เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 512 ปรากฏกาย

ตอนที่ 512 ปรากฏกาย

 

 

 

 

“ตูม——”

 

เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้า ร่างกายก็ได้เดือดพล่านไปด้วยพลังลมปราณ ด้านบนของอาภรณ์ยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุก็ได้ปกคลุมไปด้วยประกายแสงอันลี้ลับสาดเป็นประกายขึ้นมา จนสามารถที่จะสะสมพลังแห่งฟ้าได้ ในขณะนั้นเอง ก็ยังไม่มีคนที่จดจำสถานะที่แท้จริงของเยี่ยจงได้ ไม่เช่นนั้นคาดว่าคงจะต้องทำให้ผู้คนมากมายแตกตื่นตกใจขึ้นมาได้

 

ยอดฝีมือมากมายกลุ่มนี้ก็ได้จดจ้องเข้าไปอย่างอดไม่ได้ เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวเดินเข้าไปยังทางด้านของแท่นสีทองเข้าไปเรื่อยๆ เขาถึงแม้ว่าจะมีความเชื่อมั่นต่อกายาทองไม่สูญสลายของตนเอง แต่ว่าเรื่องเมื่อได้ดำเนินมาจนถึงปลายหัวแล้ว เขากลับยิ่งเกิดความเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากก้าวพลาดไป คงจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องตายลงอย่างไม่อาจที่จะกลับมาเกิดได้อีก

 

“กร๊อบ——”

 

บริเวณทางด้านหน้าสุด สือซิ่งก็ได้ก้าวเดินออกไป ระยะห่างจากแท่นสีทองไม่ต่ำกว่าสิบจังได้ ในระหว่างนั้นเขาก็สัมผัสได้อย่างถึงบางอย่างก็มิปาน จดจ้องมองไปบริเวณทางด้านหลังจากนั้นก็ได้หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแล้วกล่าว : “น่าสนใจนิ ในเมื่อหลังจากที่ทราบว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่อาจที่จะใช้ลมปราณได้ เช่นนั้นจึงได้แต่พึ่งพาพลังกายเนื้อที่มีความสำเร็จเฉกเช่นมดแมลง ยังถึงกับกล้าที่จะออกหน้าด้วยหรือไงกัน!”

 

“ไสหัวไป! พวกเจ้ากลุ่มมดแมลง มีคุณสมบัติอันใดที่เทียบเคียงได้กับองค์ชายเช่นข้าได้กัน!?” สือซิ่งก็ได้ทอสีหน้าเมินเฉยขึ้นมา เขากวาดสายตาเข้าไปทางด้านหลัง แม้ว่าจะรวมเยี่ยจงไว้ภายใน ซึ่งรวมกันแล้วมีด้วยกันทั้งหมดสามคนที่คิดจะลงมือ แต่ว่าขณะนี้ทั้งสามคนก็ได้ถูกเขามองประดุจดั่งแมลงก็มิปาน ทั้งหมดแทบจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ทอดสายตามองไปหยุดอยู่ที่ร่างของสือซิ่งจากทางด้านหลัง ยังคงเดินหน้าต่อไป

 

ภายในดวงตาสือซิ่งพริบตานั้นก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ เขาหันกายกลับไปภายในพริบตา จ้องมองอย่างเย็นเยียบเข้าไปยังทางด้านของเยี่ยจง กล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ : “ยอดมาก ไม่เพียงแต่ไม่ฟังคำเตือนขององค์ชายอย่างข้า ยังคิดที่จะแผ่จิตสังหารมาเพื่อกระตุ้นองค์ชายอย่างข้าอีก เจ้ายอดมาก! เจ้าที่เป็นสัตว์จำพวกแมลงอย่างนี้ องค์ชายอย่างข้าจะฟาดให้ตายด้วยฝ่ามือนี้เอง”

 

“แคว๊ก——”

 

และยังมีอีกสองคนที่ได้เดินเข้าไปพร้อมกันกับเยี่ยจง ทันใดนั้นเงาร่างสายนั้นก็ได้เกิดสภาวะแหวกอากาศเข้าไป มุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปยังบริเวณแท่นสีทองเข้าไป ชั่วพริบตาที่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้เข้าไปใกล้ยังภายในแท่นสีทองไม่ห่างกันออกไปห้าจัง

 

“ตูม——”

 

ในขณะนั้นเอง แท่นสีทองในที่สุดก็เริ่มที่จะมีปฏิกิริยาขึ้นมาเป็นครั้งแรก มันก็ได้ถ่ายทอดบรรยากาศในขณะนี้ประดุจดั่งสาดเทสายฝนออกมาเข้าคุ้มกันก็มิปาน ด้วยพลังอันมหาศาลเฉกเช่นนี้ เพียงแค่ได้เข้าไปใกล้แท่นทองในระยะร้อยจัง ผู้คนทั้งหมดต่างก็ถูกกดดันให้กลับไปยังจุดเดิม จนแทบไม่อาจที่จะขยับเขยื้อนได้อีก

 

“ที่แท้เป็นอย่างที่คุณชายอย่างข้าคาดการณ์เอาไว้แล้ว วันนี้เดิมทียังไม่ถึงวันที่สมควรที่จะทำให้เกิดการปรากฏขึ้นมาของคัมภีร์เซียนเล่มนี้ออกมาสู่ดินแดนภายนอก ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะได้รับประโยชน์ไปได้!” บริเวณทางด้านหลัง จงหลี่ก็ได้ส่งเสียงดังเชอะออกมา ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงหันหน้ากลับไป ในขณะที่พบเห็นจงหลี่ ก็ได้ทอสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา การที่จะสามารถเข้ามาจนถึงสถานที่แห่งนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนอย่างจงหลี่ที่ดูเหมือนจะไม่มีความหวังที่จะเข้าร่วมในศึกของคัมภีร์เซียน ก็ยังถึงกับสามารถที่จะมองออกได้ถึงสภาพการณ์ข้างหน้าได้

 

“ไต๋ซือน้อย เจ้าอย่าได้มองข้าเลย นี้มิใช่การคาดการณ์ของข้าหรอกนะ” จงหลี่ได้แต่ยินยอมยอมรับสายตาที่มองเข้ามาจากทางด้านของเยี่ยจง ต่อมาก็ได้หยักไหล่ไปมา แล้วก็ได้กล่าวส่งเสียงดังออกมาเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

เยี่ยจงก็ได้มองเข้าไปยังภายในดวงตาของเขา จากนั้นก็หันกายไป มุ่งหน้าเดินออกไปบริเวณทางด้านหน้าต่อไป

 

ระยะห่างของเขาและตำแหน่งที่ตั้งของแท่นสีทองขณะนี้ก็ได้ออกห่างมากขึ้นจนอยู่ในระยะกว่าร้อยจังแล้ว อีกทั้งยังไม่พบเห็นสิ่งที่เป็นตัวกลางในการขัดขวางของสถานที่นี้ได้แต่อย่างไร เพียงแต่ก้าวยาวๆ ออกไปทางด้านหน้า

 

และบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทางด้านหน้าสุดเหล่านั้นก็ยังไม่ไหว ท่ามกลางในหมู่พวกเขาทุกๆ คนขณะนี้ต่างก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่ทราบว่ากำลังคิดถึงสิ่งใดกันอยู่ เห็นได้ชัดว่า บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มิใช่ไม่ทราบ ทุกผู้คนต่างก็มีการตัดสินใจของตนเอง จนทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นยิ่งดูน่าสับสนขึ้นมา

 

“ตอนนี้พวกเราสมควรทำอย่างไรกันดี?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว เขาเดิมทีคิดที่จะเปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกไป แต่ว่าหากดูจากในขณะนี้แล้วละก็ กลับไม่อาจที่จะมีวิธีอื่นใดได้เลย

 

“นี้สมควรที่จะเป็นสภาวะแรงกดดันจากพลังแห่งเซียนก็ว่าได้ ด้วยพลังกายาทองไม่สูญสลายของเจ้า หรือไม่ก็เจ้าก็ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุเล่มนั้นของเจ้าเพื่อใช้มาต่อกรกับแรงกดดันเช่นนี้ดูก็แล้วกัน แต่ว่าจำเป็นที่จะต้องผนึกทั้งสองสิ่งใช้ออกมาพร้อมกัน เจ้าจึงจะสามารถที่จะทานแรงกดดันที่อยู่ภายในเข้าไปได้ ” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ได้ครุ่นคิดดูแล้ว ก็ได้ชี้แนะแนวทางออกมาขณะนี้ “ผู้คนทั้งหมดต่างก็ถูกปิดกั้นเอาไว้อยู่ นี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเราแล้ว ถ้าหากว่าสิ่งของที่อยู่ด้านบนของแท่นสีทองนั้นเป็นของจริงแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งดินแดนก็ยังถือได้ว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งแล้ว!”

 

“สิ่งของเช่นนั้นมีความสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงเกิดความสงสัยขึ้นมา “เจ้าไม่สามารถที่จะบอกต่อข้าได้เลยงั้นหรือว่าของสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่?”

 

“สมบัติประหลาดรากฐานแห่งสวรรค์เจ้าว่ามีความสำคัญหรือไม่? ต่อให้ได้พบเจอกับเส้นทางแห่งเซียนจริง คาดว่าต่างก็คงต้องลงมือต่อสู้กันยกใหญ่แน่นอน ต่อให้เป็นสิ่งของเช่นนี้!” คำพูดของเสี่ยวหลุนก็อดไม่ได้ที่จะตั้งใจขึ้นมาได้ “ข้าขณะนี้หากว่าบอกต่อเจ้าไป ว่าสิ่งของเช่นนั้นคืออันใดแล้วละก็ มีแต่จะทำให้จิตใจของเจ้าว้าวุ่นขึ้นมา เอางี้ ขอเพียงเจ้าแย่งชิงนำสิ่งของนั้นมาให้แก่ข้าก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!”

 

“ในเมื่อเจ้าก็กล่าวมาถึงขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นก็คงต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วละ เพื่อที่จะได้เข้าไปแย่งชิงสมบัติกัน จะได้ทำให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กระอักเลือดอีกสักคำดูเถอะ” เยี่ยจงก็ถือได้ว่าเป็นคนที่เด็ดขาดเป็นอย่างยิ่ง ในครั้งนี้การได้ถูกกดดันจนเข้ามายังท่ามกลางพื้นที่รกร้างเสี่ยวหนาน เดิมทีแล้วเขาเองก็ไม่พอใจอย่างถึงที่สุดอยู่แล้ว และการมายังพื้นที่สุสานเซียนนี้ ยิ่งไม่อาจที่จะทำให้เขาปล่อยปละไปเสียยิ่งกว่า ขณะนี้ในเมื่อมีโอกาสที่จะได้โต้คืน เขาย่อมไม่เกรงอกเกรงใจอย่างแน่นอน

 

“ตูม——”

 

ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงก็มิได้เก็บงำพลังทั้งหมดเอาไว้อีก เพียงแต่ก้าวเท้าออกไปอีกหนึ่งก้าว อาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุบนร่างกายก็ได้ถูกเขานำมาเก็บเอาไว้ ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีกลิ่นอายพลังสีทองแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของเขาออกมา

 

“ฮูม——”

 

แล้วก็ได้ปรากฏกระบี่แสงจันทร์ขึ้นมา จนลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะยังมิได้แผ่ประกายแสงแห่งการฆ่าฟันออกมา แต่ว่าด้วยสภาวะของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในขณะนี้ก็ได้ถูกปะทุขึ้นมาอย่างไม่อาจที่จะซ่อนเร้นเอาไว้ได้

 

“นี้……ให้ตายเถอะ! ถึงกับเป็นเจ้า!” บริเวณทางด้านหลัง จงหลี่เป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยากลับคืนมา พริบตานั้นเองก็ได้อ้าปากตาค้าง ต่อให้ทุบตีเขาจนตายก็คงจะเชื่อไม่ลง ว่าพี่น้องเยี่ยจงของตนเองผู้นี้ถึงกับซ่อนเร้นอยู่ข้างกายตนเองมาโดยตลอด และเมื่อถึงช่วงเวลาที่คับขันจึงค่อยได้ปรากฏตัวขึ้นมา

 

“อะไรกัน!?”

 

บริเวณทางด้านหน้า ก็ได้มียอดฝีมือมากมายเกิดอาการตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ละคนนั้นก็ได้มีสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

พลังกายาทองไม่สูญสลาย、อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุก็ได้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน นี้ราวกับว่าเป็นเหมือนไพ่ตายที่มีอยู่ทั้งหมดของเยี่ยจงต่างก็ได้ถูกใช้ออกมาแล้วในขณะนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ไม่เคยพบเจอกับเยี่ยจงมาก่อน แต่ว่าก็ราวกับว่าสามารถที่จะคาดเดาขึ้นมาได้ภายในพริบตา ว่าจะต้องเป็นเขา

 

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเดิมทีแล้วเป็นสิ่งที่ยากจะพบเจอได้ และพลังกายาทองไม่สูญสลายยิ่งเป็นสิ่งที่ยากจะพบพานได้สักครั้งในรอบหมื่นปี สิ่งนี้เป็นเหมือนไพ่ทองคำที่ร้อนแรงอย่างยิ่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจที่จะแสดงออกมาได้

 

“เยี่ยจง เจ้าถึงกับกล้าที่จะปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งนี้อีกงั้นหรือ เจ้าและพวกเราที่เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ไม่กลัวตายอย่างงั้นหรือ?” ยอดฝีมือชนชั้นราชันผู้หนึ่งก็ได้กระโดดเข้ามายังภายในสนามเขามิได้เข้าไปใกล้ยังแท่นสีทอง ขณะนี้ยังถือได้ว่ายังอยู่ในสภาพที่อิสระอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเสียงดัง ในเวลาเดียวกันภายในดวงตาของเขาก็ได้ทอเป็นประกายคมกล้าด้วยความโลภขึ้นมา คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์、คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน、เพิ่มด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ ขณะนี้หากมองด้วยสภาวะเช่นนี้ต่อเยี่ยจง ก็เหมือนกับรถสมบัติมนุษย์เคลื่อนที่ได้คันหนึ่ง ไม่อาจที่จะไม่เกิดความโลภขึ้นมาได้

 

“เจ้ามีความรู้สึกหรือไม่ว่า ตลอดสถานที่แห่งนี้ทั้งหมด เป็นเหมือนกับค่ายกลสังหารที่ข้าใช้ก่อนหน้านี้ก็มิปาน ต่างก็ถือได้ว่าเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง นี้มิใช่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างงั้นหรือ? หากว่าข้าสามารถที่จะไปควบคุมแท่นทองในขณะนี้ได้ กักขังผู้คนทั้งหมดเอาไว้ในที่แห่งนี้ จากนั้นก็ค่อยๆ จัดการกับพวกเจ้าทีละคนทีละคนแล้วละก็ เจ้าคิดว่า นี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวหรือยิ่งกว่าความตายหรือไม่!?” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าว ทอสีหน้าเมินเฉยอย่างยิ่ง

 

ชนชั้นราชันที่พึ่งกระโดดออกมาในทันทีก็ได้มีสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา จิตใจที่ดำมืดอำมหิตของเยี่ยจง ถือได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้เมื่อเขาได้กล่าวออกมาเช่นนี้ ก็ได้ทำให้สีหน้าของชนชั้นระดับราชันผู้นี้ปั้นยากขึ้นมาจนถึงขีดสุด อีกทั้งหากเป็นอย่างที่เยี่ยจงกล่าวออกมาทั้งหมดจริงแล้วละก็ ก็ถือได้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ว่าผู้คนทั้งหมดภายในสถานที่แห่งนี้คงจะไม่มีทางหนีรอดไปได้แล้ว

 

โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ หากว่าต้องมาถูกเยี่ยจงจัดการไปแล้วละก็ ความคิดเพียงแค่นี้เมื่อนึกขึ้นมา ก็มีแต่จะทำให้ชนชั้นราชันผู้นี้อดที่จะสั่นเทาไปมามิได้

 

“อย่าได้ถูกเขาล่อลวงไปได้ ทว่าก็เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงคนเดียวเท่านั้น หากว่าเขาสามารถที่จะควบคุมตำหนักใต้ดินนี้ทั้งหมดได้จริง ก็คงจะไม่เสนอหน้าออกมาเช่นนี้ในขณะนี้หรอก!” ท่ามกลางบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทางด้านหน้า ก็ได้มีคนเอ่ยปากขึ้นมาด้วยความเยียบเย็น พวกเขาถึงแม้ว่าจะถูกกักเอาไว้อยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าด้วยพลังสายตาและความฉลาดเฉลียวย่อมไม่อาจที่จะมียอดฝีมืออื่นๆ สามารถเทียบเคียงได้อย่างแน่นอน

 

“ขอรับ——”

 

ยอดฝีมือระดับราชันที่เมื่อครู่เอ่ยปากขึ้นมาก็ได้พยักหน้าตอบรับไปมา จากนั้นก็ได้หันกลับไปมองยังทางด้านเยี่ยจงคราหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “ที่แท้ก็เป็นการเสแสร้งแกล่งทำอยู่หรอกหรือ ทั้งๆ ที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงคนเดียวเท่านั้น วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่เหลือแม้แต่ศพ! ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะปรากฏตัวขึ้นมาวันนี้ เช่นนั้นก็อย่าได้จากออกไปอีกเลย!”

 

“อย่างเจ้างั้นหรือ!?” เยี่ยจงกวาดสายตามองไปที่ชนชั้นราชันผู้นี้คราหนึ่ง รอยยิ้มได้เต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าของความเย้ยหยัน คนผู้นี้ถือได้ว่าเป็นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งเท่านั้น กระนั้นหากมองจากวัยของเขาแล้ว ย่อมต้องถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งเลยทีเดียว แต่ว่าเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าตนเอง ถือได้ว่าไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย!

 

“แน่นอนว่าต้องมิใช่!” ชนชั้นราชันผู้นี้ก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ เขายื่นมือกวาดออกไปอย่างดุร้าย ยอดฝีมือระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งอีกสี่คนบริเวณทางด้านหลังก็ได้เดินออกมา พวกเขาเห็นได้ชัดว่าได้มีจากขุมกำลังเดียวกัน ทราบว่าตนมิได้มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าแย่งชิงจารึกวิถีเซียน ดังนั้นจึงรอคอยอยู่บริเวณที่ใกล้ๆ อยู่ตลอด แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าขณะนี้กลับได้มาพบกับเยี่ยจงได้

 

“สามารถที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจงได้ ช่วงชิงคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ ย่อมถือได้ว่ามิได้มีค่าน้อยไปว่าจารึกวิถีเซียนเลยแม้แต่น้อย! นี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสของพวกเราแล้ว!” ชนชั้นราชันทั้งห้าก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาติดต่อกัน ทอสีหน้าเหมือนกับรู้ทัน ในเมื่อเยี่ยจงมิได้อยู่ในตำแหน่งที่จะส่วนกลับมาได้แล้วละก็ ในสายตาของพวกเขา ก็เป็นแค่เพียงชนชั้นระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันขั้นสูงสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังคงไม่น่ามองอยู่ดี

 

“ทุกท่านที่อยู่ทางด้านหน้า พวกเจ้านั้นมาจากสำนักใดกัน ถึงกับทำให้พวกเขาต้องมาทำเรื่องที่น่าขายหน้าถึงเพียงนี้ คงจะไม่ดีหรอกมั่ง?” เยี่ยจงมิได้หันกลับมองชนชั้นราชันทั้งห้าคนนี้แม้ซักครา เพียงแต่กวาดสายตามองเข้าไปยังบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทางด้านหน้า กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มเอ่ยปากออกมา

 

“พวกข้าเป็นห้าราชันแห่งสำนักร้อยยุทธ์ เมื่อวันก่อนตอนที่เจ้าอยู่ภายในสมรภูมิฮวงกู่ได้สังหารศิษย์น้องเล็กของพวกข้าไป วันนี้ก็คือวันที่จะแก้แค้นให้กับศิษย์น้องเล็กแล้ว!” ชนชั้นราชันที่อยู่หน้าสุดก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาขึ้นมา เป็นคนแรกที่ฆ่าสังหารออกไป

 

“สำนักร้อยยุทธ์งั้นหรือ เหมือนกับไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ!” เยี่ยจงถอนลมหายใจออกมา ทอสีหน้าเย้ยหยัน ตนเองในขณะนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังกายาทองไม่สูญสลาย บวกกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุ เด็กน้อยเหล่านี้ต่อให้อยู่ในระดับราชันแล้วจะอย่างไร?

 

“ส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์มา ข้าจะให้ความรวบรัดแก่เจ้าสักครา!”

 

“อย่างเจ้าคิดที่จะใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้งั้นหรือ? เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอหรอก!”

 

“คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันยิ่งไม่สมควรที่จะตกไปอยู่ในการครอบครองเช่นเจ้าเหมือนกัน รีบส่งมอบออกมาโดยเร็ว เช่นนั้นก็จะไม่ต้องตายได้อย่างทุเรศจนเกินไปแล้ว!”

 

ชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขึ้นที่หนึ่งทั้งห้าคนก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกมาในเวลาเดียวกัน ทะยานเข้ามาจากทั่วทุกหัวทิศทาง หมายที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจงลงเป็นอันดับแรก

 

ชนชั้นระดับราชันเหล่านี้ถึงแม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงของเยี่ยจงมาก่อน แต่ว่าก็ยังไม่เคยพบพานเขาลงมือมาก่อนด้วยตาตัวเอง ยังคิดว่าเยี่ยจงก่อนหน้านี้สามารถที่จะฆ่าสังหารยอดฝีมือนับพันได้ ทว่าก็คงจะเป็นเพราะใช้ออกมาด้วยยันต์ปราณอันน่าหวาดกลัวเท่านั้นเอง ขณะนี้พวกเขาได้ฆ่าสังหารออกมาอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว คิดที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจงไปเป็นอันดับแรก ได้รับพรจากฟ้าอันยิ่งใหญ่

 

“เอาแต่กล่าววาจาโออวด ช่างไม่รู้จักที่ตาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอส่งพวกเจ้าไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน” เยี่ยจงทอสีหน้าเชื่อมั่นขึ้นมา มิได้เป็นเพราะว่าการร่วมมือกันของยอดฝีมือระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งทั้งห้าคนร่วมมือกันทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ยืนกอดอกเอาไว้ จ้องมองไปยังการโจมตีที่ปกคลุมเข้ามาทั้งห้าสายด้วยสายตาที่เมินเฉย

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset