เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 511 สภาพการณ์ที่ไม่คาดฝัน

ตอนที่ 511 สภาพการณ์ที่ไม่คาดฝัน

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ในขณะนี้ก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นความวุ่นวายขึ้นมา สภาวะที่สงบเมื่อครู่นี้ก็ได้ถูกสือซิ่งกระตุ้นขึ้นมาจนเกิดการต่อสู้ที่แตกแยกขึ้นมา ในช่วงเวลานี้เอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้มีเป้าหมายเดียวกัน นั้นก็คือมุ่งหน้าเข้าไปยังแท่นบูชาสีทอง เพื่อที่จะช่วงชิงคัมภีร์สีทองที่อยู่ภายใน แผ่นสลักหยก

 

 

ราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจถือได้ว่าเด็กขาดที่สุด มันพลิกทั้งสองมือฟาดออกไป บริเวณทางด้านหลังก็ได้ปรากฏประกายแสงของปีกที่สวยงามขึ้นมา ประดุจดั่งคล้ายกับมีขึ้นมาอยู่หลายชั้นก็มิปาน วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นว่าบริเวณทางด้านหน้านั้นมีแสงเป็นประกายสาดส่องขึ้นมา เหมือนดั่งว่าจะฆ่าสังหารออกไปเป็นทาง

 

องค์ชายเผ่าปีกกลับเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง เขาเพียงแค่ยื่นนิ้วมือกางออกไปบริเวณทางด้านหน้าเล็กน้อย วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นหอกที่เต็มไปด้วยขนสีขาวประดุจหิมะปรากฏขึ้นมาอยู่เล่มหนึ่ง จากนั้นก็ทอเป็นประกายแสงปะทะฆ่าสังหารออกไป

 

การลงมือของทั้งสองคนนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาพลังเทวะประจำตัวของตนเองออกมา หากว่าต้องต่อสู้ออกไปเป็นเส้นทางโลหิตสายหนึ่ง เหมือนดั่งไม่ต้องการที่เปิดโอกาสให้คนผู้อื่นเลยก็ว่าได้

 

เด็กน้อยที่อยู่ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองคนนี้ในขณะนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะทั้งคู่ ส่วนคนอื่นๆ นั้นก็มิได้เอาแต่ชักช้า วินาทีนั้น ก็ได้มีพลังเทวะแต่ละสายพวยพุ่งออกมา มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

ยังดีที่ตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้านั้นมีการป้องกันชนิดพิเศษเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยการต่อสู้ระดับนี้ เกรงว่าคงจะถูกทำลายจนกลายเป็นเพียงฝุ่นผงไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะเพื่อที่จะเข้าปะทะ ยังไม่ทันที่จะรู้สึกได้ถึงสิ่งใด แต่ว่ายอดฝีมือคนอื่นๆ ที่เดิมทีแล้วได้ถอยออกไปอย่างบ้าคลั่งขณะนี้สีหน้าของแต่ละคนก็ได้ขาวซีดขึ้นมาอยู่อีกทางด้านหนึ่ง มุมปากก็ได้ปรากฏโลหิตไหลออกมาเป็นสาย

 

ควรทราบว่า ชนชั้นระดับราชันปกติธรรมดาก็แทบจะไม่มีคุณสมบัติที่จะรับพลังเทวะได้ รวมไปจนถึงที่หลบซ่อนอยู่ท่ามกลางตำหนักเทพ อย่างมากก็มีแค่มนต์ตราเทพ แต่ส่วนมากแล้วก็มีแค่เพียงทักษะเซียน ชนชั้นราชันเหล่านี้เมื่อต้องเข้าปะทะกับบุคคลระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีการคงอยู่ของการใช้ออกมาด้วยพลังระดับเทวะขึ้นมา อีกทั้งยังมีแต่เพียงต้องถอยหนีเท่านั้น

 

เยี่ยจงและจงหลี่ทั้งสองที่อยู่ห่างออกไปที่สุด แต่ว่าในขณะนี้เองต่างก็อดไม่ได้ที่จะเกิดร่างกายสั่นเทาขึ้นมาได้ จนเกือบที่จะกระอักโลหิตออกมา

 

เยี่ยจงยังดีหน่อย เขานั้นมีพลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็กอยู่ พลังกายเนื้อที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายย่อมต้องอยู่นอกเหนือความคาดหมายของคนทั่วไปก็ว่าได้ อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดพอที่จะทราบได้ว่ากายเนื้อของเขานั้นแท้จริงแล้วแข็งแกร่งถึงระดับใด ดังนั้นพลังเทวะที่ใช้ออกมาเหล่านี้ขณะนี้ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อเขาแต่อย่างไร

 

ส่วนจงหลี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะไหวแล้ว ขณะนี้สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน ท้ายที่สุดไม่อาจที่จะไม่ใช้ออกมาด้วยจานแปดแฉกขนาดเล็กชิ้นหนึ่งมาวางทาบเอาไว้บนศีรษะ จากนั้นก็ได้ทอเป็นประกายแสงปกคลุมอยู่ตามร่างกาย

 

“บรึม——”

 

เมื่อพลังเทวะได้เข้าปะทะกันท่ามกลางสนาม ประดุจดั่งมังกรแท้จริงลอยล่องอย่างกลางอากาศ หงสาแท้จริงแหวกสวรรค์ก็มิปาน จนเกิดสีสันมากมายขึ้นมาจากความน่ากลัวของพลังลมปราณ จนเกือบจะถึงขั้นน่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด สิ่งของเครื่องประดับที่งดงามอย่างกระจ่างเหล่านั้นในขณะนี้ต่างก็ได้แหลกลาญแตกกระจายจนกลายเป็นฝุ่นผง จนในท้ายที่สุด ตลอดทั่วทั้งท่ามกลางอารามก็ได้กลายเป็นเพียงความว่างเปล่าขึ้นมา หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงประกายบรรยากาศแสงสีทองอยู่ท่ามกลางเจดีย์กระดูกที่ยังคงคงอยู่

 

เจดีย์กระดูกก็ยังว่าไปแล้ว นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอย่างแท้จริงอยู่แล้ว อีกทั้งยังถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยพลังปราณเอาไว้ ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ นอกเสียจากว่าจะใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในมือ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงยากที่จะเข้าปะทะได้ยาก

 

และแท่นที่เป็นสีทองนั้นไม่ทราบว่าได้ถูกใช้สิ่งของใดในการสร้างขึ้นมา ถึงกับได้รวมเอาไว้ด้วยสิ่งที่มีความแข็งแรงในระดับสูงสุด ขณะนี้ก็ยังคงปรากฏขึ้นมาอยู่ท่ามกลางตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าแล้ว ราวกับว่ามิได้รับผลกระทบจากการปะทะการครั้งใหญ่ของกลุ่มบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์นี้เลยแม้แต่น้อยก็มิปาน

 

“เก็บรั้ง——”

 

ร่างกายของสือซิ่งก็ได้มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปจากอีกทางด้านหนึ่งอย่างกะทันหัน เขาก็ได้ใช้ออกมาด้วยท่าร่างหลบเลี่ยงห้าธาตุที่แปรสภาวะคล้ายดั่งเทพ พริบตานั้นเองก็ได้เข้ามาจนถึงทางด้านหนึ่งของแท่นสีทองคำ ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ ฝ่ามือสีทองข้างหนึ่งก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกเข้าไปบริเวณทางด้านหน้า คิดที่จะเก็บรั้งแท่นและแผ่นสลักหยกเอาไว้ในเวลาเดียวกันพร้อมกับจะจากออกไป

 

ความเคลื่อนไหวของเขานั้นเรียกได้ว่าอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนไปแล้วอย่างมากมาย บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ในขณะนี้เองต่างก็ยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน จึงได้แต่เพียงจ้องมองไปยังสีหน้าที่ปั้นยากขึ้นมาไปที่เขา

 

แต่ว่า แท่นสีทองคำนั้นกลับไม่เกิดผลกระทบแต่อย่างไร อีกทั้งยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กระบวนท่านี้ของสือซิ่งมิอาจส่งผลใดๆ ได้

 

“รับ——”

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ได้มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกมาจากอีกทางด้านหนึ่ง ใจกลางฝ่ามือก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแสงสีทองหลั่งไหลวนเวียนจนใหญ่โตขึ้นมา จากนั้นใช้สายอัสนีออกไป มุ่งหน้ากระทบออกไปบริเวณทางด้านหน้า หมายมั่นที่จะใช้วิธีที่พิเศษเฉพาะในการเก็บแผ่นสลักหยกนั้นเอาไว้

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง ประกายอัสนีที่เข้าไปก็ได้แตกระเบิดขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัว เงาร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับในขณะนี้ก็มิอาจที่จะไม่ถอยหลังออกไปได้ ถูกกระแทกเข้าไปด้วยความรุนแรงสูงสุด

 

“ลงมือ——”

 

คนอื่นเมื่อได้พบเห็นฉากเบื้องหน้า ก็ได้ลงมือออกมาด้วยพลังทั้งหมด วินาทีนั้นก็ได้ปล่อยวางจากการลงมือต่อผู้อื่น เพียงแต่คิดที่จะช่วงชิงสิ่งของมาอยู่ในมือก่อนค่อยว่ากัน เพราะว่าทุกผู้คนต่างก็มองออกว่า คิดที่จะนำแผ่นสลักหยกมาไว้ในครอบครองคงจะมิใช่เรื่องที่ง่ายถึงเพียงนั้น เพียงแค่ในชั่วขณะหนึ่ง ทุกผู้คนต่างก็ได้เกิดความคิดขึ้นมามากมายขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมต้องคิดที่จะลงมือต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ลงมือพร้อมกัน แท่นสีทองนั้นก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาหรือรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ยังคงลอยคว้างอยู่อย่างสงบเอาไว้อยู่ ส่วนอีกทางด้านหนึ่งนั้น บริเวณส่วนที่อยู่เหนือเจดีย์กระดูก ก็ได้มีเสียงหัวเราอันเย็นเยียบดังขึ้นมาเป็นสาย

 

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?”

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้ก็ได้เข้าไปใกล้ แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ขึ้นไปยังแท่นสีทอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เพราะว่าในขณะนี้เองทุกผู้คนต่างก็เกิดความรู้สึกผิดปกติขึ้นมาชนิดหนึ่ง นั้นก็คือตนเองได้สูญเสียพลังลมปราณภายในร่างไปจนหมดสิ้น ด้วยสภาวะแรงกดดันที่มากมายชนิดหนึ่ง เพราะว่าหากสูญเสียไปแล้วละก็ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็ถูกทำให้แปรเปลี่ยนจนพลังการต่อสู้ลดทอนลงอย่างมาก หลงเหลือพลังในการต่อสู้ทั้งหมดแทบจะไม่ถึงหนึ่งในร้อยเสียด้วยซ้ำ

 

“ต้องเข้าแลกแล้ว!”

 

ทว่า ไม่นานนัก ก็ได้มีเสียงของผู้คนหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ การที่จะสามารถอยู่ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ ย่อมไม่มีคนใดที่ไม่สำเร็จพลังกายเนื้อไม่สูญสลายอย่างแน่นอนอยู่แล้ว? คนเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลายเป็นความหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ในขณะนี้ แต่ว่ายังไงเสียก็ย่อมมีความเชื่อมั่นในตนเองอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี้คือการแย่งชิงความลับสู่หนทางในการเป็นเซียนขณะนี้ก็ได้เข้าสู่ช่วงระยะเวลาที่คับขันอย่างยิ่งแล้ว หากว่าต้องมาถอยไปแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องสูญเสียโอกาสไปทั้งหมดก็เป็นได้

 

“กร๊อบ——กร๊อบ——”

 

สือซิ่งเป็นคนแรกที่ได้มุ่งหน้าออกไป พลิกทั้งสองหมัดแหวกออกเป็นทาง คมหมัดนั้นประดุจดั่งอาวุธมีคมก็มิปาน ทะลุทะลวงไปทั้งฟ้าดิน จนทำให้ยากที่จะรับมือเขาได้ พลังกายเนื้อของเขาถือได้ว่าเมื่อเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายเหล่านี้แล้ว ถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุดเลยก็ว่าได้ ขณะนี้เขาก็ได้กัดฟันมุ่งหน้าเข้าไป เมื่อท้ายที่สุดแล้วร่างกายก็ไม่อาจที่จะไม่ขึ้นมาถึงพื้นที่ทางด้านบนได้ จากนั้นก็ได้ก้าวออกไปทีละก้าวเพื่อที่จะเข้าไปใกล้ยังแท่นสีทองนั้น

 

บริเวณอีกทางด้านหนึ่งเอง บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับประดุจร่างมีพลังอัสนีเทวะครอบคลุมอยู่ ขณะนี้บนร่างกายของเขาก็ได้เกิดประกายอัสนีอันดุร้ายขึ้น แต่ว่าบริเวณรอบกายก็ได้ปรากฏร่องรอยอัสนีขึ้น ในเวลาเดียวก็ได้มุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้าขึ้นไป เห็นได้ชัดว่า บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับผู้นี้ย่อมต้องมีความเชื่อมั่นต่อกายเนื้อของตนเองเป็นอย่างยิ่ง

 

องค์ชายเผ่าปีกเองก็ได้ส่งเสียงดังเชอะออกมาอย่างเย็นเยียบ บนร่างกายก็ได้สลายพลังที่เป็นประกายลง เผยให้เห็นใบหน้าอันเย็นเยียบขึ้นมา ปีกคู่ทางด้านหลังของมันขณะนี้ก็ได้ถูกกางออก แล้วก็ได้ก้าวออกไปทีละก้าวในเวลาเดียวกัน

 

นอกเสียจากทั้งสามคนนี้แล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ต่างก็มีปฏิกิริยากลับคืนมาได้ในทันที ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ หากว่าไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วละก็ จะต้องสูญเสียโอกาสไปอย่างแน่นอน อีกทั้งในสถานที่เช่นนี้ ผู้ใดจะสามารถที่จะได้ครอบครองแผ่นสลักหยกได้เป็นคนแรก คนผู้นั้นก็คงจะต้องกลายเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็เป็นได้

 

ในที่สุด มือก็ได้จับเข้าไปที่แผ่นสลักหยก เข้าไปก็ต้องโจมตี ถอยก็ถูกปิดทาง ยิ่งไปกว่านั้นทางด้านหลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างก็มีชนชั้นมหาราชันคอยให้การสนับสนุนอยู่ ขอเพียงได้มาครอบครอง แล้วจากออกไปนับตั้งแต่แรกแล้วละก็ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทำอันใดพวกเขาได้

 

บนร่างกายของสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือขณะนี้ก็ได้สลายพลังสภาวะบนร่างกายลง เผยออกมาให้เห็นถึงสีหน้าที่แตกตื่นตกใจออกมา นางมีสีหน้าที่เย็นชา ร่างกายที่เพรียวงาม ขณะนี้ก็ได้ย่างก้าวติดต่อกันออกไป แล้วก็ได้ค่อยๆ ที่จะเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

ร่างกายของบุตรเทพชิงหวินก็ได้เผยออกมา เพียงแต่ว่าเขาขณะนี้ได้สวมเอาไว้ด้วยหน้ากากที่เงินอ่อนอยู่ มิได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา เขานั้นมิได้เป็นบุตรเทพเพียงแค่ในนามเท่านั้น ขณะนี้ก็ได้มือไพล่หลังเดินเข้าไป ทอสีหน้าเมินเฉยอย่างยิ่ง มิได้เกิดสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากการที่เป็นเพราะว่าสูญเสียพลังลมปราณไปเลยแม้แต่น้อย

 

ส่วนผู้ที่ได้ลงมือก่อนหลายคน ต่างก็ย่อมต้องมีความเชื่อมั่นในพลังกายเนื้อของตนเองได้จนถึงขีดสุด เพียงแต่ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นย่อมไม่ยอมถอยไปเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่ละคนก็ได้กัดฟันไปมาแล้วพยายามที่จะเข้าไปใกล้ยังแท่นสีทองนั้น

 

ในที่สุด บทสรุปของเรื่องราวก็ได้เกิดขึ้นมาในสภาพเช่นนี้ ผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะทราบได้อย่างชัดเจน แต่ว่าถ้าหากไม่ลงมือแล้วละก็ ย่อมต้องไม่มีโอกาสเกิดขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

ขณะนี้ ท่ามกลางประกายแสงเหล่านี้ก็ได้เกิดความแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็ประดุจดั่งคนธรรมดาก็มิปาน แล้วก็ได้ค่อยๆ เดินเข้าไปตามพื้นดิน ทว่าพวกเขาได้แต่ก้าวออกไปทีละก้าว ประดุจดั่งว่าได้แบกก้อนศิลาที่มีน้ำหนักนับหมื่นชั่งเอาไว้บนหลัง เรียกได้ว่าแทบจะไม่อาจที่จะเดินได้เร็วได้ ทุกๆ การย่างก้าวเป็นไปได้อย่างยากลำบากอย่างยิ่ง

 

“ถึงกับใช้กายเนื้อเพื่อเข้าต้านทานงั้นหรือ?” เยี่ยจงเหม่อมองเข้าไปยังฉากเบื้องหน้า ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาอย่างยิ่ง เดิมทีแล้วเขาคิดว่าตนเองนั้นจะไม่มีโอกาสมากมายนัก แต่ว่าในขณะนี้เอง ภายในดวงตาของเขาก็ได้สาดเป็นประกายขึ้นมาไม่หยุด หากว่าในขณะนี้เปิดเผยตัวตนออกมาแล้วละก็ ไม่ทราบว่าจะทำให้ผู้คนตระหนกตกใจได้มากแค่ไหนกัน?

 

เยี่ยจงในที่สุดที่ได้ฝึกปรือกายาทองไม่สูญสลายในระดับตำนานได้สำเร็จ ต่อให้ยังอยู่ระดับเพียงแค่ความสำเร็จน้อยอยู่ก็ตามที แต่ก็แน่นอนว่าย่อมมิใช่พลังกายเนื้อไม่สูญสลายของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้จะสามารถเทียบเคียงได้

 

“ประกายคมกล้าสีทอง、จัดการข่มพลังลมปราณเอาไว้ ขอเพียงสามารถที่จะใช้เพียงกายเนื้อเข้าไปใกล้ได้ เหตุใดสิ่งของนี้กลับดูเหมือนของสิ่งหนึ่งที่อยู่ในตำนานเล่าขานกันได้นะ!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหันภายในห้วงสมองของเยี่ยจง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความสงสัยอยู่เป็นสาย

 

“ของเช่นนั้น? เจ้ามองออกงั้นหรือว่าเป็นของสิ่งใด?” เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงออกมา เสี่ยวหลุนถึงแม้ว่าในบางครั้งจะเป็นตัวหลอกลวงอยู่เสมอ แต่ว่าด้วยระดับสายตาของเขาที่ผ่านประสบการณ์มามากมายจนเพียงพอที่จะทราบได้

 

“ต่อให้เป็นสมบัติประหลาดแห่งสวรรค์ในตำนาน ก็ยังมีความเกี่ยวข้องกับการเป็นเซียนอยู่ แต่ว่า สิ่งของชิ้นนั้นมิใช่ได้ถูกทำลายไปแล้วงั้นหรือ? เหตุใดถึงสามารถมาปรากฏขึ้นมาบริเวณนี้ได้กัน?” น้ำเสียงของเสี่ยวหลุนก็ได้ยิ่งเคร่งเครียดมากยิ่งกว่าเดิม เต็มเปี่ยมไปด้วยอาการที่ยากจะเชื่อได้ลงขึ้นมา

 

“ที่แท้เป็นสิ่งของใดกัน?” เยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา เด็กน้อยผู้นี้ช่างไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ถึงกลับไม่ยอมกล่าวออกมาอีก

 

“นามของสิ่งของนั้นทางที่ดีแล้วเจ้าอย่าได้ทราบเป็นดีที่สุด ทว่า หากเป็นสิ่งของเช่นนั้นจริงแล้วละก็ เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้คงจะต้องเป็นพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียนจริงแท้แน่นอนแล้ว เพราะว่านั้นเป็นถึงสมบัติที่จัดได้ว่าอยู่ในรากฐานแห่งสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียนแน่นอน!” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่ามันนั้นก็กำลังวิเคราะห์อยู่

 

“ถ้ากล่าวเช่นนั้น? พวกเราก็บุกฆ่าสังหารเข้าไป ช่วงชิงสิ่งของมาอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาภายในห้วงสมอง

 

“ความคิดของเจ้าเช่นนี้ถือได้ว่าไม่เลวเลยละ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จสูงเป็นอย่างยิ่ง มา เจ้านำยันต์ปราณทลายแดนมาให้กับปู่หลุนข้า ปู่หลุนจะนำพาเจ้าจากออกไปในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเอง และด้วยพลังกายเนื้อของเจ้าในตอนนี้ อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะต้านทานผู้คนทั้งหมดนี้ได้ แต่ก็ระวังเอาไว้หน่อย วันนี้ถือได้ว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของพวกเราเลยก็ว่าได้!” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว ก็ได้กล่าวอธิบายออกมา

 

เยี่ยจงส่งมอบยันต์ปราณทลายแดนให้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้พยักหน้าตอบรับเบาๆ เขาแน่ใจได้ว่าครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสวาสนาที่ไม่เลวเลยครั้งหนึ่ง แต่ว่าแน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะเปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกไปได้ในช่วงสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นที่มีความแค้นอย่างอื่นกับเขาย่อมต้องไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน อีกทั้งยังคิดจะจัดการกับเขาก่อนเป็นอันดับแรก ขอเพียงเปิดเผยสถานะภาพที่แท้จริงออกไปในช่วงคับขัน จึงจะสามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดแล้ว

 

“พี่จง สนใจที่จะร่วมมือกันหรือไม่?” ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน มองเข้าไปยังสีหน้าแปลกใจของจงหลี่คราหนึ่ง แล้วก็ยิ้มน้อยแล้วกล่าวออกมา

 

“ดูไม่ออกเลยนะ ว่าไต๋ซือน้อยเจ้าถึงกับฝึกปรือได้จนถึงขอบเขตพลังขั้นก่อเกิดขั้นที่เก้าได้สำเร็จ มารดาเถอะ คุณชายอย่างข้ากลับต้องมาพ่ายแพ้ต่อขอบเขตระดับนี้ถึงขั้นหนึ่งอย่างงั้นหรือ?” จงหลี่เกิดความหดหู่ขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยมแล้วก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา “เจ้าไปเถอะ คุณชายอย่างข้าคงจะได้แต่ค้นหาสิ่งดีๆ ในสถานที่อื่นแล้วละ!”

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset