เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 514 โปรดตบหน้า

ตอนที่ 514 โปรดตบหน้า

“เชอะ——”

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ยื่นมือออกมาเพื่อลงมือ แล้วก็ได้คว้าจับเข้าไปยังใจกล้าของสิ่งที่เป็นเหมือนกับอักขระสีทองบนของแผ่นสลักหยก ในทันทีที่ได้ยื่นมือเข้าไป ก็ได้มีความรู้สึกประหลาดปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจของเยี่ยจง จนทำให้เขามีความรู้สึกสำนึกที่ระมัดระวังอย่างละเอียดขึ้นมา

ทว่า เยี่ยจงถึงอย่างนั้นก็ยังต้องฝืนใช้พลังเพื่อเข้าต้านทานเอาไว้อย่างหนักแน่น จากนั้นเขาก็ได้มองไปยังประกายแสงสีทองที่อยู่ใต้เท้า สีหน้าก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นประหลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“แผ่นสลักหยกนี้ทว่าถึงกับน่าดึงดูดถึงเพียงนี้ สิ่งที่เป็นสมบัติที่มีค่าที่แท้จริง แน่นอนว่าจะต้องอยู่ภายในท่ามกลางของแท่นสีทองอย่างแน่นอน เจ้าให้เวลาแก่ข้าหน่อย ให้ข้าได้ลองทดสอบเปิดมันดูก่อน ” เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงออกมา มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง และจากนั้นมันก็ได้ไหลเวียนลงไปตามเท้าของเยี่ยจงอย่างระมัดระวังไปจนถึงด้านบนของแท่นสีทอง เห็นได้ชัดได้กำลังพยายามวิเคราะห์เอาไว้เป็นอย่างดี

“เยี่ยจง ปล่อยคัมภีร์วิถีเซียนซะ! ไม่เช่นนั้นเจ้าในครั้งนี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว!” บริเวณทางด้านหลัง ก็ได้มีผู้คนมากมายประดุจกำลังกระอักโลหิตออกมาอยู่ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้ก็ได้ลงมือออกมาพร้อมกัน ภายใต้สภาวะที่ยากลำบาก ต่างก็ได้ยื่นมือหาวิธีที่จะเพื่อไปยังแผ่นสลักหยกนั้น และเยี่ยจงผู้นี้กลับโชคดี ถึงกับสามารถที่จะครอบครองอักขระวิถีเซียนมาอยู่ในมือได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกเช่นนี้ได้ทำให้ผู้คนยากที่จะยอมรับได้ จนเกิดความเกลียดชังเยี่ยจงจนแทบจะฟาดให้ตายคามือ

เมื่อได้มาถึงในเวลานี้เอง จึงค่อยมีคนมากมายที่เข้าใจได้ขึ้นมา ว่าเพราะเหตุใดเหล่าอัจฉริยะผู้ที่ได้เข้าไปยังสมรภูมิฮวงกู่ ดินแดนขนาดเล็กของศิลาตะวันบริสุทธิ์ แต่ละคนต่างก็ได้ถูกเยี่ยจงฟาดฟันจนตายตกไป นั้นก็เพราะว่าด้วยการกระทำของเด็กน้อยผู้นี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เสมือนกับไม่เกรงกลัวฟ้าดินเลยก็ว่าได้

“พวกเขาที่ทำเช่นนี้ต้องการที่จะข่มขู่ข้าอย่างงั้นหรือ? หากว่าอีกสักครู่ข้านั้นได้ฟาดบุตรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าตายลงไปอย่างไม่ระวังแล้วละก็ พวกเจ้าก็อย่าได้โทษว่าข้าไปก็แล้วกัน ” เยี่ยจงตอบกลับไป เหม่อมองไปยังบริเวณทางด้านหลัง ทอสีหน้าเย้ยหยันขึ้นมา เดิมทีเขาในขณะนี้สมควรที่จะต้องบีบยันต์ปราณเคลื่อนย้ายเพื่อที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เป็นอันดับแรกจึงจะถูกต้อง แต่ว่าจากคำพูดของเสี่ยวหลุนนั้นยังกล่าวอยู่ว่าสมบัติที่แท้จริงนั้นยังมิได้ตกมาอยู่ในมือ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องยื้อเวลาในขณะนี้ไปอีก

ในระหว่างที่สิ้นเสียงจากคำพูดของเยี่ยจง ผู้คนทั้งหมดก็ได้เกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมาภายในจิตใจ เวลาในขณะนี้เอง ยอดฝีมือระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์กลุ่มใหญ่นี้ก็ได้ถูกผนึกลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ แต่ทว่าด้วยสภาวะของพลังกายาทองไม่สูญสลายของเยี่ยจงรวมเข้าด้วยกันกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุ จึงทำให้มีอิสระในการเคลื่อนไหวขึ้นมา

หากว่าเขาต้องการที่จะลงมือออกไปจัดการกับคนทั้งหมดแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะฆ่าสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้เลย ควรทราบว่า เยี่ยจงก่อนหน้านี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่สามารถกระทำการสังหารหมู่แล้วมาก่อน ผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้จดจำเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว ในครั้งเข่นฆ่าสังหารในครั้งนั้น ได้ทำให้ขุมกำลังไม่น้อยปล่อยวางความคิดที่จะไล่ล่าสังหารเขาต่อ อย่างน้อยก็เป็นการปล่อยปละในเบื้องหน้า เพราะว่าผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจได้ว่า เด็กน้อยผู้นี้หากว่าปล่อยให้เติบใหญ่ขึ้นมาได้แล้วละก็ แน่นอนว่าจะต้องมีความคิดลงมือกลับมาอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน

หากว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์กลุ่มใหญ่นี้ต้องมาตายตกในสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดจริงแล้วละก็ ผลลัพธ์เช่นนี้ คงจะต้องกลายเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นของผู้คนอย่างแน่นอน ควรทราบว่า การที่จะกลายมาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ ที่เป็นเหมือนดั่งผู้สืบทอดของขุมกำลังแห่งยุคของแต่ละฝ่าย อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งแห่งขุมกำลัง กล่าวกันโดยส่วนมากแล้ว ต่างก็ถือได้ว่าเป็นเหมือนตัวแทนของจ้าวสำนัก จ้าวลัทธิ หากว่าบุคคลเฉกเช่นนี้ตายไปแล้วละก็ ต่อให้ตายไปแม้แต่คนเดียว คาดว่าคงจะต้องกลายเป็นเรื่องที่พลิกฟ้าสะเทือนดินได้อย่างแน่นอน

เรื่องราวเมื่อได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยอดฝีมือบริเวณทางด้านหลังก็ไร้สุ้มเสียงขึ้นมา แต่ละคนเหม่อมองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายหวาดหวั่นของเยี่ยจง ตามความเป็นจริง หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุคเหล่านี้ เมื่อต้องมาพบเจอกับเยี่ยจง ต่างก็คงจะต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาภายในจิตใจอย่างแน่นอน

“ซวบ——”

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเหนือศีรษะของเยี่ยจง ร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยสภาวะประกายแสงสีทองประดุจฝนตกลงมาก็ได้เคลื่อนไหวด้วยตัวของมันเอง เขาก็ได้เดินมือไพล่หลังไปยังทางด้านของสือซิ่งที่อยู่ทางด้านหน้า จากนั้นก็ได้ทอประกายดวงตาของมือสังหารแกว่งแผ่นสลักหยกไปมา หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า : “นี้มิใช่องค์ชายหกแห่งรัฐสือของพวกเราอย่างงั้นหรือ? ในครั้งที่แล้วเจ้าถูกข้าทุบตีจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น เหตุใดถึงได้รีบร้อนที่จะกลับมาคิดบัญชีได้เร็วถึงเพียงนี้กัน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไม่ได้รับการสั่งสอนมาหรืออย่างไรกันนะ?”

“เจ้า——” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา เตรียมพร้อมตระเตรียมที่จะฟาดเยี่ยจงให้ตายทุกวินาที

“เจ้าอะไรเจ้ากัน? เจ้าเมื่อครู่พึ่งจะบอกว่า หากว่าข้าหาญกล้าที่จะแตะต้องคัมภีร์วิถีเซียนแม้แต่ปลายเล็บแล้วละก็ เจ้าจะต้องฆ่าข้าในวันนี้อย่างแน่นอน หรือไม่ก็เจ้าลองบอกข้าในตอนนี้หน่อยสิว่า เจ้าตระเตรียมที่จะสังหารข้าเช่นไรกัน? ดีหรือไม่?” เยี่ยจงคว้าจับไปยังแผ่นสลักหยกที่อยู่ภายในมือ รอยยิ้มก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างเย็นชา

“เจ้าอีกไม่นานก็จะทราบได้เอง!” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม เขาเอ่ยปากขึ้นมาอย่างช้าๆ สีหน้ามิได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก

“ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้านั้นจะต้องกลายเป็นผีสางตัวโตได้อย่างแน่นอน!”

แผ่นสลักหยกในมือของเยี่ยจงก็ได้ถูกกวาดออกไปในทันที แล้วก็ได้ถูกเขาฟาดเข้าไปยังบริเวณแก้มฝั่งขวาของสือซิ่ง

“เปรี้ยง——”

สือซิ่งก็ได้ลอยปลิ้วกระเด็นออกไป แต่ว่าร่างกายก็ได้ถูกหยุดลงอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว เพราะว่า ภายใต้แรงกดดันของแท่นสีทองวิถีเซียน เขาก็ยากที่จะควบคุมเอาไว้ได้

“ได้ถูกคัมภีร์วิถีเซียนตบเข้าไปที่ใบหน้า มีความรู้สึกถึงการรับรู้แห่งความเข้าใจบ้างหรือไม่?” เยี่ยจงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ระหว่างนั้นก็ได้พลิกแผ่นสลักหยกในมือไปมา ราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้มิใช่คัมภีร์วิถีเซียนที่เป็นถึงสิ่งที่บันทึกมรรคะสูงสุดเอาไว้ เพียงแต่เป็นวัตถุที่ใช้ไว้สำหรับตบหน้าก็มิปาน

“เจ้าหนู เจ้าไม่กล้าที่จะสังหารข้า เจ้าเองก็ไม่กล้าที่จะสลายวัตถุชิ้นนี้ไปเช่นกัน ข้าจะดูว่าเจ้าจะเหิมเกริมได้อีกนานแค่ไหนกัน!” ภายในดวงตาของสือซิ่งก็ได้ปรากฏโทสะขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่เยี่ยจง สักพักก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“ผัวะ——”

แผ่นสลักหยกภายในมือของเยี่ยจงก็ได้เปล่งเป็นประกายคมกล้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ได้กวาดเข้าไปยังใบหน้าฝั่งซ้ายของสือซิ่ง เมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ร่างกายสือซิ่งก็ได้เข้ากระแทกชนกับพื้นดินอย่างรุนแรง บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยประทับขึ้นมา

“หากว่าข้าเป็นเจ้าแล้วละก็ ขณะนี้คงจะต้องหุบปากลงอย่างว่าง่ายแล้ว จากนั้นก็จะร้องขอให้ตบไปที่ใบหน้าของตนเองด้วยความรู้สึกที่ยินดีที่ได้รับรอยประทับเช่นนี้ นั้นก็เพราะว่าไม่แน่ว่าเจ้าในวันข้างหน้าอาจจะได้กลายเป็นตัวตนที่มีรอยประทับที่แฝงเอาไว้ด้วยมรรคะแห่งรากฐานอันยิ่งใหญ่ก็เป็นได้ ” เยี่ยจงกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มจ้องมองไปทางด้านสือซิ่ง ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา

โดยรอบ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายก็ได้สีหน้าแปรเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน แต่ว่ากลับมิได้เอ่ยปากขึ้นมา และบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ได้แต่เพียงยืนอยู่บริเวณทางด้านหลังเหม่อมองไปยังทางด้านของสือซิ่งด้วยแววตาที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ท่ามกลางระหว่างที่กระอักโลหิต ในระหว่างนั้นก็ได้เกิดความลังเลขึ้นมาระยะเวลาหนึ่ง

เห็นได้ชัด บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ผลสุดท้ายคนที่จะได้รับคัมภีร์วิถีเซียนคงจะมีได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น อีกทั้ง ขณะนี้คนผู้นั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเยี่ยจงกว่าแปดส่วน และพวกเขาก็คงจะต้องมือเปล่ากลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ว่า ถ้าหากเป็นในสถานการณ์เช่นนี้แล้วละก็ เยี่ยจงที่ได้นำแผ่นสลักหยกกวาดเข้าประทับเข้าไปบนใบหน้าของเด็กน้อยผู้มั่งมีผู้นี้ ก็คงจะต้องหลงเหลือรอยประทับเอาไว้ละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องได้รับประโยชน์ที่เทียบได้มาจากฟ้าก็เป็นได้

ดังนั้น ขณะนี้ภายในดวงตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่งก็ได้จ้องเขม็งรอคอยอย่างเย็นชา แต่ว่ากระนั้นก็ยังคงไม่มีผู้คนเอ่ยปากขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าด้วยความคิดที่น่าขายหน้าถึงเพียงนี้ การที่มีสถานะเป็นถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักแห่งหนึ่ง ขณะนี้ถึงกับต้องมาขอร้องให้ผู้คนตบไปใบหน้าตนเองด้วยความตื่นเต้นเช่นนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยต่างก็ได้แต่เพียงเก็บงำความนึกคิดเอาไว้แต่เพียงภายในจิตใจเท่านั้น แต่ก็เกือบที่จะมีผู้คนที่เกิดความอัดอั้นจนแทบจะยื่นหน้าออกไป

เยี่ยจงผู้นี้ ก็ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ใช้เวลาเพียงสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี ระหว่างนั้นก็ได้กลายเป็นปรปักษ์กับทั่วทั้งดินแดนซีฮวงได้

บนใบหน้าของเยี่ยจงก็ได้สลายรอยยิ้มลง เหมือนดั่งพบเห็นสิ่งที่เหล่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายกำลังคิดอยู่ก็มิปาน จากนั้นเขาก็ได้หันหน้ากลับไปมองบริเวณอีกทางด้านหนึ่งอย่างช้าๆ แล้วก็ได้หยุดอยู่บนร่างกายของผู้คนไม่น้อย

บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักอัสนีลี้ลับ、ราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ、องค์ชายเผ่าปีก、สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือ……คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน

กล่าวกันตามตรง บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างก็เรียกได้ว่าได้เผชิญหน้ากับเยี่ยจงเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ แต่ว่าทั้งสองฝ่ายนั้นได้มีความแค้นฝังลึกเอาไว้จนยากที่จะคลี่คลายได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวกับการสูญสลายของลัทธิแห่งดวงดาวเมื่อครั้งกระนั้น เยี่ยจงก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยไปอยู่แล้ว;อีกทั้งคงจะต้องเกิดการไล่ล่าไปชั่วชีวิตของเขาก็เป็นได้ ส่วนเรื่องอื่นนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

อีกทั้งสำหรับคนอื่นๆ ถ้าหากเป็นอย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งพรรคหยินหยาง、สตรีหิมะแห่งตำหนักเยือกแข็งลี้ลับเป็นต้น ทางด้านนั้นก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เกรงว่าหากเยี่ยจงคิดได้ไม่คลายแล้ว จะจัดการแม้กระทั่งพวกเขาด้วยก็เป็นได้

ต่อมา หลังจากที่ได้ฟาดไปที่ใบหน้าอยู่อีกหลายครา บนใบหน้าก็ได้ทิ้งรอยประทับของคัมภีร์วิถีเซียนเอาไว้ บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยก็ได้มีความคิดบางอย่างที่ติดอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ แต่ว่าคำถามก็คือ เกรงว่าเยี่ยจงจะเป็นบ้าขึ้นมา จัดการเข่นฆ่าสังหารผู้คนทั้งหมดท่ามกลางสถานที่แห่งนี้จนสูญสลายไปจนรหมดสิ้น ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็คงจะต้องจบสิ้นกันแล้ว

อีกทั้งเหล่ายอดฝีมือที่อยู่บริเวณทางด้านหลัง ขณะนี้แต่ละคนต่างก็รู้สึกแสบคันอยู่บริเวณบนใบหน้าขึ้นมา โดยเฉพาะชนชั้นราชันหลายคนที่มาจากหุบเขาเทพชิงหวินและหุบเขาหมื่นปีศาจที่พึ่งจะกระโดดเข้ามาเมื่อครู่นี้ ขณะนี้ต่างก็เกิดความเสียใจอันแน่นอยู่ภายในอก หากว่าทราบแต่แรกว่าเยี่ยจงถึงกับสามารถที่จะเคลื่อนไหวตัวเองอยู่ภายในสภาวะแรงกดดันจากวิถีเซียนแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้ฟาดพวกเขาให้ตาย พวกเขาก็คงจะไม่หาญกล้าพอที่จะกระโดดเข้าไปตอแยเยี่ยจงอย่างแน่นอน ขณะนี้หากว่าปล่อยให้เยี่ยจงลงมือทั้งหมดทั้งมวลแล้วละก็ พวกเขาแน่นอนว่าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน

สายตาของเยี่ยจงก็ได้ไหลเวียนอยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ไปมา หลังจากนั้นเอง เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง แต่ก็มิได้ลงมือออกมาแต่อย่างไร หรือแม้แต่การจะจัดการกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ทั้งหมด

เหตุผลนั้นง่ายดายอย่างยิ่ง นั้นก็เพราะว่าบริเวณภายนอกนั้นยังคงมีชนชั้นมหาราชันอยู่สิบกว่าคนที่คอยเฝ้าระวังเอาไว้อยู่ หากว่าจัดการกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ทั้งหมดไปจริงแล้วละก็ เช่นนั้นเหล่ามหาราชันเหล่านั้นคงจะไม่ไว้หน้าอย่างแน่นอน อาจจะถึงขั้นตามล่าเพื่อที่จะฆ่าสังหารเขาไปจนถึงสรวงสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เมื่อมาจนถึงเวลานี้เอง ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์อย่างซือคงจาหรือว่าไต๋ซือหวู่โหวร่วมมือกัน ก็ใช่ว่าจะช่วยเขาคลี่คลายปัญหานี้ไปได้

ในเวลาเดียวกัน ในชั่วพริบตานั้นเองเยี่ยจงก็ได้ตรวจสอบพบว่า บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อย่างน้อยก็ยังมีไพ่ใต้อยู่ในมือ หากว่าต้องถูกกดดันจนจนตรอกจริงแล้วละก็ แล้วเปิดใช้ไพ่ตายเหล่านี้ออกมา เกรงว่าคงจะต้องกลายเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน

ในขณะที่กำลังขมวดคิ้ว เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวออกไป ในครั้งนี้เขาก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณทางด้านหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ

หุบเขาหมื่นปีศาจได้ไล่ล่าเยี่ยจงอยู่นับครั้งไม่ถ้วน จนทำให้เขานั้นไม่อาจมีที่ยืนอยู่ในภายในใต้ฟ้าบนดินแห่งนี้ ในครั้งนี้เมื่อได้พบพานราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ เขาเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่นับครั้งไม่ถ้วนในทันทีเช่นเดียวกัน

“เจ้าสังหารข้าไม่ได้หรอก ” ราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ได้มีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมา บริเวณทางด้านหลังร่างกายของเขานั้นก็ได้มีประกายแสงแห่งเทพทั้งห้าสายขึ้นมา จนทำให้เขาราวกับไม่อาจที่จะพ่ายแพ้ไปได้

“ข้าทราบดีว่าเจ้าคงจะต้องเก็บงำไพ่ใต้ที่มีไว้รักษาชีวิตเอาไว้ แต่ว่าข้าขณะนี้เมื่อได้ใช้ออกมาแล้วละก็ การที่จะสังหารเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นเดียวกัน ” เยี่ยจงเกิดอาการคันตามไรฟัน ยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาแล้วกล่าว

“เช่นนั้นเจ้าก็รีบทดลองออกมาดูสิ ” นกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมาย เห็นได้ชัดเขานั้นย่อมทราบเป็นอย่างดี ด้วยความแค้นระหว่างหุบเขาหมื่นปีศาจและเยี่ยจงแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ เขาสามารถที่จะไม่ยุ่ง แต่ว่าแน่นอนว่าย่อมไม่เกรงใจต่อเขาอย่างแน่นอน

“ราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจของพวกเจ้าได้ถูกข้าสังหารไปแล้วไม่น้อยเลย อีกเดี๋ยวค่อยมาสังหารเจ้าอีกครั้ง รอคอยจนข้าจัดการกับสือซิ่งด้วยวัตถุเซียนนี้ก่อน เจ้ารออีกหน่อยนะ ” เยี่ยจงเหมือนดั่งกำลังกล่าว “ต้องขออภัย” ออกมาจากนั้นก็พยักหน้าไปยังทางด้านหน้าราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ได้หันเปลี่ยนไปหมายมั่นที่จะทำการสังหารไปยังอีกหลายคน แล้วก็ได้เดินเข้าไปก้าวหนึ่ง แล้วก็ได้เดินเข้าไปยังบริเวณทางด้านในติดต่อกันไปยังทางด้านของสือซิ่ง

“ผัวะ——”

“เมื่อครู่เดิมทีคิดที่จะปล่อยเจ้าไปอยู่แล้ว แต่ว่าเห็นว่าองค์ชายหกถึงกับมีจิตสังหารต่อข้าไม่เสื่อมคลาย ข้าก็ไม่อาจที่จะหยุดลงมือได้ องค์ชายหก ต้องขออภัยด้วยแล้ว!” แผ่นสลักหยกในมือของเยี่ยจงก็ได้กวาดเข้าไปอีกครั้ง ในครั้งนี้ก็ได้กระแทกเข้าไปยังด้านบนทรวงอกของสือซิ่ง จนทำให้ร่างกายของสือซิ่งกระเด็นลอยออกไปอยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นก็ได้หยุดลงอยู่ท่ามกลางอากาศ

“ไม่เลวเลยทีเดียว นี้มิใช่เพียงแต่เป็นแค่คัมภีร์วิถีเซียน ยังถือได้ว่าเป็นสมบัติสูงสุดในตัวของมันเอง วัตถุชิ้นนี้เจ้าต้องช่วยข้าเก็บเอาไว้ให้ดี อีกไม่นานข้าจะไปชิงกลับมาด้วยตนเอง ” สือซิ่งทอสีหน้าบ้าคลั่งขึ้นมา แก้มบนใบหน้ายิ่งทวีแดงก่ำขึ้น หัวเราะกล่าวขึ้นมาอย่างเยียบเย็น

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset