เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 499 ปลดผนึก

ตอนที่ 499 ปลดผนึก

 

“ตูมตูมตูม——”

 

ภายในพริบตานั้นเอง มหาราชันทั้งห้าคนก็ได้ผสานมือกันอีกครั้ง แล้วก็ได้ก่อพลังการโจมตีอันน่าตกใจขึ้นมาอีกครั้ง แผ่กระจายพลังแห่งเทวะปกคลุมออกไปในตอนนี้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ประดุจดั่งคลื่นจากมหาสมุทรถาโถมเข้ามาก็มิปาน แล้วก็ได้เกิดพลังหมุนรอบอยู่ที่เบื้องฟ้า น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

 

ในขณะนี้เอง ยอดฝีมือทั้งห้าฝ่ายก็ได้ลงมือเพื่อที่จะทำการแย่งชิงพลังอักขระทั้งหมดจนก่อเกิดการสั่นไหวขึ้นมา มีผู้คนไม่น้อยที่ได้รับพลังอักขระ ยอดฝีมือที่อยู่ในระยะใกล้ ก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต

 

แม้แต่ร่างกายเยี่ยจงเองก็ยังต้องสั่นไหวไปแรงสั่นสะเทือน ทอสีหน้าหวั่นไหวขึ้นมา หากมิใช่เป็นเพราะว่าเขานั้นได้สำเร็จกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จน้อยแล้วละก็ ในช่วงระยะเวลาเช่นนี้ ก็แทบจะไม่อาจที่จะต้านทานแรงกดดันของชนชั้นมหาราชันได้อย่างแน่นอนฃ

 

มหาราชันทั้งห้านี้ต่างก็ได้ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุจนเผยออกมาให้เห็นถึงสภาวะแห่งการทำลายของมหาราชันออกมา กวาดล้างไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ท่ามกลางตลอดทั่วทั้งสี่ทิศ ยากที่จะมีผู้คนต้านทานเอาไว้ได้

 

“บรึม——”

 

ในการโจมตีสุดท้ายของมหาราชันทั้งห้า ในที่สุดก็ได้แหวกม่านของเพลิงลำดับที่แปดได้ไปจนหมดสิ้น เพลิงกาฬเจ็ดสีในขณะนี้ก็ได้พวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน มุ่งหน้าทำลายไปจนถึงสวรรค์ชั้นเก้าทศพสุธา

 

อารามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความลี้ลับแห่งความโบราณในแต่ละหลัง ก็ได้ปรากฏขึ้นมาที่บริเวณเบื้องหน้าของมหาราชันทั้งห้า ทางด้านบนของสายทางหินอ่อน ราวกับว่าได้มีการปรากฏขึ้นมาของพลังอักขระเปล่งประกายขึ้นมา จนกลายเป็นดั่งพลังแห่งการไม่สูญสลาย

 

“ไม่เลว สถานที่แห่งนี้ต่อให้มิใช่สุสานเซียนก็ตาม แต่ทว่าอย่างน้อยก็คงจะต้องเก็บซ่อนเอาไว้ด้วยความลับอันยิ่งใหญ่อยู่ สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นเหมือนกับเป็นสถานที่ตั้งของอารามก็มิปาน ถือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด

 

มหาราชันหลายคนก็ได้ทอสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีออกมา ไม่ว่าจะมองเช่นไร หากมองจากก่อนหน้านี้ ความเคลื่อนไหวของพวกเขาถือได้ว่ากระทำได้สำเร็จแล้ว

 

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่ได้ตกมาอยู่ในการครอบครองของมหาราชัน ถึงกับมีความน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ?” เยี่ยจงก็ได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ภายในท่ามกลางดวงตาก็ได้ปรากฏความแปลกใจขึ้นมา

 

“ท่ามกลางสี่ดินแดน มหาราชันชั้นแนวหน้า และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของแต่ละฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่เล่มเท่านั้นเอง วันนี้กลับปรากฏอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุถึงห้าเล่มลงมือพร้อมกัน พลังแห่งการทำลายก็ย่อมต้องอยู่นอกเหนือขอบเขตขั้นมหาราชันไปตั้งแต่แรกแล้ว แน่นอนย่อมต้องมีพลังอันน่าหวาดกลัวเกิดขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ได้อยู่แล้ว ” เสี่ยวหลุนก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่า มันในขณะนี้ถือได้ว่าเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุดต่อฉากเบื้องหน้านี้

 

“ถึงกับสามารถที่จะทลายเพลิงกาฬลำดับที่แปดได้ ทว่าก็ดี รออีกครู่หนึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ตายลงแล้ว ก็ถึงคราวที่พวกเราทั้งสองจะได้กอบโกยแล้ว!” เสี่ยวหลุนหัวเราะฮิฮะออกมาอย่างเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่ามันนั้นยังจิตใจอำมหิตเสียยิ่งกว่าเยี่ยจงอีก

 

“ตูม——”

 

บริเวณท่ามกลางอากาศ มหาราชันทั้งห้าตนในเวลาเดียวก็ได้ก้าวเดินออกมา พวกเขาก็ได้สะบัดแขนเสื้อพลิ้วออกไป ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็สามารถที่จะพบเจอกับอารามเก่าแก่โบราณแต่ละหลังที่ตั้งเอาไว้อยู่ ชั่วเวลาภายในพริบตา ในขณะที่แขนเสื้อของพวกเขายังไม่ทันจะได้เข้าไปยังภายใน ท่ามกลางสายทางเก่าแก่โบราณเหล่านี้ก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นมา มหาราชันเหล่านี้ต่างก็มิได้ยั้งมือไว้ไมตรีอยู่ดี ทว่าชั่วเวลาเพียงแต่หนึ่งถ้วยน้ำชาเท่านั้น อารามเก่าแก่โบราณที่เยี่ยจงได้พบเจอเหล่านั้น ก็แทบจะไม่หลงเหลือแม้แต่เส้นขน ถูกมหาราชันทั้งห้ากวาดล้างไปจนสะอาดหมดจดจนสิ้น

 

“ให้ตายเถอะ! เด็กน้อยเหล่านี้ ช่างไม่ยอมเหลือแม้แต่ไก่สุนัขเสียด้วยซ้ำ!” เยี่ยจงมองออกไปอย่างอ้าปากตาค้าง จนเกือบที่จะเกิดความเสียใจแทรกธรณีหนี เขาเดิมทีคิดว่าหลังจากที่สำเร็จสู่ขั้นมหาราชันแล้ว จะค่อยเข้ามาเพื่อทำการทดสอบฝีมือใหม่อีกครั้ง ในสายทางแห่งนี้ และมหาราชันเหล่านี้กลับยอดเยี่ยมยิ่ง ถึงกับเก็บรวบรวมสิ่งของวัตถุโบราณจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเอาไว้ เก็บเกี่ยวไปทุกตารางนิ้ว จนทำให้เยี่ยจงต้องอ้าปากตาค้าง

 

“ช่างไร้ยางอายนัก! มหาราชันหลายคนนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ต่อให้เป็นปู่หลุนข้าก็ยังเพียงแค่คิดเท่านั้น แต่กลับไม่กล้าพอที่จะกระทำเรื่องราวเช่นนี้ได้จริง พวกเขาไม่เกรงกลัวผลกระทบอันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างงั้นหรือ?” เสี่ยวหลุนหัวเราะอย่างเย็นเยียบติดต่อกัน เห็นได้ชัดว่ามันเองก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบคนที่มีความไร้ยางอายเสียยิ่งกว่ามันอีก จนทำให้มันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมา

 

“เจ้ามิใช่บอกว่าสถานที่แห่งนี้มีสภาวะแห่งการสังหารอยู่อย่างงั้นหรือ? หากว่าพวกเขาได้รับประโยชน์เหล่านี้ไปได้จริงแล้วละก็ หลังจากที่จากไปแล้ว เกรงว่าคงจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากที่สะเทือนฟ้าขึ้นมาอย่างแน่นอนแล้ว!” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต่างก็ไม่อาจที่จะควบคุมเอาไว้ได้ หรือจะกล่าวได้ว่า เดิมทีแล้วเขานั้นก็ไม่อาจที่จะควบคุมได้อยู่แล้ว ทว่าขณะนี้กลับกลายเป็นเรื่องราวที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายไปแล้วก็เท่านั้น

 

“ไร้ยางอาย ข้ากลับไม่มีความเชื่อว่าพวกเขานั้นจะไม่มีความสนใจต่อตำหนักหลังสุดท้ายได้ ขอเพียงแค่พวกเขานั้นกล้าที่จะลงมือ เช่นนั้นก็คงจะต้องตายตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย!” เสี่ยวหลุนหัวเราฮิฮะออกมาอย่างเย็นเยียบ น้ำเสียงแยกไม่ระหว่างความถือดีและความเยียบเย็น

 

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเช่นนี้ เยี่ยจงกลับวางใจขึ้นมาอีกหลายส่วน ขณะนี้เพลิงกาฬลำดับที่แปดก็ได้สลายหายไปภายในพริบตา เผยออกมาให้เห็นถึงพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าออกมา แต่ว่าเขานั้นก็ยังคงอยู่ในหัวมุมของบริเวณเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ดอยู่ จ้องมองฉากเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็น

 

ท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่แปด มหาราชันทั้งห้าขณะนี้ต่างก็ได้กวาดออกไปอย่างช้าๆ นอกเสียจากบริเวณส่วนนอกของอารามขนาดใหญ่หลังนี้ ซากปรักหักพังโบราณทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่นั้นก็ได้ถูกพวกเขาเก็บเอาไว้ และพวกเขานั้นก็ยังคงแผ่พลังสำนึกเทวะกวาดออกไปตลอดทั่วทุกสี่ด้าน ราวกับกำลังเสาะหาอะไรบางอย่างอยู่ก็มิปาน

 

“พื้นที่แห่งสุสานเซียน เป็นสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน? หรือว่าภายใต้ของสุสานเซียน ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องบูชาใดๆ ก็ได้งั้นหรือ?” แล้วก็ได้มีมหาราชันเผยสีหน้าสงสัยขึ้นมา

 

“หรือจะกล่าวได้อีกว่า สถานที่แห่งนี้กลับมิใช่พื้นที่แห่งสุสานเซียน? แต่ว่าเมื่อครู่ที่ข้าได้รับมาทั้งหมดทั้งมวลนั้น ก็ถือได้ว่ามีส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานในสมัยโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย มิใช่สูญเปล่าอย่างแน่นอน มีตำนานอยู่มากมาย ที่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ภายในบันทึกโบราณเพื่อเป็นการเตือนสติในบางครั้ง ” แล้วก็ได้มีมหาราชันขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่อาจที่จะสามารถที่จะเสาะหาสิ่งของในตำนานนี้ออกมาได้

 

“บริเวณพื้นที่รอบนอกของสุสานเซียน เป็นดั่งเช่นตำนานที่เล่าขานเอาไว้ก็มิปาน สมควรที่จะมีโอสถเซียน คัมภีร์เซียน อีกทั้งสมบัติแห่งเซียนชั้นสูงอยู่ก็เป็นได้ เหตุใดขณะนี้กลับไม่อาจที่จะพบเจอได้แม้แต่ชิ้นเดียวกัน?”

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้เผยสีหน้าสงสัยขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกเขานั้นต่างก็เก็บเกี่ยวไปทุกตารางนิ้วไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็เพื่อที่จะทำการเสาะหาวัตถุสมบัติที่แท้จริงเหล่านี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าขณะนี้ถึงกลับยังไม่ปรากฏขึ้นมาแม้แต่ชิ้นเดียวด้วยซ้ำไป

 

“หรือว่า จะอยู่ภายในท่ามกลางของอารามนั้นจริงงั้นหรือ?”

 

หลังจากนั้นสักพัก สีหน้ามหาราชันทั้งห้าก็ได้กลับคืนสู่เป็นปกติในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ได้ทอดสายตามองเข้าไปยังท่ามกลางอารามขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

 

ตำหนักเก่าแก่โบราณและสว่างไสว ขณะนี้ภายในก็มิได้หลงเหลือเอาไว้ด้วยเพลิงกาฬเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงสามารถที่จะพบเห็นกับบัลลังก์ขนาดใหญ่สีทองได้ ขณะนี้ ตัวอักษรโลหิตคำว่าเซียนนั้นก็จะปรากฏขึ้นมาเพื่อที่จะปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งบัลลังก์สีทองอย่างไม่ขาดสายแน่นอน อีกทั้งยังเผยพลังทำลายล้างแห่งเซียนซึ่งไม่ดับสูญอีกด้วย

 

“เพลิงกาฬลำดับที่เก้า!”

 

“นี้ก็คือบริเวณสถานที่ที่เป็นสุสานเซียนที่แท้จริงแล้ว ”

 

“หากว่าภายนอกไม่มีสมบัติวัตถุแล้วละก็ เช่นนั้นก็เป็นเครื่องบ่งชี้แล้วว่า สมบัติวัตถุที่แท้จริงมากมายนับไม่ถ้วนนั้นก็คือจะปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในบัลลังราชันที่อยู่ภายในเพลิงกาฬลำดับที่เก้าแล้วอย่างงั้นหรือ?”

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้หรี่ตามองดูไปยังฉากเบื้องหน้า ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ตามที่พวกเขาทราบมาทั้งหมดนั้น ย่อมต้องทราบอยู่แล้วถึงความแข็งแกร่งของบัลลังก์ราชันแห่งนี้ว่ามีมากมายเท่าไร และตัวอักษรโลหิตเซียนที่กำลังจะปรากฏขึ้นบริเวณทางด้านบน ยิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีแห่งการฆ่าฟันที่ยากจะต้านทานเอาไว้ได้อยู่ หากว่ามิใช่ตกอยู่ภายใต้สภาวะคับขันแล้วละก็ พวกเขาคงไม่คิดที่จะลงมืออย่างง่ายดายอย่างแน่นอน

 

มหาราชันทั้งห้าก็ได้ครุ่นคิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ประดุจดั่งมีบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศก็มิปาน ขณะนี้พวกเขาต่อให้คาดเดาออกมาไม่หยุดก็ตามที อีกทั้งยังมีการคาดคำนวณเอาไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

“เจ้าหนูเยี่ยจง เจ้าหากว่าออกมาในขณะนี้ บอกกล่าวต่อพวกข้าว่าภายในนั้นได้เก็บซ่อนวัตถุที่ผ่านเลยกาลเวลามาแล้วละก็ ข้าจะเป็นผู้เสนอให้ว่า นับจากนี้จะให้เจ้ามาเป็นทหารชั้นเอกซึ่งเป็นขุมกำลังสูงสุดของพวกเราทั้งห้าสำนักเผ่าพันธุ์ อีกทั้งยังไม่ลงมือต่อเจ้าอีกด้วย ” มหาราชันแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงนั้นดังกังวานสะท้อนออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ และในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ เขายังกลับคิดถึงเยี่ยจงขึ้นมาได้

 

เมื่อได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมา มหาราชันที่หลงเหลืออีกทั้งสี่คนก็ได้สาดทอประกายดวงตาขึ้นมา ต่างก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เห็นได้ชัดว่านั้นก็ได้คิดถึงและยอมรับในข้อนี้ได้ เยี่ยจงที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อยู่แรมหลายเดือน พวกเขาย่อมไม่คิดว่าเยี่ยจงจะมิได้รับสิ่งใด เดิมทีแล้วพวกเขานั้นย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจต่อเยี่ยจงเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าสถานการณ์ในขณะนี้นั้นถือได้ว่ายุ่งยากขึ้นมาอยู่หลายส่วน จนทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะให้ความสนใจต่อเยี่ยจงก็มิได้

 

ท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ด เยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา จากนั้นก็ได้ถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง เขากลับมิได้ไร้เดียงสาจนไม่ทราบความถึงเพียงนั้น ย่อมต้องเข้าใจอยู่แล้วว่า ขณะนี้ตนเองหากว่าปรากฏตัวขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นสภาพท้ายที่สุดของตนเอง แน่นอนว่าย่อมต้องอยู่ในระดับที่ยากจะคลี่คลายได้อย่างแน่นอน การถูกตรวจสอบพบถึงสภาวะพลังวิญญาณเช่นนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่แน่การที่ถูกมหาราชันทั้งห้าปล่อยปละละเลย จะยิ่งทำให้เป็นการกดดันตนเองให้เข้าไปปลดผนึกของบัลลังก์ราชันเสียอีก

 

เยี่ยจงยังไม่ถึงกับโง่งมถึงเพียงนั้น

 

“ดูเหมือนว่า เจ้าเด็กน้อยผู้นั้นคงจะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วละ เขานั้นย่อมต้องทราบเป็นอย่างดี!” หลังจากที่รอคอยเยี่ยจงอยู่สักพัก ทันใดนั้นเอง มหาราชันเผ่าปีกก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่า ขณะนี้เขาเองก็ได้สูญเสียความอดกลั้นไปแล้ว

 

“ก็แค่ผู้เยาว์เพียงคนเดียว ต่อให้ทำการวิเคราะห์สถานที่แห่งนี้อยู่อีกค่อนชีวิต ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะทราบอันใดที่แท้จริงขึ้นมาได้ พวกเราก็อย่าได้ทำให้เสียเรื่องอีกเลย อย่าได้ตั้งความหวังเอาไว้ที่เขา ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะยากที่จะเข้าไปได้ แต่ว่าท่ามกลางภายในพื้นที่แห่งสุสานเซียน ที่ด้านในนั้นอย่างน้อยก็คงจะต้องเก็บซ่อนพลังแห่งเซียนที่แท้จริงเอาไว้อยู่อย่างแน่นอน ย่อมไม่เป็นสิ่งที่ผิดพลาดไปได้อย่างแน่นอน!” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

ทว่า ถึงแม้ว่าจะกล่าวออกมาเช่นนี้ มหาราชันทั้งห้าต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ในเวลาเดียวกันนี้ก็มิได้คิดวิธีที่สวยงามหมดจดขึ้นมาได้ อีกทั้งโอกาสในการปลดผนึกบัลลังก์ราชันนี้ยังเรียกได้ว่ามีโอกาสเพียงหนึ่งในหมื่นเท่านั้น、

 

ขณะนี้ แม้แต่อารามขนาดใหญ่แห่งนั้น ที่แม้แต่ชนชั้นระดับมหาราชันต่างก็ยังไม่อาจที่จะสามารถเข้าไปยังภายในได้อย่างง่ายดาย

 

“ทุกท่าน เอาแต่รอคอยอยู่เช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นวิธีที่ดีอันใด ไม่ทราบว่าได้ผ่านเลยกาลเวลาไปมาน้อยแค่ไหนกัน จึงจะสามารถที่จะสร้างขึ้นมาได้อย่างหมดจดเช่นนี้อีกครั้ง อย่างน้อยก็คงจะต้องพบปรากฏข้อบกพร่องขึ้นมาส่วนหนึ่ง ไม่แน่ว่า สภาวะสังหารตามที่พวกเราคาดคิดเอาไว้คงจะไม่มีการคงอยู่แล้วก็เป็นได้ พวกเราที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอยู่ ผนึกผสานกันลงมือ ต่อให้ไม่อาจที่จะปลดผนึกสถานที่แห่งนี้ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอที่จะสามารถที่จะถอยจากไปได้อย่างไม่เสียหายอันใด ลองเข้าไปตรวจสอบดูก่อนสักรอบ เพื่อที่จะแน่ใจว่าภายในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่ แล้วค่อยมาตัดสินใจกันอีกครา!” มหาราชันแห่งหุบเขาเทพชิงหวินก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน แฝงเอาไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวอยู่

 

“ย่อมได้ ลงมือพร้อมกันเถอะ!” มหาราชันแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้พยักหน้าตอบรับ วินาทีนั้น มหาราชันทั้งห้าก็ได้ก้าวเดินออกไปในเวลาเดียวกัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ได้สาดทอเป็นประกายขึ้นมาอย่างถึงขีดสุดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายของมหาราชันทั้งห้า ร่างกายของพวกเขาก็ได้ทะยานออกไปในเวลาเดียวกัน เมื่อได้เข้ามาจนถึงบริเวณเบื้องหน้าของอารามขนาดใหญ่ วินาทีนั้นก็ได้ค่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง

 

“บรึมบรึม——”

 

ในขณะนี้เอง ประกายแสงโลหิตก็ได้สาดเป็นประกายคมกล้าขึ้นมาทันที พุ่งออกมาจากสภาวะใต้พื้นดิน เพียงแต่ว่าพริบตานั้น อารามขนาดใหญ่แห่งนั้นก็ได้ปกคลุมเอาไว้ด้วยสีโลหิตอยู่ จนทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะพบเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าแท้จริงแล้วภายในนั้นเกิดอันใดขึ้นกันแน่ แต่ว่า ท่ามกลางสีโลหิตชนิดนี้ กลับได้เต็มเปี่ยมเอาไว้ด้วยความเศร้าวังเวงและไอแห่งมารร้ายขึ้นมา จนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นขึ้นมาได้

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจถอยหลังไปไกลอีกระดับหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้ทอแววความเคร่งเครียดออกมา

 

“ภายในสภาวะเช่นนี้ เดิมทีแล้วสมควรที่จะมิใช่สถานที่มหาราชันจะสามารถที่จะสร้างขึ้นมาได้ เพียงแต่ว่า ด้วยความร่วมมือของมหาราชันทั้งห้านี้ที่ได้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเข้าไป ยังถึงกับที่จะควบคุมสภาวะของการสังหารเอาไว้ได้อยู่บ้าง พวกเขาในครั้งนี้อย่างน้อยก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว!” เสี่ยวหลุนทันใดนั้นก็ได้หัวเราะเสียงเย็นเยียบดังออกมาติดต่อกัน ภายในน้ำเสียงนั้นก็ได้เต็มเปี่ยมเอาไว้ด้วยรสชาติที่ยากจะอธิบายออกมาได้อยู่

 

เยี่ยจงพยักหน้าไปมา ในขณะนี้เขาก็จึงค่อยเข้าใจขึ้นมาได้ ว่าเพราะเหตุใดเขานั้นถึงกลับไม่ตายตกลงภายในอารามขนาดใหญ่แห่งนั้น เดิมทีแล้วเป็นเพราะว่าตนเองนั้นมีพลังฝีมือที่อ่อนแออยู่ จึงแทบจะไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอที่จะควบคุมสภาวะการเข่นฆ่าสังหารอันน่าหวาดกลัวนี้ได้

 

หรือต่อให้มีการเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีแล้วก็มิปาน ก็ยังเป็นได้เพียงแค่มดแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น นี้จึงได้ทำให้เยี่ยจงรู้สึกไม่เข้าใจว่าสมควรที่จะหดหู่หรือว่ายินดีดีกันแน่

 

ทว่า ขณะนี้เขาก็มิอาจกล่าวอันใดออกมาได้ เพียงแต่จดจ่อสายตาไปยังฉากเบื้องหน้าต่อไป คิดที่จะต้องการทราบถึงสภาวะสถานการณ์ต่อไปว่าจะเป็นเช่นไร

 

“ตูม——”

 

เมื่อผ่านพ้นจากช่วงเวลานี้ไปแล้ว ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางอารามสีโลหิตที่ปกคลุมเอาไว้อยู่ ก็ได้มีประกายแสงพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน จนกลายเป็นเปิดศึกอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา!

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset