เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 509 ตำหนักชั้นที่เก้า

ตอนที่ 509 ตำหนักชั้นที่เก้า

ตำหนักเบื้องหน้าเป็นดังสรวงสวรรค์ที่เกิดขึ้นจากหยกก็มิปาน ทั้งหมดนั้นต่างก็จัดได้ว่าถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่ามากมายก่ายกองที่มีทั้งทองหยกรวมเอาไว้อยู่ภายในใจกลาง ไม่ว่าจะมองจะตำแหน่งใดเข้าไปต่างก็ถือได้ว่ามีการหลั่งไหลของพลังเอาไว้อยู่ อีกทั้งยังแวววับอย่างชัดเจน มีสีทองเหลืองอร่าม ราวกับว่าสามารถที่จะทำให้ผู้คนตาบอดได้เลย ทำให้มีผู้คนเข้าผิดคิดว่าอยู่ภายในความฝันก็มิปาน

ต่อให้แม้แต่ใต้เท้าเองก็ยังถูกสร้างมาจากหยก ต่างก็ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นสีขาวผ่องที่ส่องสว่างขึ้นมา ในเวลาที่ได้เหยียบย่างลงบนพื้นดิน ก็ได้มีไออุ่นอยู่ชนิดหนึ่งตลบอบอวลขึ้นมา มิได้ทำให้รู้สึกถึงความเย็นเยียบแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่าในระหว่างชั้นก็ได้มีแผ่นหยกทั้งขนาบอยู่ทั้งสองข้าง มีบางส่วนก็ได้มียาปราณอยู่มากมายนับไม่ถ้วนที่สามารถเด็ดมาได้ ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องอยู่ชนิดหนึ่ง ราวกับว่าได้เข้ามาอยู่ภายในราชวังหลวงแห่งโลกหล้าก็มิปาน

เยี่ยจงและจงหลี่ทั้งสองคนก็ได้สบตามองกันคราหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอาการแตกตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทว่าพวกเขาต่างก็มิได้กล่าวอันใดมากมาย เพียงแต่ยังคงเดินหน้าติดต่อกันเข้าไป มิได้ลงมือฉาบฉวยยาปราณเหล่านี้ออกมา

เพราะว่า ขณะนี้ทั้งสองคนเมื่อมองเห็นอย่างชัดเจน ก็ได้เข้าไปใกล้ยังบริเวณที่เป็นยาปราณ จนสามารถที่พบเห็นพื้นที่มีโลหิตไหลออกมาดั่งน้ำอยู่ กล่าวอย่างง่ายดายก็คือ หากว่ายาปราณเหล่านี้สามารถที่จะนำมาครอบครองได้อย่างง่ายดายได้แล้วละก็ ก็คงจะถูกกลุ่มยอดฝีมือเหล่านั้นเอาไปตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่มองไปยังฉากเบื้องหน้า ก็พอที่จะทราบได้ว่าได้มีคนที่คิดจะไปหยิบฉวยยาปราณจนต้องจ่ายค่าตอบแทนไปเป็นอย่างมากออกไป แต่ว่ายาปราณขณะนี้กลับยังคงอยู่มีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คงจะยังไม่มีคนที่ครอบครองไปได้

ส่วนคนที่ได้เข้ามายังภายในพื้นที่แห่งนี้ช้ากว่าในขณะนี้ในที่สุดก็ได้เปิดเผยตัวออกมา นั้นเห็นได้ว่าย่อมมิใช่หน่อยกล้าตายแต่อย่างไร จึงไม่มาตายอย่างสูญเปล่าอย่างแน่นอน แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่น่าหดหู่ยิ่งนัก ถึงกับมีสิ่งของมากมายจนถึงเพียงนี้ก็ทำได้แต่เพียงกลืนน้ำลายมองเข้าไปเท่านั้น

เหมือนดังแฝงเอาไว้ด้วยอารมณ์ที่สับสนชนิดหนึ่งขึ้น ทั้งสองคนก็ได้ค่อยๆ ที่จะเข้ามายังภายในพื้นที่ที่ถูกปูเอาไว้ด้วยแผ่นหยกอันสวยงามก่อรูปจนเป็นชั้นหยกขั้นที่หนึ่งขึ้นมา วินาทีนั้น ก็ได้มีพลังลมปราณอันเข้มข้นแผ่พุ่งออกมา ภายในนั้นได้เปล่งประกายเต็มไปด้วยวัตถุที่สาดเป็นประกายแสงสีทองขึ้นมาทั้งหมดทั้งสิ้น ทำไมผู้คนราวกับไม่ลืมตาไม่ขึ้น

“สิ่งของเหล่านี้……” เยี่ยจงแทบจะกล่าวอันใดไม่ออก ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ใดกันบ้างที่ไม่มีความสนใจต่อวัตถุสิ่งนี้บ้างกัน ? ควรทราบว่า สิ่งของเหล่านี้ถึงแม้ว่าต่างก็เป็นวัตถุที่ถูกสร้างมาจากหยกทองคำ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดในดินแดนก็ว่าได้ แต่ว่าเมื่อได้มองจากแนวทางของผู้ฝึกยุทธ์ กลับมิได้มีประโยชน์ใช้สอยแต่อย่างไร เป็นได้ก็แต่เพียงเครื่องสวมใส่เพื่อให้น่ามองเท่านั้น

“ของดีต่างก็ถูกผู้คนเอาไปจนหมดแล้ว ” สายตาของจงหลี่ก็ได้มองเข้าไปยังบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง จากนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง

เพราะว่าใจกลางอารามใหญ่นั้นได้ประดุจถูกตั้งเอาไว้อยู่ท่ามกลางอากาศ สิ่งของที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์เหล่านั้นในขณะนี้ก็ได้ถูกเก็บกวาดไปจนสะอาดสะอ้าน จนกลายเป็นเหมือนกับคำตอบให้กระจ่างขึ้นมา

ในเวลาเดียวกัน ภายในตำหนักชั้นที่หนึ่ง ก็จะสามารถที่จะพบเห็นกับพื้นที่ถูกปูไว้ด้วยสีแดงและสีดำทมิฬจากกลิ่นอายโลหิตขึ้นมา บนพื้นนั้นต่างก็เป็นซากศพของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ มีซากศพมากมายที่ได้ถูกฉีกกระชากออก นอกจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว ก็ยังสามารถที่จะพบเห็นกับศพแห่งปีกหายนะที่มีความสูงกว่าปกติถึงหนึ่งจังส่วนหนึ่ง ทว่าศพแห่งปีกหายนะเหล่านี้ก็ได้ถูกจัดการสังหารไปแล้ว ขณะนี้ก็ได้ถูกกองเอาไว้บนพื้นเป็นจำนวนมาก หลั่งโลหิตสีดำออกมา

เห็นได้ชัด การที่จะจัดการกับเหล่าศพแห่งปีกหายนะนี้ได้ นับตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็ได้ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างมหาศาล

“ถือได้ว่าเป็นดั่งสรวงสวรรค์ก็มิปาน ถึงกับมีการป้องกันสิ่งของเช่นนี้อยู่อีกด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไรนัก ! ” จงหลี่เหม่อมองเข้าไปยังฉากเบื้องหน้า กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอุดอู้

“สถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ต่างก็ถือได้ว่าเป็นดั่งสุสานแห่งหนึ่งได้แล้ว ” เยี่ยจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา หลังจากที่ได้สำรวจดูแล้ว ก็ได้มุ่งหน้าเพื่อที่จะเข้าไปสู่บริเวณตำหนักชั้นที่สอง

สภาพแวดล้อมของตำหนักชั้นที่สองก็ยิ่งทำให้ตื่นตาตื่นใจจนน่าตกใจมากขึ้นเท่านั้น ในที่แห่งนี้ วัตถุที่เป็นดั่งทองหยกทั้งหมดต่างก็ถูกเก็บกวาดไปจนหมดสิ้นแล้ว หลงเหลือไว้แต่เพียงโลหิตที่ไหลรินอยู่ตามพื้นเป็นหย่อม ราวกับว่าไม่มีอันใดที่เทียบเท่าได้ นอกเสียจากนี้แล้ว ก็ยังสามารถที่จะพบได้ว่า นอกเสียจากซากศพของยอดฝีมือแล้ว ยังถึงมีศพแห่งปีกหายนะขนาดใหญ่ถึงสองตน บนร่างกายของศพแห่งปีกหายนะทั้งสองตนถือได้ว่าประหลาด กลับมิได้มีศีรษะ แต่ว่าบริเวณหน้าอก กลับเพิ่มเติมขึ้นมาด้วยร่องรอยของบาดแผลจากทั้งห้าธาตุก็มิปาน และขณะนี้ ก็จะมีแต่เพียงโลหิตมากมายจากศพแห่งปีกหายนะขนาดใหญ่สองตนหลั่งไหลออกมา จนทำให้ตลอดทั่วทั้งพื้นดินปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตขึ้นมา

“นี้สมควรที่จะต้องเป็นเผ่าเทพสวรรค์จำแลงในตำนาน คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เผ่าพันธุ์นี้ก็ยังต้องตกอยู่ในสภาพของศพแห่งปีกหายนะได้ ” จงหลี่ขมวดคิ้วไปมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

เยี่ยจงหลังจากที่มองเข้าไปแล้ว ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช้าๆ การที่จะสามารถเป็นเผ่าที่มีคำว่าเทพอยู่นั้นย่อมต้องมีความสัมพันธ์กันที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เป็นเหมือนกับเผ่าพันธุ์ควาฟู่ เผ่าโหวอี่ เผ่ากังเทียนเป็นต้น ต่างก็ถือได้ว่าเป็นการคงอยู่ที่มีความน่าหวาดกลัวอย่างสูงเอาไว้อยู่ ถึงกลับกล่าวขนานนามว่าเป็นเทพในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถึงกับมีชนรุ่นหลังของเผ่าชนิดนี้ปรากฏขึ้นมายังสถานที่แห่งนี้ ไม่อาจที่จะไม่ทำให้คิดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องขึ้นมาได้

“ไปเถอะ ! ”

หลังจากนั้นสักพัก จงหลี่จึงได้ค่อยๆ ส่ายหน้าไปมา เป็นสัญญาณให้เยี่ยจงก้าวเท้าให้เร็วขึ้น เพราะว่า หากมองจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้แล้วละก็ บนเส้นทางทั้งหมดนี้ศพแห่งปีกหายนะและสิ่งป้องกันก่อนหน้านี้ต่างก็คงจะต้องถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจัดการไปแล้ว จึงมิได้มีอันตรายมากมายนัก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังมากจนเกินไป

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ เร่งความเร็วของการก้าวเท้ามากขึ้น ไม่นานนักก็ได้เข้ามาจนถึงท่ามกลางตำหนักชั้นที่สาม

พริบตาที่ได้เข้ามา แล้วก็ได้มีประกายแสงสีเงินสาดเข้ามา เยี่ยจงตัดสินใจที่จะใช้มือขวาฟาดออกไปอย่างไม่ตั้งใจด้วยความตกใจ ราวกับว่าได้มีประกายสายฟ้าสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา จนทำให้เงาร่างได้ทะลวงเข้าไปยังเรื่อยๆ

นี้ถึงกับเป็นยอดฝีมือของเผ่าปีกอยู่ตนหนึ่ง เพียงแต่ว่าขณะนี้มันก็ได้กลายเป็นศพแห่งปีกหายนะไปแล้ว บนใบหน้ามิได้แสดงให้เห็นถึงพลังชีวิตแต่อย่างไร ปีกคู่บริเวณทางด้านหลังก็ได้ขยับไปมาไม่หยุด ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา

“นี้มิใช่ชนชั้นระดับราชันเผ่าปีกที่ได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก่อนหน้านี้หรอกงั้นหรือ ? ” จงหลี่เหม่อมองเข้าไปยังฉากเบื้องหน้า เอ่ยขึ้นมาอย่างตกใจ ขณะนี้ไม่ว่าจะมีการปรากฏขึ้นมาของสิ่งใดเขาก็มิได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา แต่ว่าชนชั้นระดับราชันที่ยังมือชีวิตอยู่เมื่อครู่นี้ในขณะนี้กลับได้กลายเป็นศพแห่งปีกหายนะไปแล้ว ไม่อาจที่จะไม่ทำให้ผู้คนเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมาได้

หลังจากที่เยี่ยจงขมวดคิ้วพยายามที่จะตรวจสอบศพแห่งปีกหายนะที่เป็นเผ่าปีกตนนี้ จึงได้ส่ายหน้าแล้วกล่าว : “ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่าสิ่งของที่จะปรากฏขึ้นมาต่อจากนี้คงจะต้องอยู่นอกเหนือความคาดหมายอย่างแน่นอน ก่อนที่จะยังไม่มีกระจ่างทั้งหมด สิ่งของมากมายทางที่ดีอย่าได้แตะต้อง ”

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ ในครั้งนี้พลังวิชาสายฟ้าฉางโยวก็ได้ถูกเขาใช้ขึ้นมาจนถึงขีดสุด กระบวนท่านี้ก็ได้สลายสภาวะของศพแห่งปีกหายนะเผ่าปีกจนมอดไหม้จนกลายเป็นเพียงขี้เถ้า

หลังจากที่ได้จัดการไปจนหมดสิ้นแล้ว สายตาของเยี่ยจงก็ได้กวาดไปทั่วสี่ด้านอยู่คราหนึ่ง ขณะนี้บนพื้นดินก็ได้เต็มไปด้วยยอดฝีมือจากขุมกำลังทั้งหมดอยู่มากมาย นอกเสียจากระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน ก็มีเพียงแค่ศพของชนชั้นราชันเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังมีอยู่อีกส่วนหนึ่งได้กลายเป็นศพแห่งปีกหายนะไปแล้ว แต่ว่ากลับถูกคนสังหารไปอีกครั้ง

นอกเสียจากสิ่งเหล่านี้แล้ว นอกเหนือจากอารามชั้นที่สามนี้แล้วก็มิได้มีสิ่งของใดๆ อีก เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง เมื่อได้เข้าไปยังภายในอารามชั้นที่สามแล้ว เรื่องราวก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา จนทำให้ยอดฝีมือส่วนหนึ่งได้กลายเป็นศพแห่งปีกหายนะไป

ทว่า การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็เห็นชัดว่ามิส่งผลกระทบต่อขุมกำลังใหญ่ทางด้านนอกได้อย่างแน่นอน ชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เมื่อได้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็มิได้พบเห็นผู้คนตายตกอีกแต่อย่างไร เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกได้ถึงพลังฝีมือที่เกินกว่าจะคาดคิดได้ของพวกเขา

เยี่ยจงและจงหลี่ทั้งสองเมื่อได้ลองวิเคราะห์ดูแล้ว ก็ยังไม่อาจที่จะหาพบว่าที่แท้แล้วเพราะเหตุใดถึงได้ทำให้ยอดฝีมือเหล่านี้กลายเป็นศพแห่งปีกหายนะไปได้ หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ทำได้แต่เพียงส่ายหน้า จากนั้นก็ได้เข้าไปยังส่วนลึกของอารามใหญ่ชั้นที่สี่ต่อไป

ท่ามกลางอารามชั้นที่สี่นั้น ก็ได้มีซากศพของยอดฝีมือแต่ละฝ่ายอยู่เป็นจำนวนมากยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดต่างก็ได้กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นอย่างระเกะระกะ และในบริเวณใจกลางของตำหนักใหญ่ชั้นนี้ ก็ได้มีซากศพของอสรพิษมังกรตัวหนึ่ง อสรพิษมังกรตัวนี้ก็ถือได้ว่าได้กลายเป็นศพแห่งปีกหายนะไปแล้ว ตลอดทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยปีกขน ในเวลาเดียวกันบนศีรษะก็ได้มีเขางอกขึ้นมา เห็นได้ชัดได้ว่ามีพลังที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

แต่ว่า การคงอยู่ของความน่ากลัวเช่นนี้ ก็ยังต้องถูกคนเข่นฆ่าได้ ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างมากมายของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นได้แล้ว

“นอกเสียจากมนุษย์เผ่าเทพแล้ว แม้แต่กับอสรพิษมังกรเองก็ยังกลายเป็นศพแห่งปีกหายนะอีก ช่างไม่ทราบจริงๆ เลยว่าแท้จริงแล้วนั้นมีสิ่งของใดปรากฏขึ้นมากันแน่ ที่แท้แล้วได้รวมเอาไว้ด้วยศพเซียนหรือว่าผีสางเซียนกัน ? ” จงหลี่ใบหน้าดำคล้ำขึ้นมา ทอสีหน้าหดหู่

“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระมากมายแล้ว หากว่ามันเป็นอย่างที่เจ้าปากหอยปากปูกล่าวเป็นจริงขึ้นมาก็คงจะต้องยุ่งยากขึ้นมาแล้ว ” เยี่ยจงทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอีกหลายส่วน ภายในใจกลางตำหนักใต้ดินนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปจนหมดสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะมองเช่นไร ต่างก็ไม่พ้นจากคำว่าพื้นที่สุสานเซียนทั้งสี่คำนี้แม้แต่ครึ่งคำเลย

ทั้งสองต่างก็มีใบหน้าที่ดำคล้ำ ในเวลาเดียวกันก็ได้เข้ามายังภายในตำหนักชั้นที่ห้า ภายในท่ามกลางของตำหนักชั้นนี้ บนพื้นดินก็ได้มีซากศพของยอดฝีมือเรียงรายอย่างถี่ยิบ ราวกับว่าได้ทำให้คนเกิดความสงสัยขึ้นมา จะมีความเป็นไปได้หรือไม่กันที่ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็ได้ตายตกลงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ไปเป็นจำนวนมากแล้ว

ในเวลาเดียวกัน จงหลี่ตาถลนออกมา ยังคงจดจำชนชั้นราชันได้อีกหลายคนขึ้นมาได้ จนทำให้เขาแทบจะกัดถูกลิ้นตัวเอง

“แม้แต่ระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สองก็ยังต้องมาตายตกอยู่ในสถานที่เช่นนี้ พวกเขาที่แท้ได้พบเจอกับอันใดกันแน่ ? ” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นเดียวกัน ตลอดทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะคาดเดาออกมาได้ ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ตูม——”

ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากภายในตำหนักอย่างน่าหวาดกลัวขึ้นมา เห็นได้ชัด ท่ามกลางตำหนักชั้นนี้ทางด้านหลัง ได้เปิดศึกใหญ่ขึ้นมากันแล้ว

เยี่ยจงและจงหลี่สบตามองกันคราหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็ได้ปล่อยวางความคิดที่จะวิเคราะห์ในสถานที่นี้ว่าเกิดอันใดขึ้น ทั้งสองคนมิได้หยุดลง เพียงแต่เข้าไปยังบริเวณทางด้านของชั้นที่หกเข้าไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็ชั้นที่เจ็ด ชั้นที่แปด……

ท่ามกลางของทั้งสามชั้นนี้ที่แท้เกิดอันใดขึ้นกันแน่ เยี่ยจงและจงหลี่เรียกได้ว่าไม่มีกระจิตกระใจที่จะตรวจสอบแต่อย่างไร พวกเขาเพียงแต่ควบคุมแล้วใช้ออกมาด้วยความเร็วที่สูงเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดก็ได้เข้ามาจนถึงทางด้านหน้าของอารามชั้นที่เก้า

บริเวณตำแหน่งใจกลางของอารามชั้นที่เก้า ประจวบพอดีกับเป็นจุดที่ตั้งเอาไว้ด้วยรูปปั้นมังกรทางเก้าเอาไว้อยู่พอดี ตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้มีบันไดหยกเพื่อที่จะพาเข้าไปยังอารามชั้นที่เก้า อีกทั้งอารามแห่งนี้ประดุจดั่งปรากฏขึ้นมาอย่างท่ามกลางอยู่ก็มิปาน ดูไปแล้วช่างน่าพิศวงเป็นอย่างยิ่ง

“ศึกใหญ่ยังไม่ทันจะสิ้นสุด หรือจะกล่าวได้ว่า พวกเขาก็พึ่งจะเข้าสู่อารามชั้นที่เก้าได้แล้วเท่านั้น พวกเรายังคงมีโอกาสอยู่ ! ” จงหลี่เอ่ยปากขึ้นมาอย่างลังเล ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมาอย่างยิ่ง

“ความลับสำเร็จสู่การเป็นเซียน และเซียนก็มีความเกี่ยวพันกันกับเทวะ สมบัติเซียนเป็นต้น ไม่แน่ว่าต่างก็มีการคงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ” เยี่ยจงเมื่อได้จนถึงขั้นนี้ก็ได้เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาอยู่หลายส่วน ถึงแม้ว่าเขาขณะนี้ก็ไม่อาจที่จะยืนยันพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียนได้หรือไม่ แต่ว่าที่สามารถยืนยันได้ก็คือ สถานที่แห่งนี้จัดได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากว่าไขว่คว้าโอกาสได้แล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องทำได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก

“บรรยากาศของพลังเทวะ ! ”

เมื่อเยี่ยจงและจงหลี่ทั้งสองได้เข้ามาจนถึงอารามชั้นที่เก้าในพริบตา ความน่าหวาดกลัวจากแรงกดดันชนิดหนึ่งก็ได้แผ่ขยายออกมา จงหลี่เป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากกล่าวออกมา

เห็นได้ชัด สถานที่แห่งนี้มีคนเข้ามาเปิดศึกใหญ่ขึ้นมาก่อน อีกทั้งยังถึงกับใช้ออกมาด้วยระดับพลังเทวะอีกด้วย

ควรทราบว่า พลังเทวะกล่าวกันโดยส่วนมากแล้ว ถือได้ว่าเป็นถึงไพ่ตายของแต่ละขุมกำลัง หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นไพ่ตายของยอดฝีมือระดับราชันก็ว่าได้ หากมิใช่อยู่ในสถานการณ์คับขัน ก็คงจะไม่มีใครที่คิดจะใช้ออกมา แต่ว่าพลังเทวะขณะนี้ก็ได้เดือดพล่านขึ้นมา เห็นได้ชัด มีผู้คนไม่น้อยเลยที่ได้ต่อสู้ลงมือกัน เพียงแต่ว่าภายในสภาวะที่ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะ ย่อมต้องทำให้เกิดการต่อสู้ที่น่าหวาดหวั่นขึ้นอย่างแน่นอน สามารถที่จะคาดคิดได้ถึงระดับความร้ายกาจของอีกฝ่ายได้

เยี่ยจงและจงหลี่สบตามองกัน ทั้งสองคนต่างก็มิได้เข้าไปยังภายในห้องโถงใหญ่นับแต่ตั้งแต่แรก เพียงแต่ยืนอยู่ในบริเวณประตู จ้องมองเข้าไป

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset