เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 503 การรวมตัวของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 503 การรวมตัวของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์

 

“บุตรเซียนชิงหวิน ราชานกยูงน้อย สือซิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถที่จะปรากฏบุคคลชั้นแนวหน้าขึ้นมาได้ถึงสามคน พวกเขาทั้งสามหากว่าต้องต่อสู้กันขึ้นมาแล้วละก็ แน่นอนว่าคงจะน่าดูอยู่ไม่น้อย!” จงหลี่เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าขณะนี้คำพูดของเขากลับไม่น่าเชื่อถือได้สักเท่าไร อีกทั้งยังมิได้มีความน่ายำเกรงเช่นคราก่อน เห็นได้ชัดว่า เกี่ยวกับบุคคลเช่นนี้ เขาย่อมต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอยู่หลายส่วนอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“โครม——”

 

ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีประกายแสงอัสนีสาดเข้ามา หลังจากนั้นก็ได้มีประกายแสงอสนีบาตสาดลงมาจากฟากฟ้าขึ้นเป็นสาย หลังจากนั้นก็ได้พบเห็นของเงาคนปรากฏขึ้นมาจากฟ้า

 

“บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับ คิดไม่ถึงว่าเขาหลังจากที่ได้เก็บตัวมานานถึงสามปี ในที่สุดก็ได้ออกมาจากการฝึกตนแล้วอย่างงั้นหรือ?” ภายในดวงตาของจงหลี่ก็ได้ปรากฏแววตาประหลาดใจขึ้นมา “กล่าวกันว่าคนผู้นี้ก็คือพี่น้องร่วมครรภ์ของบุตรมารอัสนี ในวันที่พี่เยี่ยจงของข้าผู้นั้นได้สังหารบุตรมารอัสนีด้วยน้ำมือของเขา เขาอย่างน้อยก็คงจะมาเพื่อที่จะแก้แค้นอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าพี่น้องของข้าในครั้งนี้จะพบเจอกับความยุ่งยากเข้าเสียแล้ว ”

 

เยี่ยจงเงียบงันกลอกตาไปมาอย่างช้าๆ ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้มีการปรากฏตัวขึ้นมาของชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงสี่คน แต่ว่าบุคคลชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนนั้นต่างก็มีความแค้นของตนเองอยู่ หรือจะกล่าวออกมาได้ว่า ชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนนี้ย่อมต้องมีความแค้นเก่าก่อนทั้งไม่ว่าจะกับตนเองหรือขุมกำลังก็ตามที หากมิใช่ว่าตนเองนั้นได้ทำการเปลี่ยนแปลงตัวตนแล้วละก็ อีกทั้งยังได้สวมอาภรณ์ยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุเอาไว้ มิเช่นนั้นแล้วเยี่ยจงก็คงจะไม่อาจที่จะหนีรอดได้พ้น

 

พูดเป็นเล่นไป ชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ อย่างน้อยที่อ่อนโทรมที่สุดก็ยังอยู่ในระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่ง ขณะนี้ตนเองกลับไม่มีจุดยืนอะไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนหนึ่งยังพอว่า หากแต่เข้ามาพร้อมกันทั้งสี่คน แม้แต่จะตายยังไงก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้

 

เมื่อพบเห็นเยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา จงหลี่ก็ได้มองไปที่เขาแล้วกล่าวออกมา: “เณรน้อย เหตุใดเจ้าถึงหน้าดำคล้ำไปหมดกัน อีกทั้งด้วยท่าทีของเจ้านี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก ”

 

เยี่ยจงกรอกตาขาวขึ้นมาคราหนึ่ง กล่าว: “เมื่อพบเห็นชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่คนปรากฏตัวขึ้นมา เจ้าจะไม่เป็นห่วงบ้างหรือไงว่าจะมิได้รับอันใดจากสุสานเซียนเลยอย่างงั้นหรือ?”

 

“กลัวกับผีสิ คุณหนูบ้านข้าในครั้งนี้ก็ได้ออกมาลงมือด้วยตัวเอง นางก็ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน ผู้ใดจะเกรงกลัวกันเล่า!” จงหลี่ส่งเสียงดังเชอะออกมา “ทว่าเณรน้อย ถ้าหากเจ้ารู้สึกว่าตนเองไม่ไหวแล้วละก็ อย่าได้ฝืนไปเป็นอันขาดละ ในครั้งนี้ความจริงแล้วเมื่อมีการปรากฏตัวขึ้นมาของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ว่า หากว่าเบื้องหลังเจ้านั้นมิได้มีมหาราชันคอยหนุนหลังอยู่แล้วละก็ ต่อให้เจ้าสามารถที่จะได้รับสิ่งของใดออกมา ท้ายที่สุดก็คงจะต้องตกกลายเป็นของผู้อื่นอย่างไม่ต้องสงสัย ”

 

“ขอบคุณมากที่เตือนสติ ทว่าไม่เป็นไรหรอก ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมา มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย

 

จงหลี่งงงันวูบ หลังจากที่สำรวจทั้งบนทั้งล่างของเยี่ยจงแล้ว จึงค่อยได้เอะใจขึ้นมาแล้วจึงพยักหน้าไปมา กล่าว: “จะว่าไปก็ใช่ ขณะนี้ที่หาญกล้าปรากฏตัวขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ นอกเสียจากพี่เยี่ยจงของข้าแล้ว ผู้ใดที่ไม่มีผู้สนับสนุน? ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอที่จะยืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อยู่แล้วละ ”

 

เยี่ยจงยกมุมปากไปมา ความจริงคิดที่จะตบปากจงหลี่สักครา เด็กน้อยผู้นี้คำพูดแต่ละคำที่กล่าวออกมาก็แทบจะไม่พ้นจากชื่อของตนเองเลยแม้สักคำเดียว นี้ที่แท้แล้วคิดที่จะช่วยดึงความแค้นทั้งหลายมากองไว้อยู่ด้านหน้าของตนเองหรือยังไงกัน? ยังดีที่ตนเองนั้นทราบว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นคนที่พูดไม่คิดเท่านั้น มิได้คิดร้ายต่อตนเองแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็เขาคงจะฟาดปากไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ตูม——”

 

ทันใดนั้นเอง แล้วก็ได้มีเงาร่างหลายร้อยสายปรากฏตัวขึ้นมาบริเวณทางด้านหลังเข้ามา อัดแน่นอยู่เต็มทั่วทุกพื้นที่ จนทำให้ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าเกิดการสั่นไหวขึ้นมา

 

“นี้คือ ราชรถของเผ่าปีก หากว่าข้านั้นคาดเดาได้ไม่ผิดแล้วละก็ องค์ชายของเผ่าปีกเองก็คงจะมาแล้ว เพียงแต่ว่าเขาคงจะต้องหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนไม่ออกมาก็เท่านั้น ” จงหลี่ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว

 

เยี่ยจงก็ได้มองออกไปอีกทางด้านหนึ่ง ขณะนี้ก็ได้มีกลุ่มคนมากมายปรากฏตัวขึ้นมา คนมากมายเหล่านี้ต่างก็มีจากทางด้านมุมเดียวกัน แต่ว่ากลับแฝงเอาไว้ด้วยความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง แน่นอนว่าจะต้องมีชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วยอย่างแน่นอน

 

“ดูเหมือนว่า การมาของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้คงจะมากันไม่น้อยเลยทีเดียว เกรงว่าน่าจะยังมีอีกส่วนหนึ่งที่กำลังซ่อนเร้นอยู่ ” เยี่ยจงเอ่ยปากขึ้นมา

 

“นี้ย่อมแน่นอน ในครั้งนี้ เหล่าชนชั้นราชันที่มีพลังเกินกว่าพลังเทวะขั้นที่สามไม่อาจที่จะเข้าไปยังภายในสุสานเซียนได้ และความลับมากมายที่อยู่ภายในสุสานเซียนนี้หากมองในมุมของชนชั้นมหาราชันแล้ว ยิ่งถือได้ว่าสำคัญเสียยิ่งกว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องให้เหล่าชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ลงมือแทน ” จงหลี่อธิบายเพิ่มเติม “อีกทั้ง นอกจากนี้แล้ว แต่ละฝ่ายนั้นอย่างน้อยก็ต้องมีการวางแผนเอาไว้แล้ว นั้นก็เพราะว่าภายในหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้ก็มีการปรากฏตัวขึ้นของจื่อจุนเทียน จากนั้นยังมีเยี่ยจงอีกกดดันจนพวกเขาเกิดความร้อนรนขึ้นมา พวกเขาไม่อาจที่จะไม่ออกมาได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ต่อให้เป็นเพียงแค่ลมหายใจ ก็เพียงพอที่จะกดดันทำให้คนในรุ่นเดียวกันกับพวกเขาถูกกดดันตายได้แล้ว!”

 

“สหายร่วมทางท่านนั้น พอที่จะสามารถบอกได้หรือไม่ว่าบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกัน?” เยี่ยจงสาดประกายดวงตาคมกล้า แฝงเอาไว้ด้วยความประหลาดอยู่หลายส่วนแล้วกล่าวออกมา นั้นก็เพราะว่าบุคคลเฉกเช่นนี้ อย่างน้อยวันข้างหน้าอาจจะต้องเข้าต่อสู้กับตนเองเป็นที่แน่นอน อย่างน้อยก็สมควรที่จะทราบอะไรอยู่บ้างสักหน่อยก็ยังดี

 

“ย่อมได้ งั้นข้าขอดูก่อนนะ เจ้าดูทางนั้น สือซิ่ง บุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจราชานกยูงน้อย บุตรเทพชิงหวิน องค์ชายเผ่าปีก สตรีศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าซือ บุตรศักดิ์สิทธิ์อัสนีลี้ลับแล้วบวกกับคุณหนูบ้านข้า ขณะนี้ก็ดูไปแล้วเหมือนกับว่ามีบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคนที่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว พวกเราช่างไม่ถือเป็นอันใดได้เลยจริงๆ !” จงหลี่ไม่อาจที่จะไม่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหดหู่

 

เยี่ยจงพยักหน้าด้วยอาการมืดมด เหม่อมองไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

ขณะนี้ องค์ชายหกแห่งรัฐสือสือซิ่งก็ได้ยืนกอดอกลอยตัวปรากฏอยู่ท่ามกลางอากาศ เส้นผมสีดำบนตัวของเขาก็ได้ลอยระบำพลิ้วไหวไปมาอยู่ท่ามกลางสายลม ยังคงด้วยในลักษณะท่าทางที่น่าเกรงขามอยู่

 

ในบริเวณระยะทางที่ไม่ห่างออกไปมากนัก บนสภาวะทั่วทั้งร่างกายของบุตรเทพชิงหวินก็ได้ปรากฏประกายแสงสีเขียวส่องสว่างออกมา จนทำให้ผู้คนที่พบเห็น ต่างก็ตกอยู่ในอาการไม่กล้าที่จะมองเข้าไปที่เขาโดยตรงเลยแม้แต่น้อย

 

บริเวณที่ห่างไกลออกไป บุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจราชานกยูงน้อยก็ได้ปรากฏร่างกายขึ้นมาอยู่บริเวณท่ามกลางเหนือท้องฟ้า ทางด้านหลังก็ได้มีประกายแสงสีรุ้งสาดส่องประดุจกำลังลอยระบำอยู่ก็มิปาน

 

องค์ชายเผ่าปีกที่ยังคงนั่งอยู่บนราชรถของเผ่าปีก ตลอดทั้งร่างกายก็ได้เปล่งประกายแสงสีทองแผ่กระจายออกมา ประดุจดั่งเทพลงมาจุติก็มิปาน ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะมองเห็นเค้าโครงของหน้าตาได้อย่างชัดเจนได้

 

สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาเหนือท้องฟ้า ทางด้านหลังก็ได้มีประกายแสงจันทราสาดส่องอยู่อย่างกระจ่าง ทำให้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเอาไว้ แต่ว่าบนใบหน้าของหน้าได้คลุมเอาไว้ด้วยผ้าแพรอยู่ชั้นหนึ่ง จึงทำให้ผู้คนได้แต่เพียงมองเห็นสรีระร่างกายที่อ่อนช้อยของนางได้เท่านั้น แต่กลับไม่เหมือนกับพบเห็นเหมือนคุณลักษณ์แห่งเซียนแต่อย่างไร

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์อัสนีลี้ลับก็ได้เหยียบย่างจนเป็นประกายสายฟ้า ประกายสายฟ้านั้นประดุจดั่งมีมังกรร่ายรำอยู่บริเวณทางด้านหลังของเขาอยู่ก็มิปาน เขานั้นกลับมีท่าทีที่เป็นเหมือนกับมารร้ายที่ร้ายกาจอย่างยิ่งอยู่ชนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกที่เป็นเหมือนกับว่าข้านั้นเป็นผู้ที่มีความน่าหวาดกลัวเกรงขามแผ่กระจายออกไปตลอดทั่วทั้งร่างกาย

 

นอกเสียจากซือคงชิงฉี ที่ก่อนหน้านี้จงหลี่กล่าวว่าถือได้ว่าเป็นบุคคลชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด เมื่อมีการปรากฏตัวขึ้นมาทั้งหมดหกคนแล้ว พวกเขาต่างก็ประดุจดั่งเทพที่ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางโลกหล้าก็มิปาน ยืนอยู่ในทางด้านของแต่ฝ่าย แต่ว่าทุกผู้คนนั้นต่างก็มีพลังความสามารถของตนเองอยู่แล้ว อีกทั้งยังน่าหวาดกลัวเหลือคณา

 

ขณะนี้ ก็ได้มีสายตามากมายนับไม่ถ้วนมองเข้าไปยังบนร่างของพวกเขา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏสีหน้าหวาดเกรงขึ้นมา

 

Options

not work with dark mode
Reset