เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 505 สตรีหิมะ

ตอนที่ 505 สตรีหิมะ

 

ไอพลังหยินก็ได้ปกคลุมไปทั่วสี่ทิศ ผนึกอยู่ทั่วทั้งฟ้าดิน เดิมทีที่ แดนเสี่ยวหนานได้ปกคลุมเต็มไปด้วยเพลิงไฟในขณะนี้ก็ได้กลายเป็นเพียงหมอกควัน

 

ศพแห่งปีกหายนะนับพัน ก็ได้นั่งอยู่บนหลังม้าโบราณอยู่ อีกทั้งบนร่างยังปกคลุมเอาไว้ด้วยเกราะหนักที่เต็มไปได้ขนนก ในมือก็ได้ถือเอาไว้ด้วยศาสตราวุธที่สร้างหินหยกจนเป็นประกายออกมา ในขณะนี้เองก็ได้มีรังสีสังหารพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ประดุจดั่งสายน้ำที่เชี่ยวกรากอย่างน่าหวาดกลัวหมุนวนไปทั่วทั้งสี่ทิศก็มิปาน จนทำให้ตลอดทั่วทั้งฟ้าดินเกิดการสั่นไหวไปมา จนเกิดรอยแตกร้าวขึ้นทั่วทุกบริเวณ

 

สภาพเช่นนี้ได้ทำให้ผู้คนเกิดอาการแตกตื่นขึ้น ศพแห่งปีกหายนะนับพันใกล้ทะยานสังหารออกมา จนกลายเป็นสภาวะพื้นที่สีดำผืนหนึ่ง ประดุจดั่งหลุดออกมาจากตำนานเล่าขานก็มิปาน ฉากเบื้องหน้าเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?

 

จนเกิดสภาวะแรงสังหารขับเคลื่อนไปตลอดทั่วทั้งสี่ทิศ แม้กระทั่งหินขนาดใหญ่ก็แหลกจนกลายเป็นผง กลายเป็นเพียงหมอกควันมังกรทะยานขึ้นไป

 

“ฆ่า! ศพแห่งปีกหายนะก็คือผู้ฝึกยุทธ์ล้มเหลวจากการขึ้นสู่การเป็นเซียน สถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นสุสานเซียนอย่างแน่นอน แน่นอนว่าจะต้องมีความลับของการขึ้นสู่การเป็นเซียนอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว!”

 

ในขณะนี้เอง แม้จะถอยก็ไม่อาจที่จะถอย ก็ได้ถูกปิดกั้นทั้งฟ้าดินเอาไว้ ยอดฝีมือมากมายต่างก็ถูกกดดันเอาไว้ ในที่สุดก็ได้ทะยานฆ่าสังหารออกไป

 

ในที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีก็ไม่มีทางถอยอยู่แล้ว มีแต่เพียงหนทางสู่เส้นทางแห่งการฆ่าฟันนองเลือดเท่านั้น และหลังจากผ่านเส้นทางแห่งการนองเลือดแล้ว ก็คงจะเป็นพื้นที่ที่เป็นสุสานแห่งเซียนในตำนาน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทุกผู้คนต่างก็เข้าใจและกระจ่างแจ้งในหนทางที่ตนเองเลือก พวกเขาทั้งหมดต่างก็ลงมือ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ และก็เพื่อความลับแห่งการสำเร็จสู่การเป็นเซียน

 

เพียงแต่ในขณะนี้ ท่ามกลางขุนกำลังของแต่ละฝ่าย เรียกได้ว่ามีทั้งหมดหนึ่งในสามของผู้คนต่างก็ได้ลงมือแล้ว วินาทีนั้นเอง ก็ได้มีประกายแสงสาดส่องขึ้นมาวูบวาบทั่วทั้งสารทิศ ผู้คนมากมายต่างก็ชักสมบัติปราณของตนเองออกมา มุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้าประดุจดั่งปีศาจพรายน้ำเข้าต่อกรกับศพแห่งปีกหายนะทั้งหมดก็มิปาน

 

“ตูม——”

 

“ผัวะ——”

 

“อา——”

 

จนก่อเกิดเสียงดังแต่ละชนิดขึ้นมา เพียงแต่ว่าเพียงแค่ชั่วระยะเวลาชั่วพริบตาเดียว ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันหลายสิบคนที่อยู่ทางด้านหน้า ก็ได้ถูกทำลายสมบัติปราณในมือ ร่างกายขาดเป็นท่อนๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของศพแห่งปีกหายนะต่างก็ถูกฆ่าสังหารลง และหลังจากการนองเลือดนี้แล้ว ภายในดวงตาของศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ต่างก็ได้ปรากฏสีโลหิตขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามีความประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นมา

 

ศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ประดุจดั่งกองทหารที่แท้จริงก็มิปาน หลังจากที่เข่นฆ่าสังหารไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็มิได้รับผลกระทบใดๆ อีก เพียงแต่ฆ่าสังหารต่อกันออกไป

 

ในขณะนี้เอง เมื่อครู่ทันทีที่ได้เข่นฆ่าสังหารยอดฝีมือไปแล้ว ทุกผู้คนต่างก็ใช้พลังคุ้มกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะว่าในขณะนี้เองพวกเขาต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ด้วยพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ด้วยพลังสภาวะเพียงร่างกายย่อมไม่อาจที่จะต้านทานหรือขัดขวางได้ คงจะมีแต่เพียงแค่ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ของขุมกำลังต่างๆ เหล่านี้ฉวยโอกาสลงมือถึงจะได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ซวบ——”

 

ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็ได้ออกมาจากบริเวณพื้นที่แห่งนี้ในเวลาเดียวกัน จนปรากฏขึ้นอยู่ท่ามกลางอากาศ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่น่าตกใจเช่นนี้

 

“กร๊อบ——กร๊อบ——”

 

จากนั้นก็ได้เกิดฉากอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา ทางด้านหลังของศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ก็ได้ปรากฏปีกสีเลือดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกมันราวกับกำลังโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทะยานขึ้นไปสู่ท่ามกลางท้องฟ้า

 

คลื่นพลังหยินเริ่มแปรผัน กลิ่นอายโลหิตพุ่งขึ้นสูง เพียงแต่ว่าวินาทีนั้น ศพแห่งปีกหายนะนับพันก็ได้เข้ากดดันเข้ามาเป็นฉากๆ มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปยังทางด้านของขุมกำลังเบื้องหน้าในทันที

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็สูดลมหายใจเข้าออกคำโตด้วยอาการตกใจ ความร้ายกาจของศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ถือได้ว่าอยู่เหนือทุกสิ่งที่เคยคาดคิดเอาไว้ ถึงกับสามารถที่จะต้านทานสภาวะต่างๆ ทั้งหมดเอาไว้ท่ามกลางอากาศได้ ด้วยพลังการรบชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอยู่เต็มสิบส่วน ถือได้ว่าผู้คนโดยทั่วไปไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้

 

อีกทั้ง พวกมันสมควรที่จะแปรเปลี่ยนระดับความเร็วได้สูงยิ่งขึ้น ไม่คล้ายกับเป็นเพียงแค่ซากศพเท่านั้น แต่กลับคล้ายดั่งสิ่งที่มีชีวิตอยู่แล้วก็มิปาน

 

ขณะนี้ฉากที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ผู้คนโดยส่วนมากเรียกได้ว่าแทบจะไร้ทางถอยหนีแต่อย่างไร ไม่อาจที่จะไม่หันกายกลับไปต่อกรเพื่อต่อสู้กับกองทำเหล่านี้เอาไว้ได้

 

“เคร้งเคร้งเคร้ง——”

 

วินาทีนั้น คลื่นพลังหยินก็ได้สาดเข้ามา อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังปราณอย่างเต็มเปี่ยม สมบัติปราณแต่ละชนิด ทักษะยุทธ์ในขณะนี้ก็ได้ถูกดึงดูดเข้ามา ทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าต่อสู้แห่งความเป็นตาย

 

ทว่าหากมองตามความหมายนี้ ก็เรียกได้ว่ามีเพียงศพแห่งปีกหายนะสิบกว่าตนก็ได้กลายเป็นพลังหยินสลายหายไปท่ามกลางอากาศ แต่ว่าเช่นเดียวกันนั้นเอง ก็ได้มียอดฝีมือนับร้อยที่ถูกฟาดฟันจนก้อนเนื้อแหลกเละ ตายจนไม่อาจที่จะตายได้อีก!

 

ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ยอดฝีมือที่อยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ต่างก็มาจากขุมกำลังใหญ่อีกทั้งยังถือได้ว่าอยู่ในระดับชั้นแนวหน้าอีกด้วย อีกทั้งบุคคลเหล่านี้ยังเป็นที่ขึ้นชื่อลือนาม แต่ทว่าถึงกับต้องมีสูญเสียสองถึงสามคนจึงจะแลกกับศพแห่งปีกหายนะให้ตายลงได้หนึ่งตน ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

 

“ยอดฝีมือดินแดนซีฮวง ก็แค่นี้เองงั้นหรือ——”

 

เมื่อพูดจนถึงคำว่า “หรือ” ตัวสุดท้ายออกมา ตำหนักน้ำแข็งท่ามกลางอากาศ ทันใดนั้นก็ได้มีความหนาวเย็นหลั่งไหลเข้ามา ความเย็นนั้นประดุจมังกรน้ำแข็งสะบัดหางเข้ามาก็มิปาน มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปยังบริเวณทางด้านของศพแห่งปีกหายนะเหล่านั้น

 

“กร๊อบ——กร๊อบ——”

 

เสียงของสิ่งต่างๆ ที่ถูกเกาะไปด้วยน้ำแข็งก็ได้ดังขึ้นมา เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งกาน้ำชาเดือด ศพแห่งปีกหายนะทั้งหมดก็ได้ถูกแช่แข็งอยู่ท่ามกลางอากาศ กลายเป็นเพียงก้อนสลักน้ำแข็ง

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ ยอดฝีมือทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้ต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา พวกเขาต่างก็ได้เงยหน้าบอกไปยังทางด้านตำหนักน้ำแข็งที่ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ตำหนักเยือกแข็งลี้ลับ

แห่งแดนเป่ยฮวงถึงกับมีพลังฝีมือเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเป็นการลงมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์จากขุมกำลังมากมาย จึงจะสามารถที่จะมีกำลังรบเช่นนี้ได้ แต่ว่ากลับไม่มีผู้ใดยินยอมที่จะลงมือด้วยพลังทั้งหมดในขณะนี้อย่างแน่นอน และตำหนักเยือกแข็งลี้ลับขณะนี้กลับมีความน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ ได้แต่เพียงบอกว่า พวกเขาทั้งหมดแทบจะไม่เห็นกลุ่มวีรบุรุษจากดินแดนซีฮวงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

 

ดังนั้น ขณะนี้ยอดฝีมือมากมายจากดินแดนซีฮวงก็ได้เหม่อมองไปยังยอดฝีมือจากตำหนักน้ำแข็งที่ปรากฏตัวขึ้นมา ทอสีหน้าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด แต่ว่ากลับไม่มีคนกล่าวอันใดออกมามากมาย ในเมื่อทุกคนต่างก็ต้องลงมือเข้าต้านทานกับกองทัพศพแห่งปีกหายนะอยู่ดี หากมองในความหมายนี้แล้ว ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้คนมากมายเลยทีเดียว จึงถือได้ว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างก็ติดค้างน้ำใจคนของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับ

ไปแล้วก็ว่าได้

 

“เคร้ง——”

 

ท่ามกลางตำหนักน้ำแข็งของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับ ก็ได้มีประกายคมกระบี่สาดทอออกมาจากฟากฟ้า กระทบลงไปยังศพแห่งปีกหายนะที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ไม่นานนัก รูปปั้นน้ำแข็งเหล่านี้ต่างก็ได้ปรากฏรอยแตกละเอียดยิบขึ้นมา ทว่าภายในชั่วพริบตาเดียว ในเวลาเดียวกันก็ได้กลายเป็นเพียงเศษผงชิ้นเล็กชิ้นน้อยเท่านั้น ลอยหายไปจากท่ามกลางอากาศ

 

และในเวลาเดียวกันนี้เอง ก็ได้มีพลังหยินหลั่งไหลแปรเปลี่ยนพลิกผันอย่างรุนแรง ไอโลหิตสลายหายไป ตลอดทั่วทั้งสี่ด้านก็ได้เริ่มต้นที่จะกลับคืนสู่ความปกติ

 

ในขณะนี้ ต่อให้เป็นบุคคลระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่ง ภายในสายตาก็ได้ยังต้องเกิดอาการตกใจขึ้นมา การจัดการกับศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ ยังจำเป็นที่จะต้องใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือของผู้คนมากมายจึงจะสามารถที่จะทำได้ แต่ว่าในเวลาเดียวกันพลังฝีมือจากการลงมือท่ามกลางบนท้องฟ้า กลับมิใช่สิ่งความสามารถของบุคคลโดยทั่วไปจะสามารถที่จะทำออกมาได้ ในข้อนี้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกที่พอจะบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับแล้ว

 

จงหลี่และเยี่ยจงทั้งสองขณะนี้ก็ทราบว่าได้มีคนกลุ่มนี้เข้ามายังเป็นกลุ่มสุดท้ายตั้งแต่แรก ขณะนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศเฉกเช่นเดียวกัน จงหลี่เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าแล้วก็พยักหน้าตอบรับ: “ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของสตรีหิมะของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับแห่งดินแดนเป่ยฮวงมานาน นี้สมควรที่จะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของสำนักแล้ว วันนี้ดูเหมือนว่าคงจะต้องเป็นสตรีหิมะผู้นั้นลงมือแล้ว!”

 

“สตรีหิมะ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา

 

“เจ้ามิเคยได้ยินมาก่อนอย่างงั้นหรือ? นี้ถือได้ว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นอย่างมากในขณะนี้ก็ว่าได้ สามารถที่จะควบคุมทั้งหิมะทั้งน้ำแข็ง ด้วยพรสวรรค์ความสามารถเช่นนี้ ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะเทียบเปรียบได้ อีกทั้งยังเล่าขานกันว่า นางไม่แน่ว่าจะมีวิญญาณหิมะน้ำแข็งแห่งแดนเทพสถิตอยู่ภายในร่างกาย กล่าวได้ว่ายากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้!” จงหลี่ทอใบหน้าด้วยอาการถอนหายใจออกมา

 

“พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด” หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงเองก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ทอสีหน้าประหลาดใจออกมา ในครั้งนี้เขาคิดที่จะเข้าไปยังพื้นที่แห่งสุสานเซียน อีกทั้งเป้าหมายใหญ่ในครั้งนี้ก็คือสิ่งที่อยู่ภายใน ที่รวมเข้าอยู่ภายในใจกลางของตำหนักเทวะ อีกทั้งยังเพียงด้วยพลังในระดับระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเท่านั้น แต่ว่าทุกคนต่างดีกว่ามากนัก แทบจะไม่จำเป็นที่จะต้องออกแรงแต่อย่างไร ก็มีพลังพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดแล้ว อีกทั้ง อีกทั้งพรสวรรค์แต่กำเนิดเช่นนี้ยังจำเป็นที่จะต้องมีความเข้ากันได้กับร่างกายเป็นอย่างดี จึงจะสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยพลังการต่อสู้ในระดับนี้ขึ้นมาได้ เพียงแค่ในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะให้เกิดความอิจฉาได้แล้ว

 

“ไม่จำเป็นที่จะต้องอิจฉาไปหรอก ต่อให้เกิดความอิจฉา ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ในที่แห่งนี้ทุกคน ด้วยพรสวรรค์ความสามารถที่มีมาแต่กำเนิดที่ไร้ผู้เทียบเท่าได้” จงหลี่ก็ได้ยื่นมือเข้าไปตบที่หัวไหล่ของเยี่ยจง แล้วก็ได้มีความอิจฉาแฝงเอาไว้อยู่บนใบหน้าอยู่อย่างเต็มเปี่ยม “ไต๋ซือน้อยเจ้าก็อย่าได้ดูถูกดูแคลนตนเองมากจนเกินไป ในครั้งนี้พวกเราหากสามารถที่จะครอบครองความลับเซียนแล้วละก็ ไม่ว่านางจะมีพรสวรรค์มาแต่กำเนิดหรือจะเป็นความสามารถแห่งพลังเทวะ วันข้างหน้าก็ยังพอที่จะสามารถต่อกรได้อยู่ ขอเพียงไขว่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ก็พอ”

 

เมื่อกล่าวมาจนถึงตรงนี้ จงหลี่ก็ได้หัวเราะฮิฮะออกมา อีกทั้งสีหน้ายังแฝงเอาไว้ด้วยสิ่งที่กำลังปกปิดเอาไว้อยู่อย่างมากมาย

 

เยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำขึ้น คิดไม่ถึงว่าต่อให้พบกับผู้ที่เรียกได้ว่าช่วงชีวิตทั้งชีวิตไม่อาจที่จะไล่ตามได้ ระดับอารมณ์ของเด็กน้อยผู้นี้ ถึงกับแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ

 

“เมื่อกำเนิดเกิดเป็นชายชาตรี หากกล่าวในข้อนี้ ตัวข้าเองก็ทราบว่าตนเองสมควรที่จะกระทำอันใด การที่จะเป็นผู้ที่สามารถเย้ยไปตลอดทั่วทั้งสี่ดินแดนย่อมไม่อาจที่จะเป็นไปได้แล้ว แต่ว่าการเก็บสตรีศักดิ์สิทธิ์สักหลายคนเอาไว้เป็นคู่นอน เรื่องนี้ย่อมต้องเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย? เจ้าคงจะไม่ทราบว่า เมื่อสมัยก่อนท่านบรรพจารย์ซือคงจาของพวกเรา เขานั้นได้……” จงหลี่หัวเราะออกมาฮาฮาเสียงดัง เหมือนกับกำลังกล่าวถึงเรื่องบางอย่างอยู่

 

“ชิ——”

 

มาจนถึงตอนนี้ ก็ได้มีเสียงกระจ่างใสร้องขึ้นมาด้วยเสียงชิอย่างเย็นชาดังขึ้นมา จงหลี่ก็ได้ตัดสินใจไอค๊อกแค๊กออกมาอยู่ครา แล้วจึงได้รั้งเก็บคำพูดในตอนท้ายเอาไว้กลับไป

 

เยี่ยจงก็ยังพอที่จะคาดเดาได้ เสียงนั้นได้มาจากซือคงชิงฉีเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นการตักเตือนมิให้จงหลี่กล่าวอันใดมากความวุ่นวายออกมา ทว่า ขณะนี้ภายในดวงตาของเขาก็ได้ทอเป็นประกายประหลาดขึ้นมา หรือคงจะมิใช่ว่าชนชั้นมหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์ซือคงจา ก็ได้เคยร่วมหลับนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์มามากมายมาก่อน? หากเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นย่อมต้องเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว อีกทั้งยังไม่ทราบว่าเป็นแดนลับแลใดกันที่ได้ตกอยู่ในความโชคร้ายเช่นนี้ได้ แม้แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ในสำนักก็ยังถูกผู้คนแย่งชิงไป

 

“ปากพล่อยไปแล้ว ปากพล่อยไปแล้ว ไต๋ซือน้อยเจ้าข้าเมื่อมีชะตาต้องกัน ก็ประดุจกับพบเจอคนที่คบหากันมาถึงสามชาติแล้วก็มิปาน เมื่อครู่ที่พี่ชายน้อยข้ากล่าวออกมา เจ้าก็คิดเสียว่ามิได้ยินก็แล้วกัน” จงหลี่หัวเราะเสียงฮาฮาเพื่อกลบเกลื่อน ด้วยสีหน้าที่กระอักกระอ่วน

 

“ข้ายังไม่อยากจะตาย” เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง ล้อเล่นงั้นหรือ เรื่องเช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับชนชั้นระดับมหาราชันสามารถที่จะกล่าววุ่นวายได้อย่างงั้นหรือ หากไม่ระวังเสียหน่อยแล้วละก็ก็คงจะต้องถูกผู้คนฟาดจนต้องตายตาที่ก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้

 

“เอาเถอะ มีพูดเรื่องหัวข้อหลักกันเถอะ ในเมื่อคิดที่จะร่วมมือกันแล้วละก็ สหายผู้พี่อย่างพี่จงหลี่ย่อมไม่ลองพูดถึงแทนการออกมาหน่อยหรือ พวกเราสองคนตอนนี้ถือได้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เข้าก็ยากถอยก็ลำบากแล้วนะ” เยี่ยจงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา จ้องมองเข้าไปยังท่ามกลางส่วนลึกอีกครั้งว่าจะมีการปรากฏตัวขึ้นมาของศพแห่งปีกหายนะอีกหรือไม่

 

จงหลี่ก็ครุ่นคิดขึ้นมาได้ จึงได้หันกล่าวมาสนทนา: “พวกเราต่างก็มิใช่บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้มีความสามารถอันเล็กน้อย ก็เทียบกับพวกเขาไม่ได้แม้แต่น้อย ดังนั้น หากว่ากันตามเหตุผล ย่อมไม่สมควรที่จะเข้าไปลึกขึ้น แต่ว่าความลับการสำเร็จเป็นเซียน กลับไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้เลยนะ!”

 

เยี่ยจงพยักหน้าแล้วตอบ: “ความหมายก็คือจับปลาในน้ำขุ่นงั้นหรือ?”

T/L: จับปลาในน้ำขุ่น คือฉวยโอกาสขณะเกิดเหตุการณ์ชุลมุน

 

“ไม่ถือว่าจับปลาในน้ำขุ่นหรอก ไม่ต้องรีบร้อนไปก็พอแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าความลับแห่งเซียนจะสามารถปรากฏขึ้นมาได้อย่างง่ายดายหรอก ปล่อยให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นช่วยพวกเราในการเปิดทาง พวกเราค่อยรอเข้าไปอีกที!” จงหลี่พยักหน้าเห็นด้วย ออกอาการเห็นด้วยออกมา

 

วินาทีนั้น ประกายสายตาไม่น้อยทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้กวาดเข้ามา ยอดฝีมือเหล่านี้ต่างก็กล่าวอันใดไม่ออก นั้นก็เพราะว่าบทสนทนาของเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ต่างก็ถือได้ว่าไม่สามารถที่จะพึ่งพาได้มานับตั้งแต่เริ่มแล้ว ขณะนี้ยังถึงกับถกเรื่องเช่นนี้ออกมาอย่างไม่ปิดบัง

 

ผู้คนมากมายก็ได้กลอกตาไปมา เด็กน้อยทั้งสองนี้ถึงกับเจรจากันเสียงดังถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่จงใจอย่างยิ่ง แต่จะมีผู้ใดกันที่พอจะสามารถที่จะทราบได้ว่าพวกเขานั้นแท้จริงแล้วกำลังคิดอะไรกันอยู่?

 

ทว่าผู้คนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็ทราบกันเป็นอย่างดี ในขณะนี้เอง ไม่มีคนกล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแต่แค่มองเข้าไปยังทางด้านที่เป็นส่วนลึกต่อไป

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset