เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 508 สุสานเซียนหลุมศพมาร

ตอนที่ 508 สุสานเซียนหลุมศพมาร

 

ในครั้งนี้ ช่วงเวลายังไม่ถึงหนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ผู้คนมากมายจากท่ามกลางตำหนักใต้ดินก็ได้ทะยานร่างกายออกมา คนเหล่านี้โดยส่วนมากแล้วต่างก็อยู่ในอาการบาดเจ็บ คนเหล่านี้ต่างก็ทอสีหน้าประหลาดใจ อย่างน้อยก็คงจะได้รับประโยชน์มาแล้วเล็กน้อยแล้ว แต่ว่าผู้คนโดยส่วนมากต่างก็อยู่ในอาการไม่เบิกบานใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับอันใดออกมา แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าคนเหล่านี้ที่ออกมาต่างก็ยอมแพ้ต่อสถานที่ที่อยู่ใต้ดินแห่งนี้

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องเข้าไปกันแล้ว ตอนนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นสมควรที่จะมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนพื้นที่สำคัญไปได้แล้วละ อย่างน้อยก็คงจะไม่มีอันตรายอันใดแล้ว หากยังไม่ลงมืออีก คาดว่าแม้แต่ปลายเส้นขนก็คงจะมิได้รับ ! ” จงหลี่เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงค่อยได้เอ่ยปากขึ้นมา

 

“เป็นไรไป เช่นนั้นเจ้าข้าคิดที่จะร่วมมือกันหรือไม่ ? ” เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าดำคล้ำถอยออกมา ตอนนี้มีผู้คนไม่น้อยต่างก็กำลังด่าทอไปที่เขา แต่ว่าเขาก็ไม่อาจที่จะไม่กระทำต่อไปได้ ได้แต่เพียงทำเหมือนกับไม่เคยได้ยินอันใดก็มิปาน

 

แล้วจงหลี่ก็ได้ขยับนิ้วเพื่อคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงได้หันหน้ากลับมาแล้วกล่าว : “น่าแปลก ข้าถึงกับไม่อาจที่จะคำนวณออกว่าถ้าหากร่วมมือกับเจ้าด้วยกัน ที่แท้จะเป็นประโยชน์หรือว่าเลวร้าย ไม่แน่ไต๋ซือน้อยเจ้าอาจจะเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเลยก็เป็นได้อย่างงั้นหรือ ? ”

 

เยี่ยจงตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ยังดีที่ตนเองนั้นได้สวมเอาไว้ด้วยอาภรณ์ยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุที่ไต๋ซือหวู่โหวมอบให้ ที่สามารถที่จะรอดพ้นจะชะตาฟ้าลิขิต ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ไม่แน่ว่าขณะนี้ตนเองคงจะต้องถูกจงหลี่คำนวณออกมาแล้วก็เป็นได้

 

“ช่างเถอะ ให้ข้าคำนวณอีกสักครู่ หากว่าเป็นข้าเข้าไปเพียงคนเดียวแล้วละก็ อย่างน้อยก็มีแต่ร้ายมากกว่าดี หากว่าเข้าไปพร้อมกันกับเจ้าแล้วละก็ ถึงกับไม่อาจที่คำนวณออกมาว่าดีหรือเลวร้ายได้ แต่ว่าก็ไม่แน่อาจจะได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่ขึ้นมาก็เป็นได้ มามามา พวกเรามาร่วมมือกัน ” จงหลี่ในขณะที่คำนวณอยู่ ก็ได้ยอมแพ้ไปในทันที จากนั้นก็ได้โบกมือขึ้น ก้าวยาวๆ มุ่งหน้าเข้าไปยังภายในของตำหนักใต้ดิน

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมา แล้วก็ได้ติดตามไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีจงหลี่ที่เป็นคนที่มักอยู่ข้างกายอย่างบุคคลชนชั้นระดับมหาราชันแห่งมวลมนุษย์ ผู้คนมากมายหากว่าคิดที่จะต้องการลงมือแล้วละก็ คงจะต้องเกิดความยำเกรงอยู่หลายส่วน กระนั้นเยี่ยจงก็ทราบได้เป็นอย่างดี ภายในสถานที่เช่นนี้ เดิมทีแล้วก็ถือได้ว่ามีความอันตรายอยู่แล้วส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังมีการเข้ามาของยอดฝีมือเช่นนี้ด้วยกันจึงถือได้ว่าเป็นความยุ่งยากที่แท้จริงยิ่งไปเสียกว่า

 

“ใช่แล้ว พวกเรามาคุยเรื่องที่จะตกลงกันก่อน ถ้าหากได้รับสิ่งของจำพวกสมบัติปราณ ยาปราณ ก็แบ่งกันคนละครึ่ง ถ้าหากได้รับทักษะเทวะหรือว่ามนต์ตราเทพอันใด พวกเราก็ดูด้วยกัน ! ” เมื่อได้เดินมาจนหนึ่งทางเข้าของตำหนักใต้ดิน จงหลี่ราวกับพึ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็มิปาน จึงได้ใช้เวลานี้เพื่อที่จะเตือนสติขึ้นมา

 

“อามิตตาพุทธ ข้าว่าพี่ท่านคิดมากเกินไปแล้ว พวกเราเขามาถึงได้ช้าถึงเพียงนี้ คาดว่าแม้แต่สิ่งของชิ้นเล็กๆ ก็คงจะไม่ตกอยู่ในมือของพวกเราหรอก พวกเราตอนนี้คงจะได้แต่เพียงช่วงชิงความลับของการสำเร็จสู่เซียน แล้วสิ่งของเช่นนี้จะแบ่งอย่างไรกัน ? ” เยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา

 

“เมื่อกล่าวมาจนถึงตรงนี้ก็ถือได้ว่าสมเหตุสมผล เอาเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาก็แล้วกัน ” จงหลี่หลังจากที่เกิดความลังเลอยู่สักครู่ จึงค่อยได้ส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็จึงได้เดินเข้าไปยังท่ามกลางภายในตำหนักใต้ดินพร้อมกันกับเยี่ยจง

 

ตำหนักใต้ดินมีลักษณะที่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากจนสร้างขึ้นมาเป็นเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก็มิปาน เมื่อได้เข้ามายังประตูใหญ่ ก็สัมผัสได้ถึงรังสีของพลังที่กว้างใหญ่ไพศาลขึ้นมาได้ ยังสามารถที่จะพบเห็นกับอารามที่อยู่ใต้ดินปรากฏขึ้นมา ตลอดทั้งสี่ด้านก็ได้ปลูกสร้างขึ้นมาจากก้อนศิลาตั้งเป็นตระหง่าน หินศิลาแต่ละช่องขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือได้ก็มิปาน ภายในศิลาทุกๆ ชิ้นถูกตั้งเอาไว้ด้วยรูปมังกรหงส์ขนาดใหญ่วางเอาไว้อยู่ เมื่อมองเข้าไปจากสถานที่ห่างออกไป มีด้วยกันทั้งหมดเก้าชิ้น เป็นที่น่าสังเกตเป็นอย่างยิ่ง

 

และในมังกรหงส์ทุกชิ้นที่ได้ตั้งอยู่บริเวณทางด้านล่าง ต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตสวยงาม ทอเป็นประกายความล้ำค่าขึ้นมาสาดเป็นประกายขึ้นมา

 

“อืมอืมอืม นี้ก็คงจะใช้หลักการของหลักฮวงจุ้ยของมังกรเก้าตนสร้างขึ้นมา หลักการในการสร้างขึ้นมาเช่นนี้ กล่าวได้ว่าจะต้องมีการคงอยู่ของคุณลักษณ์ระดับจักรพรรดิฟ้าจึงจะมักใช้ออกมาได้ เมื่อดูเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ย่อมต้องมิใช่สุสานเซียนแล้วละ แต่ก็ย่อมไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด ” จงหลี่ก็ได้ถอนหายใจออกมาติดต่อกัน ภายในน้ำเสียงก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความตกใจอยู่หลายส่วน

 

“ความหมายของเจ้าก็คือ สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สุสานเซียนอย่างงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว เขาก็เริ่มที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

“นี้พูดได้ยาก อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียน ” จงหลี่ในขณะที่ครุ่นคิด ก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เพราะว่าสถานที่แห่งนี้มีควันบรรยากาศแห่งไฟหนักแน่นอยู่มาก หากเป็นหลุมฝังศพเซียนจริง ก็คงจะไม่เกิดพลังเช่นนี้ขึ้นมาได้หรอกกระมั่ง ? ”

 

“อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ” เยี่ยจงส่ายหน้า “ถึงแม้ว่าตำนานของเซียนนั้นจะมีอยู่ไม่มากนัก แต่ว่ายังไงซะเซียนก็มาจากความสำเร็จของมนุษย์อยู่ดี แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่เหมาะสม สามารถที่จะคืนความปกติสู่สถานที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน ”

 

จงหลี่พยักหน้าตอบรับ แล้วก็ได้คาดคำนวณอยู่รอบหนึ่ง ทว่าเขาก็ยังคงคำนวณอันใดไม่ออก ได้แต่เพียงส่ายหน้าไปมาเท่านั้น

 

“ครืนครืนครืน——”

 

ทั้งสองคนก็ได้เข้าไปยังส่วนลึกของตำหนักใต้ดิน หลังจากที่ได้เปิดเข้าไปยังพื้นที่ที่เป็นอารามสายหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงประดุจดั่งสุนัขเห่าดังออกมา จากนั้นก็ได้พบว่าท่ามกลางอารามหินหลังนั้น ได้มีการปรากฏตัวขึ้นมาของสุนัขสีดำพุ่งฆ่าสังหารออกมา ประดุจดั่งสายฟ้าสีดำสาดเป็นประกายขึ้นมา

 

สุนัขสีดำเหล่านี้นั้นมีขนาดร่างกายที่ไม่ใหญ่โตมากมายนัก แต่กลับมีกรงเก็บที่แหลมคมเป็นอย่างยิ่ง บนร่างกายก็ได้ปกคลุมเอาไว้ด้วยเกล็ดอยู่เต็มไปหมด แล้วจึงค่อยมีการปกคลุมเอาไว้ด้วยขน

 

เยี่ยจงส่ายหน้าไปมา ยื่นมือข้างขวากวาดออกไป วินาทีนั้นก็ได้มีประกายแสงสายฟ้าพวยพุ่งออกมา วินาทีนั้น ก็ได้มีสุนัขดำในกลุ่มถูกจัดการลง มีโลหิตไหลรินออกมาตามพื้น

 

นี้ก็คือวิชาอัสนีฉางโยว ควรทราบว่า เหล่ามารปีศาจที่โลกหล้ามักจะแพ้ธาตุแห่งอัสนี เยี่ยจงขณะนี้ทว่ายังเป็นเพียงแค่การทดลองเท่านั้น แต่ว่าคิดไม่ถึงว่ากลับถึงกับส่งผลลัพธ์ออกมาได้ถึงขั้นนี้ได้

 

จงหลี่เหม่อมองไปยังซากศพของสุนัขดำกลุ่มนั้น แล้วก็ได้เดินเข้าไปใกล้อีกหลายก้าว จากนั้นก็ได้ยกเส้นขนนั้นขึ้นมาอยู่หลายเส้น แล้วจึงได้เอ่ยขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด : “โลหิตสุนัขเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายเลยก็ว่าได้ แต่ว่าเพียงแต่ขนสุนัขดำเหล่านี้ถึงกลับมีพลังแห่งมารเอาไว้อยู่ อีกทั้งยังถือได้ว่ามีพลังแห่งปีศาจที่ชั่วร้าย สถานที่แห่งนี้ก็อันตรายจนเกินไป ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับสุสานเซียนแม้แต่น้อย ในทางกลับกันกลับเหมือนกับสถานที่หลบซ่อนของเหล่ามารร้ายก็มิปาน ? ”

 

เยี่ยจงหลังจากที่ขมวดคิ้วแล้ว ระหว่างนั้นเองก็ได้พยักหน้าตอบรับ เขาก่อนหน้านี้ได้พบกับเพลิงกาฬทั้งเก้าลำดับนั้นถือได้ว่ามีความเป็นจริงอย่างมาก แต่ว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในขณะนี้ ต่อให้สิ่งใดเป็นจริงหรือเท็จต่างก็ถือได้ว่ายังไม่สามารถที่จะมองออกได้ ว่าที่แท้แล้วสิ่งที่พบเห็นนั้นเป็นจริงหรือไม่ หรือว่าสิ่งที่พบเห็นในครั้งนี้จะเป็นเรื่องจริงกันแน่

 

“ไม่ต้องคิดมากเกินไปแล้ว เข้าไปยังส่วนลึกต่อไปเถอะ อีกเดียวก็คงจะทราบถึงสาเหตุกันเอง ในเมื่อพวกเรานั้นมียันต์ปราณคุ้มครองร่างที่เจ้าจมูกโคหวู่โหวให้แก่พวกเราเอาไว้อยู่ กลัวกับผีสิ ! ” เสี่ยวหลุนก็ส่งเสียงออกมาด้วยอาการไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่าเพราะเห็นว่าเยี่ยจงและจงหลี่ทั้งสองคนนั้นระมัดระวังจนเกินความจำเป็น เมื่อได้เข้ามาจนถึงบริเวณภายในขณะนี้ กระนั้นกลับมิได้รับสิ่งของต่างๆ แม้แต่น้อยจึงทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นมาในข้อนี้อย่างถึงที่สุด

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ได้ส่ายหน้าไปมา จากนั้นเขาก็ได้โบกมือไปยังทางด้านของจงหลี่ ทั้งสองคนก็ได้ก้าวต่อไปยังส่วนลึกของตำหนักใต้ดินอย่างระมัดระวัง

 

ในตำแหน่งที่เป็นส่วนลึกของใจกลางตำหนักใต้ดินก็ได้ค่อยๆ มีบรรยากาศที่หนักอึ้งโชยพัดเข้ามาอย่างช้าๆ เยี่ยจงยิ่งเกิดความตื่นตัวขึ้นมา เพราะว่าพวกเขานั้นพบเห็นกับซากศพของตัวประหลาดแต่ละชนิดปรากฏขึ้นมา อีกทั้งยังถือได้ว่าคล้ายดั่งศพของปีศาจที่มีขนาดใหญ่นับสิบเมตรได้ ตลอดทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยขน แต่ว่ากลับถูกผู้คนตัดผ่าจนกลายเป็นสองท่อน

 

อีกทั้งยังมีซากศพที่ถูกทำลายและมีลักษณะเป็นเพียงรูปปั้นน้ำแข็ง แล้วก็ได้มีซากศพที่ได้ถูกเผาไหม้จนเกรียมก็มิปาน คงได้จะบอกว่า ไม่ว่าจะมองดูเช่นไร ก็คงจะต้องถูกยอดฝีมือที่มีพลังในการลงมืออันเข้มแข็งฟาดฟันฆ่าสังหารอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“มิผิด บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นช่างสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงยิ่งนัก สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าไม่ง่ายที่จะต่อกรด้วยได้เลยทีเดียว ยังดีที่พวกเรามิได้เข้ามายังภายในเป็นกลุ่มแรก ” จงหลี่เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยความเสนาะสนใจ เห็นได้ชัดว่า เขาได้เกิดความสนใจต่อพลังฝีมือที่ลงมือต่อสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง

 

เยี่ยจงก็ได้พยักหน้าตอบรับ สิ่งเหล่านี้หากว่ามีเพียงตัวสองตัวย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัว แต่ว่าถ้าหากมากับเป็นโขยงแล้วละก็ ต่อให้เขานำเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งของขั้นบรรลุออกมา คาดว่าก็คงจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อับจนหนทางอย่างแน่นอน

 

ระดับของเด็กน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ที่แท้แต่ละคนต่างก็ถือได้ว่ามีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ท่ามกลางตำหนักใต้ดินนี้แม้จะเกิดความวุ่นวายจากกลุ่มปีศาจ กระนั้นพวกเขาก็ยังคงพอที่จะสามารถจัดการได้อยู่

 

ทั้งสองคนก็ได้เดินเข้าไปทางด้านหน้าติดต่อกัน ไม่นานนัก ก็ได้พบเห็นกับส่งเกราะสีเงินกลุ่มใหญ่ ในมือถือเอาไว้ด้วยง้าวหอกยาวอยู่ เพียงแต่ว่าขณะนี้สิ่งที่สวมเอาไว้ด้วยเกราะเงินเหล่านี้กลับได้รับความเสียหายกองอยู่กับพื้นดิน แล้วก็ได้มีโลหิตสีเงินปรากฏขึ้นมาตามที่ต่างๆ รวมทั้งภายในเกราะนั้นที่แท้มีสิ่งใดอยู่ กลับไม่มีผู้ใดพอที่จะสามารถแยกมันออกมาดูได้

 

“นี้สมควรที่จะต้องเป็นทหารสวรรค์สั่งตามคำเล่าลือแล้วกระมั่ง ? หรือว่าสถานที่แห่งนี้จะยังคงเป็นสุสานเซียนจริง ยังถึงกับมีการคงอยู่ของเซียนที่แท้จริงซ่อนเร้นเอาไว้ ” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดคิดไปมากแล้ว แทบจะไม่อาจที่จะมีการปรากฏตัวขึ้นมาชนิดที่สองขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ถึงกลับปรากฏขึ้นมาได้ในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ย่อมต้องทำให้ผู้คนอดที่จะไม่ขมวดคิ้วขึ้นมามิได้

 

จากนั้น ทั้งสองคนก็ได้เดินเข้าไปตามเส้นทางต่อไป แล้วก็ได้พบเห็นภาพทิวทัศน์อยู่ไม่น้อย สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานแห่งเซียนอยู่ อีกทั้งยังมีการจดบันทึกเอาไว้อยู่ภายในอีกด้วย จนทำให้ผู้คนเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าสิ่งของเหล่านี้จะปรากฏขึ้นมาได้

 

หลังจากที่ได้เดินเข้าไปต่อนับสิบลี้ด้วยอาการตื่นตกใจมาโดยตลอด ทั้งสองคนในที่สุดก็ได้เข้ามาจนถึงจุดที่มีแท่นมังกรทั้งเก้าตัวห้อมล้อมเอาไว้อยู่บริเวณจุดสูงสุดของตำหนักใต้ดิน ทว่าขนาดอาณาเขตกลับมีไม่ถึงหนึ่งในสิบของตำหนักใต้ดินแห่งนี้ แต่ว่า ในสถานที่แห่งนี้ที่น่าแปลกใจก็คือมิได้มีรังสีความเยียบเย็นโชยพัดเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อตลอดทั้งสี่ด้านต่างก็เกิดการเผาผลาญของลมปราณสีขาวเอาไว้อยู่ ในเวลาเดียวกันก็ได้มีประกายแสงสีทองปกคลุมสาดเป็นประกายอยู่ตลอดทั่วทั้งสี่มุม เห็นได้ชัดว่าเป็นประกายแสงสีทองที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

 

แล้วก็ได้เห็นบันไดหยกที่ตั้งอยู่ภายในใจกลางของตำหนักใต้ดินแห่งนี้ ประดุจดั่งหลุดออกมาจากท่ามกลางแดนเทพก็มิปาน ให้ความรู้สึกที่ประหลาดเป็นอย่างมาก หากว่ามิใช่ว่าทั้งสองคนรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ตนเองยังคิดว่าได้เข้ามายังภายในใจกลางของตำหนักใต้ดินแห่งนี้แล้วละก็ เกรงว่ายังคงคิดว่าขณะนี้ตนเองได้ขึ้นมาอยู่บนชั้นสรวงสวรรค์แล้วก็มิปาน

 

เดิมทีฉากที่อยู่ทางเบื้องบน ถึงกับมีดวงอาทิตย์อยู่ดวงหนึ่ง กำลังสาดทอเป็นประกายแสงสว่างออกมาอย่างช้าๆ และก็ได้สะท้อนกระทบเข้าไปยังบันไดหยกกระจายออกไปตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จนพอที่จะสามารถที่จะพบเห็นดอกไม้ใบหน้าประหลาดชนิดต่างๆ ได้ อีกทั้งยังมีอยู่จำนวนมากที่ได้ว่าเป็นยาปราณที่มีอายุมาหลายหมื่นปี จนทำให้ผู้คนต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา

 

ทว่าเห็นได้ชัดว่าอย่างยิ่ง ยอดฝีมือที่ได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ก่อนหน้านี้มิได้ให้ความสนใจต่อยาปราณเหล่านี้ จึงมิได้ลงมือแต่อย่างไร

 

“ช่างน่าแปลกนัก เดิมทียังคิดว่าเป็นสถานที่แห่งเดิมทีแล้วเป็นสุสานปีศาจ ตอนนี้เมื่อมองเข้าไปเช่นนี้แล้วละก็ ก็ช่างเป็นเหมือนกับสุสานเซียนที่แท้จริงก็มิปาน ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าประหลาดใจออกมา สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาเหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นมาตาหน้าเขาในเวลาเดียวกัน หากมิใช่ว่าได้พบเห็นด้วยตาของตนเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็คงจะไม่อาจที่จะเชื่อได้ลง

 

จงหลี่กำลังขมวดคิ้วอยู่ หลังจากนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยความลังเล : “วัตถุมีการเปลี่ยนแปลงกลับกลายตลอดเวลา สิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องมีปีศาจ สถานที่แห่งนี้อันตรายจนเกินไป หากบอกว่ามิใช่สุสานเซียนแล้วละก็ จะกลายมาเป็นภาพเช่นนี้ได้อย่างงั้นหรือ ? หากว่าเป็นสุสานเซียนแล้วละก็ แม้แต่ข้าเองก็คิดไม่ออกเช่นกันว่าจะเป็นสุสานเซียนที่มีลักษณะเช่นไรกันแน่ หรือไม่ก็ คงจะต้องมีคนปลุกศพขึ้นมาเพื่อถาม ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสุสานเซียนจริงหรือไม่ ? ”

 

“นี้คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกมั่ง ? ” การคาดเดาของจงหลี่เช่นนี้ถือได้ว่าบ้าคลั่งอย่างมาก จนถึงกับทำให้เยี่ยจงต้องส่ายหน้าไปมา

 

“จะเป็นเซียนหรือว่าผีสางเซียน ? ขอแค่ใช่ก็พอแล้ว มีคนคิดที่จะสำเร็จเป็นเซียน กลับต้องมาล้มเหลวอย่างงั้นหรือ ? ” จงหลี่ก็คาดเดาไปมาไม่หยุด จนท้ายที่สุดหลั่งเหงื่อออกมาเต็มศีรษะ แต่ว่าก็ยังคงคาดเดาอันใดไม่ออกอยู่ดี

 

“ช่างเถอะ ไม่ต้องคำนวณอีกแล้ว เข้าไปภายในเถอะ แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะต้องทราบว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่อย่างแน่นอน ” เยี่ยจงประดุจดั่งตบเข้าไปที่เขาหนึ่งฝ่ามือเพื่อเตือนสติ ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงพลังของสือซิ่งได้ อีกทั้งยังมียอดฝีมืออีกส่วนหนึ่งที่ได้เข้าไปยังภายในก่อนหน้านี้แล้ว คนเหล่านี้ในเมื่อได้เข้าไปยังภายในแล้ว ก็ไม่แน่ว่าคงจะต้องพบเจอกับสิ่งใดก็เป็นได้ พวกเราก็อย่าได้เอาแต่ชักช้าอยู่เลย ”

 

“แน่นอนว่า สถานที่แห่งนี้ถึงแม้จะประหลาดอยู่ แต่ว่าแน่นอนว่าย่อมไม่มีอะไรอยู่เลย ดังนั้นจึงอย่าได้ผิดพลาดไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ต่อให้มีบุญวาสนาที่ยิ่งใหญ่ก็ย่อมต้องตายตกลงไปได้ ” จงหลี่ตบไปที่ศีรษะคราหนึ่ง แล้วจึงค่อยได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ยังจะมาคำนวณทำอะไรกันอีก ! เขาก็ได้โบกมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้ทะยานออกไปพร้อมกันกับเยี่ยจง

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset