เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 510 แท่นทองอักษรเซียน

ตอนที่ 510 แท่นทองอักษรเซียน

 

“ตูม——”

 

แล้วก็ได้มีพลังเทพเซียนพวยพุ่งขึ้นมาปกคลุมไปทั่วตลอดทั้งฟ้าดิน ตลอดทั่วทั้งตำหนักใต้ดินในขณะนี้เองต่างก็ได้เกิดการสั่นไหวไปมาอย่างช้าๆ แต่ว่าภายในตำหนักใต้ดินชั้นที่เก้านั้นกลับมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง กลับมิได้มีร่องรอยความเสียหายแต่อย่างไร อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่า ตลอดทั่วทั้งตำหนักใต้ดินหลังนี้จะต้องปิดกั้นสภาวะบางอย่างที่ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุดเอาไว้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็ถือได้ว่าเป็นเหมือนกับสถานที่ที่ไร้ซึ่งการดับสูญ

 

สายตาของเยี่ยจงหลังจากที่ได้ทอดตามองเข้าไปยังอารามส่วนที่เป็นชั้นที่เก้าแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ได้เกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมา ทอดสายตามองเข้าไปยังบริเวณที่เป็นช่องว่างอยู่ภายในอาราม

 

ขณะนี้ จากตำแหน่งที่เยี่ยจงอยู่นั้นก็พอที่จะสามารถที่จะพบเห็นได้ ว่ามีโลงศพหยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาอยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นแล้วก็ปล่อยบรรยากาศอันเย็นเยียบขึ้นมาเป็นสาย

 

ท่ามกลางตำหนักก่อนหน้านี้ทั้งแปดชั้น เยี่ยจงก็ยังไม่อาจที่จะพบเห็นโลงหยกหลังหนึ่งปรากฏขึ้นมาเช่นนี้มาก่อน แต่ว่าในขณะนี้เอง ในตำหนักอารามชั้นที่เก้าก่อนหน้านี้ เขาถึงกับพบเห็นโลงหยกลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ

 

“นี้ที่แท้เป็น……โลงศพสวรรค์อย่างงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง

 

“เป็นไร ? เกิดอะไรขึ้นกัน ? เจ้าที่แท้มองเห็นสิ่งใดกัน ? ” จงหลี่ก็ได้เงยหน้ามองขึ้นมาในทันที ทว่าเขากลับมิได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่อย่างไร

 

“เจ้ามองไม่เห็นโลงศพหยกนั้นหรืออย่างไรกัน ? ” เยี่ยจงชี้ขึ้นไปยังบนท้องฟ้า

 

“โลงศพหยกอันใดกัน ? ด้านบนนั้นไม่มีอะไรเลยนะ ” จงหลี่เงยหน้าขึ้น ทอสีหน้าประหลาด

 

เยี่ยจงตกใจขึ้นมา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอาการแตกตื่นขึ้นมา ในขณะที่ยังไม่ทันจะได้คิดอันใดได้ทัน โลงศพหลังนั้นก็ได้เลือนรางหายไปอย่างกะทันหัน ราวกับว่าไม่เคยมีการคงอยู่มาก่อนก็มิปาน

 

“เจ้าดูไม่ผิดไปหรอก เมื่อครู่นั้นมีการคงอยู่ของโลงศพหยกอยู่อย่างแน่นอน แต่ว่าภายในพริบตานั้นเองก็ได้หายไป ” เสียงของเสี่ยวหลุนก็ได้ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันท่ามกลางในห้วงสมองของเยี่ยจง ราวกับว่ากำลังแฝงไว้ด้วยความกังวลบางอย่างอยู่เป็นสาย เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลานี้เองเพียงแค่แวบเดียว แม้แต่มันเองก็ยังไม่อาจที่จะทำความเข้าใจว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

 

“สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าแปลกประหลาดอย่างมาก หากว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้องแล้วละก็ ก็จงใช้ออกมาด้วยยันต์ปราณเพื่อที่จะออกไปเป็นอันดับแรก อย่าได้มีความละโมบอยู่ภายในใจ หากว่าถูกกักขังอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ต่อให้เป็นข้าเองก็ยังไม่อาจที่จะมีวิธีทำอันใดได้ พื้นที่แห่งนี้เดิมทีแล้วก็มิใช่ระดับขอบเขตเช่นเจ้าจะเข้ามาได้อยู่แล้ว ” หลังจากที่เกิดความลังเลขึ้นมา เสี่ยวหลุนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าน้ำเสียงของมันในครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นลึกล้ำขึ้นมาอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับพบอะไรบางอย่างเอาไว้ขึ้น

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ทราบว่าเสี่ยวหลุนถึงกับกล่าวออกมาได้อย่างชัดเจนขึ้นมาในช่วงเวลานี้แล้วละก็ ตนเองก็ยังคงไม่ต้องถามอีกยังคงดีเสียกว่า ต่อมาเขาก็ไม่กล่าวอันใดออกมามากมายอีก เพียงแต่ทอดสายตาจ้องมองเข้าไปยังภายในอาราม

 

“ตูม——”

 

ท่ามกลางอารามใหญ่ ทันใดนั้นก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา จากนั้นพริบตานั้นเองก็ได้สงบลง บรรยากาศแห่งพลังเทวะในขณะนี้ก็ได้อ่อนโทรมลง ท้ายที่สุดก็ได้ค่อยๆ ที่จะสงบลงไปได้ในที่สุด

 

“จบแล้วงั้นหรือ ? ลงมือเร็วได้ ลงมือช้าอด พวกเราเข้าไปกัน ! ” จงหลี่ขณะนี้เองก็ยังไม่ทราบว่าเยี่ยจงนั้นที่แท้ค้นพบอันใด เพียงแต่โบกมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้ทะยานร่างเข้าไป

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ ไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมาย ร่างกายก็ได้ทะยานเข้าไปเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็ว

 

ตำหนักหลังนี้มีขนาดใหญ่อย่างไร้ที่เปรียบ เมื่อได้เข้ามาผ่านใจกลางของประตูตึก ก็เป็นเส้นทางสายยาวที่เดินลึกเข้าไป ระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ได้เข้าไปยังภายในอย่างรวดเร็ว ตลอดเส้นทางมานี้ก็จะสามารถที่จะได้รับบรรยากาศเทวะขึ้นมา หลังจากผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด ทั้งสองคนในที่สุดก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณส่วนที่เป็นเหมือนใจกลางของอารามใหญ่ ขณะนี้ก็จะสามารถพบว่า มียอดฝีมือมากมายกำลังเข้าต่อสู้กับศึกใหญ่อยู่ ประดุจดั่งหมายมั่นจะสังหารอีกฝ่าย

 

บริเวณโดยรอบท่ามกลางอาราม ก็ได้มีแท่นสีทองปรากฏขึ้นมาบริเวณท้องฟ้า รูปร่างของมันนั้นมีลักษณะเป็นสีทองหยก แล้วก็ได้มีประกายแสงสายรุ้งหลั่งไหลเข้าไปยังแท่นสีทองสายรุ้งเข้าไป เห็นได้ชัดว่าให้ความรู้สึกที่ลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง

 

และที่ทำให้ผู้คนเกิดความสนใจได้ก็คือ ทางด้านบนของแท่นขนาดใหญ่แห่งนี้ ขณะนี้ก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาของแผ่นสลักหยกอยู่ม้วนหนึ่ง แผ่นสลักหยกนั้นก็ได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศอย่างไม่หยุดนิ่ง แฝงเอาไว้ด้วยตัวอักษรแต่ละตัวที่ทอเป็นประกายสีทองขึ้นมา จนทำให้ผู้คนเกิดแรงกระตุ้นไม่คลาย

 

ในขณะนี้เอง ราวกับว่ามีคนคิดที่จะทะลวงออกไป เพื่อที่จะเข้าไปช่วงชิงแผ่นสลักหยกนั้น นั้นก็เพราะว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นถึงความลับของการเป็นเซียนได้อยู่

 

บุตรเทพชิงหวิน หลานชายบุตรราชากระเรียน สือซิ่ง องค์ชายเผ่าปีก สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือ บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับ ซือคงชิงฉีเป็นตนต่างก็มิได้เกิดความเสียหายแต่อย่างไร พวกเขาต่างก็ได้ยืนกอดอกอยู่อีกทางด้านหนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้นมาน้อยๆ มองเข้าไปยังบริเวณใจกลางสถานที่แห่งนี้ เพื่อที่จะทำการตระเตรียมในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะได้เป็นการตระเตรียมลงมือ

 

นอกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ก็ยังมีคนของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับ พรรคหยินหยาง บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่บ้านสวรรค์ลี้ลับเป็นต้น ขณะนี้ต่างก็ได้ปรากฏตัวกันขึ้นมาแล้ว อีกทั้งทุกๆ คนยังมิได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างไร จ้องมองเข้าไปยังแท่นที่อยู่ท่ามกลางอากาศอย่างเฉยเมย

 

นอกเสียจากเหล่าผู้คนที่พอที่จะจดจำขึ้นมาได้ในขณะนี้ ก็ยังมีการปรากฏของเงาร่างของผู้คนที่ซ่อนเร้นกันอยู่ต่างก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมา แต่ว่าเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะต้องเป็นชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่อาจที่จะสามารถมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ในเวลาเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังเก็บตัวเอาไว้เป็นอย่างดี

 

เยี่ยจงและจงหลี่ทั้งสองคนต่างก็ถือได้ว่ามาจนถึงได้อย่างพอดิบพอดี ได้ทำให้ยอดฝีมือมากมายท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ละสายตามาจับต้องบนร่างของพวกเขาทั้งสองคน ในช่วงเวลาที่พบว่าเด็กน้อยทั้งสองคนนี้อยู่แค่เพียงระดับสูงสุดของครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและระดับราชันเท่านั้น คนเหล่านั้นต่างก็ละสายตาหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่หันกลับมามองยังทางด้านของพวกเขาอีก

 

เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา กลับมิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแต่หันกลับมาจ้องมองท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ต่อไป หลังจากนั้น เขาจึงได้ค่อยๆ ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นปกติอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีบุคคลอย่างเช่นนางเซียนชิงหญิงที่ถือได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดอยู่ อีกทั้งยังเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังฝีมือหรือว่าด้านสถานะต่างก็ถือได้ว่าลี้ลับอย่างถึงที่สุด ย่อมไม่อาจที่จะต้องตายตกอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว

 

“ทางด้านนั้น ! ”

 

เห็นได้ชัดว่าจงหลี่ก็ได้ตรวจพบอะไรบางอย่าง เขาก็ได้ขบริมฝีปากไปมา ทำเป็นเครื่องหมายให้เยี่ยจงมองเขาไปยังทางด้านนั้น

 

ในบริเวณทางด้านนั้น ก็ได้มีเจดีย์กระดูกอยู่หลังหนึ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแรงกดดันอันมหาศาลชนิดหนึ่งออกมาอยู่ ด้วยพลังแรงกดดันเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าต้องมาจากแรงกดดันของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอย่างไม่ต้องสงสัย

 

และขณะนี้ในบริเวณทางด้านล่างของเจดีย์กระดูก ชิงหญิงก็ได้ทอสีหน้าเฉยเมยยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ บนร่างกายของนางก็ได้เปล่งเป็นประกายของมาอย่างสว่างไสว จนทำให้นางสามารถที่จะต่อกรกับเจดีย์กระดูกนั้นได้ แต่ว่าก็ทำได้แต่เพียงแค่ต่อต้านเท่านั้น นางในเวลานี้ก็ยังไม่อาจที่จะปลดผนึกจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้

 

เจดีย์กระดูกราวกับว่าถูกใช้กระดูกของมนุษย์ในการหลอมสร้างขึ้นมา ในบริเวณปลายยอดของเจดีย์กระดูก ก็ได้มีหัวโครงกระดูกมนุษย์วางไว้อยู่ลูกหนึ่ง ขณะนี้ภายในดวงตาทั้งสองข้างก็ได้สาดเป็นประกายแวววับขึ้นมาประดุจเปลวเพลิง เห็นได้ชัด มันนั้นถือได้ว่าเป็นผู้ปกปักสวรรค์ชั้นที่เก้านี่เอง

 

นั้นก็เพราะว่าฉากเบื้องหน้านี้ก็คือ ในขณะนี้เอง บรรยากาศท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและน่าประหลาดอยู่หลายส่วน

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา เมื่อได้ฟังจากความเคลื่อนไหวจากเมื่อครู่แล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่คิดที่ร่วมมือกันเพื่อที่จะต่อกรกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุนั้นพร้อมกัน เพื่อที่จะใช้ออกมาด้วยพลังเทวะเข้าต่อกร แต่ว่าตลอดทุกสิ่งขณะนี้ก็ได้น่าสงสัยขึ้นมา ภายในสภาวะตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีแค่เพียงชิงหญิงเพียงคนเดียวที่ลงมือเพื่อเข้าต่อกรกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเพียงคนเดียว ในข้อนี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาขึ้นมาก็ว่าได้

 

เห็นได้ชัด บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาจนถึงขั้นนี้ได้ เรียกได้ว่าไม่อาจที่จะสามารถร่วมมือกันแล้วก็ว่าได้ อีกทั้งแต่ละคนต่างก็มีความคิดเป็นของตนเอง ต่างก็มีวิธีการในแบบของตนเอง

 

บริเวณใจกลางห้องโถงใหญ่ก็ได้ปรากฏแท่นสีท้องขึ้นมา ประกายแสงสีรุ้งก็ได้สาดทอดลงมาไม่หยุดหย่อน ดึงดูดดวงตาของผู้คนเอาไว้ แท่นประกายแสงสีทองนั้นก็ประดุจดั่งได้เข้ามาใกล้เรื่อย จะทำให้ทุกผู้คนต่างก็พอที่จะสามารถลงมือได้ แต่ว่าต่อให้ทุกผู้คนสามารถที่จะลงมือได้ กระนั้นในขณะนี้เองก็ใช่ว่าจะมีคนที่ยินยอมพร้อมใจที่จะลงมือออกมา เพราะว่า หากว่ายอมลงมือออกมาแล้วละก็ หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ก็อาจจะต้องตกอยู่ภายใต้การโจมตีหมู่ก็เป็นได้

 

ขณะนี้ก็ได้มีผู้คนมากมายท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ต่างก็ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับชนชั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่ากลับไม่มีคนใดที่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็นผู้ที่มีพลังอยู่เหนือที่สุดในหมู่บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์นี้ จึงได้แต่เพียงสงบเสงี่ยมเอาไว้

 

“แผ่นสลักหยกทางด้านบนแท่นสีทอง คงจะไม่ใช่ตำนานเล่าขานที่เก็บซ่อนความลับของการเป็นเซียนอยู่หรอกนะ ? หรือจะกล่าวได้ว่า หรือว่านั้นก็คือจารึกแห่งเซียนกัน ? ” เยี่ยจงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถามออกไปยังจงหลี่ที่อยู่ทางด้านข้าง

 

จงหลี่ก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้งหลายครา หลังจากที่ได้กระดิกนิ้วคำนวณ จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา : “กล่าวได้ยากยิ่งนัก แผ่นสลักหยกนั้นข้าก็คาดเดาไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดเหมือนกัน พวกเราอย่าได้ไปสนใจว่ามันที่แท้เป็นสิ่งใดเลย คิดซะว่าของสิ่งนั้นย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ”

 

“ทว่า เจดีย์ขนาดใหญ่นี้ถือได้ว่าเป็นใจกลางของชั้นที่เก้านี้ก็ว่าได้ คงจะมิได้มีแต่เพียงสิ่งของเช่นนี้อยู่หรอกกระมั่ง ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาอย่างยิ่ง

 

“เอ๊ะ นั้นมิใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นหนึ่งอย่างงั้นหรอกหรือ ? ที่ในโลกนี้มีเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเอง หากว่าเจ้ามีความสนใจที่จะเข้าไปแย่งชิง ข้าคิดว่าย่อมไม่มีผู้ใดคิดที่จะขัดขวางเจ้าอย่างแน่นอน ” จงหลี่มองแล้วมองอีกไปทางด้านของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ แล้วก็ได้กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะดังขึ้นมา

 

เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา มิได้กล่าวอันใดออกมา แม้แต่สภาวะอันลึกซึ้งของนางเซียนชิงหญิงก็ยังถูกกดดันเอาไว้อยู่ในที่แห่งนั้นได้ ต่อให้เยี่ยจงรู้อยู่แก่ใจ ก็คงจะไม่กระทำเรื่องที่เหมือนนำตัวเองก้าวเข้าสู่เส้นทางมรณะอย่างแน่นอน

 

“เกี่ยวคัมภีร์แห่งเซียนนั้น ” จงหลี่จับจ้องมองเข้าไปยังแท่นสีทองนั้น มิได้กล่าวอันใด เห็นได้ชัด ในเวลาเฉกเช่นนี้การที่จะคิดเข้าไปเพื่อที่จะแย่งชิงคัมภีร์แห่งเซียนย่อมไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าสามารถที่จะต่อกรกับผู้คนทั้งหมดนี้ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็คงจะไม่อาจที่จะจดจำขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นตนเองก็คงจะไม่อาจที่จะครอบครองวัตถุชิ้นนี้ไปได้อย่างแน่นอน

 

“เจ้าพวกกลุ่มสวะทั้งหลาย เป็นถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าต่างหากว่าไม่คิดที่จะครอบครองวัตถุสิ่งนี้แล้วละก็ องค์ชายอย่างข้าจะไปเอามาเอง ! ”

 

ทันใดนั้นเอง องค์ชายหกรัฐสือสือซิ่งก็ได้หัวเราะขึ้นมาเสียงเย็นเยียบ ก้าวยาวๆ ออกไป เขาจ้องมองเข้าไปยังท่ามกลางสถานที่แห่งนี้รอบหนึ่งอย่างเฉยเมย เตรียมพร้อมที่จะทะยานออกไป

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ในขณะนี้กระนั้นก็มิมีคนใดที่หวาดเกรงเขาแม้แต่น้อย และเขาก็ได้เดินออกไปในเวลาเดียวกัน บรรยากาศท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้ถูกบีบรัดขึ้นมาภายในพริบตา ยอดฝีมือธรรมดาเหล่านั้นต่างก็ได้ถอยหลังไปในพริบตา ไปไกลได้เท่าไรก็ไกลเท่านั้น เพราะว่าทุกคนต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดี นี้คือการปะทะระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ คนอื่นๆ ลงมือ ก็เหมือนกับหาที่ตาย

 

“สือซิ่ง เจ้าไม่ไหวเลย——”

 

แล้วก็ได้มีเสียงที่เฉยเมยดังออกมา คนที่เอ่ยปากขึ้นมานั้นได้แผ่ประกายพลังแสงสีเขียวปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายอย่างบุตรเทพชิงหวินนั้นเอง เขาก็เฉยเมยเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่กล่าวออกมาประดุจดั่งเรื่องจริงก็มิปาน

 

“ชิ——”

 

“คุกสมบัติราชวงศ์ ! ”

 

น้ำเสียงอันเรียบเฉยอย่างไร้ที่เปรียบก็ได้ดังขึ้นมาในขณะนี้ ในขณะนี้ ตลอดทั่วทั้งศีรษะของสือซิ่งก็ได้พลิ้วไหวเต็มไปด้วยเส้นผมสีดำ ระหว่างนั้นก็ได้มีประกายแสงสีทองปรากฏขึ้นมาจากสมบัติเซียนที่ข้างกายของเขา จนก่อเกิดกลายเป็นสภาวะการโจมตีอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา มุ่งหน้าพวยพุ่งออกไปตลอดทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

นี้ถือได้ว่าเป็นการโจมตีที่ไร้ที่ติ ใช้เวลาเดียวกันกับที่ได้ออกกระบวนท่าออกไป สือซิ่งก็ได้ใช้ออกมาด้วยท่าร่างหลบเลี่ยงห้าธาตุ ตลอดทั้งคนก็ได้พวยพุ่งออกไปในทันที มุ่งหน้าพุ่งเข้าไปยังทางด้านที่แท่นสีทองอยู่

 

“เจ้ากล้า ! ”

 

ภายในท่ามกลางสถานที่แห่งนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ได้ลงมือออกไปในเวลาเดียวกัน นี้เป็นเหมือนกับการท้าทายพวกเขา ในขณะนี้เอง สมบัติปราณแต่ละชนิดก็ได้พวยพุ่งกันออกมา มุ่งหน้าเข้าหมุนวนออกไปยังบริเวณทางด้านหน้า พริบตานั้นเอง กลับไม่มีคนใดที่ลงมือยั้งไมตรีเลยแม้แต่คนเดียว

 

“ตอนนี้พวกเจ้ากลับกล้าที่จะลงมือแล้วสินะ ! ” สือซิ่งส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นเยียบออกมา ต่อให้เป็นคนที่มีความแข็งแกร่งเช่นเขา ในขณะนี้เองก็ยังไม่อาจที่จะไม่ถอยออกไปได้ ร่างกายก็ได้ทะลวงเข้าไปยังใจกลางกลุ่มผู้คนเข้าไป นั้นก็เพราะว่าเขาย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าตนเองย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของคนทั้งหมดได้

 

ตลอดทั่วทั้งตำหนักชั้นที่เก้าในขณะนี้เองก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างไร้ที่เปรียบ สภาพที่เงียบสงบเมื่อครู่นี้ก็ได้กลายเป็นความสับสนขึ้นมาในทันที บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต่างก็จำเป็นที่จะต้องลงมือ ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้ก่อรังสีสังหารขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

ในช่วงที่กำลังคับขันเช่นนี้ ย่อมไม่มีผู้คนคิดที่จะยั้งมือเอาไว้อยู่แล้ว เพียงลงมือออกไปด้วยพลังทั้งหมดอย่างเร่งร้อน ในเวลาเดียวกันก็ได้เริ่มที่จะเข้าไปใกล้ยังบริเวณทางด้านของแท่นสีทองในเวลาเดียวกัน

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset