ราบเสี่ยวหนานก็ได้หายสาบสูญไปจนหมดสิ้น แน่นอนว่า คนเหล่านี้ย่อมไม่อาจที่จะวางใจได้อย่างแท้จริง พวกเขาอย่างน้อยก็คงจะต้องหาวิธีลงมือ เพื่อที่จะเสาะหาวาสนาที่อยู่ภายในพื้นที่ราบเสี่ยวหนานมาครอบครองให้ได้ พวกเขาย่อมไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแทรกซ้อนขึ้นโดยไม่จำเป็นอยู่แล้ว

 

เพลิงกาฬลำดับที่หก เพลิงกาฬเหล่านี้ก็ยิ่งทอแสงสีทองมากยิ่งขึ้น จนมีลักษณะอมม่วงชนิดหนึ่งขึ้น ดูไปแล้วน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

ราชันปีศาจตนนั้นก็ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาด้วยความน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่ากระบวนท่านี้ ได้ทำให้ร่างกายของเยี่ยจงกระเด็นหายเข้าไปภายในเพลิงกาฬนับสิบลี้ มุ่งหน้าเข้าไปยังภายในที่เป็นดั่งเพลิงกาฬลำดับที่หก

 

ในขณะนี้เอง ร่างกายเยี่ยจงราวกับมีบางอย่างแตกกระจายขึ้นมาภายในพริบตา คล้ายดั่งถูกเผาผลาญ ยังดีที่ปู่หลุนที่ชมชอบหลอกลวงมาโดยตลอดในครั้งนี้ยังถือได้ว่ายังพึ่งพาได้ ภายใต้ประกายแสงที่มันสร้างขึ้นมา ก็ได้ปกป้องกายเนื้อของเยี่ยจงเอาไว้ จนทำให้กายเนื้อของเขาเกิดอาการบาดเจ็บลดน้อยลงไปได้ภายในพริบตา

 

“ตูม——”

 

ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้กระแทกชนเข้ากับพื้นดิน ขณะนี้ถึงแม้ว่าจะมีเสี่ยวหลุนลงมือออกมา แต่ว่าเขาก็ยังคงสัมผัสได้อยู่ว่า เพลิงกาฬสีม่วงเหล่านี้นั้นมีอันตรายมากมายถึงเพียงใด

 

เสี่ยวหลุนก็ได้ร่ำร้องด่าทอออกมาด้วยความเจ็บปวดใจไม่หยุด ตะโกนไปมาว่าตนเองขาดทุนไปมากน้อยถึงเพียงใด อีกทั้งยังไม่ง่ายเลยที่จะฟื้นฟูพลังกลับคืนสู่สภาวะเดิมได้ ก็เกือบที่จะต้องตายตกลงไป

 

“ตูม——”

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนไป เขาสามารถที่จะสัมผัสได้อย่างกระจ่างชัด ถ้าหากเสี่ยวหลุนทานเอาไว้ไม่อยู่แล้วละก็ ตนเองก็คงจะไม่อาจที่จะรอดพ้นไปจากเพลิงกาฬเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน ต่อให้ตนเองมีพลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็ก แต่เมื่ออยู่ภายในสถานที่แห่งนี้กลับไม่อาจที่จะประโยชน์ได้เลย

 

เยี่ยจงก็ได้ถอยกายไปทางด้านหลัง หมายที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เป็นเวลาแรก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะอยู่ภายในเพลิงกาฬลำดับที่หกนี้นานจนเกินไป นั้นก็เพราะว่าหากเป็นเช่นนี้แล้วละก็ ตนเองก็คงจะต้องมอดไหม้กลายเป็นเพียงหมอกควันได้ทุกเวลา

 

“ตูม——”

 

ในขณะที่ได้ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง พริบตานั้นสีหน้าก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ถึงแม้ว่าจะมีการป้องกันเช่นนี้อยู่ด้วย เพลิงกาฬลำดับที่หกนี้ มีแต่เข้าได้ ไม่อาจที่จะถอยไปได้!” เยี่ยจงก็ได้เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ในพริบตานี้เอง เขาที่ได้พบเจอผ่านพ้นกับกฎเกณฑ์มากมาย ภายในท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่หกนี้ การก้าวเดินเข้ามานั้นถือได้ว่าง่ายดายอย่างมาก แต่ว่าในขณะที่ถอยออก กลับยากยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นเขา เรื่องเช่นนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปเป็นอย่างมากแล้ว

 

“นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปแล้ว จากข่าวสารที่เขาได้รับมาจากจงหลี่ว่าภายในหุบเขาสายนี้นั้นได้มีพื้นที่อยู่ส่วนหนึ่ง ที่ไม่อาจที่จะเข้าไปโดยเด็ดขาด แต่คิดไม่ถึงว่าสถานที่แห่งนี้กลับมีความแปลกประหลาดถึงเพียงนี้

 

“นี้มิใช่เขตกักกัน แต่เป็นกฎเกณฑ์ชนิดหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าคงจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดลงมือกระทำเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้สามารถเข้ามาแต่ออกไปมิได้ ” เสี่ยวหลุนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา “เดิมที หากว่ากล่าวกันตามเหตุผล ในก่อนหน้าเพลิงกาฬลำดับที่หก สมควรที่จะมีเครื่องบ่งบอกเอาไว้ ว่ามิให้คนรุ่นหลังเข้ามาจึงจะถูกต้อง แต่ว่าเจ้าวานรที่น่าตายนั้นกลับต้องการที่จะให้พวกเราตายทั้งเป็นงั้นหรือ!”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เสี่ยวหลุนก็ได้ทอประกายแสงสีขาวขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงดัง” ชิชิ” ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิเช่นนี้ต่อให้เป็นพลังฝีมือเฉกเช่นมันเอง ก็ยังใช่ว่าจะสามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้หมด

 

“บัดซบ! หากว่าปู่หลุนข้าอยู่ในสภาวะที่พร้อมสรรพ เพลิงกาฬเหล่านี้แม้แต่ปลายพลังของข้าก็ยังทำอันใดมิได้หรอก ยังไงเสียก็ยังน้อยกว่าความร้อนของดวงอาทิตย์อยู่แล้ว……” เสี่ยวหลุนส่งเสียงชิชิชะชะออกมา เต็มเปี่ยมไปด้วยความหดหู่

 

“เจ้าหนูบัดซบ เจ้าก็รีบหาวิธีเร็วเข้า ดูว่าในตัวของเจ้ายังสามารถที่จะใช้สิ่งของใดเพื่อที่จะต้านทานกับเพลิงกาฬเหล่านี้ได้ ปู่หลุนอาจจะคุ้มครองเจ้าได้สิบวันครึ่งเดือน แต่ว่าถ้าหากไม่คิดหาวิธีแล้วละก็ ปู่หลุนข้าก็คงต้องจบสิ้นเช่นกันแล้ว!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงเศร้าโศกออกมา “ปู่หลุนข้าทำไมถึงโชคร้ายเช่นนี้ ต้องมาพบเจอกับเด็กน้อยเช่นนี้ผู้นี้กันเนี้ย!”

 

“มีวาจาไร้สาระมากมายจากไหนกัน!” เยี่ยจงเกือบที่จะพลิกฝ่ามือฟาดลงไป ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ขมวดคิ้วครุ่นคิดขึ้น ขณะนี้ถือได้ว่าอยู่ในสภาวะอันตรายอย่างถึงที่สุด ต่อให้เขาที่ได้ฝึกปรือพลังกายาทองไม่สูญสลายมา อีกทั้งยังมีเสี่ยวหลุนคอยคุ้มครองอยู่ ก็ยังคงเกิดความเจ็บปวดตามร่างกายอยู่

 

“เจ้าเด็กน้อยเหล่านั้น หากว่าในครั้งนี้ข้าสามารถที่จะหนีรอดไปอย่างมีชีวิตได้แล้วละก็ จะต้องตอบแทนพวกเขาให้สาสม!” เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา จนเกิดอาการคันตามไรฟัน แต่ว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งก็เพราะว่าในขณะนี้ไม่ว่าจะกล่าววาจาไร้สาระอันใดออกมา เขาก็ทำได้เพียงเหมือนกับบีบไปที่จมูกของตนเองเท่านั้น

 

“ไฟ——”

 

เยี่ยจงก็ได้ล้วงเอาคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ออกมา ทว่าวัตถุชิ้นนี้ถึงแม้ว่าจะคงความลี้ลับมากมายอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ว่าขณะนี้ก็ยังมิได้มีความเปลี่ยนแปลงอันใดมากมายนัก จนทำให้เยี่ยจงเกิดรู้สึกคันที่ศีรษะขึ้นมาเป็นสาย วัตถุชิ้นนี้ถึงแม้ว่าจะปรากฏขึ้นมาภายในดินแดนแห่งนี้ ด้านในได้บันทึกสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเอาไว้ อีกทั้งหากใช้ในเชิงหลักการฝึกปรือ ย่อมต้องส่งผลไปจนถึงรากฐาน แต่ว่า วัตถุชิ้นนี้กลับมิได้มีประโยชน์ใช้สอยอันใดมากมายนัก ไม่อาจที่จะใช้มาเพื่อปกป้องคุ้มครองร่างของตนเองในตอนนี้ได้

 

“กระบี่แสงจันทร์ก็ไม่ไหว ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุครึ่งหนึ่ง แต่ว่ามันที่มีรังสีสังหารที่หนักหน่วง ยิ่งไม่เหมาะที่จะใช้มาเพื่อคุ้มครองร่างกาย ” เยี่ยจงยิ่งทวีคันที่ศีรษะขึ้นมาอย่างถึงที่สุด กระบี่แสงจันทร์นี้เดิมที่แล้วถือได้ว่าเป็นไพ่ตายชิ้นใหญ่ที่สุดของตนเอง มีการคงอยู่ที่เหมาะสมในการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินมากที่สุด แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น ด้วยไพ่ตายที่พอที่จะใช้ได้ในสภาวะเช่นนี้ได้ในขณะนี้กลับแทบจะไม่มีเลย จนทำให้เขาหดหู่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

“ใช่แล้ว? ข้าลืมของสิ่งนี้ไปได้อย่างไรกัน?”

 

ทันใดนั้น เยี่ยจงก็ได้ตบไปที่ศีรษะคราหนึ่ง แล้วก็ได้นึกถึงสิ่งของชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้ นั้นก็คือคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันก่อนหน้านี้ ที่เป็นส่วนวิทยายุทธ์ระดับก่อฟ้า

 

สายทางแห่งดวงตะวันเป็นสิ่งที่จักรพรรดิฟ้าตะวันออกหลงเหลือสิ่งที่เป็นรากฐานแห่งพลังยุทธ์เอาไว้ กล่าวกันว่า จักรพรรดิฟ้าตะวันออกนั้นก็ถือได้ว่าเป็นจักรพรรดิฟ้าที่มีความสำเร็จในเชิงแห่งธาตุไฟ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าทั้งห้าทิศ สืบทอดกันมาภายใต้สิ่งที่มีชื่อว่าสายทางแห่งดวงตะวัน ซึ่งได้รวมเอาไว้ด้วยพลังความสามารถอันมหาศาล

 

เยี่ยจงต่อให้ครุ่นคิดขึ้นมาอย่างละเอียด หากว่าสามารถที่จะฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวันได้ ฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวันออกมาจนกลายเป็นลมปราณใช้ไว้คุ้มครองร่างกายได้แล้วละก็ ก็สมควรที่จะพอต้านทานเพลิงกาฬลำดับที่หกนี้ได้

 

ทว่าการกระทำเช่นนี้ก็ถือได้ว่ามีความเสี่ยงที่แน่นอนอยู่แล้ว นั้นก็เพราะว่า หากว่าเมื่อใช้ออกมาด้วยสายทางแห่งดวงตะวัน นั้นก็เป็นเหมือนกับการดูดเพลิงกาฬเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย หากว่าสำเร็จก็แล้วไป ถ้าหากล้มเหลวแล้วละก็ เช่นนั้นก็เกรงว่าคงจะต้องจบสิ้นลงทั้งหมดแล้ว

 

“ช่างเถอะ วัดดวงกัน หากว่าโชคดีแล้วละก็ ยังพอที่จะทำให้สายทางแห่งดวงตะวันสามารถอยู่ในสภาวะเต็มเปี่ยมได้ ” หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจขึ้นมา เขานั้นย่อมไม่เหมือนคนปกติธรรมดา ในช่วงเวลาเดียวกันที่ได้ตัดสินใจ ก็ได้พลิกรอยตราบนฝ่ามือขึ้น แล้วก็ได้นั่งสมาธิลงกับพื้น ค่อยๆ ที่จะไหลเวียนพลังสายทางแห่งดวงตะวันขึ้นมา

 

เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงดังชิขึ้นมา มันก็ได้เริ่มที่จะเปิดสภาวะอากาศขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะให้เพลิงกาฬสีม่วงเหล่านี้เข้าไปยังภายในสภาวะคุ้มกายได้ เพื่อที่จะเป็นการกระตุ้นสภาวะร่างกายของเยี่ยจง

 

“ชิ——”

 

เดิมทีเพลิงกาฬที่ประดุจดั่งอสรพิษเพลิงก็มิปาน ในช่วงเวลาที่ได้ไหลเวียนเข้าไปสู่ภายในร่างกายของเยี่ยจง ระหว่างนั้นก็ได้ไหลเวียนพลังสายทางแห่งดวงตะวัน ถึงกับเริ่มต้นที่จะถูกเขาหล่อหลอมขึ้นมาอย่างช้าๆ จากนั้นก็ได้เข้าไปภายในร่างกายของเขา จนกลายเป็นพลังปราณขนาดใหญ่ให้แก่เขา ในเวลาเดียวกัน สายทางแห่งดวงตะวันที่จุดตันเถียนของเยี่ยจงพริบตานั้นก็ได้รวมตัวกันขึ้นมาจนกลายเป็นมหาสมุทรตะวันผลาญขึ้นมา ท่ามกลางพลังปราณที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นดั่งเพลิงสมุทร ราวกับว่าในระหว่างนั้นก็ได้มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ชนิดหนึ่ง

 

“ราวกับว่า จะมีประโยชน์จริงยังไงอย่างงั้น?” เยี่ยจงตื่นเต้นขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้เงยหน้าขึ้น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “เสี่ยวหลุน ลองเริ่มที่จะดึงดูดสภาวะของเพลิงม่วงเหล่านี้ปล่อยให้มันเข้ามาดูหน่อย ข้าจะขอทดลองหล่อหลอมมันอย่างช้าๆ ”

 

เสี่ยวหลุนตอบรับคำหนึ่ง แล้วก็ได้ปล่อยเพลิงม่วงกลุ่มหนึ่งเข้ามา เยี่ยจงก็ได้สงบจิตลง ควบคุมพลังสายทางแห่งดวงตะวัน แล้วก็ได้หล่อหลอมเพลิงม่วงเหล่านี้อีกครั้ง

 

ช่วงเวลาต่อจากนี้ เยี่ยจงก็ได้ควบคุมสายทางแห่งดวงตะวันอย่างระมัดระวัง เริ่มที่จะหล่อหลอมเพลิงม่วงยิ่งมาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปได้ครึ่งเดือน เสี่ยวหลุนในที่สุดก็ไม่อาจที่จะทนเอาไว้ได้ เพียงแต่ว่า เพลิงกาฬสีม่วงเหล่านี้ในขณะนี้เรียกได้ว่าไม่อาจที่จะทำอันใดเยี่ยจงได้แล้ว ภายใต้สภาวะการไหลเวียนพลังสายทางแห่งดวงตะวัน ราวกับว่าสามารถที่จะทำให้เขาอยู่ภายใต้ทะเลเพลิงได้ดั่งใจนึก

 

“ตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันออก สายทางแห่งดวงตะวัน ถึงกับมีความลี้ลับและน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียว!” เยี่ยจงราวกับตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างลิงโลด เด็กน้อยกลุ่มนั้นไล่ล่าตนเองจนอับจนหนทาง ราวกับคิดที่จะบีบให้ตนเองตายตกลงในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่าขณะนี้กลับเป็นเหมือนได้เกิดใหม่ อีกทั้ง ยังถือได้ว่าเป็นการคว้าวาสนาเช่นนี้เอาไว้ จนทำให้ตนเองสำเร็จพลังสายทางแห่งดวงตะวันขึ้นไปอีกขั้น

 

ถึงแม้ว่า ขณะนี้ถึงแม้ว่าจะยังมิได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตย่อยอีกขอบเขตหนึ่ง เยี่ยจงก็มิได้เกิดความกังวล หากว่าฝึกปรือในสถานที่เช่นนี้ต่อไป อย่างน้อยก็คงจะต้องสำเร็จเข้าสักวัน

 

ในครั้งนี้ เยี่ยจงก็คร้านที่จะจากออกไป ประดุจว่าวันนี้ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาสายนี้ จะสามารถเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้ หากว่าสามารถที่จะฝึกปรืออยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ นอกเสียจากชนชั้นระดับมหาราชันลงมือด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วคนอื่นๆ อย่าว่าแต่ย่างกรายปรากฏตัวขึ้นมาในสถานที่เช่นนี้เลย กลับยิ่งมิต้องกล่าวถึงการปรากฏตัวของตนเองเสียด้วยซ้ำ

 

เยี่ยจงสงบใจตั้งใจฝึกปรือต่อไป ไม่นานนักเขาก็ค้นพบว่า เขาที่อยู่ภายใต้ท่ามกลางเพลิงกาฬสีม่วงสายนี้ ถึงกับสามารถไปๆ มาๆ ได้อย่างอิสระแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องถูกกฎเกณฑ์บางอย่างที่ไม่ทราบถึงที่มาที่ไปกักขังอีกต่อไปอีก จึงทำให้เยี่ยจงเบาใจลงได้ ขณะนี้อย่างน้อยที่สุดก็คือค้นหาเส้นทางในการหลบหนี

 

หลังจากผ่านไปอีกได้หลายวัน เขาก็ได้เข้าไปยังท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่ห้า ในทุกๆ ลำดับของเพลิงกาฬเมื่อได้ฝึกปรือได้สักพัก เขาก็ได้ค้นพบว่า ในระหว่างที่ได้หลอมรวมเพลิงกาฬหลากหลายลำดับ พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะมหาสมุทรตะวันผลาญก็ได้มีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมาอีกชนิดหนึ่ง ทว่าในเวลานี้กลับไม่อาจที่จะระบุได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงเช่นไร เพียงแต่ว่ามีความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะถูกต้องแฝงเอาไว้อยู่ภายใน ในครั้งนี้ตนเองได้ค้นพบกับโชคในคราวเคราะห์ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถค้นพบประโยชน์ใดก็เป็นได้

 

ไม่นานนัก เพลิงกาฬทั้งหกลำดับทางด้านหน้านี้เขาก็สามารถที่ได้ไปๆ มาๆ ได้อย่างอิสระ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ค้นพบบางอย่างขึ้นมา ท่ามกลางเพลิงกาฬทั้งหกนี้ ในบางครั้งก็จะสามารถที่จะพบเจอกับซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างขึ้นส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังมีถนนหนทางโบราณ เชื่อมโยงต่อกันขึ้นมา ที่ครอบคลุมเอาไว้อยู่ภายใต้ส่วนลึกของทะเลเพลิงผืนนี้

 

“สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะมีคนอาศัยอยู่มาก่อน นี้เป็นเหมือนเครื่องบ่งบอกว่า เมื่อก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้อย่างพื้นที่ราบเสี่ยวหนานสมควรที่จะมีการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตอยู่ และเป็นเพราะว่าแรงผลักดันจากภายนอกเข้ามา จนท้ายที่สุดก็ได้ปรากฏขึ้นมา จนกลายเป็นตกอยู่ท่ามกลางภายในเพลิงกาฬทั้งหก อีกทั้งยังมิได้ค้นพบวัตถุสิ่งของพิเศษอันใด เกรงว่าความลับที่แท้จริงนั้น คงจะซ่อนเร้นอยู่บริเวณภายในส่วนลึกของทะเลเพลิงสายนี้ ” เยี่ยจงงุนงงขึ้นมาอย่างถึงที่สุด จ้องมองไปยังทางด้านที่เป็นส่วนลึกของเพลิงกาฬลำดับที่หก ที่เขาคาดว่าคงจะสามารถที่จะพบเจอได้กับเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ด เพียงแต่ว่า เขาในขณะนี้ยังไม่มีสภาวะที่เตรียมพร้อม อีกทั้งยังไม่ทราบว่าหากเข้าไปภายในแล้วละก็ จะสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัยได้หรือไม่

 

“สถานที่แห่งนี้ คงจะมิใช่สถานที่แห่งนั้นที่ถูกเล่าขานกันหรอกนะ?” เสี่ยวหลุนที่หลายวันมานี้ได้อยู่ในห้วงแห่งความคิดมาโดยตลอด ในวันนี้ก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งภายในคำพูดยังรวมเอาไว้ด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

 

“ว่ายังไงนะ?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ทราบว่าเด็กน้อยเสี่ยวหลุนผู้นี้คงจะคิดอันใดขึ้นมาได้แล้ว

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset