เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 493 สิ่งที่อยู่ในพื้นที่แห่งสุสานเซียน

ตอนที่ 493 สิ่งที่อยู่ในพื้นที่แห่งสุสานเซียน

 

“กล่าวกันว่า เป็นแดนระหว่างที่มีเซียนอยู่……” เสี่ยวหลุนก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ภายในน้ำเสียงก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยลักษณะพิเศษเฉพาะเอาไว้อยู่

 

“แดนระหว่างที่มีเซียน?” เยี่ยจงก็ได้เกิดอาการสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ทอสีหน้าแปลกใจ เพราะว่าเท่าที่เขาทราบ นับตั้งแต่โบราณกาลมา ยอดฝีมือมากมายที่อยู่ในระดับขอบเขตอันน่าตกใจ ต่างก็คิดที่จะเดินสู่หนทางการเป็นเซียน เพียงแต่น่าเสียดาย ที่นับแต่โบราณกาลมา ยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดทำสำเร็จได้มาก่อน

 

กล่าวกันว่าในสมัยโบราณ ที่ทำให้จักรพรรดิฟ้าแตกออกเป็นห้าภาคจนเป็นเรื่องที่น่าตกใจ จนมีคำกล่าวอย่างถอดใจว่า: “วิชามนต์ตรานับหมื่นพัน เมื่อไร้ซึ่งรากฐาน แล้วจะไปสู่หนทางเซียนอย่างไร?”

 

ผู้บำเพ็ญทั้งหมด ต่างก็หวังที่จะเข้าสู่หนทางสู่การเป็นเซียน เพื่อการเป็นเซียน เพียงแต่ว่ายังไม่เคยมีใครกระทำได้สำเร็จมาก่อน ต่อให้จากบันทึกในสมัยโบราณกาล เกี่ยวกับหนทางสู่การเป็นเซียน ประดุจดั่งเหยียบย่างขึ้นสู่สรวงสวรรค์ แต่ว่าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง จึงกลายเป็นคำเล่าขานที่เลื่อนลอยหลายคำเท่านั้น

 

แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังคิดไม่ถึง เสี่ยวหลุนถึงกับเอ่ยขึ้นมาถึงเซียนในสถานที่เช่นนี้ได้

 

“ใช่แล้ว แดนระหว่างที่มีเซียน แต่ว่าเหล่าเซียนนั้นได้ตัดขาดออกจากโลกภายนอก และสร้างเพลิงเผ่าผลาญทั้งหมดเก้าชั้นเอาไว้ที่ภายนอก ยิ่งหากเป็นไปตามสิ่งที่ถูกเล่าขานเกี่ยวกับเซียนแล้ว สถานที่แห่งนี้ คงจะมิใช่สถานที่แห่งการสุสานแห่งเซียนหรอกกระมั่ง?” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา บอกกล่าวต่อเยี่ยจง จากนั้นก็ได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

“ความหมายของเจ้าก็คือ ภายในส่วนลึกที่สุดของทะเลเพลิงแห่งนี้ เป็นที่สุสานของเซียนงั้นหรือ?” เยี่ยจงทอสีหน้าแปลกใจขึ้นอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะคิดเช่นไรก็สามารถที่จะเป็นไปได้ทุกอย่าง

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก ทว่าถ้าหากเป็นแดนระหว่างที่มีเซียนจริงแล้วละก็……” เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงเคร่งขรึมขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า เรื่องราวเช่นนี้ต่อให้เป็นมันเอง ก็ยังไม่อาจที่จะตัดสินใจได้

 

เยี่ยจงครุ่นคิดขึ้นมา เกี่ยวกับพื้นที่ราบเสี่ยวหนานแห่งนี้ สิ่งที่เขาทราบกลับมีอยู่ไม่มากนัก ต่อให้เป็นเสี่ยวหลุนเองก็ยังไม่ค่อยที่จะทราบถึงเรื่องราวภายในสถานที่แห่งนี้มากนัก มีแต่เพียงการคาดเดาทั้งหมด ทั้งสองคนต่างก็มีวิธีการในการลงมือที่แตกต่างกันอยู่ไม่น้อย ย่อมยากที่จะตัดสินใจได้

 

“ปู่หลุนข้าขอเดิมพันซักครา! อย่างมากปู่หลุนข้าก็จะใช้เวลาทั้งหมดและพลังทั้งหมดในการคุ้มครองเจ้า ไม่ให้เจ้าเกิดเรื่องราวใดๆ พวกเขาสองคนเข้าไปยังส่วนลึกด้วยกัน หากว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเขตแดนเซียนจริงแล้วละก็ อย่างน้อยก็มีโอกาสที่จะเข้าสู่หลักแห่งเซียนได้ เรื่องเช่นนี้หากว่าถูกเปิดเผยออกไปแล้วละก็ ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ดินแดน ต่อให้เป็นยอดฝีมือสูงสุดคนอื่นๆ เกรงว่าก็คงจะต้องสูญสิ้นไปไม่น้อย!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความเร่าร้อนขึ้นมาอยู่หลายส่วน ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงสุสานแห่งเซียน แต่ว่ามันก็เห็นได้ชัดว่าไม่คิดที่จะผิดพลาดวาสนาโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน

 

เยี่ยจงครุ่นคิด สักพักหลังจากนั้นก็ได้พยักหน้าไปมาอย่างช้าๆ แล้วกล่าว: “ได้ พวกเราเข้าไปกัน ทว่าในทุกๆ ระดับข้าจำเป็นที่จะต้องฝึกปรืออยู่ซักหลายวัน ในส่วนนี้ข้าย่อมได้รับประโยชน์อยู่หลายส่วน ”

 

“ย่อมได้ ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง ” เสี่ยวหลุนในครั้งนี้ใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง

 

หลังจากที่ทั้งสองคนหารือกันก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระอีกต่อไป เยี่ยจงก็ได้ควบคุมพลังสายทางแห่งดวงตะวันออกมา ภายใต้การคุ้มครองของเสี่ยวหลุน ก็ได้ค่อยๆ ที่จะเข้าไปยังส่วนลึกของเพลิงกาฬลำดับที่แห่ง หลังจากที่เดินเข้าไปได้หลายสิบลี้ ในที่สุดก็พบเห็น ว่าภายในส่วนลึกของเพลิงกาฬลำดับที่หก ก็ได้มีเพลิงห้าสีโลดแล่นอยู่ภายในขึ้นเป็นสาย จนทำให้ก่อเกิดความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา

 

เพลิงกาฬเหล่านี้ประดุจดั่งเป็นสำนึกแห่งปราณของตนเองก็มิปาน จนทำให้เกิดสภาวะที่เปลี่ยนแปลงขึ้นมาภายในไม่หยุด มีทั้งต้นไม้สูงใหญ่ มีทั้งขุนเขาลำธาร มีทั้งวิหคสัตว์ประหลาด ประดุจดั่งเป็นกลายเปลี่ยนแปลงทั้งห้าสีที่เพลิงกาฬได้แสดงออกมาก็มิปาน

 

ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าเป็นที่น่าแปลกอย่างไร้ที่เปรียบ อีกทั้งยังมีพลังบรรยากาศที่เต็มเปี่ยม แต่ว่าก็สามารถที่จะทำให้เกิดการตื่นเต้นขึ้นมาตามจิตใจกายเนื้อของเยี่ยจง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าได้อยู่นอกเหนือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เกินกว่าธรรมดาไปมากก็ว่าได้

 

ขณะนี้ เยี่ยจงกลับมิได้เข้าไปยังเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ดทันที เพียงแต่อยู่ในมุมหนึ่งมองเข้าไปยังฉากเบื้องหน้า ถึงแม้ว่าจะมีการไหลเวียนจากพลังสายทางแห่งดวงตะวัน อีกทั้งยังมีเสี่ยวหลุนคอยคุ้มครอง เขาก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองเกิดการเผ่าไหม้ขึ้นมา ราวกับสามารถที่จะมอดไหม้ไปได้ทุกเวลาก็มิปาน

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นน้อยๆ มิได้เข้าไปยังส่วนที่ลึกขึ้น นั้นก็เพราะว่าหากยังไม่มีการเตรียมการที่พร้อมแล้วละก็ เขาก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องตายตกลงไปในทันที

 

“ดูเหมือนว่า มิได้มีแต่เพียงข้าเจ้าที่ได้เข้ามายังสถานที่ที่เรียกว่าสุสานเซียนแห่งนี้เท่านั้นแล้วละ เจ้ามองไปทางด้านนั้นดูสิ ” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แนะเยี่ยจง

 

เยี่ยจงทอดสายตากวาดเข้าไป จากนั้นก็ได้กระทบลงในบริเวณสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วก็ได้พบว่าในขณะที่ได้เข้ามายังเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดได้ไม่นาน ด้านบนพื้นดินก็ได้มีร่องรอยของผู้คนปรากฏขึ้นมาอย่างถี่ยิบ เห็นได้ชัดว่า ได้มีคนที่เป็นเหมือนดั่งเยี่ยจงก็มิปาน ได้เข้าไปยังส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ แต่ว่ากลับต้องมาตายตกอยู่ท่ามกลางภายใต้เพลิงกาฬห้าสีอันดับที่เจ็ด นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ถึงความน่าหวาดกลัวของสถานที่แห่งนี้

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราคงไม่อาจที่จะสามารถเข้าไปยังภายในโดยสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วละ ” เสี่ยวหลุนเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า แล้วน้ำเสียงก็ได้เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นอย่างมาก “หากดูจากสภาวะบนร่างกายของคนเหล่านี้แล้วละก็ ราวกับว่าคงจะอยู่ในระดับราชันพลังขั้นเทวะขั้นที่สี่ หรือไม่ก็ขั้นที่ห้าแล้ว ผู้คนมากมายเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่ามีการฝึกปรือที่แก่กล้า ยากที่จะทำลายลงได้ อีกทั้งยังต้องมีความรู้ที่สะสมมาเนิ่นนาน ดังนั้นจึงสามารถที่จะมาค้นหาความลี้ลับภายในสุสานเซียนแห่งนี้ได้ แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตายตกอยู่ในท่ามกลางของเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดนี้ แต่ว่า หากว่าจากในข้อนี้แล้วละก็ ท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่เก้า สมควรที่จะต้องมีความลับแห่งฟ้าอันยิ่งใหญ่อยู่แน่นอน ต่อให้มิใช่แดนสุสานเซียน อีกทั้งมิใช่ความลับแห่งเซียน แต่อย่างน้อยก็ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ”

 

“งั้นพวกเราจะเอายังไงดี? เข้าไปหาที่ตายงั้นหรือ?” เยี่ยจงลูบไปที่จมูกไปมา ต่อให้เป็นเขาที่ใช้วิชาพลังแห่งสายทางแห่งดวงตะวัน แต่ว่าขนาดยอดฝีมือระดับราชันขั้นเทวะระดับที่สี่ที่ห้าก็ยังต้องตายตกอยู่ภายในท่ามกลางเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดนี้ ตนเองกลับรู้สึกว่าไม่อยากที่จะเข้าไปหาที่ตายเช่นเดียวกัน

 

“ยังไม่ต้องรีบ ในบริเวณหัวมุมนั้น เสาะหาสถานที่ที่ดูแล้วเป็นเหมือนสถานที่ซ่อนเร้นภายในเพลิงกาฬ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าในการซึมซับเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดเอง ดูเหมือนว่าเจ้าก็คงจะสามารถที่จะใช้สายทางแห่งดวงตะวันเพื่อที่จะหล่อหลอมเพลิงกาฬเหล่านี้ หากว่าสามารถทำได้แล้วละก็ พวกเราก็จะเข้าไปได้อย่างไม่เสียหาย จนท้ายที่สุดก็จะสามารถที่จะเข้าไปยังภายในของเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดนี้ได้ ” เสี่ยวหลุนขณะนี้ก็ได้สงบจิตใจลงมา นั้นก็เพราะว่าการเข้าไปโดยตรงเช่นนี้ย่อมไม่มีความหมายอันใด ขณะนี้เขาก็ได้คิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ว่าได้

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อขณะนี้เขาไร้ซึ่งหนทางจะไปได้ สถานที่แห่งนี้ย่อมต้องส่งผลดีต่อการหล่อหลอมสายทางแห่งดวงตะวันของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจากไปอย่างรีบร้อน ต่อมาก็ได้ฝ่าเข้าเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดเข้าไป จนในที่สุดก็เสาะหาสถานที่ปลอดภัยได้แห่งหนึ่ง

 

ในขณะที่ได้นั่งสมาธิลงอยู่กับพื้น เยี่ยจงก็ได้ไหลเวียนสายทางแห่งดวงตะวันอยู่สามสี่รอบ หลังจากที่แน่ใจได้แล้วว่าจะไม่เกิดผลข้างเคียง เขาจึงค่อยส่งสัญญาณให้แก่เสี่ยวหลุนเพื่อที่จะดึงดูดเพลิงกาฬห้าสีเข้ามา

 

“ชิ——”

 

เสี่ยวหลุนก็ได้ทอประกายแสงสีขาวออกมา ชักนำเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดเข้ามาภายในอย่างระมัดระวัง จนปล่อยให้เพลิงกาฬที่มีลักษณะห้าสีกลุ่มหนึ่งเข้ามา โดยที่เริ่มต้นจากสายเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยส่งไปยังทางบริเวณทางด้านหน้าของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงครุ่นคิดสักพักจึงค่อยใช้สายทางแห่งดวงตะวันเพื่อที่หล่อหลอมเพลิงกาฬกลายเป็นพลังปราณได้ แต่ว่าไม่นานนัก เพลิงกาฬห้าสีนี้ถึงกับทำให้เกิดการมอดไหม้ภายในพลังปราณของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา ควรทราบว่า เขาในขณะนี้ได้ฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวัน ถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของมรรคแห่งไฟ เพียงแค่มองจากการที่สามารถที่จะไปมาอย่างอิสระภายในเพลิงกาฬลำดับที่หกก่อนหน้านี้ได้ ก็พอที่จะทราบได้ว่าเพลิงไฟธรรมดาแทบจะทำอันใดเขามิได้เลย แต่ว่าเพลิงกาฬห้าสีนี้ยังถึงสามารถที่จะเผาผลาญเข้าไปจนถึงลมปราณของเขาได้ เพียงแค่ข้อนี้ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความแห่งแกร่งของเพลิงกาฬห้าสีนี้ได้แล้ว

 

มาจนถึงขั้นนี้เยี่ยจงจึงค่อยเข้าใจขึ้นมาได้ ว่าเหตุใดยอดฝีมือชนชั้นราชันระดับเทวะขั้นที่สี่ขั้นที่ห้าถึงกับตายตกในสถานที่แห่งนี้ได้ นั้นก็เพราะว่าเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดเมื่อเทียบกับเพลิงกาฬลำดับที่หกก่อนหน้านี้แล้ว ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังถือได้ว่าอยู่ในขั้นที่โหดร้ายอย่างถึงที่สุด

 

ทว่าหลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็ยังมิได้ยอมแพ้แต่อย่างไร เพียงแต่ไหลเวียนพลังสายทางแห่งดวงตะวัน เข้าสู่การรับรู้ของเพลิงกาฬห้าสีสายนี้อย่างละเอียด จากนั้นก็ได้แบ่งออกมาเป็นทีละสาย ดูดซับเข้าไปยังภายในร่างกายอย่างระมัดระวัง

 

เขาก็ได้ทะลวงประสาทสัมพันธ์ไปทั่วทั้งร่าง ด้วยการหล่อหลอมสายทางแห่งดวงตะวัน จนสามารถที่จะซึมซับหนึ่งในสายของเพลิงกาฬห้าสีเข้าไปภายในร่างกายได้ภายในหนึ่งวัน จากนั้นจึงได้ค่อยๆ ที่จะดูดซับมันเข้าไปยังทะเลปราณของตนเองอย่างระมัดระวัง

 

“ตูม——”

 

พริบตาที่ได้เข้ามายังเพลิงกาฬห้าสีสายนี้ มหาสมุทรตะวันผลาญของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะก็ได้ปะทุประกายแสงคมกล้าอันร้อนแรงขึ้นมา จนปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง และในขณะนั้นเอง ทะเลเพลิงสายนี้ก็ได้เพิ่มพลังสภาวะความแข็งแกร่งของธาตุแห่งปราณมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ามีการปรากฏสิ่งที่พิสดารไร้รูปร่างออกมา ประดุจเพลิงกาฬอันดับที่เจ็ดก็มิปาน

 

“หรือว่า มหาสมุทรตะวันผลาญของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะนี้ของข้า จะถึงกับเป็นเพลิงกาฬในสถานที่แห่งนี้ และด้วยสภาวะที่แท้จริง ก็ได้ถูกรวมเข้าด้วยกันจนสำเร็จแล้วอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงแตกตื่นขึ้นมา ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปแล้ว ทว่ายังดีที่มิใช่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดี ในทางกลับกันกลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลดี แน่นอนว่า ในเวลาเดียวกันนี้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของสายทางแห่งดวงตะวันนั้นมีมากเท่าไร หากเปลี่ยนเป็นบุคคลอื่น หากว่าตนเองฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวันแล้วละก็ เกรงว่าคงยากที่จะกระทำเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาได้

 

เยี่ยจงครุ่นคิดขึ้นมาอย่างละเอียด แล้วก็ได้ปรึกษาหารือกับเสี่ยวหลุน หลังจากที่ทั้งสองได้ปรึกษาหารือกันอยู่นาน จึงได้ค่อยได้สรุปออกมา หากจะฝึกปรือต่อไปแล้วละก็ สมควรที่จะไม่มีปัญหาอันใด ถึงแม้ว่าจะทำให้เสียเวลาไปมากมายอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเยี่ยจงก็ยังสามารถที่จะเข้าไปยังภายในของเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ดได้ แต่ว่าทั้งหมดที่ทำลงไปก็ยังถือได้ว่าคุ้มค่าอยู่

 

หลังจากที่ปรึกษากันเสร็จแล้ว เยี่ยจงจึงค่อยให้เสี่ยวหลุนลงมือ แล้วก็ได้ดึงดูดเพลิงกาฬห้าสีเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง พลังแต่ละสายทั้งหมดทั้งมวลก็ได้ไหลเข้าภายในทีละเล็กทีละน้อย

 

เยี่ยจงไม่อาจที่จะไม่ทำเช่นนี้ได้ กระนั้น เพลิงกาฬห้าสีเหล่านี้ยังสามารถที่จะทำร้ายยอดฝีมือชนชั้นราชันระดับเทวะขั้นที่ห้าได้ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันเองก็ไม่อาจที่จะไม่เห็นเพลิงกาฬเหล่านี้อยู่ในสายตาได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังเอาไว้แล้วละก็ ผลลัพธ์ในตอนท้ายคงยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว

 

หลังจากที่ได้ผ่านพ้นการทดสอบหลายครั้งหลายครา จากการไหลเวียนพลังสายทางแห่งดวงตะวัน เยี่ยจงก็ได้เกิดพลังเพลิงกาฬห้าสีสายหนึ่งภายในทะเลปราณของตนเองขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ทว่าในทะเลปราณในครั้งนี้มิได้มีการเปลี่ยนแปลงที่มากมายจนเกินไป เพียงแต่ค่อยๆ ที่จะเป็นอิสระมากขึ้น แต่กลับมิได้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงขึ้นมา

 

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น จากการทดสอบอยู่หลายครั้งหลายคราเยี่ยจงก็ได้มั่นใจขึ้นมาได้ว่า เพลิงกาฬห้าสีสายนี้ แทบจะมิอาจที่จะใช้ประโยชน์ออกมาได้มากมายนัก อีกทั้งยังน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยอีก

 

ต่อจากนั้น เมื่อได้ผ่านการทดลองอยู่หลายครั้งหลายครา เยี่ยจงก็สามารถที่จะหล่อหลอมเพลิงกาฬห้าสีทั้งหมดยิ่งมาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนท้ายเขาก็สามารถที่จะปล่อยมือปล่อยเท้าลงมาได้ เพื่อหล่อหลอมเพลิงกาฬห้าสีนี้ได้อย่างแท้จริง

 

หลังจากผ่านไปสองวัน ท่ามกลางมหาสมุทรตะวันผลาญพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะภายในร่างกายของเยี่ยจง เพลิงกาฬผืนนั้นก็ได้ก่อรูปจนกลายเป็นเพลิงผลาญแห่งทะเลปราณทั้งหมดห้าสีขึ้นมา แต่ว่าสิ่งนี้หากมองในระยะยาวยังถือว่าไม่เพียงพอ ยังไม่อาจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้นมาได้

 

ในวันที่สาม เยี่ยจงก็ได้เริ่มที่จะซึมซับพลังเพลิงมากยิ่งขึ้น นั่งสมาธิลงอยู่บนหินไฟอย่างสงบ ร่างกายประดุจรูปปั้น ผ่อนคลายมือเท้าเอาไว้ สร้างพลังแห่งการหล่อหลอมเพลิงกาฬห้าสีไม่หยุด

 

ในวันที่สี่ บริเวณพื้นที่ว่างของทะเลปราณภายในตัวของเยี่ยจง ก็ได้ก่อเกิดพลังเพลิงผลาญแห่งเพลิงกาฬทั้งหมดห้าชั้นขึ้นมา ทะเลปราณท่ามกลางเพลิงกาฬของเขาก็ได้เกิดความหนาแน่นขึ้นจนมีลักษณะเป็นห้าสีขึ้นมา อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังจิตแห่งปราณที่ไม่ทราบที่มาที่ไปขึ้นอีกชนิดหนึ่ง เมื่อฝึกปรือมาจนถึงตรงนี้ เยี่ยจงจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขามิได้ดูดซับเพลิงกาฬห้าสีเข้าสู่ร่างกายต่อ นั้นก็เพราะว่าถ้าหากยังฝึกฝนต่อไปแล้วละก็ มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถเกิดการสูญเสียจนว่างเปล่าขึ้นมาได้

 

“หวังว่าทุกสิ่งจะผ่านไปอย่างราบรื่น!” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นก็ได้เริ่มต้นที่จะไหล่เวียนพลังสายทางแห่งดวงตะวันเพื่อฝึกปรือ ก่อรวมพลังภายในร่างกายเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งหมด

 

หนึ่งวัน สองวัน……หลังจากที่ผ่านไปแล้วเจ็ดวัน พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะที่จุดตันเถียนของเยี่ยจงก็ได้มีสีที่เปลี่ยนแปลงไปมา กลายเป็นเพลิงสมุทรที่มีทั้งหมดห้าสี ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางพลังปราณสมุทร ราวกับว่ามีภาพบางอย่างปรากฏขึ้นมา ในขณะนั้น ปราณสมุนทรก็มีปราณอยู่ภายในอีกชั้น ราวกับว่ากำลังจะทำการเปลี่ยนแปลงจนทำให้กลายเป็นดินแดนแดนหนึ่งก็มิปาน

 

“สำเร็จแล้ว!” เยี่ยจงลืมตาขึ้นมา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความผ่อนคลายขึ้นมาเป็นสาย

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset