เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 513 ที่มาของความแข็งแกร่ง

ตอนที่ 513 ที่มาของความแข็งแกร่ง

 

 

 

“ตูม——”

 

ระดับราชันทั้งห้าคนจากสำนักร้อยยุทธ์ก็ได้ลงมือพร้อมกัน วินาทีระหว่างนั้นก็ได้พบเห็นกับดวงดาราระยิบระยับ ลอยปกคลุมอยู่ท่ามกลางยามค่ำคืนก็มิปาน การโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้ลอยหมุนเวียนออกมา ประดุจดั่งมีแหขนาดใหญ่มุ่งหน้าเข้าปกคลุมบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ก็มิปาน

 

“ซวบ——”

 

การโจมตีก็ได้ปกคลุมเข้าไปยังตลอดทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงในทันที ราชันทั้งห้าคนนี้ก็ได้แสยะยิ้มขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งในทันที เยี่ยจงเองก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นในระหว่างนั้นเขาก็ได้ก้าวเดินออกไปอีกทางด้านหนึ่ง ระหว่างความเคลื่อนไหวของเขา ก็ได้พบเห็นเงสร่างสาดเป็นประกายขึ้นมาก็มิปาน

 

วิชาดำดินรุกคืบ ในขณะนี้เองก็ได้ถูกเยี่ยจงใช้ออกมาแล้ว ภายใต้การร่วมมือกันของราชันทั้งห้า เยี่ยจงก็ยังคงไปมาอย่างอิสระอยู่

 

“ตูม——”

 

พลังความน่าหวาดกลัวของคมกระบี่ก็ได้ปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งผืนฟ้า ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงถึงกับใช้ออกมาด้วยกระบี่แสงจันทร์อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วก็ได้พบเห็นกับคมกระบี่ที่สาดส่องประดุจแสงจันทร์ก็มิปาน ตระเตรียมที่จะใช้ออกมาด้วยพลังทำลายแห่งพลังขั้นบรรลุศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะพรรณนาได้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ราชันทั้งสี่ก็ได้กลายเป็นหมอกโลหิตในเวลาเดียวกัน ไม่เรื่องเค้าโครงของร่างกายเอาไว้เลยแม้แต่เลย

 

“เจ้า——”

 

ส่วนชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งที่หลงเหลืออยู่ก็ได้ทอสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมา เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ใบหน้าประดุจพบเห็นผีสางก็มิปาน เขาไม่ว่าอย่างไรก็คงคาดคิดไม่ถึง เยี่ยจงจะถึงกับมีความแข็งแกร่งได้จนถึงขั้นนี้ได้ ถึงกับหาญกล้าที่จะใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุออกมานับตั้งแต่ครั้งแรก ทำการสังหารระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งทั้งสี่คนไปในทันที

 

“นี้ก็คือยอดฝีมือของสำนักร้อยยุทธ์งั้นหรือ?” เยี่ยจงเหล่ตามองไปยังคนที่อยู่ทางด้านหลังสุดคนหนึ่ง ทอสีหน้าเย้ยหยันออกมาพร้อมรอยยิ้ม

 

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักข้าถูกกักเอาไว้อยู่ภายใน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เขาใช้เพียงนิ้วเดียวก็สามารถที่จะให้เจ้าสลายหายไปได้แล้ว!” ท้ายที่สุดราชันผู้นั้นก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา ถึงกับยังคงอยู่ในอาการที่ไม่ยินยอม

 

“อ๋อ? งั้นหรือ? ข้าอีกเดี๋ยวจะเข้าไปพอดี อาจจะจัดการเขาระหว่างทางก็ได้ ดีเสียกว่าให้เขามาก่อปัญหาให้ข้าในภายใน ” เยี่ยจงมองไปยังบริเวณทางด้านหลัง บนใบหน้าก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยท่าทางกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มขึ้นมา

 

“อย่างเจ้างั้นหรือ!?” ราชันผู้นี้ก็หัวเราะฮาฮาออกมาเสียงดัง

 

“ก็อย่างข้านี้แหลาะ วางใจเถอะ อีกเดียวข้าจะส่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนของพวกเจ้าเอง ดีเสียกว่าให้พวกเจ้าต้องไปยังยมโลกอย่างเดียวดาย ” เยี่ยจงส่ายหน้าไปมา ทันใดนั้นเองก็ได้ยื่นนิ้วออกไป แล้วก็ได้ใช้พลังฝีมือจากวิชาสายฟ้าโจมตีสังหารคนผู้นี้ออกไป

 

“เจ้า——”

 

ท่ามกลางบริเวณทางด้านหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้มีคนตะโกนขึ้นมา แต่ว่าเขาก็ไม่อาจที่จะหันหน้ากลับไปได้ ได้แต่เพียงเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเยียบเย็น : “เยี่ยจง เจ้าฆ่าศิษย์น้องทั้งห้าของข้า เรื่องนี้ข้าจะจดจำเอาไว้อย่างขึ้นใจเลย!”

 

“เจ้าวางใจไว้ได้เลย อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเอง เพื่อที่จะให้เจ้าจดจำข้าได้ตลอดไป ” เยี่ยจงทอสีหน้าไม่ใส่ใจออกมา

 

“เหอะ ก็แค่กายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็ก แล้วก็มีวาสนาได้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุเท่านั้น เจ้าก็ช่างไม่รู้เลยว่าบนฟ้านั้นสูงส่งถึงเพียงไหน พสุธาลึกซักแค่ไหน ในเมื่อกล้าที่จะข่มขู่บุตรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักหนึ่ง ” ท่ามกลางกลุ่มคนบริเวณทางด้านหลัง ทันใดนั้นก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้พบว่ามีคนผู้หนึ่งได้ค่อยๆ ที่จะเดินออกมาอย่างช้าๆ เขาก็คือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ตอนนี้ได้ทอสีหน้าลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง ทอดสายตาจ้องมองไปยังทางด้านของเยี่ยจงประดุจดั่งมองไปที่คนที่ตายไปแล้วก็มิปาน “ไม่มีคำพูดไร้สาระอันใดที่น่าเอ่ยขึ้นมาอีกแล้ว ทิ้งคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์、คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุเอาไว้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าให้เอง!”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เหม่อมองไปยังคนผู้นี้ ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา คนผู้นี้ถึงกับมีพลังฝึกปรือจนถึงขั้นพลังเทวะขั้นที่สาม หรือจะกล่าวก็คือ เขาในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ประดุจดั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนัก เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาจึงมิได้เข้าร่วมการแย่งชิงคัมภีร์วิถีเซียนกัน และเอาแต่หลบซ่อนอยู่ภายในกลุ่มคน ขณะนี้จึงค่อยได้ปรากฏตัว

 

“เจ้าเป็นผู้ใดกันอีก?” หลังจากที่ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาและจ้องมองไปยังคนผู้นี้ เยี่ยจงจึงได้ค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ

 

“ศิษย์พี่ใหญ่แห่งหมู่ตึกไร้คำนึง สิงหยวนฮวา ” คนผู้นี้ก็ได้ก้าวเดินออกมาทางด้านหน้า ทอสีหน้าเย็นชาแน่นิ่ง ระหว่างนั้นก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมา

 

เยี่ยจงทอประกายดวงตาเคร่งเครียดขึ้นมา ภายในมุมปากก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเย็นเยียบขึ้นมา หมู่ตึกไร้คำนึง ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ได้ลงมือต่อลัทธิแห่งดวงดาวเมื่อครั้งก่อน คนเหล่านี้และตนเองย่อมไม่มีอันใดต้องกล่าวออกมาอยู่แล้ว ยังไงเสียก็มีความแค้นก็ลึกล้ำกันอยู่แล้ว แต่ว่าเยี่ยจงขณะนี้กลับมิได้เร่งรีบที่จะลงมือ ชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งเขาอาจจะสามารถที่จะใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุในการกดดันได้ ชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สองเขาก็ใช่ว่าจำเป็นที่จะต้องเกรงกลัว แต่ว่าชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สามนั้นถือได้ว่าสามารถที่จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่เป็นอันตรายขึ้นมาอยู่ชนิดหนึ่ง ไม่อาจที่จะไม่จริงจังขึ้นมาได้

 

“ข้าไม่ทราบหรอกนะว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าเจ้าก็วางใจได้เลย ข้าไม่มีความสนใจในการเข่นฆ่าผู้คน โดยเฉพาะคนที่เห็นแก่หน้าข้า ” สิงหยวนฮวาก็ได้ใช้ทั้งสองมือกอดอกขึ้นมา จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาอย่างยิ่ง “นำสิ่งของที่ข้าต้องการทิ้งเอาไว้ จากนั้นก็ถอยออกไปทางด้านข้าง จากนั้นก็สะบัดพลังฝีมือให้พิการ วางใจได้เลย ข้าย่อมต้องไว้ชีวิตเจ้าอยู่แล้วละ ”

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมา จ้องมองไปยังสิงหยวนฮวาที่ก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่สดใสขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าขันมากนักหรือไง? หรือว่าเจ้ารู้สึกว่ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุอยู่ในมือ เจ้าจะกลายเป็นใต้หล้าไร้ผู้ต้านหรือยังไงกัน? คงต้องการที่จะให้ข้าหักมือหักเท้าเจ้าก่อน เจ้าถึงจะยอมถอยไปงั้นหรือ?” สิงหยวนฮวาก็ได้กอดอกเดินออกไปทางด้านหน้าอย่างช้าๆ ในทุกๆ การย่างก้าว บนร่างกายของเขาก็ได้ปะทุพลังสภาวะขึ้นมาจนเดือด จนทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าหวาดกลัวขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าน่าสงสัย เจ้าก็เพียงแค่คนที่ได้เข้าสู่ระดับพลังขั้นก่อเกิดในระดับสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อยยังไม่ได้เพียงแค่คนเดียว เหตุใดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังคิดว่าตนเองยังสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้อีกอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมา ทอสีหน้าไม่แยแสขึ้น

 

“ขอเพียงอย่าได้เข้าไปใกล้ยังแท่นสีทองในระยะร้อยจัง ผู้ใดก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว?” สิงหยวนฮวาก้าวเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น “เดิมทีได้ยอมรับความพ่ายแพ้ ตระเตรียมเก็บข้าวของกลับไปแล้ว นั้นก็เพราะว่าข้ารู้สึกได้ว่าช่างไม่มีวาสนาต่อคัมภีร์วิถีเซียนนั้นเลย กระนั้นขณะนี้เจ้ากลับมาส่งมาคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์มาถึงที่ เช่นนั้นข้าย่อมไม่อาจที่เกรงใจได้! ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นก่อเกิด ก็สามารถที่จะฆ่าเจ้าได้อยู่ดี!”

 

“ตูม——”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง มือข้างหนึ่งของสิงหยวนฮวาก็ได้กลายเป็นรอยฝ่ามือสีทองเข้าประทับลงไป มุ่งหน้าเข้ากดดันในบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป หมายมั่นที่จะฟาดเยี่ยจงให้ตายในทันที

 

“ซวบ——”

 

เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ในขณะนั้นเองก็ได้ถอยร่นไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะเข้าไปใกล้ยังบริเวณที่เป็นแท่นสีทอง

 

“เจ้าไม่ไหวเอาซะเลยนะ——” สิงหยวนฮวาหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าพริบตานั้นเอง เขาก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป ถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว นั้นก็เพราะว่าเขาในขณะนี้เขาได้ถูกพลังการโจมตีจากพลังแห่งเซียนกดดันเอาไว้แล้ว ถูกผนึกเอาไว้ในทันที พลังลมปราณภายในร่างกายของเขานั้นก็ได้ถูกกักเอาไว้ด้วยพลังที่เข้มแข็งกว่า

 

“เมื่อไม่มีพลังกายเนื้อไม่สูญสลาย ก็อย่าได้มาเหิ่มเกริมในสถานที่แห่งนี้!” ฝ่าเท้าของเยี่ยจงขณะนี้ก็ได้ก้าวออกไปอย่างหนักแน่น พริบตานั้นก็ได้มาปรากฏขึ้นอยู่บริเวณทางด้านหน้าของสิงหยวนฮวา เขาในขณะนี้ก็ได้ไหลเวียนพลังร่างกายขึ้นจนถึงระดับสูงสุด คว้าจับไปสิงหยวนฮวาที่พลังลมปราณภายในร่างกายถูกแท่นสีทองกดดันเอาไว้อยู่ได้ภายในพริบตาเดียว นิ้วมือก็ได้ทอเป็นประกายแสงสีทองอร่ามมุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ครืน——”

 

สิงหยวนฮวาส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด บริเวณใจกลางหน้าอกก็ได้มีโลหิตไหลออกมา เขากุมมือไปที่หน้าอก ซวนเซล้มลงไปกับพื้น ร่ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเสียงดัง

 

น่าเสียดาย ที่ทั้งหมดได้สายเกินไปแล้ว ด้วยพลังฝีมืออันแข็งแกร่งของเขา กลับกลายเป็นตัวดึงดูดสภาวะจากแท่นสีทองเข้ามาภายในพริบตา เพียงแค่นี้เขาก็กลายเป็นผู้ที่ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแล้ว

 

“เจ้ากล้า! เจ้า……” เขาพึ่งจะกล่าวออกมาได้เพียงแค่ครึ่งประโยค เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไป ฝ่ามือสีทองก็ได้ฟาดเข้าไปยังบนใบหน้าของเขา

 

“เปรี้ยง——”

 

ศีรษะของสิงหยวนฮวาก็ได้แตกระเบิดประดุจดั่งลูกแตงโมก็มิปาน ต่อให้เป็นชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สาม แต่ว่าหลังจากที่ได้ถูกกักพลังลมปราณเอาไว้แล้ว ก็ไม่แตกต่างจากบุคคลธรรมดาอยู่ดี และมีแต่ต้องถูกจัดการไปในทันที กระทั่งซากศพก็ยังถูกโยนออกไปภายในพริบตา กลิ้งไปมาอยู่ตามพื้นดิน เป็นภาพที่น่าอเนจอนาถ

 

นับตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามายังพื้นที่สุสานเซียนนี้ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการสูญเสียชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สามไป ฉากเบื้องหน้าได้ทำให้ยอดฝีมือมากมายเกิดอาการตกใจขึ้นมาอย่างมาก จากนั้นก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบในทันที

 

“เยี่ยจง เจ้าถึงกับลงมือได้โหดเหี้ยมนัก ถึงกับแม้แต่ชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สามก็ยังสังหารทิ้ง ดูเหมือนว่าเจ้าคงคิดที่จะเป็นศัตรูกับทั้งใต้หล้าแล้ว!” แล้วก็ได้มีชนชั้นราชันจำนวนมากมายพุ่งออกมา และคนเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สอง ที่หลงเหลือนั้นก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่ง

 

“ราชันปีศาจแห่งหุบเขาปีศาจ ” เยี่ยจงหัวเราะออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง ทอสีหน้าเฉยเมยจ้องมองไปยังปีศาจราชาทั้งหลาย

 

อีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีชนชั้นราชันอีกหลายคนเดินออกมา เห็นได้ชัดว่าย่อมต้องเป็นยอดฝีมือชนชั้นราชันแห่งหุบเขาเทพชิงหวิน

 

ขุมกำลังยิ่งใหญ่ทั้งสองและเยี่ยจงนั้นถือได้ว่ามีความแค้นที่ฝังรากลึกจนไม่อาจที่จะคลี่คลายได้แล้ว พวกเขาขณะนี้ย่อมทราบดีถึงความร้ายกาจของเยี่ยจงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจที่จะไม่ลงมือเพื่อเข้าต้านเยี่ยจงในขณะนี้ได้ เพราะว่า ทุกผู้คนต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดี ว่าเยี่ยจงได้ฝึกฝนพลังกายาทองไม่สูญสลาย สภาวะกายเนื้อที่ถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเหล่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดในสถานที่แห่งนี้ หากว่าปล่อยให้เขาได้เข้าไปยังภายในวงล้อมแท่นสีทองได้แล้วละก็ ก็จะกลายเป็นการคงอยู่ที่ไร้ผู้ต้านไปโดยปริยาย

 

ต่อให้พวกเขาที่เป็นชนชั้นระดับราชันเหล่านี้ขณะนี้ก็ไม่คิดที่จะรับกระบวนท่าของเยี่ยจงโดยตรง และก็ไม่อาจที่จะไม่ลงมือออกมาได้ เพราะว่าหากปล่อยให้เยี่ยจงได้เข้าใกล้ยังแท่นสีทอง ผลลัพธ์คงยากที่จะคาดคิดได้แล้ว!

 

ทว่า ในเวลาที่ได้เดินออกมา ชนชั้นราชันเหล่านี้ต่างก็ได้อยู่ในความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่ใช้ออกมาด้วยพลังลมปราณแม้แต่น้อย นั้นก็เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการดึงดูกแท่นสีทอง กักพลังลมปราณภายในร่างกายเอาไว้ และจากนั้นตนเองก็จะถูกเยี่ยจงฟาดฟันจนตาย

 

“ฮาฮาฮา——”

 

เมื่อได้มองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ เยี่ยจงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมายกใหญ่ เรื่องในวันนี้ หากปล่อยให้ถูกเล่าลือออกไป คงจะกลายเป็นที่ขายหน้าของขุมกำลังเหล่านี้ไปแล้ว

 

“อย่างพวกเจ้ายังคิดที่จะขวางทางเดินของข้าด้วยอย่างงั้นหรือ? ช่างเป็นตัวโง่งมที่เอาแต่เพ้อฝันเสียจริง!”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงหันกายไป ไม่แม้กระทั่งหันกลับไปมองเหล่ากลุ่มชนชั้นราชันที่กระโดดเข้ามาเหล่านี้ กระบี่แสงจันทร์บริเวณเหนือศีรษะก็ได้สาดเป็นประกายคมกล้าขึ้นมา เขาก็ได้ค่อยๆ ก้าวเดินออกมา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เป็นแท่นสีทองเข้าไป

 

“เชอะ——”

 

บรรยากาศของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในขณะนี้ก็ได้เดือดพล่านขึ้นมา กระนั้นถึงแม้จะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุทว่าก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะต้านบรรยากาศของแท่นสีทองเอาไว้ได้อยู่ดี แต่ว่า กลับสามารถที่จะทำให้อ่อนโทรมลงมาได้อยู่หลายส่วน เพียงแต่กระชับแน่นเอาไว้ บนร่างกายของเยี่ยจงก็ได้สาดเป็นประกายคมกล้าขึ้นมาจนสูง จนกระทั่งได้ทำให้เขาเข้าไปใกล้ยังแท่นสีทองในระยะร้อยจังได้อย่างง่ายดาย

 

ในขณะนั้นเอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงจะถึงกับพึ่งพาเพียงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุรวมเข้าพลังของกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็ก เพื่อใช้ไว้ต้านทานบรรยากาศที่มาจากแท่นสีทองเอาไว้ได้

 

และในหมู่บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นต่างก็อยู่ในสภาวะที่ยากจะก้าวเดินต่อไปได้ ขณะนี้ต่อให้ต้านทานบรรยากาศจากวิถีเซียนเอาไว้ ก็ใช่ว่าจะสามารถต้านทานเยี่ยจงได้ตามใจนึก ภายใต้การครอบคลุมของสภาวะบรรยากาศจากแท่นสีทองที่อยู่โดยรอบ กล่าวอย่างง่ายดายก็เป็นเหมือนกับการคงอยู่อย่างไร้ผู้ต้านนั้นเอง

 

“กึกกึกกึก——”

 

ท่ามกลางสนาม รวมไปจนถึงชนชั้นราชันที่ได้กระโดดเข้ามาเหล่านั้นในขณะนี้ต่างก็อยู่ในอาการอ้าปากตาค้าง ได้แต่เพียงเบิ่งตาจ้องมองไปยังทางด้านของเยี่ยจงที่ได้ก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เดินเข้ามายังภายในรัศมีของแท่นสีทองภายในระยะร้อยจังแล้ว ก็ได้เดินผ่านบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ไปทีละคน ทำเหมือนกับพวกเขาเป็นเหมือนผีสางตัวน้อยก็มิปาน เดินเข้าไปยังภายใต้แท่นสีทอง ท้ายที่สุดก็ได้ค่อยๆ ที่จะเข้าไปจนถึงแท่นบูชาสีทอง เมื่อได้เดินเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้าที่มีอักขระสีทองลอยวนเวียนอยู่

 

“เยี่ยจง! เจ้าหากว่ากล้าที่จะแตะต้องคัมภีร์วิถีเซียนแม้แต่ปลายนิ้ว วันนี้ข้าจะต้องสังหารเจ้าอย่างแน่นอน!” สือซิ่งส่งเสียงดังอย่างเย็นเยียบขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้ปะทุความโกรธชนิดหนึ่งออกมา เขาที่อยู่ในสภาวะที่ทนรับความลำบากนับหมื่นเอาไว้อยู่ คิดไม่ถึงว่าในช่วงตอนท้ายกลับต้องมาถูกเยี่ยจงก้าวนำไปได้ ความรู้สึกเช่นนี้ ได้ทำให้เขาแทบอยากจะกระอักโลหิตออกมาอย่างรุนแรง

 

“งั้นหรือ? อีกเดียวข้าขอสังหารเจ้าก่อนก็แล้วกัน!” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset