เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 498 การเบิกทางสู่สุสานเซียน

ตอนที่ 498 การเบิกทางสู่สุสานเซียน

 

“ในเมื่อทุกท่านต่างก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่นแล้วละก็ ก็เชิญลงมือเถอะ อย่าได้เอาแต่เพ้อฝันมากมายเลย ” มหาราชันเผ่าปีกที่อยู่ทางด้านบนของแท่นดอกบัว ก็ได้กางปีกห้าแฉกแผ่ออกมา และมหาราชันเผ่าปีกก็ได้ค่อยๆ ที่จะส่งเสียงดังขึ้นมา

 

“เยี่ยม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เส้นทางแห่งการเข้าสู่มหาราชันของชนชั้นรุ่นเยาว์ของข้า ก็คงจะมีโอกาสสูงมากขึ้นแล้วกระมั่ง ทว่าดินแดนเสี่ยวหนานกระนั้นก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความลี้ลับที่เป็นดั่งแดนต้องห้ามแห่งหนึ่งที่ตกทอดมาจากสมัยก่อน พวกเราลงมือพร้อมกัน ในหมู่คนพวกนี้ จะต้องมีคนที่ถอยไปอย่างแน่นอน!” มหาราชันแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้ส่งเสียงดังกังวานออกมา ประดุจดั่งสายฟ้าทั้งเก้าสายที่กราดลงมาจากฟากฟ้าก็มิปาน จนทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาตลอดทั่วทั้งผืนฟ้า จนก่อเกิดพลังอำนาจแห่งการทำลายชนิดหนึ่งแผ่กระจายออกไป

 

หลังจากที่มีการเอ่ยขึ้นมาของสองมหาราชันแล้ว ก็เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนเกิดความหวั่นไหวขึ้นไปจนถึงภายในจิตวิญญาณ ในขณะนี้เอง ก็ได้รวมไปจนถึงยอดฝีมือระดับราชันทั้งหมดของขุมกำลังทั้งห้าต่างก็อยู่ในสภาวะของความหวั่นไหวขึ้นมา จนไม่อาจที่จะไม่ถอยรนไปบริเวณทางด้านหลังได้

 

เห็นได้ชัด การแสดงออกของเยี่ยจงตลอดมานี้ ได้ทำให้มหาราชันเหล่านี้ไม่อาจที่จะรอคอยช่วงเวลาที่จะฟาดเขาให้ตายประดุจแมลงวันให้ได้ พวกเขาต่างก็ไม่ต้องการที่จะรอคอยอีกต่อไป เพียงแต่คิดที่จะพลังของขุมกำลังอันแข็งแกร่งในการบดขยี้เยี่ยจง ดีเสียกว่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น

 

ภายในดินแดนเสี่ยวหนาน ท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ด เยี่ยจงต่อให้ขณะนี้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบเพื่อที่จะถอยออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เขาก็ยังคงสามารถที่จะได้รับสภาวะของแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวที่กำลังเข้ามาอยู่อย่างมากมาย ในขณะนี้เอง เขาก็ได้รวบรวมสภาวะภายในจิตใจขึ้น เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความคิดขลาดเขลาขึ้นมาแม้แต่น้อย ก้าวเท้าเดินออกไป ร่างกายก็ได้ถอยหลังเข้าไปยังภายในอีกครั้ง จนเข้ามาจนถึงบริเวณส่วนปลายของเพลิงกาฬลำดับที่แปด

 

“ตูม——”

 

ทว่าในขณะนั้นเอง ทางด้านหน้าของเพลิงกาฬลำดับที่หนึ่งในดินแดนเสี่ยวหนาน ก็ได้มีเงาร่างที่เปล่งเป็นประกายปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ แล้วก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาในขณะนี้ เปล่งประกายสว่างไสวออกมาหมุนอยู่รอบๆ ทะลวงขึ้นผ่านสู่จุดชั้นฟ้า ทะเลเพลิงที่ห่อหุ้มดินแดนเสี่ยวหนานอย่างหนาแน่นอยู่ในขณะนี้ก็ได้ถูกทำให้แหวกออกจนปรากฏเส้นทางยาวเข้าไปได้นับสิบสาย ประกายแสงที่สาดส่องเข้ามานั้นก็ได้แผ่กระจายแหวกออกไปตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

เยี่ยจงยืนอยู่เบื้องหน้าเพลิงกาฬลำดับที่แปด แล้วก็ได้ทอสีหน้ากังวลปรากฏขึ้นมา พลังฝีมือของชนชั้นมหาราชันถือได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียว การร่วมมือกันของมหาราชันทั้งห้า ถึงกับสามารถที่จะสลายเพลิงกาฬต้องห้ามลำดับที่เจ็ดได้ไปในทันที หากว่ามิใช่เขาขณะนี้อยู่ในสถานที่ไกลออกไปแล้วละก็ ภายใต้กระบวนท่านี้ แน่นอนว่าจะต้องทำให้ตนเองสูญสิ้นไปในทันทีได้อย่างแน่นอน

 

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้าจะไม่กินเบ็ด!”

 

เมื่อพบเห็นเงาร่างขนาดใหญ่ทั้งห้าสายที่ได้หันกายเข้ามาในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ร่างกายก็ได้ทะยานถอยเข้าไปบริเวณทางด้านหลังของเพลิงกาฬลำดับที่แปดอย่างรวดเร็ว ภายในรัศมีร้อยลี้ก็ได้มีพลังความเย็นลอยปกคลุมเข้ามา เขาเชื่อว่า อีกไม่นาน มหาราชันทั้งห้านี้คงจะต้องเกิดความสนใจขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว

 

พื้นที่สุสานเซียน、กลายเป็นความลุ่มหลงแห่งเซียน ปรากฏการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ไม่อาจที่จะหยุดยั้งได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจุดยืนถึงระดับชนชั้นมหาราชันที่เป็นจุดสูงสุดของทั้งสี่ดินแดนอยู่ หากมองในความหมายเฉกเช่นนี้แล้ว ในครั้งนี้ประโยชน์ที่เยี่ยจงสามารถใช้ออกมาได้อย่างส่งผลมากอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อนเร้นเลยแม้แต่น้อย

 

“นี้คือ……”

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้อยู่ในบริเวณหัวมุมในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้มาจนถึงบริเวณทางด้านหน้าของเพลิงกาฬลำดับที่แปด คนเหล่านี้เดิมยังคิดที่จะต้องการลงมือต่อไป เพื่อเสาะหาเยี่ยจง แต่ว่าในขณะนี้เอง ต่อให้เป็นชนชั้นระดับมหาราชันเองในขณะนี้เองก็ยังต้องตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

“ตูม——”

 

บริเวณส่วนลึกภายในเพลิงกาฬลำดับที่เก้า ก็ได้มีตัวอักษรเซียนสีโลหิตปรากฏขึ้นมาสู่ท้องฟ้าในขณะนี้ภายในพริบตา ประดุจดั่งรับรู้และสัมผัสได้ถึงบางอย่างก็มิปาน!

 

ภายในส่วนลึกของเพลิงกาฬลำดับที่แปด บริเวณส่วนที่เป็นบัลลังก์ราชันของเพลิงกาฬลำดับที่เก้า ก็ได้มีสายรุ้งห้าสีเปล่งประกายขึ้นมา ปรากฏตัวอักขระโบราณนับไม่ถ้วนขึ้นมา ยิ่งทำให้ตัวอักษรคำว่าเซียนนั้นเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ในขณะนี้เอง ก็ได้มีไอโลหิตพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า อักษรเซียนสีโลหิตก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังรังสีแห่งความน่ากลัวปกคลุมเอาไว้อยู่ จนทำให้ผู้คนอ้าปากตาค้างขึ้นมา

 

“นี้ ก็คือตำนานที่อยู่ภายใน พื้นที่แห่งสุสานเซียนที่อยู่ภายในดินแดนเสี่ยวหนาน ซึ่งมีการคงอยู่ของความลับแห่งเซียนอยู่ ตลอดมาข้าคิดแต่เพียงว่าเป็นเพียงคำเล่าขานเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจริง ” มหาราชันแห่งหุบเขาเทพชิงหวินก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อีกทั้งภายในน้ำเสียงนั้นยังแฝงเอาไว้ด้วยรสชาติที่ยากจะเชื่อได้แฝงเอาไว้อยู่

 

“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้เยาว์ผู้นี้ถึงสามารถที่จะเข้าออกภายในสถานที่แห่งนี้ได้มาแรมหลายเดือนได้ เขาถึงแม้จะไม่อาจที่จะสามารถเข้าไปยังพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียนได้ เพื่อที่จะล่วงรู้ความลับแห่งเซียน แต่ว่าต่อให้เป็นการคงอยู่เช่นนี้ก็ตามที อย่างน้อยก็คงจะเพียงพอที่จะทำให้เกิดประโยชน์ที่มากมายได้อยู่ การคงอยู่ของเจ้าหนูผู้นี้ในขณะนี้ หากว่ายังปล่อยให้เขารอดไปได้ แน่นอนว่าจะต้องสามารถที่จะแบ่งแยกแผ่นดินออกเป็นหลายส่วนได้อย่างไม่ต้องสงสัย ” มหาราชันแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับกล่าวออกมาอย่างเย็นชา เพียงแต่ว่าเขากลับมิได้เคลื่อนไหวแต่อย่างไร

 

ส่วนมหาราชันอีกสี่คนขณะนี้ก็ยังคงอยู่ในลักษณะเมินเฉยอยู่ พวกเขาถึงแม้ว่าจะมาเพื่อที่จัดการกับเยี่ยจง แต่ว่าในขณะนี้เอง จะมีผู้ใดบ้างที่ยังมีความสนใจที่จะไปเสาะหาเยี่ยจงต่อกัน? ตำนานเล่าขานอย่างพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียน สามารถที่จะมีความลับแห่งเซียนปรากฏขึ้นมาบริเวณเบื้องหน้าสายตาได้ และในเวลาเช่นนี้เอง ผู้ใดกันที่ยังให้ความสนใจต่อเยี่ยจงเพียงคนเดียวได้อีก?

 

“ทุกท่าน หากว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดั่งเช่นที่ตำนานเล่าขานมา แน่นอนว่าย่อมต้องทำให้ทั่วทั้งสี่ดินแดนเกิดความเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน นับแต่โบราณกาลมา ความลับแห่งเซียนนั้นถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่กลับปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าพวกเราทั้งห้าในขณะนี้ ช่างถือได้ว่าเป็นวาสนายิ่งหนัก……ขณะนี้ก็ได้ปล่อยวางการแย่งชิงทั้งหมดลง เพื่อที่จะร่วมมือกันเบิกสถานที่แห่งนี้ออกมา เพื่อที่จะช่วงชิงความลับแห่งเซียน ” มหาราชันเผ่าปีกกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแสออกมา แต่ว่าต่อให้อยู่ในอาการไม่แยแสสนใจ แต่ก็ยังคงแฝงเอาไว้ด้วยความร้อนรุ่มที่ยากจะเก็บซ่อนเอาไว้ได้อยู่สายหนึ่ง ต่อให้หากเป็นมหาราชันเผ่าปีกผู้เยือกเย็น ก็ยังไม่อาจที่จะไม่เห็นอยู่ในสายตาในขณะนี้ได้ เพราะว่าพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียนนั้นมีความสัมพันธ์กันอยู่ ท่ามกลางดินแดนทั้งสี่ มหาราชันทั้งหมดย่อมไม่อาจที่จะทำเป็นไม่เห็นเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

 

“ไม่มีสิ่งใดที่มีความสำคัญเกินกว่าสุสานเซียนนี้ได้แล้ว พวกเราผสานมือกัน จัดการกับผู้เยาว์นั้นเอาไว้ เพื่อที่จะมิให้เขาสามารถที่จะเล่นลวดลายอันใดออกมาได้อีก!” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเมื่อครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่ง ก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยความเฉยเมย

 

“ได้ ออกคำสั่งให้ยอดฝีมือทั้งหมดปิดกั้นดินแดนเสี่ยวหนานเอาไว้ อย่าได้ให้ข้อมูลข่าวสารจากสถานที่แห่งนี้หลุดออกไปได้แม้แต่ร้อย ไม่เช่นนั้นแล้วหากเป็นที่ล่วงรู้เข้าไปถึงหูของแดนลับแลสูงสุดแล้วละก็ คงจะต้องเร่งมาได้ภายในพริบตา ” มหาราชันแห่งเผ่าซือก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา เพื่อที่จะทำการปิดกั่นเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

 

ต่อมา มหาราชันทั้งห้าแต่ละคนก็ได้ส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ออกคำสั่งเพื่อที่จะให้ยอดฝีมือทั้งหมดปิดกั้นสถานที่แห่งี้เอาไว้ อีกทั้งเยี่ยจง ขณะนี้ในสายตาของพวกเขาถือได้ว่าไม่มีความสำคัญอีกต่อไป มหาราชันทั้งห้าก็ได้จ้องมองไปยังส่วนลึกของเพลิงกาฬลำดับที่แปดในเวลาเดียวกัน ทอสีหน้าเร่าร้อนขึ้นมา

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลงมือเถอะ!”

 

มหาราชันเผ่าปีกก็ได้เอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็ได้ส่งเสียงดังทอดออกมา มหาราชันทั้งห้าก็ได้ยื่นมือออกไปในเวลาเดียวกัน ในครั้งนี้เยี่ยจงก็ได้เข้ามาอยู่ในระยะทางที่ใกล้ขึ้น ในที่สุดก็สามารถที่จะพบเห็นได้อย่างชัดเจน มหาราชันทั้งห้าก็ได้สาดประกายแสงสีทองแสบตาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าเข้าปกคลุมบริเวณเบื้องหน้าเอาไว้

 

เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ท่ามกลางการไหลรินของเพลิงกาฬลำดับที่แปดสีรุ่งทั้งเจ็ดนั้นมีการหลั่งไหลออกมาอย่างน่าหวาดกลัว เขายิ่งทราบได้อย่างกระจ่างอย่างยิ่ง มหาราชันทั้งห้าลงมือออกไปแล้วจะอย่างไร? ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะปลดผนึกต้องห้ามได้ อีกทั้ง ต่อให้ปลดผนึกออกมาได้ หากเป็นไปตามความคาดเดาของเสี่ยวหลุน ท่ามกลางพื้นทีที่แห่งสุสานเซียนนั้นก็คงจะต้องเปิดสภาวะแห่งการฆ่าฟันออกมาอย่างแน่นอน เยี่ยจงขณะนี้ก็ได้เฝ้ารอคอยอย่างยิ่ง สภาวะการสังหารอันน่าตกใจที่จะสามารถที่จะนำพาความยินดีให้แก่ตนเองได้มากถึงเพียงไหนกัน

 

“ตูมตูมตูม——”

 

แสงสีทองที่เปล่งประกายทั้งห้าสายก็ได้สาดทอออกมาไม่ขาดสาย กระทบลงบนเพลิงกาฬลำดับที่แปด แต่ว่าก็เป็นไปตามการคาดเดาของเยี่ยจงก็มิปาน เพลิงกาฬลำดับที่แปดนี้ก็ได้ปะทุขึ้นมาภายในพริบตาด้วยพลังความสามารถอันน่าหวาดกลัว ถึงกับสามารถที่จะต้านทานการผสานมือกันของมหาราชันทั้งห้าได้

 

“สถานที่แห่งนี้ย่อมต้องเป็นพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียนอย่างไม่ผิดพลาดแน่นอน ด้วยพลังจากการร่วมมือของพวกเราทั้งห้า มีสถานที่ใดภายในสี่ดินแดนที่ไม่อาจไปได้กัน? จะมีก็แต่เพียงพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเซียน พวกเราจึงไม่ง่ายที่จะปลดผนึกเข้าไปได้ ”

 

เมื่อการร่วมมือกันล้มเหลว มหาราชันทั้งห้ากลับมิได้เสียความเชื่อมั่นไปแต่อย่างไร มหาราชันแห่งหุบเขาเทพชิงหวินกลับยิ่งเกิดความยินดีขึ้นมาอีกหลายส่วน จากที่เขามอง สถานที่แห่งนี้ยิ่งมาก็ยิ่งยากที่จะปลดผนึกออกได้ เช่นนี้ก็ยิ่งกล่าวได้ว่าย่อมต้องมีความสัมพันธ์กับเทพเซียนอย่างแน่นอน

 

“ตำนานเล่าขานแห่งเซียน ได้มีการคงอยู่ที่ไม่สูญสลายเอาไว้อยู่ชั่วกาลนาน เพราะว่าพื้นที่ในสุสานเซียนนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องเก็บซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่จากโบราณกาลเอาไว้อย่างแน่นอน หากว่าสามารถที่จะปลดผนึกสถานที่แห่งนี้ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้พวกข้าค้นพบความลับในการสำเร็จเป็นเซียนก็เป็นได้ ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะอันแผ่วเบา ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยเหเย่อหยิ่งอยู่อีกหลายส่วน

 

“พื้นที่ต้องห้ามของสถานที่แห่งนี้ ภายใต้การไหลเวียนของกาลเวลาที่ไหลเวียนผ่านมา คงจะต้องมีพลังอำนาจที่ไม่อาจที่จะคาดคิดเอาไว้ได้เก็บซ่อนเอาไว้อยู่ภายในมาอย่างยาวนาน แต่ว่าก็ยังคงมีพลังในการป้องกันที่น่าหวาดกลัวอยู่ถึงเพียงนี้ ช่างเป็นสิ่งที่เหนือความคาดเดาของพวกเรายิ่งนัก ” มหาราชันเผ่าซือก็ได้เอ่ยขึ้นมา อีกทั้งยังคงเหมือนมีในทีท่าที่เมินเฉยอยู่หลายส่วน

 

“ถ้าอย่างนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร ในเมื่อยังไงซะก็ต้องถูกปลดผนึกอยู่ดี!” มหาราชันแห่งหุบเขาเทพชิงหวินก็ได้กล่าวขึ้นมา จากนั้นก็ได้เตรียมลงมืออีกครั้ง

 

“ตูมตูมตูม——”

 

แล้วก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่าหวาดกลัวขึ้นมาปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าก็มิปาน ประดุจดั่งธารเงินที่กำลังหลั่งไหลหมุนวนไปมาก็มิปาน จนทำให้ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้านั้นสาดเป็นประกายคมกล้าขึ้นมาเป็นสาย สาดเป็นประกายคมกล้าแสบนัยน์ตาไปทั่วทั้งสี่ทิศ ซึ่งแตกต่างจากการตอนที่ปลดผนึกเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ดก่อนหน้านี้อย่างยาวไกล จนเผยให้เห็นสิ่งปลูกสร้างโบราณมากมายอยู่ภายในพื้นที่แห่งนั้น อีกทั้งยังสามารถที่จะพบเห็นการคงอยู่ของเส้นทางโบราณที่เสียหายไปแล้วได้เป็นบางครั้ง จนทำให้ก่อเกิดพลังที่พวยพุ่งขึ้นมาออกไปตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ตลอดทั่วทั้งดินแดนเสี่ยวหนานประดุจดั่งคิดที่จะทำให้เดือดพล่านขึ้นมาก็มิปาน

 

บริเวณภายนอกดินแดน เหล่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและระดับราชันของขุมกำลังทั้งห้าก็ได้ทอสีหน้าเหม่อลอยเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอาการตื่นตกใจขึ้นมา พวกเขาเดิมทีแล้วยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ว่าฉากเบื้องหน้าที่มีการร่วมมือกันของมหาราชันทั้งห้า ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมาได้แล้ว

 

ตลอดทั่วทั้งฟ้าดินก็ได้เดือดพล่านขึ้นมา ท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ด เยี่ยจงไม่อาจที่จะไม่ใช้ออกมาด้วยกายาทองไม่สูญสลายขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเสี่ยวหลุนก็ได้ปล่อยประกายแสงสีขาวออกมา ปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขา แต่ว่าเขาก็ยังคงยืนอยู่ในลักษณะเดิมอย่างไม่สนใจ จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าจากสถานที่ห่างไกลออกไป ไม่อาจที่จะพบเห็นความเคลื่อนไหวใดๆ

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้ลงมือติดต่อกันออกมาไม่หยุด อีกทั้งยังได้ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุของแต่ละฝ่ายของพวกเขาออกมา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติประจำเผ่าพันธุ์สำนัก โดยส่วนมากแล้วย่อมไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้อย่างง่ายดาย ในครั้งนี้เพียงเพื่อคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์จึงได้นำออกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องใช้ออกมาในขณะนี้ มหาราชันที่ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ จนทำให้พื้นที่แห่งนี้อยู่ในสภาวะอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด จนทำให้ประกายแสงจันทราและดวงอาทิตย์เลือนหายไปในทันที ก่อเกิดเป็นประกายแสงสว่างไสว จนทำให้ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าเกิดการสั่นไหวขึ้นมา

 

ประกายแสงเทวะและเพลิงกาฬเจ็ดสีนับไม่ถ้วนก็ได้พวยพุ่งเข้าหากัน จนแยกออกจากกันกระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านอย่างไม่ขาดสาย

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงจึงค่อยเข้าใจว่าตนเองนั้นโชคดีถึงเพียงใด ตนเองหากว่ามิใช่มีวาสนาได้ฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวัน หากว่ามิได้มีการลงมือช่วยเหลือจากเสี่ยวหลุนแล้วละก็ ก่อนหน้านี้คิดที่จะเข้าไปยังภายในเพลิงกาฬลำดับที่แปด เกรงว่าคงจะยากเย็นยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์เสียอีก

 

และไม่ทราบว่าได้ผ่านพ้นไม่นานเท่าใด มหาราชันทั้งห้าก็ไม่ทราบว่าได้ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุไม่รู้มากน้อยกี่ครั้ง จนท้ายที่สุด พวกเขาในที่สุดก็ได้แหวกเพลิงกาฬลำดับที่แปดจนเกิดช่องว่างที่แตกหักเสียหายน้อยๆ ขึ้นมาได้

 

“ตูม——”

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้ผสานมือกันอีกครั้ง โจมตีเข้าไปด้วยพลังอันเข้มแข็ง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุทั้งห้าชิ้นก็ได้พ่นประกายแสงเทวะออกมา จนรวมตัวกันขึ้นจนกลายเป็นพลังเทวะอยู่ภายในร่างมหาราชันทั้งห้า ในที่สุดก็ได้ทลายเพลิงกาฬลำดับที่แปดไปได้อีกหลายชั้น

 

“บรึม——”

 

ในขณะนี้เอง เพลิงกาฬเจ็ดสีก็ได้พุ่งขึ้นสู่ฟ้าขึ้นมา จนก่อเกิดการปรากฏพลังอักขระมากมายนับไม่ถ้วน ท่ามกลางช่องว่างที่เสียหายของเพลิงกาฬลำดับที่แปดในขณะนี้ก็ได้เปล่งแสงออกมา มุ่งหน้าแผ่กระจายออกไปตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้ลงมือออกมาในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าเพื่อที่จะไขว่คว้าไปยังท่ามกลางอากาศ เพื่อที่จะทำการแย่งชิงอักขระโบราณเหล่านี้เอาไว้ นั้นก็เพราะว่า ภายใต้ความเสียหายอันยิ่งใหญ่นั้นได้คงเหลือเอาไว้ในรูปของพลังอักขระ ย่อมต้องก่อประโยชน์ในการฝึกปรือของพวกเขาได้เป็นอย่างมาก

 

เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้อย่างเยือกเย็น ยกมุมปากขึ้นมาน้อยๆ สิ่งของเหล่านี้ถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากอยู่แล้ว แต่ว่าในมือเขานั้นมีคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์อยู่ ซึ่งเป็นการคงอยู่ของรากฐานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดเอาไว้ ย่อมทำให้ไม่เกิดแรงกระตุ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้ลงมือออกมาในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะช่วงชิงพลังอักขระมากมายเหล่านี้ แต่ว่าก็ยังคงปล่อยให้หลุดรอดออกไปจากดินแดนเสี่ยวหนานได้ วินาทีนั้น ยอดฝีมือทางด้านหลังทั้งหมดก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา ขุมกำลังทั้งห้าสายก็ได้ลงมือออกมาในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะช่วงชิงพลังอักขระ

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset