เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 504 ปีกหายนะที่กลายเป็นศพ

ตอนที่ 504 ปีกหายนะที่กลายเป็นศพ

 

ในระหว่างที่บุคคลที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดรุ่นเยาว์เหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นมา ท่ามกลางดินแดนเสี่ยวหนาน ถึงกับทำให้เห็นสภาวะของคลื่นลมที่สงบลงไปได้หลายส่วน ในช่วงเวลานี้เอง ถึงกับยังไม่มีผู้ใดคิดที่จะลงมือออกมา ทุกผู้คนเพียงแต่แค่รอคอยอยู่เท่านั้นเอง

 

“ทั่วทั้งสี่ดินแดนถูกกับส่งตัวแทนมามากมายเช่นนี้ เมื่อก่อนหน้านี้ได้ยินคำบอกเล่าของไต๋ซือหวู่โหว ว่าเขานั้นเกลียดชังที่ไม่เกิดมาช้ากว่านี้ซักห้าสิบปี และเหล่าชนชั้นแนวหน้าระดับสูงสุดเหล่านี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูงในโลกหล้า หากว่าบุคคลเหล่านี้ต่างก็ไม่ตายแล้วละก็ พวกเราสี่ดินแดนคงจะไร้ซึ่งจุดยืนจนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว ” จงหลี่เหม่อมองไปยังยอดฝีมือที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้า ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“ท่านมหาราชันเผ่ามนุษย์ที่เป็นตำนานเหมือนเกราะของมวลมนุษย์อย่างไต๋ซือหวู่โหวงั้นหรือ? ผู้น้อยให้ความเลื่อมใสท่านมาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากที่ฝึกปรือแล้ว จึงได้เปลี่ยนนามเป็นหวู่จู่ หวังว่าวันข้างหน้าจะสามารถที่จะมีพลังการฝึกปรือเฉกเช่นท่าน ” เยี่ยจงทอสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา เอ่ยปากออกมาด้วยความจริงจัง

 

ใบหน้าของจงหลี่ก็ได้ดำคล้ำขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็ได้มองไปทางด้านของเณรน้อยผู้นี้ ราวกับว่าเหมือนกับว่าไม่น่าพึ่งพาอันใดได้

 

“เอาเถอะ กลับมาว่ากันเถอะ แม้ว่าผู้คนมากมายต่างก็รู้สึกดีว่าดินแดนแห่งนี้มันกว้างใหญ่ไพศาล แต่ว่าเกรงว่าก็คงจะมีคนมากมายยิ่งกว่ามิได้คิดเช่นนั้น หลายปีมานี้ มีผู้ใดกันบ้างที่สามารถเย้ยไปทั่วทั้งสี่ดินแดน เป็นหนึ่งในใต้หล้า? อัจฉริยะชั้นแนวหน้าเช่นนี้ แน่นอนว่าคงจะไม่อาจที่จะปรากฏกลับชนชั้นรุ่นหลังอย่างแน่นอน วันข้างหน้าคงจะต้องกลายเป็นการปะทะที่น่าอเนจอนาถที่สุดก็เป็นได้ ไม่ทราบว่าจะต้องหลั่งเลือดของอัจฉริยะไปมากน้อยอีกแค่ไหนกัน ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ทอสีหน้ามีแฝงเอาไว้ด้วยรสชาติหลากหลายชนิดแล้วกล่าวออกมา

 

“ดูเหมือนว่าไต๋ซือน้อยหวู่จู่เจ้าก็น่าเลื่อมใสอยู่ไม่น้อย ถึงกับสามารถที่จะมองได้ลึกซึ้งได้ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังยาวไกลถึงเพียงนั้น ” จงหลี่ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

 

“เพียงแต่ว่ามีแค่ความรู้สึกเท่านั้นเอง ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน จนเกิดอัจฉริยะขึ้นมากมาย ตลอดทั่วทั้งสี่ดินแดนนั้นยากที่จะคาดเดา อีกทั้งยังยากที่จะตัดสินอันใดได้อย่างง่ายดายได้?” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา “เรื่องในอนาคต พวกเราก็เป็นห่วงได้ไม่มากนักหรอก พวกเขาคงจะเป็นห่วงว่า การเปิดขึ้นมาของพื้นที่สุสานเซียนในครั้งนี้ พวกเราจะสามารถที่จะได้รับประโยชน์อันใดบ้างคงจะดีเสียกว่า ”

 

“ก็ใช่ จะมัวแต่คร่ำครวญไปเพื่ออะไร? ข้าว่าไต๋ซือน้อย ต้องการที่จะร่วมมือกันหรือไม่? ดีเสียกว่าให้ผู้คนอื่นเข้าไปฉวยโอกาสได้ก่อน!” จงหลี่หัวเราะออกมาฮาฮา แล้วก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย

 

“รออีกสักครู่ค่อยเข้าไปพร้อมกันเถอะ ทุกสิ่งนั้นคงยากที่จะกล่าวออกมาได้ ” เยี่ยจงพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็ได้มิได้กล่าวอันใดออกมามากมายอีก เพียงแต่รอคอยอยู่อย่างสงบ

 

การร่วมกันของทั้งสองคน นั้นก็เป็นดั่งเช่นผู้คนมากมายนั้นทำกันก็มิปาน ได้แต่รอคอยอยู่อย่างสงบ

 

เพลิงกาฬทั่วทั้งสี่ทิศ ขณะนี้ไม่ทราบว่าในช่วงเวลาใดจะถูกกดดันจนไกลออกไป เห็นได้ชัดว่าการลงมือของชนชั้นมหาราชัน ได้ทำให้มันเกิดช่องว่างและความเสียหายขึ้นมาเล็กน้อย

 

ในช่วงเสี้ยววินาที ตำหนักที่มีสีโลหิตนั้นตั้งเอาไว้อยู่ ทันใดนั้นก็ได้ค่อยๆ ที่จะเลือนหายไป ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏสีหน้ายากที่จะเชื่อขึ้นมาได้

 

การคงอยู่เดิมทีของตำหนักขนาดใหญ่นั้น ขณะนี้ตำหนักขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในส่วนลึกมากมาย ต่างก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยกดผนึกสีโลหิตเอาไว้ จากนั้นตำหนักขนาดใหญ่เหล่านั้นก็ได้เลือนหายไป จนไม่อาจที่จะพบเห็นได้อีก

 

ภายในส่วนลึกขนาดใหญ่นี้ ประดุจดั่งห้วงแห่งความว่างเปล่าอันลี้ลับทั้งเก้าชั้นก็มิปาน ที่พอจะสามารถพบเห็นได้อย่างชัดเจนได้ ก็คงจะมีแต่เพียงบรรยากาศแห่งพลังหยินแผ่กระจายออกมาเท่านั้น กระทั่งได้ปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้า

 

“ที่แท้ก็เป็นไปตามการคำทำลายของท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ก็มิปาน ดินแดนเสี่ยวหนานในตอนนี้ได้เปิดขึ้นมาแล้ว!” จงหลี่มีความคึกคักอยู่เต็มใบหน้า จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา

 

เยี่ยจงกำลังขมวดคิ้วอยู่ เขาถือได้ว่าเป็นคนที่เคยพบเห็นส่วนลึกของดินแดนเสี่ยวหนานมาก่อน ขณะนี้ภายในดวงตาก็ได้สาดประกายความประหลาดใจขึ้นมาเป็นสาย หลังจากนั้น เขาจึงได้ค่อยเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “ท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ยังกล่าวอันใดอีกงั้นหรือ?”

 

“ท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ยังกล่าวอีกว่า ถ้าหากมีชนชั้นระดับราชันที่สูงกว่าพลังเทวะขั้นที่สามเข้าไปภายในแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะทำให้เกิดเรื่องที่ยากจะคลี่คลายขึ้นมาภายใต้ดินแดนซีฮวงได้ อีกทั้งยังกลายเป็นการกระตุ้นสภาวะสังหารของดินแดนแห่งนี้ แต่ว่าถ้าหากไม่มีชนชั้นราชันที่สูงกว่าเข้าไปแล้วละก็ ความลับเซียนก็อาจจะปรากฏขึ้นมา……” หลังจากที่จงหลี่พินิจพิจารณา ก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่า เรื่องราวเหล่านี้เขาก็ไม่สะดวกที่จะกล่าวออกมา

 

“ถึงกับมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา สิ่งนี้ถือได้ว่ามีความลึกซึ้งมากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ผู้คนไม่อาจจะคาดเดาได้

 

“เซียน ต่างก็ถือได้ว่าได้ละไปจากโลกาแห่งนี้ไปนับตั้งแต่แรกแล้ว ถึงแม้ว่าจะพอที่จะคำนายได้ ต่อให้การทำนายเป็นเรื่องจริง ท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ก็คงจะไม่บอกออกมาอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่านั้นถือได้ว่าเป็นความลับของสวรรค์ ไม่อาจที่จะแพร่งพรายออกไปได้!” จงหลี่กล่าว “เอาเถอะ ไม่ต้องกล่าวมากความอีกแล้ว เข้าไปพร้อมกันเถอะ ”

 

“เข้าไปตอนนี้งั้นหรือ? เจ้าดูไปที่คนอื่นต่างก็ยังคงรอคอยกันอยู่ พี่จงหลี่ พวกเราเข้าไปเร็วถึงเพียงนี้ คงจะมิใช่เข้าไปหาที่ตายหรอกนะ นั้นเป็นถึงพื้นที่สุสานเซียนเชียวนะ!” เยี่ยจงเหม่อมองเข้าไปยังส่วนลึกที่มีขนาดใหญ่ ขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมา

 

“ก็ใช่ รอคอยบุคคลอื่นหลังจากเปิดทางให้พวกเราแล้ว พวกเราค่อยเข้าไปกัน ในเมื่อก็มีกลุ่มบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว หากพบเจอกับเรื่องยุ่งยากอย่างน้อยก็มีคนค่อยขวางรั้งเอาไว้ พวกเราก็แค่คอยตักตวงก็พอแล้ว ” จงหลี่ดีดนิ้วขึ้นมาคราหนึ่ง แล้วก็กลับคืนสู่ความเยือกเย็น

 

เยี่ยจงไม่กล่าวอันใดมากมายอีก เพียงแต่จ้องมองลึกเข้าไปเรื่อยๆ ติดต่อกัน จากนั้นก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นน้อยๆ

 

“สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่ถูกต้องนัก หรือว่า ตำหนักที่พบเจอก่อนหน้านี้จะถึงกับเป็นของปลอมหมดกันแน่งั้นหรือ? หากว่ากล่าวเช่นนี้แล้วละก็ ภายในส่วนลึกท่ามกลางสภาวะสังหาร คงจะต้องสูงส่งเกินกว่าที่จะคาดคิดได้แล้ว ” เสียงของเสี่ยวหลุนก็ได้ดังขึ้นมาท่ามกลางห้วงสมองของเยี่ยจงขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าความเปลี่ยนแปลงของฉากเบื้องหน้า จะอยู่นอกเหนือความคาดคิดของมันไปเป็นอย่างมากแล้ว

 

“ถ้างั้นพวกเรายังจะลงไปต่ออีกงั้นหรือ?” เยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงตอบกลับไปภายในห้วงสมอง

 

“แน่นอนว่าย่อมต้องลงไป ในครั้งนี้มีเด็กน้อยที่อยู่ในระดับชั้นแนวหน้าคอยนำเอาไว้อยู่ พวกเราจะกลัวไปทำไมกัน? หากว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องแล้วละก็ ก็ค่อยใช้ยันต์ปราณที่จะวัวเหม็นเน่านั้นเพื่อเปิดทางหลบหนี จะกลัวหาพระแสงไปทำไม ปู่หลุนอย่างข้าที่เป็นห่วงอยู่ในตอนนี้ ก็คือเกรงว่าสิ่งของดีดีทั้งหมดในบริเวณนี้คงยากที่จะครอบครองได้ ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิออกมา มิได้ให้ความสนใจแทบทั้งสิ้น

 

“รอก่อนเถอะ มันมิได้ง่ายไปเสียหมดหรอกนะ อีกทั้งยังพึ่งจะเริ่มต้นเองด้วย ”

 

“บรึมบรึมบรึม——”

 

ในระหว่างที่เสียงของเสี่ยวหลุนได้ทอดลง สายตาของยอดฝีมือทั้งหมดตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก็ได้จดจ่ออยู่ภายในเสียงที่ดังกระหึ่มประดุจดั่งมีกองทัพนับพันดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงนั้นถือได้ว่าดังจนผู้คนที่อยู่ภายนอกทั้งหมดนั้นต่างก็เพียงพอที่จะได้ยินได้ ประดุจดั่งเกิดการระเบิดขึ้นท่ามกลางมหาสมุทรก็มิปาน อีกทั้งยังเสียดแก้วหูยิ่งนัก

 

ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีบรรยากาศของความหนาวเย็นอย่างไร้ที่เปรียบพวยพุ่งออกมา ในบริเวณนี้คือดินแดนเสี่ยวหนาน อีกทั้งยังถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยทะเลเพลิงอยู่มานานนับพันหมื่นปีอยู่นับไม่ถ้วน แต่ว่าในขณะนี้เอง ด้วยพลังยุทธ์ที่เป็นดั่งธาตุหยินเย็นอย่างไร้ที่เปรียบ ประดุจตกอยู่ในห้วงของฤดูเหมันต์ก็มิปาน ทำให้ทุกผู้คนต่างก็อดที่จะตัวสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้

 

“ยังดีที่พวกเรานั้นมิได้ลงมือเร็วจนเกินไป พี่น้องข้า ยังคงถือว่าเจ้าหลักแหลมนัก ดูเหมือนว่าพื้นที่สุสานเซียนนี้จะไม่ธรรมดาสามัญ ด้านในนั้นเกรงว่าคงจะมีบางสิ่งบางอย่างอันน่าหวาดกลัวอยู่!” จงหลี่กล่าวออกมาอย่างสั่นเทา ตลอดทั้งร่างกายก็สั่นไหวขึ้นมาแล้วกล่าวออกมา

 

เยี่ยจงก็มีสภาพไม่ค่อยแตกต่างกันนัก จากนั้นจึงค่อยใช้ออกมาด้วยพลังสายทางแห่งดวงตะวัน จึงคอยสลายพลังความหนาวเย็นเหล่านี้ไปได้

 

“ตูม——”

 

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนา ก็ได้มีไอความเย็นพวยพุ่งขึ้นมาจากส่วนลึก ปกคลุมตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าขณะนี้กลายเป็นสีดำทมิฬ ประดุจดั่งไร้ซึ่งเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศก็มิปาน ราวกับว่าได้ครอบคลุมเอาไว้ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้าอยู่ก็มิปาน

 

เยี่ยจงและจงหลี่สบตาก็วูบ สีหน้าของทั้งสองต่างก็ปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน ฉากเบื้องหน้านี้ราวกับได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาไปมากแล้ว ราวกับว่ามีการคงอยู่อันน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้

 

ขณะนี้ ภายในส่วนลึกนี้กลับมองไม่เห็นสิ่งใดในบริเวณพื้นที่สุสานเซียน ในทางกลับกันกลับเป็นเหมือนกับแดนมรณะแห่งหนึ่งก็มิปาน

 

ด้วยความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่และเงียบงันเช่นนี้ ก็ได้ทำให้ยอดฝีมือแต่ละฝ่ายขณะนี้ต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช้าๆ ทุกผู้คนต่างก็จ้องเขม็งเข้าไปยังบริเวณส่วนลึก ทอสีหน้าคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ระหว่างนั้นก็ได้ตระเตรียมความพร้อมเพื่อลงมือ ทว่าขณะนี้กลับยังไม่มีคนที่เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ในที่สุดท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็มีคนที่เป็นเหมือนตัวแทนที่เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์จากทั้งสี่ดินแดนออกมา ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณทางด้านหลังยังไม่ทราบว่ามีชนชั้นมหาราชันคอยคุมเชิงให้ตั้งมากมายแค่ไหน ย่อมต้องไม่มีผู้ใดเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างแน่นอน

 

“ตูม——”

 

หลังจากนั้นสักพัก ท่ามกลางส่วนลึกก็ได้มีเสียงดังจนทำให้เกิดอาการขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้ผู้คนยากที่จะคาดคิดได้ ท่ามกลางภายในส่วนที่เป็นพื้นที่สุสานเซียนในตำนาน ที่แท้แล้วมีสิ่งใดอยู่กันแน่ อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นการคงอยู่ของสิ่งของบางอย่างอยู่

 

ไม่นานนัก พลังไอหยินอันลึกล้ำก็ได้พุ่งขึ้นสู่ฟ้า หมายที่จะปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งสี่ด้าน แต่ว่า ในช่วงเวลาที่ได้พบเจอกับเพลิงกาฬลำดับที่เจ็ด พลังทั้งสองขุมก็ถึงกับเข้าพัวพันกันอย่างดุเดือดขึ้นมา จากนั้น บรรยากาศพลังทั้งสองขุมก็ได้สงบลงอย่างแปลกประหลาด ถึงกลับกลายเป็นเพียงหมอกควันสายหนึ่งล่องลอยขึ้นไปยังท้องฟ้า ล่องลอยอยู่บนผืนท้องนภา

 

“แย่แล้ว สถานที่แห่งนี้ถึงกับถูกปิดผนึกเอาไว้แล้ว เมื่อครู่มหาราชันเผ่าข้าได้ติดต่อกับพวกเราอยู่ ถึงกับขาดการติดต่อขึ้นมาในขณะนี้แล้ว!?”

 

“แย่แล้วละ ท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ได้กล่าวเอาไว้ สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสภาวะสังหารแห่งหนึ่ง คงจะมิใช่ว่ามีตัวบัดซบที่มีพลังเทวะเกินกว่าระดับที่สามปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งนี้หรอกนะ กลับกลายเป็นว่ายิ่งส่งผลกระตุ้นความเคลื่อนไหวสภาวะสังหาร? ให้ตายเถอะ!”

 

“อย่าได้ร้อนรน ยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์คอยต้านทานเอาไว้อยู่ ต่อให้เหล่าชนชั้นมหาราชันไม่อาจที่จะเข้ามาได้ในเวลานี้ ก็ไม่เป็นไรหรอก!”

 

แล้วก็ได้มีเสียงต่างๆ ดังขึ้นมาจากตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านในขณะนี้ อีกทั้งยังอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนทั้งหมดไปอย่างมากมาย

 

“บรึมบรึมบรึม——”

 

พริบตานั้นเอง ก็ได้มีเสียงของกองทัพนับพันหมื่นดังออกมา และเกิดการสั่นไหวขึ้นมาทั่วทุกพื้นที่ แล้วก็ได้พบเห็นกลุ่มของกองทหารนับพันหมื่นปรากฏขึ้นมาจากส่วนลึกถึงกับกำลังพุ่งฆ่าสังหารออกมา จนก่อเกิดรังสีสังหารขึ้นสู่ฟ้า

 

ทหารเหล่านี้ต่างก็เป็นทหารราบ มีทั้งสิ่งมีชีวิตในเผ่าพันธุ์ธ์ต่างๆ นานา หินแกะสลักหยกที่ถืออยู่ในมือก็ได้กลายเป็นหอกกระบี่ที่คมกล้า ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้ปกคลุมเต็มไปด้วยขนนกขึ้นมาอย่างถี่ยิบ เห็นได้ชัดว่ายังถึงกับมีพลังแห่งเซียนอยู่หลายส่วนด้วยกัน แต่ว่าก็ใช่ว่าจะเข้มข้นอย่างไร้ที่เปรียบ

 

“นี้ก็คงจะต้องเป็นศพแห่งปีกหายนะอย่างแน่นอน ก็คือการที่มีคนที่เข้าสู่เส้นทางของเซียนล้มเหลวไป! จะมีอยู่อย่างมากมายถึงเพียงนี้!?” มีคนรู้สึกขนลุกขึ้นมา แล้วก็ได้เปิดเผยสภาวะเหล่านี้ขึ้น

 

เล่าขานกันว่าปีกหายนะในตำนานก็คือการก่อนที่จะกลายเป็นเซียน แต่ว่าเมื่อเข้าสู่ปีกหายนะล้มเหลว ก็จะกลายเป็นสิ่งที่จะเหมือนคนก็ไม่เหมือนคนคล้ายผีก็ไม่เหมือนผี ก็คือศพแห่งปีกหายนะ สิ่งของเช่นนี้แต่เดิมแล้วยากที่จะพบพานได้อยู่แล้ว แต่ว่าขณะนี้กลับปรากฏขึ้นมาอย่างมากมายถึงเพียงนี้ ย่อมต้องทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกขึ้นมา

 

ทว่าในช่วงระยะเวลาอันสั่นๆ ก็ได้มีจำนวนศพแห่งปีกหายนะนับพันทะยานออกมาจากภายในส่วนลึก จนทำให้เกิดการสั่นไหวของพื้นดิน อีกทั้งยังแผ่พลังความเย็นเยียบพุ่งออกมาจากพื้นดินไม่หยุด มุ่งหน้าแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ

 

“ไม่ผิดแน่ ท่ามกลางส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นหลุมฝังศพขนาดใหญ่ อีกทั้งยังถึงกับมีศพแห่งปีกหายนะมากมายได้ถึงเพียงนี้ ไม่แน่ว่าจะต้องกลายเป็นตำนานคำเล่าขานของจริงในพื้นที่สุสานเซียนก็เป็นได้ นอกจากเซียนที่แท้จริงแล้ว ยังถึงกับมีผู้ใดที่สามารถทำเช่นนี้ได้อีกกัน!?” มีคนกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น สถานที่แห่งนี้แม้ว่าจะน่าสงสัยอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ว่ากลับก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของผู้คน!

 

“ต่อให้เป็นพื้นที่สุสานเซียนจริงแล้วจะอย่างไร? การมีศพแห่งปีกหายนะมากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ จะต่อกรอย่างไรกัน?” แล้วก็ได้มีคนที่หน้าถอดสีขึ้นมาในทันที ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

 

“ตอนนี้ต่อให้ถอยก็ยังไม่อาจที่จะถอย แล้วจะทำอย่างไรกันดี? จนฝ่าศพแห่งปีกหายนะมากมายขนาดนี้ยังไงกัน หากปล่อยให้พวกมันกดดันเข้ามาเรื่อยๆ เช่นนี้ และพวกเราเข้าสู่พื้นที่สุสานเซียน เพื่อที่จะค้นหาความลับแห่งเซียนเอาไว้งั้นหรือ!”

 

“สวรรค์ ที่ใต้พื้น ที่แท้ได้บางอย่างครอบงำเอาไว้อยู่ทั้งหมด จนกลายเป็นพื้นที่สภาวะแห่งการสังหาร พื้นที่สุสานเซียน ต่อให้ติดปีกก็คงต้องกลายเป็นเพียงซากศพ ทั้งหมดทั้งมวลนี้คงมิใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียนจริงอย่างงั้นหรอกนะ?”

 

“ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เมื่อมาจนถึงขั้นนี้กันแล้วก็คงจะไม่อาจที่จะถอยไปได้อีกแล้ว? ลงมือ ทุกคนลงมือพร้อมกัน!” แล้วก็ได้มีคนตะโกนออกมา น้ำเสียงนั้นดังขึ้นมาอย่างเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset