เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 506 การเปิดขึ้นมาของตำหนักใต้ดิน

ตอนที่ 506 การเปิดขึ้นมาของตำหนักใต้ดิน

“บรึม——”

แล้วก็ได้มีเสียงดังกระหึ่มของกองทัพดังขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานนักก็ได้พบเห็นกับพลังหยินอยู่ในอากาศที่อยู่ในส่วนที่ลึกเข้าไป ประดุจดั่งสายธารสีดำทมิฬสาดออกมาก็มิปาน หมายมั่นที่จะสาดปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้าจนกลายเป็นสีดำ

เห็นได้ชัดว่า ศพปีกมรณะเหล่านี้ขณะนี้หมายมั่นที่จะฆ่าสังหารออกมา

ฉากเบื้องหน้าได้ทำให้ยอดฝีมือมากมายหน้าเปลี่ยนสีไป นั้นก็เพราะว่าภายในส่วนลึกนั้นก็ได้มีการรวมตัวกันขึ้นมาของศพแห่งปีกหายนะอีกครั้ง ? อีกทั้งเมื่อครู่คนของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับก็ได้จัดการลงไปแล้วอยู่ไม่น้อย ขณะนี้ยังมิใช่ยังมีอีกหรอกมั่ง ? หากว่ายังมีกองทัพนับพันหมื่นของศพแห่งปีกหายนะบุกขึ้นมาพร้อมกันอยู่อีกครั้ง เช่นนั้นเกรงว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่านี้อีกก็ยังไร้ประโยชน์

“มาข้าจัดการเอง ”

ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีประกายแสงสีเขียวอ่อนสาดเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ได้พบกับลำแสงที่คล้ายกับแสงจากดวงจันทราสาดส่องลงมาก็มิปาน มุ่งหน้ากวาดเข้าไปยังบริเวณส่วนลึกเข้าไป

วินาทีนั้นเอง ก็ได้มีเสียงขับขานของเสียงร้องดังขึ้นมา นับไม่ถ้วน แผ่กระจายอยู่ตลอดทั่วทั้งใจกลางของส่วนลึกภายใน เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมือนกับมิใช่สิ่งที่แท้จริงอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นเอง ก็ได้มีพลังแห่งธาตุที่พวยพุ่งออกมาค่อยๆ ที่จะสลายหายไป กลับคืนสู่สภาวะเดิมทั้งหมด

“หุบเขาเทพชิงหวิน นี้ก็คือการลงมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพชิงหวิน หรือจะเป็นการลงมือทั้งหมดของทุกผู้คนกัน ? ” เยี่ยจงก็ได้เหม่อมองไปยังฉากที่อยู่เบื้องฟ้า เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไร้สภาพชนิดหนึ่งขึ้นมาได้

จงหลี่ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้นสักพักก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา : “พูดยาก บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพชิงหวินมิเคยลงมือต่อหน้ามาก่อน ผู้ใดจะสามารถที่จะทราบได้กันว่าเขานั้นแท้จริงมีระดับความน่าหวาดกลัวถึงระดับใด ถ้าหากว่ากระบวนท่านี้มาจากเขาเพียงผู้เดียวลงมือมาแล้วละก็ เช่นนั้นคงจะยากที่จะคาดเดาระดับความน่าหวาดกลัวได้แล้ว ”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพชิงหวิน ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา การคงอยู่ของคนเฉกเช่นนี้ช่างทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกที่ยากจะรับมือได้ แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ ด้วยระดับพลังขอบเขตของตนเองขณะนี้ คิดที่จะได้ชัยชนะจากการต่อสู้ของเขาคงจะเป็นไปได้ยาก

“พวกเจ้าทำเช่นนี้ก็ไม่ไหวเอาเสียเลยนะ ต้องคิดที่จะช่วงชิงการเป็นผู้นำ จึงจะสามารถที่จะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ ”

ท่ามกลางอากาศ แล้วก็ได้มีรถศึกโบราณคันหนึ่งออกมา ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงสดใสเย็นชาดังขึ้นมา พริบตาที่เสียงนั้นได้ทอดออกมา ก็ได้มีประกายแสงสีขาวดำสองสายผนึกรวมเข้าจนเกิดเป็นเงาบางอย่างพุ่งออกมา ให้ความสดใสละลานดวงตาเป็นอย่างยิ่ง

เงาแสงสีขาวดำในท่ามกลางอากาศก็ได้หมุนวนไปมา จากนั้นก็ได้ค่อยๆ ที่จะมุ่งหน้าเข้ากดดันไปยังส่วนลึกอย่างช้าๆ

“ครืนครืนครืนครืน——”

เสียงอันน่าหวาดกลัวที่เกิดขึ้นมาจากแสงสีขาวดำก็ได้กดดันขึ้นมา กระจายออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง จนก่อเกิดสภาวะแห่งการฆ่าสังหารพวยพุ่งออกมาปกคลุมอยู่ท่ามกลางฟ้าดินอยู่ในขณะนี้ จนก่อเกิดการรวมตัวกันขึ้นของรังสีสังหารขึ้น จนทำให้ผู้คนมากมายเกิดอาการสั่นเทาขึ้นมาอย่างอดมิได้

ด้วยระดับพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ แสงสีขาวดำทั้งสองก็ได้กดดันเข้าไป ประดุจลำแสงทำลายล้าง กวาดจนพื้นดินแตกกระจายยกใหญ่

ผู้คนมากมายต่างก็มองไปยังกระบวนท่านี้ด้วยอาการแตกตื่นตกใจ อีกทั้งยังเป็นการจัดการคลี่คลายศพแห่งปีกหายนะได้อย่างถอนรากถอนโคน ด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ แทบจะเรียกได้ว่าระดับชนชั้นราชันมิอาจใช้ออกมาได้เลยด้วยซ้ำ จึงถือได้ว่าเป็นพลังที่น่าตื่นตกใจถึงที่สุด

“พรรคหยินหยาง ถือได้ว่าเป็นพรรคระดับสูงภายในดินแดนตงฮวง เป็นแดนลับแลที่ไม่ดับสูญ กระบวนท่านี้สมควรที่จะต้องใช้ออกมาจากสมบัติประจำพรรคของพวกเขาแล้ว เพียงแต่ว่าหากเพิ่มด้วยซ่อนเร้นเอาไว้ จึงใช้ออกมาด้วยพลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ตาม แต่ก็ยังคงถือได้ว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ” จงหลี่ถอนหายใจออกมา กล่าวพึมพำกับตนเอง

“การลงมือของเด็กน้อยเหล่านี้ แต่ละคนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? ” เยี่ยจงขยับริมฝีปากไปมา เกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก พื้นที่สุสานเซียนในครั้งนี้ เพื่อที่จะล่วงรู้ความลับสู่การเป็นเซียน จึงมิใช่เรียกแปลกที่จะมียอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีพลังสูงสุดเข้าแย่งชิงในครั้งนี้ วันข้างหน้าผู้ใดจะสามารถที่จะเย้ยไปทั่วทั้งสี่แดน สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน วันนี้ก็จะได้เห็นกันแล้วว่า ในช่วงคับขันเช่นนี้ เด็กน้อยเหล่านี้ย่อมต้องลงมือออกมา อีกทั้งเจ้าเองก็คงจะสังเกตได้แล้วกระมั่ง ? เป่ยฮวง ตงฮวงและซีฮวง ทั้งสามดินแดนต่างก็มีคนลงมือออกมากันแล้ว สิ่งนี้นอกเสียจากเป็นตัวแทนของแดนลับแล เกรงว่าจะถือได้ว่าเป็นดั่งตัวแทนของดินแดนทั้งดินแดนของแต่ละฝ่ายก็ว่าได้ ” จงหลี่ทอดถอดใจ ทอสีหน้าจำเจออกมา

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับเบาๆ การต่อสู้แย่งชิงในครั้งนี้ราวกับว่าได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเริ่มที่จะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว นอกจากนั้นยังมีการรวมตัวกันของแดนลับแลส่วนหนึ่ง ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความแค้นส่วนตัวกันอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เกิดการปะทุขึ้นมา ทั้งหมดทั้งมวลเกรงว่าจะกลับคืนสู่ความยุ่งยากน่าหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม หากไกลจากที่คาดคิดเอาไว้มาก

ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงและจงหลี่กำลังหารือกันอยู่ พลังธาตุหยินที่อยู่ภายในส่วนลึกก็ได้ค่อยๆ ที่จะเลือนรางหายไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็ได้พบว่าบริเวณพื้นดินของส่วนลึกก็ได้เริ่มที่จะแตกร้าวขึ้นมา จนท้ายที่สุด รอยแตกร้าวบนพื้นดินก็ได้แตกจนกลายเป็นเพียงแค่เส้นทางสายหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน เส้นทางทั้งสองสาย ศพแห่งปีกหายนะจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ด้าน เห็นได้ชัด พวกมันต่างก็ได้ถูกทำให้พิการลงไปในทันที ในเวลาเดียวกัน ด้านบนพื้นก็ได้มีโลงหินมากมายนับไม่ถ้วนตั้งเอาไว้อยู่ ขณะนี้ก็ได้เริ่มที่จะเกิดการแตกสลายไปเป็นจำนวนมาก

“ศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ได้อยู่ภายในโลงศพนี้ ขณะนี้เมื่อโลงศพได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ก็คงจะไม่มีศพแห่งปีกหายนะปรากฏตัวขึ้นมาที่ใจกลางของส่วนลึกขึ้นมาอีก ” เมื่อครู่ก็ได้มีเสียงดังออกมาจากทางด้านของพรรคหยินหยางอีกครั้ง เพื่อที่เป็นการบอกความในข้อนี้

ผู้คนมากมายต่างก็ทอสีหน้ามองเข้าไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างจำเจ ยอดฝีมือทั้งสองคนก็ได้ลงมือกดดันออกไปทางด้านหน้าของศพแห่งปีกหายนะเท่านั้น แต่ว่าการลงมือเพียงครั้งเดียวของพรรคหยินหยาง กลับสามารถที่จะจัดการได้จนถึงต้นตอของศพแห่งปีกหายนะได้ ถือได้ว่าอยู่ในระดับความแข็งแกร่งอีกขั้นเมื่อเทียบกับการลงมือเมื่อครู่ของทั้งสองสำนัก

“ชิ——”

ทางด้านของหุบเขาเทพชิงหวิน ก็ได้มีเสียงดังชิดังขึ้นมาอย่างเย็นชา แต่ว่ากลับสงบลงไปในทันที ไม่มีคนกล่าวอันใดออกมามากมาย

และตำหนักน้ำแข็งของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับก็ยังคงลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล่าวอันใดออกมา

หลังจากนั้นเอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็สังเกตไปเห็นบางอย่างที่คล้ายกับทางเดินอยู่ในอีกบริเวณหนึ่ง นั้นก็คือทางลงไปยังด้านล่าง แล้วก็ได้มีตำหนักใต้ดินขนาดใหญ่อยู่ภายในส่วนลึก แต่ว่าภายใต้ตำหนักใต้ดินนี้กลับมิใช่สุสานใต้ดินที่ดูไปแล้วธรรมดา นั้นก็เพราะว่าในสถานที่แห่งนี้ก็เป็นเหมือนกับเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่งก็มิปาน ที่ประดุจซ่อนเร้นอยู่ภายในท่ามกลางหุบเขา ขณะนี้ มันก็ได้เผยส่วนเล็กๆ ที่เป็นประตูเมืองขนาดใหญ่บานหนึ่ง แล้วก็ได้ปรากฏผู้คนมากมายขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้า

สถานที่แห่งนี้ก็คือพื้นที่สุสานเซียนที่ถูกเล่าขานนั้นเอง อีกทั้งสมควรที่จะต้องเป็นหลุมฝังศพก็ว่าได้ ไม่ทราบว่ามันนั้นได้สูญหายไปจากโลกใบนี้มานานแค่ไหน แต่ว่าขณะนี้เมื่อมองเข้าไปจากสถานที่ห่างไกล กลับกลายเป็นหน้าผาสูงชันอย่างไร้ที่เปรียบ อีกทั้งยังเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัด ประดุจดั่งกับว่ามีพลังอันมหาศาลคอยให้ความคุ้มกันมันอยู่

ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็สูดลมหายใจเข้าออกอย่างแรง ในขณะนี้ต่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัวได้ กล่าวได้นี้พื้นที่สุสานเซียนได้เก็บซ่อนเอาไว้ด้วยความลับของการเป็นเซียนอยู่ และขณะนี้หลุมฝังศพแห่งนี้ก็ได้ปรากฏผู้คนมากมายขึ้นมาอยู่ทางด้านหน้า มีหรือที่จะไม่ทำให้พวกเขาเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาได้ ?

กลุ่มคนบริเวณทางด้านหลัง เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ฉากเบื้องหน้าเริ่มที่จะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปแล้ว และไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดคิดเอาไว้แม้แต่น้อย ทว่าในเวลาเช่นนี้เยี่ยจงกลับมิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย ในเมื่อคนที่ออกหน้านั้นกลับมิใช่เขา เพียงแค่มองดูอย่างสงบเสงี่ยมก็เพียงพอแล้ว

ขณะนี้ หุบเขาที่ได้ถูกซ่อนอยู่ ก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงส่วนหนึ่งของประตูขนาดใหญ่ของเมืองโบราณขึ้นมาจนสาดออกมาเป็นประกายแสงสีดำทมิฬขึ้น จากนั้นก็ได้เผยประตูเงินขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน พริบตานั้นก็ได้ทำให้ประตูใหญ่ของตำหนักใต้ดินปิดตัวลง

“พื้นที่สุสานเซียน ที่มีความลับสู่การสำเร็จเป็นเซียน ข้าในวันนี้ก็อยากที่จะดูเสียหน่อย ว่าเทพเซียนในตำนาน ที่แท้แล้วมีลักษณะพิเศษเฉพาะอย่างไรกัน ถึงกับสามารถที่จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวอันน่าตกใจขึ้นมาทั่วทั้งฟ้าดินได้ ! ” องค์ชายหกรัฐสือสือซิ่งก็ได้ก้าวเดินประดุจมังกรพยัคฆ์ก้าวเดิน เดินออกไปทีละก้าว เข้ามาจนถึงบริเวณเบื้องหน้าของประตูตำหนักใต้ดิน

“ตูม——”

บริเวณใจกลางฝ่ามือของเขา ก็ได้มีสมบัติเซียนสีทองชิ้นหนึ่งสาดเป็นประกายขึ้นมา กระบี่ด้ามนั้นก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกไปทางด้านหน้า เห็นได้ชัด เขาขณะนี้ได้ควบคุมคุกสมบัติราชวงศ์ออกมาแล้ว อีกทั้งยังไม่ทราบว่าเขานั้นได้ใช้ออกมาด้วยกระบี่เล่มนั้นอีกเล่มหนึ่งด้วยหรือไม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งเทวะนั้น

“กร๊อบ——”

พลังกระบี่ก็ได้กวาดออกไปเป็นสาย ประตูเงินบานใหญ่ก็ได้ปะทุไปด้วยประกายสีเพลิง แต่ว่ากลับมิได้เกิดความเสียหายใดๆ แต่กลับเป็นสมบัติเซียนในมือของสือซิ่งกลายแตกสลายไปแทน แต่ว่าเขาก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแต่พลิกทั้งสองมือออกมา วินาทีนั้นก็ได้มีเงาของสมบัติปราณนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา มุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้าอย่างถี่ยิบ

“ตึงตึงตึง——”

เสียงเสียงหนึ่งก็ได้ดังลอดขึ้นมาอย่างลี้ลับแต่กลับได้ยินอย่างชัดเจน แล้วก็ได้เกิดเงาของสมบัติเซียนแต่ละสายพุ่งออกมา จนทำให้ด้านบนของประตูเมืองขนาดใหญ่นั้นได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมาเป็นสาย พร้อมจะถูกทำลายไปได้ทุกเวลา

“กร๊อบ——”

ในช่วงเวลาที่มีเสียงของการปะทะครั้งที่สามพันก็ได้หยุดลง ประตูเงินบานใหญ่นี้ในที่สุดก็ไม่อาจที่จะทนรับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดได้ จนเริ่มที่จะแตกสลายลง

บริเวณทางด้านบน ก็ได้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ต่างก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด องค์ชายหกรัฐสือ ถึงแม้ว่าจะเคยพ่ายแพ้ให้แก่เยี่ยจงในการต่อสู้ในระดับเดียวกันมาก่อน แต่ว่านี้กลับมิใช่เป็นการบอกว่าเขานั้นอ่อนแอ ในทางกลับกันกลับเป็นการบ่งบอกว่าเขานั้นมีความแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ ควรทราบว่า ผู้คนมากมายต่างก็มองออกได้ว่า ประตูเงินบานใหญ่นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยุ่งยากเป็นอย่างมาก แต่ว่าขณะนี้ถึงกับถูกเขาทำลายลงไปได้

“ตูม——”

แล้วก็ได้มีเงาศาสตราวุธกว่าห้าร้อยสายพุ่งลงไป ในครั้งนี้ ประตูเงินขนาดใหญ่บานนั้นในที่สุดก็ได้มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา จากนั้นก็ได้ถูกทำลายจะเปิดออก

“บรึม——”

ใจกลางตำหนักใต้ดิน ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ศพแห่งปีกหายนะจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในขณะนี้ก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกไป มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านของสือซิ่งอยู่

“นี้คือความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาของพวกเจ้าอย่างงั้นหรอกหรือ ? ” สือซิ่งหันหน้ากวาดกลับไปมองยังทางด้านรถศึกโบราณของพรรคหยินหยางคราหนึ่ง ทอสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็ได้กางแขนทั้งสองข้างออกมา บริเวณทางด้านหลังก็ได้ปรากฏประตูสีทองบานหนึ่งขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้ตะโกนออกมา : “คุกสมบัติราชวงศ์ ! ทำลายล้างทั้งหมดไปซะ ! ”

จากนั้นเขาก็ได้ส่งเสียงร้องดังขึ้นมา กระบี่ หอก ดาบ ขวาน เข็ม เตาเหลอม……แต่ละชนิด ก็ได้ปรากฏขึ้นมาจนกลายเป็นเงาของศาตราวุธขึ้นมานับไม่ถ้วน ในเวลาเดียวกันก็ได้มุ่งหน้าพวยพุ่งเข้าไปยังภายในของตำหนักใต้ดิน

“สวบสวบสวบ——”

คุกสมบัติราชวงศ์ในขณะนี้ก็ได้เปล่งพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวออกมา ทว่าเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็ได้สลายพลังจากศพแห่งปีกหายนะทั้งหมดไปในทันที หลงเหลือไว้แต่เพียงสือซิ่งที่กำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

สือซิ่งในขณะนี้ บนร่างกายก็ได้ปกคลุมไปด้วยพลังสภาวะชนิดหนึ่งขึ้น เส้นผมเหนือศีรษะสีดำของเขาก็ได้พลิ้วไหวไปมา อาภรเลิศหรูบนร่างกายก็ได้พลิ้วลอยไปตามสายลมธาตุหยินอย่างรุนแรง ประดุจดั่งมีพญามังกรไหลเวียนอยู่บริเวณร่างกายของเขาอยู่มากมายนับไม่ถ้วนก็มิปาน ร่างกายของเขาก็ได้สาดเป็นประกายแสงสีทองขึ้นมาอย่างเข้มข้น ประดุจดั่งรังสีของชนชั้นมหาราชันอยู่บนร่างกายก็มิปาน บนร่างกายก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยประกายแสงแห่งการไม่สูญสลายเอาไว้ไม่เสื่อมคลาย

“พื้นที่สุสานเซียน เก็บความลับสู่ความสำเร็จสู่การเป็นเซียน จะต้องตกเป็นของข้าสือซิ่ง ข้าสือซิ่งผู้ที่ซึ่งจะขึ้นสู่การเป็นระดับจักรพรรดิฟ้าในสักวัน เพื่อเป็นการที่สุดของเผ่ามนุษย์นับแต่โบราณกาลมา ! ” สือซิ่งก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เท้าก็ได้ก้าวออกไป ร่างกายก็ได้หายเข้าไปยังท่ามกลางภายในตำหนักใต้ดิน

“แย่แล้ว อย่าได้ให้สือซิ่งครอบครองความลับสู่การเปลี่ยนเซียนได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็คงก็จะไม่มีผู้ใดภายใต้ฟ้าดินแห่งนี้ขวางทางเขาได้อีกแล้ว ? ” ยอดฝีมือนับหมื่นฟันก็ได้ร้องเสียงหลงขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดก็ได้เคลื่อนไหวขึ้นมาพร้อมกัน มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า

ขณะนี้ ศพแห่งปีกหายนะที่ปรากฏขึ้นมาอย่างถี่ยิบภายหลังจากที่สือซิ่งก็ได้สาบสูญไป แล้วก็ได้สาดทอประกายแสงเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา เหล่ายอดฝีมือที่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทันเหล่านั้นต่างก็ได้หันหน้าเข้าไปยังภายในตำหนักใต้ดิน มีแต่เพียงเส้นทางฆ่าสังหารออกไปเพียงสายเดียวเท่านั้น

เพียงแต่ว่า กลับไม่มีหนทางอื่นใด ยอดฝีมือทุกผู้คนขณะนี้ต่างก็ได้ลงมือออกมาด้วยพลังฝีมือทั้งหมด เพียงพเพื่อที่จะได้กุมความลับของความสำเร็จสู่การเป็นเซียน

ร่างกายบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพชิงหวินก็ได้สั่นไหวน้อยๆ คราหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้สาดเป็นประกายแสงสีเขียวขึ้น ร่างกายของเขาก็ได้หายลับเข้าไปยังภายในตำหนักใต้ดิน

สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือก็ได้ก้าวออกไปติดต่อกันเบาๆ ไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว ขณะนี้ก็ได้ก้าวเดินประดุจดั่งเทพเซียนที่ลงมาจากดวงจันทร์ก็มิปาน ค่อยๆ ที่จะเดินเข้าไปยังท่ามกลางตำหนักใต้ดิน

นางเซียนชิงหญิงขมวดคิ้วขึ้นมา พริบตานั้นนางก็ได้ชม้ายรอยยิ้มขึ้นคราหนึ่ง แล้วก็ได้ปรากฏประกายกระบี่ที่ใต้ฝ่าเท้าของนาง มุ่งหน้าหายวับเข้าไปยังตำหนักใต้ดิน พริบตานั้นก็ได้เข้าไปยังภายในใจกลาง

องค์ชายเผ่าปีก บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับ ราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจที่อยู่ทางด้านหลังเป็นต้น ทั้งหมดก็ได้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดด้วยความรวดเร็ว แต่ละฝ่ายต่างก็พึ่งพาพลังฝีมือของตนเองเพื่อที่จะเข้าไปยังภายในใจกลางตำหนักใต้ดิน

.

.

.

.

กลุ่ม/100บาทครับ
กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset