เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 496 สีโลหิตของเซียน

ตอนที่ 496 สีโลหิตของเซียน

 

 

เยี่ยจงทันใดนั้นก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป นั้นก็เพราะว่าในเวลาเดียวกันกับที่เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา เขาก็ได้รับรู้ได้ถึงบางอย่าง ภายในของบัลลังราชันขนาดใหญ่นั้น ราวกับว่ามีการคงอยู่ของบรรยากาศประหลาดขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศประหลาดประดุจดั่งครรภ์เทวะเม็ดหนึ่ง ท่ามกลางครรภ์เทวะ ราวกับว่ามีการคงอยู่อันลี้ลับชนิดหนึ่งอยู่ มีการคงอยู่ของความน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง แต่ว่าก็ได้มีไอพลังที่ยากจะอธิบายขึ้นมาได้แผ่กระจายออกมาจากครรภ์เทวะออกมา จนทำให้ตลอดทั่วทั้งร่างกายสั่นเทาขึ้นมา ราวกับว่าพริบตานั้นแทบจะคุกเข่าลงต่อมัน

T/L: 神胎 ครรภ์เทวะ เป็นเม็ดกลมๆ ขนาดเล็กที่มีพลังแฝงเอาไว้อยู่ (ที่มาจาก baidu.com)

 

“สถานที่แห่งนี้ หรืออาจจะเป็นสถานที่เป็นสุสานเซียนอย่างที่เจ้ากล่าวมาก็เป็นได้……และการคงอยู่สูงสุดนี้เอง ต่อให้เป็นตำนานเล่าขานของเทพเซียนอย่างงั้นหรือ? และท่ามกลางครรภ์เทวะเม็ดนั้นเอว ก็คือเซียนงั้นหรือ?” เยี่ยจงกระตุกดวงตาติดต่อกันขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าเขานั้นได้พบเห็นกับสิ่งที่อยู่ภายในโดยบังเอิญ จนทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศสูงสุดที่ไหลเวียนเข้ามา

 

และภายในบัลลังก์ราชันขนาดใหญ่นั้นเองก็ได้มีสิ่งที่ลึกล้ำอยู่ นั้นก็คือเงาร่างของจุดสูงสุดที่ไม่ทราบว่ากำลังหลับตาอยู่หรือว่าจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่กันแน่

 

“พวกเขาเข้าไปไม่ได้แล้ว……” หลังจากนั้นสักพัก เสี่ยวหลุนจึงค่อยได้ถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง “ไปเถอะ สามารถที่จะมาจนถึงขั้นนี้ได้ ต่อให้เป็นวาสนาของพวกเราแล้ว หากว่าพวกเรายังไม่รู้จักถอยไปอีก ยังคิดที่จะเข้าไปยังส่วนลึกที่เป็นบัลลังก์ราชันนั้นต่อไปแล้วละก็ เกรงว่าพวกเราคงจะจบสิ้นไปนับตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว ”

 

เสียงของเสี่ยวหลุนนั้นได้แฝงเอาไว้ด้วยรสชาติที่ลำบากใจขึ้นมาอยู่ชนิดหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็ยังคงมีสิ่งที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้อยู่ภายใน เห็นได้ชัดว่า ฉากเบื้องหน้านี้ได้ทำให้มันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาได้เป็นอย่างมาก

 

เยี่ยจงลังเลขึ้นมา หลังจากนั้น เขาจึงค่อยได้ปลุกปลอบจิตใจให้สงบลงแล้วจึงได้ถอยออกไปจากอารามขนาดใหญ่แห่งนี้ และรอคอยจนพริบตาที่ได้ถอยออกไป เขาจึงค่อยได้รู้สึกขึ้นมาได้ว่า ถึงแม้ว่าระดับอุณหภูมิของเพลิงกาฬเจ็ดสีจะมีความร้อนแรงเป็นอย่างมากก็ตามที แต่ว่าเขาขณะนี้ก็ยังคงเปรียบเสมือนมีร่างกายอันเย็นเยียบทั่วทั้งร่างอยู่ก็มิปาน

 

ในขณะที่ได้เหม่อมองไปยังใจกลางบริเวณของบัลลังก์ราชันขนาดใหญ่ เยี่ยจงก็ได้เกิดความสงสัยอย่างไม่อาจที่จะกล่าวออกมาได้ สักพักก็มิได้กล่าวอันใดออกมา

 

“ไปเถอะ!” เสี่ยวหลุนถอนหายใจออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นหงุดหงิดขึ้นมาอยู่หลายส่วน “เรื่องราวราวกับไม่ถูกต้องมากนัก!”

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ ในขณะที่กำลังตระเตรียมที่จะจากไป แต่ว่าทันใดนั้นเอง บนใบหน้าของเขาก็ได้กระตุกไปมาอยู่คราหนึ่ง สายตาก็ได้หันกลับไปมองยังท่ามกลางของตำหนักขนาดใหญ่อีกครา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏสีหน้ายากที่จะเชื่อขึ้นมาได้

 

สีโลหิตสายหนึ่ง ไม่ทราบว่าได้บังเกิดขึ้นมานับตั้งแต่เวลาใด ก็ได้ค่อยๆ ที่จะครอบคลุมปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งตำหนักขนาดใหญ่หลังนี้เอาไว้อย่างช้าๆ

 

และภายในของสีโลหิตเหล่านี้ก็ได้มีบรรยากาศของธาตุหยินอันเยียบเย็นแฝงเอาไว้อยู่ ในตอนที่พริบตาที่ปรากฏขึ้นมา ก็ได้ทำให้เพลิงกาฬเจ็ดสีทั่วทั้งสี่ด้านแหวกกระจายถอยร่นไปในทันที

 

บรรยากาศของสีโลหิตเหล่านี้ก็ได้ค่อยๆ ที่จะทอดลงมาอย่างช้าๆ ในที่สุดก็ได้กลายเป็นตัวอักษรคำว่า” เซียน” ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาอยู่ด้านบนของบัลลังก์ราชัน จนเกิดสิ่งที่ไม่แน่นอนขึ้นมายังสถานที่แห่งนี้

 

กลิ่นคาวโลหิตอันหอมหวนกลุ่มหนึ่งในขณะนี้ก็ได้แผ่กระจายออกไปทั่ว จนทำให้ผู้คนเกิดอาการสั่นเทาเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ตลอดทั่วทั้งคนราวกับจะสิ้นสติลงไปก็มิปาน

 

“นี้ คงจะมิใช่ตำนานของเซียนหลั่งโลหิตออกมาหรอกนะ?” เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า จนเกิดอาการขนลุกขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าฉากเบื้องหน้านี้เป็นที่น่าสงสัยอย่างมาก ว่าเพราะเหตุใดถึงได้มีการหลั่งไหลของโลหิตขึ้นมาได้อย่างกะทันหันกัน อีกทั้งยังมีตัวอักษรที่ถูกหลั่งรินเอาไว้ด้วยเลือดเขียนเอาไว้ว่า” เซียน” อยู่ตัวหนึ่ง ราวกับว่าได้มีเสียงบางอย่างของเรื่องราวดังขึ้นมาก็มิปาน

 

“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพียงแต่ว่า ข้ากลับสามารถที่จะสัมผัสได้ว่า ว่าท่ามกลางโลหิตไม่ว่าจะเป็นหยดใดเหล่านี้ ต่างก็ประดุจมีการคงอยู่ของระดับสูงสุดเอาไว้ เกรงว่าการหลั่งโลหิตนี้สายนี้คงจะต้องแผ่กระจายออกไปอย่างยาวไกลนับร้อยหมื่นลี้ได้ จนถึงขั้นเข่นฆ่าสังหารมหาราชันได้นับไม่ถ้วน ” เสี่ยวหลุนราวกับกำลังหลั่งเหงื่ออันเย็นเยียบอยู่ มันก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างสั่นเทา ด้วยลักษณะนิสัยของมันแม้ในขณะนี้องก็ยังมิได้ลงมือออกมา เพื่อที่จะไปกลืนกินโลหิตเหล่านี้

 

“ถ้าอย่างงั้นจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะหาวิธีที่จะได้ครอบครองโลหิตเหล่านี้? เกรงว่า หยาดโลหิตไม่ว่าจะเป็นหยดใดในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็คงจะต้องกลายเป็นความลี้ลับแห่งเซียนในตำนานก็เป็นได้ ” เยี่ยจงก็ได้กัดฟันขึ้นมาเช่นเดียวกัน เขานั้นกลับรู้สึกขึ้นมาได้อย่างชัดเจนว่า โลหิตเหล่านี้นั้นได้รวบรวมเอาไว้ด้วยพลังความสามารถแห่งเทวะเอาไว้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหยดใดหากว่าสามารถที่จะหล่อลหอมขึ้นมาได้สำเร็จแล้วละก็ เกรงว่าคงจะเป็นเหมือนผลัดเปลี่ยนกระดูกเลือดเนื้อขึ้นมาใหม่ก็เป็นได้

 

“อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้ชนชั้นมหาราชันมาด้วยตัวเอง ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะนำเอาโลหิตแม้แต่หยดเดียวจากไปได้ อีกทั้งข้ายังสงสัยอยู่ว่า สถานที่แห่งนี้ราวกับว่าได้ปกคลุมเอาไว้ด้วยกระบวนการฆ่าฟันเอาไว้อยู่ หากว่าลงมือไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วละก็ พวกเราทั้งสองคาดว่าคงจะต้องสูญสลายลงไปจนไม่เหลืออย่างน่นอน ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงร้องเชอะออกมา เป็นที่ชัดเจนว่าเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ดวงตาที่จ้องมองไปยังภูเขาสมบัตินี้ แต่กลับมีความรู้สึกว่าไม่อาจที่จะทำอันใดได้ จนทำให้มันแทบจะร่ำร้องอย่างโอดครวญล้มกลิ้งอยู่บนพื้นดินก็เป็นได้

 

“มีสภาวะแห่งการฆ่าสังหารอย่างน่าตกใจซ่อนเอาไว้อยู่ ” เยี่ยจงก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา หากว่าเสี่ยวหลุนเดาได้ไม่ผิดแล้วละก็ เช่นนั้นก็เป็นไปอย่างที่คาดคิดเอาไว้ ว่าที่แท้จะต้องมีการคงอยู่ที่พร้อมจะลงมืออยู่ ถึงกับปกคลุมเอาไว้อยู่ในรูปของสภาวะเช่นนี้ได้ และสภาวะการสังหารเช่นนี้ อย่างน้อยก็คงจะมีไว้เพื่อที่จะเข่นฆ่าบุคคลที่ตกอยู่ภายในการฆ่าสังหารนี้เอาไว้

 

ตนเองสามารถที่จะปรากฏขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ได้ ก็เพราะความเชี่ยวชาญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ รวมทั้งจากการคาดเดาของเยี่ยจง ไม่แน่ว่า ดินแดนภายนอกที่ตนเองอยู่ในสายทางนี้ ต่างก็ปกคลุมเอาไว้ด้วยสภาวะสังหารที่ต้องมีการเตรียมใจเอาไว้ก่อน และจากการตัดสินใจอย่างระมัดระวัง กล่าวได้ว่า สภาวะการสังหารที่ปกคลุมอยู่นี้ก็คือก็คงอยู่ดั่งเดิมของดินแดนเสี่ยวหนานแห่งนี้ก็เป็นได้……

 

เมื่อคิดจนถึงตรงนี้ เยี่ยจงตลอดทั้งร่างกายก็ได้เกิดการสั่นเทาขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าตัวเขาเองรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ตนเองคาดเดาเอาไว้อยู่จะต้องเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าที่แท้บุคคลเฉกเช่นนี้ ที่แท้แล้วมีไว้เพื่อที่จะสังหารเหล่ายอดฝีมือต่างๆ นั้นเอง จึงได้มีการลงมือเช่นนี้เอาไว้

 

“ไปเถอะ ไม่ต้องคิดอีกแล้ว นอกเสียจากว่าภายในบัลลังก์ราชันมีความลับที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงอันใดเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นสุสานที่มีเซียนอยู่จริง แต่ว่า พวกเราต่างก็ไม่อาจที่จะครอบครองได้อยู่ดี อย่าได้ไปหาที่ตายในสถานที่แห่งนี้เลย!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิออกมา ด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด

 

“สภาวะสังหารอันน่าตกใจ พื้นที่ที่เป็นสุสานเซียน ความลับสูงสุดแห่งเซียน ” เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง ทันใดนั้น สีหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “หากว่าสถานที่แห่งนี้สามารถที่จะมีประโยชน์ในตอนนี้ได้แล้วละก็ ข้าก็อาจจะสามารถที่จะคงอยู่ในสภาวะไร้ผู้ต้านได้ในชั่วขณะหนึ่งก็เป็นได้ แล้วช่วงชิงเวลาเพื่อที่จะไปยังดินแดนตงฮวง ”

 

เสี่ยวหลุนเกิดอาการงงงันขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้เกิดอาการไร้คำพูดขึ้นมา มันราวกับเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที ว่าเยี่ยจงจะใช้ประโยชน์จากสภาวะแห่งการสังหารของสถานที่แห่งนี้ขณะนี้เพื่อที่จะไล่ล่าฆ่าสังหารขุมกำลังแต่ละฝ่ายและชนชั้นมหาราชันที่ไล่ล่ามา อีกทั้ง เสี่ยวหลุนยังเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า หากว่าปล่อยให้เยี่ยจงทำได้สำเร็จแล้วละก็ เช่นนั้นการเข่นฆ่าผู้คนในครั้งนี้ เกรงว่าคงจะรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก

 

“เจ้าเด็กที่อำมหิตยิ่งนัก!” ต่อให้เป็นเสี่ยวหลุนที่มีประสบการณ์พบเจอมามากมาย ก็ยังต้องเกิดอาการขนลุกขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะถึงกับคิดที่หยิบยืมสภาวะของสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาเช่นนี้ได้

 

เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เด็กน้อยเหล่านั้นทุกคนต่างก็ต้องการที่จะให้เขาตาย หากว่าตกอยู่ภายใต้น้ำมือของพวกเขา สภาพต่อไปคงยิ่งอนาถเสียยิ่งกว่าความตายอีก ดังนั้น ในขณะนี้เองภายในจิตใจของเยี่ยจงก็มิได้เกิดความสงสารขึ้นมาแม้แต่น้อย

 

……

 

เมื่อหลังจากที่ได้สรุปและทำความเข้าใจความลี้ลับของดินแดนเสี่ยวหนานแล้ว เยี่ยจงขณะนี้ก็ได้เร่งความเร็วทะยานจากไป ไม่นานนักก็ได้มาจนถึงบริเวณเพลิงกาฬลำดับที่หนึ่งทันที คิดที่จะจากออกไป

 

“นี้คือ……”

 

ร่างกายพึ่งจะเดินออกมาจนถึงเพลิงกาฬลำดับที่หนึ่ง เยี่ยจงทันใดนั้นก็ได้เกิดอาการงงงันขึ้นมา เพราะว่าเขาพบว่าในบริเวณที่ไม่ไกลมากนัก มียอดฝีมือหลายคนจนเรื่องได้ว่ามากมายห้อมล้อมเอาไว้อยู่ในที่แห่งนี้ และก็ได้พบเห็นเยี่ยจงออกมา คนเหล่านี้ต่างก็เกิดอาการงงงันขึ้นมาหลังจากนั้นจึงได้ค่อยมีปฏิกิริยากลับคืนมา

 

“เจ้า……เจ้าก็คือเยี่ยจง เจ้าถึงกับยังไม่ตาย!?” ยอดฝีมือเผ่าปีศาจที่อยู่ก่อนหน้านี้ต่างก็อ้าปากตาค้าง จดจ้องไปที่เยี่ยจง เยี่ยจงที่ได้เข้าสู่ภายในดินแดนเสี่ยวหนานอยู่หลายเดือน ในสายตาของผู้คนทั้งหมด เขาก็เป็นเหมือนกับได้ตายตกไปนับตั้งแต่แรกแล้วจึงจะถูกต้อง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขายังถึงกลับยังไม่ตาย!

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง คนในสถานที่แห่งนี้ก็ได้มีปฏิกิริยากลับมาหลายคน พุ่งทะยานขึ้นมาพร้อมกัน คนเหล่านี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน ความเคลื่อนไหวถึงแม้จะไม่รวดเร็วมากนัก แต่ก็ยังฆ่าสังหารออกมาภายในพริบตา

 

“จะตกใจไปเพื่ออะไรกัน!”

 

เยี่ยจงก็ได้กวาดฝ่ามือออกไปคราหนึ่ง แล้วก็ได้ฟาดเข้าไปยังยอดฝีมือหลายคนนี้จนกระเด็นออกไป ในขณะนี้เขาก็ได้ปะทุพลังฝีมือออกมา การอยู่ในระดับสูงสุดของระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน สามารถกล่าวได้ว่าไร้ผู้ต้านในระดับระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันแล้วก็ว่าได้ ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันหลายคนนี้จะสามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไรกัน

 

“ผัวะ——”

 

แล้วก็ได้ก้าวเท้าออกไปอีกหนึ่งก้าว จากนั้นก็ได้เหยียบย่างเข้าไปยังพระยาปีศาจคนหนึ่งที่เป็นเผ่าวานรอยู่ใต้เท้า หลังจากเยี่ยจงก็ได้เหยียบจนกระดูกเส้นเอ็นหักไป จึงค่อยได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา: “บอกมา พวกเจ้าที่อยู่โดยรอบทั่วทั้งสี่ด้าน ที่แท้เตรียมการผู้คนไว้มากแค่ไหนกัน? เพื่อที่จะใช้ต่อกรกับค่ายกลขนาดใหญ่ของข้าเพียงคนเดียว มันคุ้มค่าแล้วอย่างงั้นหรือ?”

 

พระยาปีศาจผู้นี้ก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แต่ก็มิได้เอ่ยปากกล่าวออกมา เพียงแต่หลับตาลง

 

เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นเยียบออกมา เขาก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระอันใดออกมาอีก เพียงแต่กวาดนิ้วข้างหนึ่งเข้าไปยังบริเวณใจกลางหน้าอกของพระยาปีศาจเผ่าวานรตนนั้น เพื่อที่จะล้วงเข้าไปยังภายในความทรงจำของเขา

 

หลังจากนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เงยหน้าขึ้น ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา เมื่อได้มองเข้าไปภายในห้วงความคิด เขาก็พอที่จะทราบถึงสถานการณ์ในขณะนี้ขึ้นมาได้

 

ตนเองเก็บตัวอยู่ภายในดินแดนเสี่ยวหนานอยู่กว่าสามเดือน และสามเดือนมานี้ ราวกับว่าดินแดนเบื้องนอกทั้งหมดได้คิดว่าตนเองได้ตายตกลงไปแล้ว หากว่าตนเองออกมาเร็วกว่านี้ซักครึ่งเดือนแล้วละก็ ขอเพียงแค่จัดการกับเหล่าตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ เช่นนั้นก็พอที่จะเดินจากไปอย่างผ่าเผยได้แล้ว แต่ว่าในขณะนี้กลับมิอาจที่จะสามารถทำได้

 

เพราะว่า ขุมกำลังมากมายหลังจากที่คิดว่าตนเองได้ตายตกลงไปแล้ว ก็ได้มีการตัดสินใจที่จะเข้ามาค้นหาคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ ครึ่งเดือนก่อนหน้า ทั้งหุบเขาหมื่นปีศาจ คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ เผ่าซือ เผ่าปีก ตำหนักอัสนีลี้ลับเป็นต้นที่เป็นเหล่าขุมกำลังจากแดนลับแล ก็ได้รวมกำลังผู้คนมากมายโอบล้อมอยู่ภายนอกดินแดนเสี่ยวหนานเอาไว้ กล่าวกันว่ายังถึงกับมีชนชั้นมหาราชันเป็นคนนำทัพมาด้วยตนเอง พวกเขาคิดที่จะร่วมมือกันเพื่อที่สลายพลังที่เป็นดั่งเขตแดนต้องห้ามของดินแดนเสี่ยวหนาน เข้าไปยังส่วนลึกภายในเพื่อที่จะค้นหาซากศพของตนเองและคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์

 

“มาได้เร็วมิสู้มาได้บังเอิญ! ยอดมาก ผู้คนมากมายมาหาที่ตายเองเช่นนี้ คงจะช่วยให้ข้าประหยัดเรี่ยวแรงไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว!” เยี่ยจงชี้นิ้วออกไป แล้วก็ได้เข้าสังหารพระยาปีศาจเผ่าวานรตนเองลง จากนั้นเขาก็ได้จ้องมองเข้าไปยังบนร่างกายของยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏรังสีฆ่าฟันขึ้นมา

 

“เจ้ายังถึงกับแข็งแกร่งขึ้นอีกงั้นหรือ? พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังลมปราณหมุนวน?” มียอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันผู้หนึ่งมองไปทางด้านของเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอาการยากที่จะเชื่อขึ้นมาได้

 

“ที่แท้ก็เป็นไปตามคำเล่าขานภายในดินแดนก็มิปาน เจ้านั้นได้พบกับวาสนาเทียบฟ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่สมควรที่จะสังหารเขา เจ้าสังหารเขาไปแล้ว ก็เป็นเหมือนกับบอกถึงที่ตั้งของตนเองแก่เหล่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ว่าสถานที่แห่งนี้ได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! ในครั้งนี้ ต่อให้เจ้าสามารถที่จะขึ้นสวรรค์ก็ไม่อาจที่จะมีทางรอดได้อีกต่อไป!” แล้วก็ได้มียอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันอีกผู้หนึ่งที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอาฆาตอยู่หลายส่วน

 

“ซึบ!”

 

ฝ่ามือเยี่ยจงก็ได้ฟาดออกไปอีกครา แล้วก็ได้มีประกายแสงสีทองพุ่งออกไปพร้อมกับฝ่ามือขนาดใหญ่ แล้วก็ได้ยินเสียง “ผัวะ” ดังขึ้นมาที่คนทั้งสอง ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันทั้งสองคนนี้ก็ได้กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อแหลกเหลวไปในทันที

 

“เจ้าพวกไร้น้ำยา!”

 

นี้คือคำวิจารณ์ของเยี่ยจง หลังจากที่ได้ทดลองฝีมือแล้ว เยี่ยจงก็ได้แน่ใจในระดับพลังฝีมือของตนเอง ว่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันปกติธรรมดา แทบจะมิอาจที่จะเปรียบเทียบกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย คาดว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวของตนเองก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานได้

 

“ฮูม——”

 

ในทันทีที่เยี่ยจงได้สังหารยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันทั้งสามไปในเวลาเดียวกัน บริเวณด้านนอกของหุบเขาที่ห่างออกไปหลายสิบลี้ของดินแดนเสี่ยวหนาน ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงคำรามก้องขึ้นมา ประดุจดั่งมีการเคลื่อนทับนับพันหมื่นเข้ามาก็มิปาน ในขณะนั้นเอง ตลอดทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา จนเกิดเสียงของสัตว์ประหลาดดังกระฮึมขึ้นมาตลอดทั่วทั้งดินแดนเสี่ยวหนาน

 

“มากันหมดแล้ว!” เยี่ยจงก็ได้ยืนกอดอกอยู่ ทอดสายตาอันเย็นเยียบจ้องมองออกไปบริเวณทางด้านนอก ทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา มุมปากก็ได้เกิดรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset