เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 497 การปรากฏของมหาราชันทั้งห้า

ตอนที่ 497 การปรากฏของมหาราชันทั้งห้า

 

ในเวลานี้ขณะนี้เอง บริเวณรอบนอกของดินแดนเสี่ยวหนาน ตลอดทั่วทุกสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้มีอัศวินนับพันปรากฏขึ้นมา อัศวินแต่ละคนเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่ามีพลังฝีมืออันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด นั่งอยู่บนตัวของม้าพวงพีที่ดูแล้วไม่ธรรมดา เพียงแต่เป็นม้าปีศาจ ม้าปีศาจทุกตนต่างก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก ในขณะนี้เหล่าอัศวินในตอนนี้ก็ได้ทะยานเหยียบอากาศออกมา จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา อีกทั้งยังเกิดการสั่นไหวบนอากาศขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

 

อัศวินกลุ่มแรกนั้นก็ได้ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว มีทั้งหมดกว่าร้อยคน มีอัศวินอยู่บางคนที่มิใช่แต่เพียงเผ่ามนุษย์เท่านั้น แต่กลับมีวานร ศีรษะวัว ใบหน้าม้า ที่ต่างก็มีความแตกต่างกัน แต่ว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ พวกเขาต่างก็เป็นปีศาจ

 

และบริเวณทางด้านหลังของเหล่าอัศวินเหล่านี้ ก็ได้มีผืนธงขนาดใหญ่ที่พัดไปมาตามสายลมอย่างรุนแรง บนตัวผืนธงก็ได้มีตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่สามตัว พลิกโพยไปมาจนเกิดเป็นประกายคมกล้าแห่งปีศาจออกมา

 

เยี่ยจงพบเห็นราชันวานรที่ได้ไล่ล่าตนเองเมื่อวันก่อนตนนั้น ขณะนี้ มันก็ได้อยู่กับราชันปีศาจอีกหลายตน นั่งอยู่อย่างสงบว่าง่ายอยู่ภายในรถม้าสีเงินขนาดใหญ่ทางด้านหน้า

 

ด้านบนของรถม้าเงินนี้ ก็ได้มีลักษณะคล้ายกับสิ่งปลูกสร้างลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ และที่กำลังลากรถอยู่นั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือของเผ่ามังกรวารี ขณะนี้ยอดฝีมือเผ่ามังกรวารีเหล่านี้แต่ละตนก็ได้ปกคลุมไปด้วยรังสีอันเย็นเยือกเข้ามา อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยสภาวะแรงกดดันอย่างแข็งแกร่งอยู่ชนิดหนึ่ง

 

ขบวนผู้คนเช่นนี้เห็นได้ชัดที่จะทำให้ผู้คนมองออกได้ในทันที ที่ด้านบนของตำหนักขนาดใหญ่ท่ามกลางอากาศ แน่นอนว่าจะต้องเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของหุบเขาปีศาจอย่างไม้องสงสัย อย่างน้อยก็คงจะต้องมีหนึ่งเหล่ามหาราชันปีศาจทั้งเก้าอยู่อย่างแน่นอน

 

“บรึม——”

 

บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีกลุ่มอัศวินเดินเท้าสวมชุดเกราะสีดำประดุจสัตว์ประหลาดที่มีเขาอยู่เหนือศีรษะ อีกทั้งยังเปรียบเสมือนทหารกองใหญ่นับร้อยที่สวมเอาไว้ด้วยเกราะสีดำอยู่ ทางด้านบนของเกราะหนัก ก็ได้ลอยกระทบลงมาจากด้านบนของอากาศ จากนั้นก็ได้สวมเข้าไปยังเข้าไปยังบริเวณบนเขาข้างหนึ่ง บริเวณอัศวินทางด้านหน้าสุด ก็ได้ถือได้ว่าเป็นผืนธงขนาดใหญ่อยู่ ด้านบนธงก็ได้เขียนเอาไว้ว่า” ซือ” เอาไว้อยู่ตัวหนึ่ง และจากนั้นอัศวินที่อย่างบริเวณทางด้านใจกลาง ขณะนี้ก็ได้มีเรือขนาดใหญ่โตมโหฬารปรากฏขึ้นมา เรือลำใหญ่นี้ก็ได้ลอยล่องอยู่ท่ามกลางเมฆา ให้ความรู้สึกที่ประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่า นี้ก็คือกองทหารของเผ่าซือนั้นเอง อีกทั้งทางด้านบนของเรือใหญ่ก็ได้มีการปรากฏของบุคคลใหญ่โตอยู่

 

“ครืนครืนครืน——”

 

บริเวณที่ห่างไกลออกไป เมฆหมอกก็ได้ถูกแหวกออก สาดเป็นประกายแสงเจิดจ้าสาดไปทั้งสี่ด้าน แล้วก็ได้มีแท่นบูชาที่สร้างจากหยกขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งกำลังลอยลงมา ด้วยความเร็วที่กระชั้นชิด ทางด้านบนของแท่นบูชา ก็ได้เขียนเอาไว้ด้วยตัวอักษรชิงหวินขนาดใหญ่สองตัวส่องแสงออกมาอย่างลี้ลับ

 

และบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง แล้วก็ได้มีแสงจากสายรุ้งทั้งสิบแบ่งแยกออกมาจากบริเวณทางด้านหน้าสุด แล้วก็ได้มีขบวนรถศึกโบราณที่ใช้สัตว์ปีศาจที่เป็นดั่งมังกรที่แท้จริงทั้งหมดห้าตัวในการฉุดลากประดุจสายฟ้าฟาดออกมา แหวกออกมาจากท่ามกลางเมฆหมอก ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีเสียงอัสนีดังขึ้นมาเป็นสาย พุ่งทะยานลงมาจากฟากฟ้า

 

“ซูม——”

 

แล้วก็ได้มีเสียงแหวกสายลมดังขึ้นมาอย่างรุนแรงเป็นสาย ไม่นานนัก ก็ได้พบเห็นกับสัตว์ปีศาจที่คล้ายดั่งหงสาที่มีด้วยกันทั้งหมดสิบแปดหัวตนหนึ่งก็มิปาน ฉุดลากแท่นที่คล้ายดอกบัวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ด้านบนของแท่นดอกบัว ก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา และเหล่าเงาร่างเหล่านี้ต่างก็มีปีกปรากฏขึ้นมาอยู่คู่หนึ่ง ทุกผู้คนต่างก็กำลังแผ่พุ่งพลังอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกมา

 

ขุมกำลังเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องโบกชูธงประจำสำนักแต่อย่างไร แต่ว่าก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนที่เห็นทราบได้อย่างชัดเจน ว่านี้ก็คือเผ่าปีกแห่งดินแดนซีฮวงนั้นเอง!

 

แดนลับแลทั้งห้าฝ่ายก็ได้มาถึง ต่างก็ได้มาจากคนละทิศคนละทาง ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็กำลังมองเข้าไปทางด้านที่เยี่ยจงกำลังกอดอกยืนอยู่บริเวณทางด้านหน้าของดินแดนเสี่ยวหนาน ในขณะนี้เอง ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและระดับราชันของขุมกำลังทั้งห้าต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่า เยี่ยจยังถึงกับไม่ตาย

 

เพียงแต่ว่า ขณะนี้เรื่องราวต่อให้อยู่นอกเหนือความคาดหมายอีก เหล่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน

และชนชั้นราชันเหล่านี้ต่างก็มิได้เอ่ยปากขึ้นมาแต่อย่างไร มิได้มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นั้นก็เพราะว่าในขณะนี้ พวกเขานั้นยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเอ่ยขึ้นมา

 

“เจ้ารุ่นเยาว์ เจ้าถึงกับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้าไปไกลเลยทีเดียว วันก่อนในช่วงเวลาที่อยู่ในศึกของสมรภูมิฮวงกู่ ข้าก็พอที่จะมองออกว่าเจ้ายังจะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่อีกแน่นอน เพียงแต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่า เจ้าถึงกับสามารถที่จะเติบใหญ่มาจนถึงขั้นนี้ได้ หากว่าเจ้ายินยอม ก็สามารถพร้อมที่จะเข้าสู่ระดับราชันได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ” ด้านบนตำหนักขนาดใหญ่ที่อยู่บนรถม้าสีเงินที่อยู่ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังออกมา ประดุจดั่งสายฟ้าพร้อมกับระเบิดขึ้นมาก็มิปาน เสียงดังเสียดแก้วหูเป็นอย่างยิ่ง

 

“มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ!” เยี่ยจงอมยิ้มขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะรับทราบพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวของชนชั้นระดับมหาราชันอยู่แล้วก็ตาม แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นกลับมิได้มีความเปลี่ยนแปลงที่มากมายนัก

 

“ด้วยวัยเพียงแค่ ต่อให้อยู่มหาราชันได้ก็ย่อมมิใช่เรื่องแปลก แต่ว่าถึงกับสามารถที่จะรอดพ้นจากความตายที่ได้เข้าไปยังเพลิงกาฬลำดับที่หกแห่งดินแดนเสี่ยวหนานได้ นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้าไปมากเลยทีเดียว ” แล้วก็ได้มีเสียงดังสะท้อนดังขึ้นมา เสียงนั้นได้ดังออกมาจากท่ามกลางเรือที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า ถึงกับมีความอาจหาญกล้าเอ่ยวาจาขึ้นมาในขณะนี้ จะต้องย่อมเป็นผู้คนที่อยู่ในระดับมหาราชันอย่างแน่นอน อีกทั้งคงจะต้องเป็นชนชั้นแนวหน้าของเผ่าซือปรากฎตัวขึ้นมาแล้ว เพราะว่าถ้าหากมิใช่ยอดฝีมือที่อยู๋ในระดับเดียวกัน ขณะนี้ก็แทบจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเอ่ยวาจาต่อจากมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่ออย่างแน่นอน

 

“ดูเหมือนว่า ความลับท่ามกลางดินแดนเสี่ยวหนานนี้ เด็กน้อยผู้นี้คงจะต้องล่วงรู้รับทราบอะไรบางอย่างมาได้อย่างแน่นอน กล่าวกันว่าเขานั้นมีวาสนาเทียบฟ้า เดิมทีข้าก็ยังเชื่อ ทว่าขณะนี้หากไม่เชื่อก็คงจะไม่ได้แล้วละ!” ที่บนแท่นบูชาของหุบเขาเทพชิงหวิน ก็ได้มีเสียงอันเกรี้ยวกราดดังขึ้นมา มันนั้นได้ก็ส่งสายตาพุ่งมองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างเป็นประกายขึ้นมาก็มิปาน ราวกับกำลังแฝงเอาไว้ด้วยความคิดบางอย่างอยู่หลายส่วนอยู่ก็มิปาน

 

“คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์、สายทางแห่งดวงตะวัน、บวกกับความเร้นลับของดินแดนเสี่ยวหนานอีก เด็กน้อยผู้นี้คงจะมิใช่กำลังคิดที่จะเย้ยฟ้าอยู่หรอกกระมั่ง? พวกเราไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดถ้าหากรับเด็กน้อยผู้นี้เข้าไปอยู่ใต้อาณัติแล้วละก็ เกรงว่าคงจะได้รับประโยชน์มากมายมหาศาลแล้วกระมั่ง?” แล้วก็ได้มีเสียงประดุจอสนีบาตดังออกมาจากรถศึกโบราณ จนเกิดเสียงดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว

 

“เป็นเพียงแค่หนึ่งในลัทธิแห่งดวงดาวเท่านั้น ถึงกับปรากฏบุคคลเฉกเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเสียดายเสียจริง!” เผ่าปีกที่อยู่ทางด้านบนของแท่นดอกบัว ก็ได้ส่งเสียงดังอันเย็นเยียบออกมา เพียงแต่ว่าเยี่ยจงภายในพริบตานั้นก็ได้จดจำขึ้นมาได้ ยอดฝีมือเผ่าปีกที่เอ่ยปากขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าก็คือมหาราชันปีกที่ได้เข้าไปทำลายลัทธิแห่งดวงดาวเมื่อครั้งก่อนอย่างแน่นอน!

 

“ขุมกำลังใหญ่ทั้งห้า มหาราชันห้าตน ถึงกับมาเพื่อข้าเยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว พวกเจ้าคงจะต้องเตรียมการมาเป็นอย่างดีอยู่แล้วกระมั่ง!” เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

 

ขณะนี้ ก็ได้มีประกายสายตามากมายทอดลงมายังบนร่างกายของเขา ทอสีหน้าประหลาดอย่างถึงที่สุด นั้นก็เพราะว่า ขณะนี้เยี่ยจงได้กำลังเผชิญหน้ากับกองกำลังที่แท้จริงนับพันหมื่นอยู่ บวกกับยังมีชนชั้นมหาราชันถึงห้าคนอีก

 

ถึงแม้จะกล่าวได้ว่า ผู้คนมากมายเหล่านี้เดิมทีมิใช่มีเป้าหมายที่จะมาฆ่าฟันเขามาตั้งแต่แรก แต่ว่าหากมองในเชิงบุญคุณความแค้นกับทั้งห้าเผ่าพันธุ์สำนักแล้วละก็ เขาในเมื่อปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ต่อให้อยากที่จะหวนกลับไปก็คงจะไม่ทันกาลอยู่ดี!

 

แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ที่เบื้องหน้าสายตาของเยี่ยจง ถึงกับมิได้เกิดความกลัวเลยอย่างงั้นหรือ?

 

“นับแต่โบราณกาลมาวีรบุรุษมักเกิดมาจากชนชั้นรุ่นเยาว์ ช่างน่าเสียดาย ” เสียงของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เสี่ยวเยี่ยจง เจ้าข้าก็ใช่ว่าจะไปมาหาสู่กันมาเพียงแค่ครั้งสองครั้ง ในครั้งนี้หากว่าเจ้ายินยอมที่จะศิโรราบ กลายมาเป็นลูกศิษย์คนเล็กของข้าแล้วละก็ ข้าขอเพียงแค่ให้เจ้าเก็บตัวเพียงแค่สามปี บุญคุณความแค้นระหว่างเจ้าและหุบเขาหมื่นปีศาจก็ถือว่าแล้วกันไป ตำแหน่งของข้านี้ในวันข้างหน้า ก็จะเป็นของเจ้า ดีหรือไม่?”

 

หลังจากที่เงียบงัน ก็ได้มีพระยาปีศาจ ราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจไม่น้อยต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน แต่ว่า รวมทั้งราชันวานรก็ด้วย ต่างก็ไม่กล้าที่จะกล่าวอันใดออกมาแม้สักคำเดียว นั้นก็เพราะว่า พวกเขาต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี นับตั้งแต่เริ่ม มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อชมชอบเยี่ยจงเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าเยี่ยจงก็เอาแต่ปฏิเสธเขามาโดยตลอดเท่านั้น

 

“ข้อเสนอดูเหมือนยิ่งมาก็ยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ ในครั้งนี้ถึงกับไม่จำเป็นที่จะต้องให้ข้าผลัดเปลี่ยนโลหิต เพื่อที่จะเปลี่ยนให้ข้ากลายเป็นเผ่าปีศาจแล้วอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงเหม่อมองไปยังผู้คนมากมายจากหุบเขาหมื่นปีศาจที่อยู่ทางด้านหน้า แล้วก็ได้หัวเราะเสียงเย็นเยียบขึ้นมา

 

“เจ้าขณะนี้ได้สำเร็จกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็กแล้ว ต่อให้เป็นเพียงแค่เผ่ามนุษย์ ความสำเร็จในวันข้างหน้าย่อมต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงมิได้มีความจำเป็น ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อกล่าวออกมาอย่างเย็นชา มันเพียงกล่าวเรื่องจริงออกมา แต่มิใช่การอธิบายแต่อย่างไร

 

“ในเมื่อวันข้างหน้าจะไม่ธรรมดา ข้ายังจำเป็นที่จะต้องกราบเข้าหุบเขาหมื่นปีศาจเจ้าอีกอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นเยียบติดต่อกันขึ้นมา

 

“เพราะว่า นี้ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่สองของเจ้า เจ้าก็ลองดูเอง หากมิใช่ตาย ก็ต้องเข้าร่วมกับหุบเขาหมื่นปีศาจข้า ทางเลือกนั้นถือได้ว่าง่ายดายอย่างยิ่ง มิใช่หรือ?” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อยิ้มน้อยๆ ออกมา ถึงแม้ว่าภายในน้ำเสียงนั้นจะยังคงเป็นเหมือนดั่งก่อนหน้านี้ก็มิปาน แต่ว่าก็ยังเพิ่มความเย็นเยียบขึ้นมาอีกสาย

 

เขาที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชันที่แท้จริง เป็นถึงหนึ่งในเก้ามหาราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ขณะนี้ก็ได้กล่าวออกมาด้วยตนเอง เยี่ยจงกลับเพียงแต่หัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกันเท่านั้น จนทำให้มันบังเกิดจิตสังหารขึ้นมาภายในจิตใจ

 

“ถ้างั้นพวกเจ้าเล่า? แล้วพวกเจ้าเตรียมพร้อมข้อเสนออะไรมากัน?” เยี่ยจงจ้องมองไปยังบริเวณของกลุ่มผู้คนอีกทั้งสี่ด้าน ทอสีหน้าเมินเฉยขึ้นมา

 

“เหอะ ดูเหมือนว่าสหายน้อยเยี่ยจงของพวกเราในวันนี้จะมีไม่แต่เพียงมีวาสนาเท่านั้น อีกทั้งยังมีการเตรียมการเอาไว้มาตั้งแต่แรก ดูจากท่าทีของเขา ขณะนี้คิดที่จะท้าทายพวกข้าอยู่สินะ หรือว่าได้จัดตั้งค่ายกลสังหารเอาไว้แล้วอย่างงั้นหรือ?” มหาราชันเผ่าปีกก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นเยียบออกมา “พวกข้าต่างก็ทราบกันดีว่า เจ้านั้นได้ครอบครองค่ายกลสังหารแห่งยุคเอาไว้อยู่ อีกทั้งยังมีพลังในการทำลายที่ไม่ธรรมดาสามัญ ถ้าหากว่าคิดที่จะเข่นฆ่าสังหารระดับมหาราชัน เกรงว่าค่ายกลสังหารของเจ้านั้นคงจะมีพลังในการทำลายล้างไม่เพียงพอหรอกกระมั่ง?”

 

“การฆ่าพวกเจ้าเหล่านกกาและลิงมีขนงั้นหรือ? ยังจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งค่ายกลให้ได้ด้วยงั้นหรือ?” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นเยียบขึ้นมา อีกทั้งไม่เห็นแก่หน้าของมหาราชันเผ่าปีกแม้แต่น้อย ในเมื่อทั้งสองฝ่ายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นแก่หน้าของอีกฝ่ายมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “พวกเจ้าอย่าได้หลงลืมไปว่า บริเวณสถานที่แห่งนี้คือที่ใดไปแล้วหรอกนะ! ที่แห่งนี้คือดินแดนเสี่ยวหนาน ข้าที่ได้ฝึกวิชาสายทางแห่งดวงตะวัน ทะเลเพลิงเหล่านี้ย่อมทำอันใดต่อข้ามิได้แม้แต่ปลายเส้นขน ขอเพียงข้าถอยกลับเข้าไปยังภายใน พวกเจ้าต่อให้มีมหาราชันทั้งห้าตนผสานมือกันแล้วจะอย่างไร? ยังมิใช่ต้องตายไปอย่างน่าเสียดายหรอกหรือ!”

 

เมื่อกล่าวมาจนถึงตรงนี้ เยี่ยจงก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่ง พริบตานั้นก็ได้ถอยเข้าไปยังบริเวณทางด้านหลัง พริบตานั้นก็ได้เข้าไปยังภายในใจกลางของดินแดนเสี่ยวหนาน

 

“เจ้าสวะทั้งห้า ท่านปู่เยี่ยงข้าจะทำให้เห็นเองว่า พวกเจ้าจะสามารถที่จะทำอะไรข้าได้กัน? เกี่ยวกับคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ พวกเจ้าคิดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคิด รอคอยจนถึงวันที่ข้าเข้าถึงระดับมหาราชัน จะไปเยี่ยมเยียนที่สำนักของพวกเจ้าด้วยตนเอง จัดการเก็บพวกเจ้าเอาไว้ในสุสานให้เอง!”

 

เยี่ยจงส่งเสียงอย่างเย็นเยียบดังขึ้นมาจากภายในดินแดนเสี่ยวหนาน พริบตานั้นก็ได้ทำให้สีหน้าของยอดฝีมือทั้งห้าขุมกำลังแต่ละคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปตามๆ กัน อีกทั้งยังถือได้ว่าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

ด้วยการรวมตัวของขุมกำลังทั้งห้าสายนี้ พลังฝีมือถือได้ว่าน่ากลัวจนยากที่จะคาดเดาเอสไว้ได้ ต่อให้เป็นรัฐกู่กวอแห่งเผ่ามนุษย์ก็คงจะมิวายจากการดับสูญได้ สภาวะของการโจมตีของเหล่าแดนลับแลนั้นย่อมไม่ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่อันใด แต่ว่าขณะนี้ถึงกับยังถึงผู้เยาว์เพียงคนเดียวเย้ยหยันเช่นนี้ ย่อมต้องทำให้เหล่ายอดฝีมือของทั้งห้าขุมกำลังทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ดูเหมือนว่า เจ้าหนูผู้นี้ในครั้งนี้คงจะมีความเชื่อมั่นที่จะสังหารพวกเราได้จริงอยู่นะ ถ้าให้ข้าคาดเดาแล้วละก็ เขาคงจะมิได้รับความลี้ลับที่แท้จริงบางอย่างภายในดินแดนเสี่ยวหนาน อีกทั้งอาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะครอบครองสภาวะของการสังหารโบราณอยู่ในมืออยู่ก็เป็นได้หรอกกระมั่ง?” ชนชั้นมหาราชันของตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้เอ่ยปากหัวเราะออกมาเบาๆ ภายในน้ำเสียงนั้นก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดอยู่หลายส่วน

 

“อย่างน้อยก็คงจะต้องมีการเตรียมการเอาไว้อยู่บ้าง ทว่า ต่อให้เข้าล่วงรู้ความลับของดินแดนเสี่ยวหนานแล้วจะอย่างไร? ระดับเพิ่มขึ้นอีกสักหลายส่วน ก้าวเดินต่อไปด้วยความมั่นคง เพียงแค่ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงคนเดียว หรือว่าจะสามารถที่จะพลิกฟ้าถล่มสวรรค์ได้สำเร็จกัน? อีกทั้ง ความที่อยู่ภายในดินแดนเสี่ยวหนานนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด ไม่แน่ว่าในครั้งนี้อาจจะเป็นวาสนาของพวกเราก็เป็นได้!” ชนชั้นมหาราชันของหุบเขาเทพชิงหวินก็ได้ส่งเสียงดังออกมา แต่ละคำที่กล่าวออกมาปานอสนีบาตฟาดลงมาก็มิปาน

 

เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ชนชั้นมหาราชันทั้งห้าตนต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี เยี่ยจงถึงกับปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ อีกทั้งยังท้าทายเช่นนี้ออกมาด้วยตนเอง แน่นอนว่าจะต้องมีฝีมือบางอย่างอยู่ จึงได้มีความเชื่อมั่นในการจัดการกับพวกเขา

 

เพียงแต่ว่า พวกเขานั้นต่างก็ยังคงถือได้ว่าเป็นชนชั้นมหาราชัน ถือได้ว่าเป็นการคงอยู่ระดับสูงของดินแดนทั้งสี่ ในขณะนี้เอง เพียงแค่ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงคนเดียวต่อให้มีแผนการอยู่ พวกเขาก็ย่อมไม่เห็นอยู่ภายในสายตาอยู่ดี?

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset