เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 515 สอดมือ

ตอนที่ 515 สอดมือ

 

“ไม่เพียงแต่แค่องค์ชายรัฐสือแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์เรา ผู้น้อยขอยอมรับว่า หากไม่ส่งคัมภีร์วิถีเซียนให้แก่พวกท่านๆ มากเสียหน่อยแล้วละก็ ผู้น้อยคงจะต้องรู้สึกลำบากใจอย่างแน่นอน ”

 

เยี่ยจงถอนหายใจออกมา แผ่นสลักหยกในมือก็ได้ถูกฟาดตีออกไปติดต่อกัน กวาดเข้าไปบนใบหน้าของสือซิ่งไม่หยุด ทุบตีจนใบหน้าของเขาเกิดเสียงดังเพียะเพียะขึ้นมา

 

ร่างกายของสือซิ่งก็ได้ลอยขึ้นมาอยู่ท่ามกลางอากาศ ถึงแม้ว่าจะไม่อาจที่จะกระเด็นออกไปได้ในระยะที่ไกลมากนัก แต่ว่าก็ยังคงโงนเงนซ้ายทีขวาทีไม่หยุด ประดุจดั่งตุ๊กตาล้มลุกก็มิปาน เพียงแต่ว่าเยี่ยจงนั้นได้ควบคุมพลังเอาไว้เป็นอย่างดี มิได้ทุบตีจนเขาออกไปจากเขตแดนแรงกดดันจากการปกคลุมที่อยู่บนแท่นที่สีทอง และก็แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทุบตีจะตายอีกด้วย แต่ทว่ากลับทำให้ใบหน้าของเขานั้นบวมจนกลายหัวหมู

 

หลังจากที่ได้กวาดไปแล้วสิบกว่าครา เยี่ยจงสะบัดแผ่นสลักหยกในมือไปมา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏรังสีสังหารขึ้นมา

 

หากว่าสามารถแล้วละก็ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องฆ่าสังหารสือซิ่งในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นทั้งหน้าหลังเกลียดอย่างแท้จริง ต่อให้อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังคงแสดงท่าทีที่หยิ่งผยองออกมาไม่เสื่อมคลาย จนทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกไม่พอใจอย่างถึงที่สุด

 

“ฆ่าแล้วค่อยว่ากันเถอะ กับบุคคลเช่นนี้หากว่าไม่ตายไป ก็คงจะต้องสร้างเรื่องน่ารำคาญได้มากกว่าตายไปเสียอีก!” ความคิดเช่นนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในห้วงสมองของเยี่ยจงภายในพริบตา พริบตานั้นเอง เขาก็ได้ขยับเคลื่อนไหวคราหนึ่ง กระบี่แสงจันทร์ที่ปรากฏอยู่เหนือศีรษะก็ได้สาดเป็นประกายคมกล้าขึ้นมาเป็นสาย มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณใจกลางหน้าอกของสือซิ่งเข้าไป

 

“ซวบ——”

 

คมกระบี่อันน่าหวาดกลัวก็ได้พวยพุ่งออกไป แผ่กระจายแรงกดดันจนถึงขีดสุด ในขณะนี้เองก็ได้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นกดดันจากพลังแห่งเซียนบริเวณทางด้านของแท่นสีทอง จนทำให้สภาวะกระบี่ตกทอดเข้าไปยังทางด้านของสือซิ่ง

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ได้เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงผู้นี้ก็ร้ายเกินไปแล้ว ถึงกับหาญกล้าที่จะสังหารให้ตายลงไปจริง ควรทราบว่า แรงกดดันของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุถือได้ว่าน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นเพียงแค่ครึ่งชิ้น ต่อให้เป็นพลังฝีมือของเยี่ยจง ไม่แต่เป็นแค่เพียงการกระตุ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าในสภาพเช่นนี้หากว่าต่อสู้ออกไปแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะสังหารบุคคลระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงคนหนึ่งอยู่แล้ว

 

“ฮูม——”

 

สภาพอากาศก็ได้เกิดการสั่นไหวไปมาอย่างช้าๆ จนแทบจะทำให้ถูกเยี่ยจงสังหารลงไปภายในพริบตา บริเวณใจกลางหน้าอกของสือซิ่งก็ได้ทอเป็นประกายคมกล้าขึ้น แล้วก็ได้มีรอยประทับสีทองปรากฏขึ้นมา ขวางกั้นบริเวณทางด้านหน้าของเข้า

 

“ติง——”

 

เสียงดังเสียดแก้วหูก็ได้ดังลอดออกมา รอยประทับขนาดใหญ่นี้ก็ได้เข้าต้านทานกระบวนท่าสังหารของเยี่ยจงลงได้ภายในพริบตา ในเวลาเดียวกันก็ได้มีตัวอักษร” จักรพรรดิ” อันน่าหวาดหวั่นปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ประดุจดั่งมีชีวิตก็มิปาน จนมุ่งหน้าฆ่าสังหารเข้าไปยังทางด้านของเยี่ยจง

 

ตราแห่งราชาแดนมนุษย์รัฐสือ!

 

สือซิ่งนี้ก็ช่างอดทนมาได้ตลอดเสียจริง แม้ว่าจะมิได้ลงมือ และจนถึงขณะนี้เขาจึงค่อยใช้ออกมาด้วยไพ่ตายเช่นนี้ออกมา คิดที่จะสังหารเยี่ยจงลงภายในกระบวนท่าเดียว

 

“นั้นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแห่งรัฐสืองั้นหรือ? ไม่ถูกต้อง นี้เหมือนกับเครื่องมือต้องห้าม!”

 

เยี่ยจงในขณะนี้เองก็ได้เกิดอาการขนลุกขึ้นมา ระดับอย่างเด็กน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ที่แท้ก็ไม่มีคนใดที่ง่ายจะต่อกรด้วยได้ ถึงกับมีการเตรียมการลงมือเช่นนี้เอาไว้เป็นอย่างดี

 

“อะไรกัน? นี้มันเครื่องมือต้องห้าม ที่ลือกันว่าถูกหลอมสร้างขึ้นมาก็เพื่อที่จะทดแทนการใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุจากรัฐสือ สามารถที่จะใช้การโจมตีหลายระลอกของชนชั้นมหาราชันภายในกระบวนท่าเดียวได้ เยี่ยจงจบสิ้นแล้ว!”

 

“ต่อให้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุแล้วจะอย่างไร? ถึงแม้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุจะแกร่งกว่าเครื่องมือต้องห้าม แต่ว่า นี้ก็ต้องดูเช่นเดียวกันด้วยว่าเป็นผู้ใดใช้ออกมา ขณะนี้ขอบเขตของเยี่ยจงยังต่ำจนเกินไป ต่อให้ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุ ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะต้านเครื่องมือต้องห้ามของสือซิ่งได้!”

 

“คิดไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้จะถึงกับเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ออกมาได้ในท้ายที่สุด องค์ชายหกรัฐสือที่แท้ก็จัดได้ว่าเป็นชนชั้นแนวหน้า ถึงกับสามารถที่จะใช้ไม้นี้ออกมาเพื่อที่จะพลิกสถานการณ์ในท้ายที่สุดได้

 

คนมากมายต่างก็กลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ ก่อนหน้าพริบตานั้นเอง ยังคงเป็นเยี่ยจงกำลังทุบตีกดดันสือซิ่งอยู่ ซัดจนใบหน้าของเขาบวมจนกลายเป็นหัวหมู แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ จนทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะกล่าวอันใดออกมาได้

 

“มีแต่เพียงเจ้าที่มีเครื่องมือต้องห้ามงั้นหรือ?”

 

เยี่ยจงก็ได้สาดประกายแววตาขึ้น พริบตานั้นก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา ในขณะนี้เองเขาก็ถอยจนไม่อาจที่จะถอยไปได้อีก ทว่าบริเวณภายในใจกลางหน้าอกก็ได้สาดเป็นประกายขึ้น เตาหลอมขนาดเล็กชิ้นหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งยังมีการโจมตีที่น่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบพวยพุ่งออกมาเช่นเดียวกัน

 

“ฮูม——”

 

สภาวะภายในอากาศ การโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้โจมตีเข้าหากันในเวลาเดียวกันจนเกิดคลื่นพลังแห่งการทำลายขึ้นท่ามกลางอากาศ ควรทราบว่า สถานที่นี้มีแรงกดดันสภาวะเซียนอยู่ นอกเสียจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแล้ว ก็คงจะมีแต่เพียงเครื่องมือต้องห้ามที่สามารถใช้ต่อสู้ออกมาได้ และส่วนสมบัติเซียนชนิดอื่นนั้นกลับไม่มีชิ้นใดที่สามารถใช้ออกมาได้เลยแม้แต่น้อย นั้นก็เพราะว่าจำเป็นที่จะต้องใช้พลังลมปราณในการควบคุมเอาไว้

 

“นั้นมัน เครื่องมือต้องห้าม——”

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายก็ได้มีปฏิกิริยากลับมาได้ภายในพริบตา แล้วก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนเป็นเหม่อลอยเช่นเดียวกันมองไปยังทางด้านเยี่ยจง

 

เครื่องมือต้องห้ามเดิมทีแล้วมิได้เป็นตัวบ่งบอกอะไรได้ ส่วนมากแล้วสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยการโจมตีของ ชนชั้นมหาราชันเพียงสองสามครั้งเท่านั้น โดยส่วนมากจึงมีไว้เพื่อใช้เป็นไพ่ตายคุ้มครองชีวิตเอาไว้

 

แต่ว่า เมื่อมีเครื่องมือต้องห้าม โดยเฉพาะการมีเครื่องมือต้องห้ามมีสมบูรณ์อยู่กับตัวชิ้นหนึ่ง ตัวของมันมีเพียงแค่ความหมายเดียวเท่านั้น นั้นก็คือเหมือนกับว่าเบื้องหลังนั้นยังมีชนชั้นมหาราชันช่วยเหลืออยู่อย่างน้อยก็ผู้หนึ่ง

 

และขณะนี้เยี่ยจงถึงกับสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้ามที่สมบูรณ์ชนิดหนึ่งขึ้นมาได้ ฉากนี้ได้ทำให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไม่อาจที่จะไม่คาดเดาต่างๆ นานา ภายในจิตใจได้

 

“เครื่องมือต้องห้ามของข้านั้นทั้งไม่มากไม่น้อยไป เพียงสามารถที่จะใช้อีกสองครั้งเท่านั้น องค์ชายหกมีความสนใจที่จะเล่นต่ออีกหรือไม่กัน?” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ทอสีหน้ากลับคืนสู่ความปกติ

 

สือซิ่งก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไป เครื่องมือต้องห้ามโดยส่วนมากแล้ว เพียงสามารถที่จะใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น การที่จะสามารถใช้ออกมาได้ถึงสามครั้ง โดยส่วนมากแล้วจะต้องเป็นสิ่งของที่ชนชั้นมหาราชันนำติดตัวเพื่อหลอมสร้างขึ้นมาสิบกว่าปี เดิมทีแล้วเขานั้นยังพอมีความเชื่อมั่นที่จะจัดการกับเยี่ยจงลงได้ แต่ว่าสีหน้าในครั้งนี้กลับเปลี่ยนจนกลายเป็นปั้นยากขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ

 

พริบตานั้นเอง เครื่องมือต้องห้ามบริเวณทางด้านหน้าร่างของเขาก็ได้ลอยกลับไปยังบริเวณใจกลางหน้าอก เพื่อทำการป้องกันสติของเขา เห็นได้ชัดว่า หากมิใช่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็น เขาก็คงจะไม่ใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้ามประจำรัฐออกมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

“ข้าถือได้ว่าเข้าใจขึ้นมาได้แล้ว ขอเพียงไม่สังหารเจ้า เจ้าก็คงจะไม่ใช้เครื่องมือต้องห้ามนี้ออกมา ในเมื่อไพ่ใบนี้มีไว้เพื่อคุ้มครองชีวิตเจ้า ยอดมาก ขอเพียงเข้าใจในข้อนี้ได้ ไม่สังหารเจ้าก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้ว!” เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นเยียบขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกไปทางด้านหน้า แผ่นสลักหยกในมือก็ได้ถูกกวาดออกไปอีกครั้ง ขณะนี้ภายในดวงตาของเขาก็ได้ปรากฏอารมณ์โกรธเกรี้ยวขึ้นมา เมื่อครู่หากว่าเขาไม่มีการเตรียมการมาแต่แรกแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องถูกสือซิ่งจัดการจนไม่เหลือซากอย่างแน่นอน

 

“เพียะเพียะเพียะ——”

 

แผ่นสลักหยกใจกลางฝ่ามือของเยี่ยจงก็ได้ตบออกไปไม่หยุด ในครั้งนี้ก็ได้ตบเข้าไปที่บนใบหน้าของสือซิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า ทุบตีจนเดิมทีแล้วที่เขามีใบหน้าที่ห้าวหาญขณะนี้ก็ได้กลายเป็นคล้ายดั่งหัวสุกรขึ้นมา

 

ทางด้านของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา ถึงแม้ว่าเรื่องจะดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ เยี่ยจงแม้จะไม่จำเป็นที่จะต้องสังหารผู้คน แต่ว่าการทุบตีสะบัดใบหน้าของผู้คน ถือได้ว่าเป็นที่น่าอับอายจนไม่อาจที่จะไปสู่ขอแม้แต่ภรรยาได้แล้ว

 

“เยี่ยจง เจ้าจำเป็นอย่างงั้นหรือ……เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ ตนเองในครั้งนี้ไม่อาจที่จะสังหารข้าได้ ” สือซิ่งก็ได้พ่นโลหิตออกมาคำหนึ่ง อีกทางหนึ่งก็ทอสีหน้าเยียบเย็นขึ้นมา “เจ้าทางที่ดีระวังเอาไว้หน่อยละ หากทำให้แผ่นสลักหยกของข้าเสียหายแล้วละก็ ข้าจะเอาชีวิตเจ้ามาชดใช้ ”

 

“เพียะ——”

 

เยี่ยจงพลิกมือตบกลับไปจนเกิดเสียงดุจเดิมขึ้นมาอีกครั้ง ฝ่ามือนี้ทุบตีจนจมูกของสือซิ่งไม่คล้ายกับว่าเป็นจมูก ดวงตาไม่คล้ายดวงตา

 

หลังจากที่ได้กวาดฝ่ามือนี้จนจบแล้ว เขาจึงค่อยได้หัวเราะขึ้นมา กล่าวออกมาเสียงเย็นชา : “เจ้ารอก่อนเถอะ อีกไม่นาน ข้าจะจัดการกับเจ้าเอง ”

 

“งั้นหรือ? คิดที่จะจัดการข้า ใช้สมบัติเซียนธรรมดาย่อมไม่อาจที่จะทำได้ อย่างน้อยที่สุดก็คงจะต้องใช้สิ่งที่อยู่ในระดับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ เจ้ายังมีอีกหรือไม่? อย่าคิดว่ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุจะได้ใจไปได้หรอกนะ ” สือซิ่งส่งเสียงหัวเราะออกมาติดต่อกัน

 

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าอีกไม่นานก็จะมีเพิ่มอีกชิ้นแล้วละ!” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา เขาก็มิได้ลงมือต่ออีก เพียงแต่ขยับร่างกายคราหนึ่ง ถอยกลับไปยังทางด้านบนของแท่นสีทอง เพราะว่าเมื่อครู่เสี่ยวหลุนก็ส่งเสียงออกมาแล้วว่า บอกว่าได้รับสิ่งของมาแล้ว

 

“เป็นอย่างไร? ได้ของมาอยู่ในมือแล้วอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงส่งเสียงขึ้น มิได้สนใจคนอื่นๆ

 

“ถือว่าได้มาอยู่ในมือแล้ว ทว่า ช่างเถอะ เจ้าดูเองก็แล้วกัน ” เสี่ยวหลุนกลับเข้าไปยังท้ายขวาของเยี่ยจงอย่างระมัดระวังจนขึ้นมาถึงอยู่บริเวณใจกลางฝ่ามือ จากนั้นก็ได้มีสิ่งของชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาอยู่บริเวณใจกลางฝ่ามือของเขา

 

สิ่งนี้เป็นเพียงชิ้นเหล็กสีเหลืองเข้ม ด้านบนได้มีรอยสลักประหลาดอยู่ นอกเหนือจากนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ใดที่มีความพิเศษอันใด แต่ว่าเป็นแค่เพียงเศษชิ้นส่วนสีเหลืองเข้มเช่นนี้งั้นหรือ อีกทั้งด้วยน้ำหนักยังถือได้ว่าเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ หากมิใช่ว่าเยี่ยจงนั้นกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็กแล้วละก็ ก็คงจะไม่อาจที่จะจับห วัตถุนี้เอาไว้ได้อยู่

 

“นี้ที่แท้แล้วคือ——” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ทอสีหน้าสงสัยขึ้นมา

 

“นี้เป็นเศษชิ้นส่วนของสมบัติประหลาดแห่งสวรรค์ชิ้นนั้น ไม่ทราบว่าในสมัยก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ของสิ่งนี้ถึงกับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นนี้ได้ ทว่าต่อให้มีเพียงแค่ชิ้นเดียว วัตถุนี้ก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด อีกทั้งทำลายยังพอที่จะสามารถต้านทานอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริงเอาไว้ได้ ทว่าขณะนี้มิใช่เวลาที่จะมานั่งวิเคราะห์ หลังจากนี้ค่อยพิสูจน์กันอีกครา ยังมีแผ่นสลักหยกในมือของเจ้าก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้ไม่มีเวลาแล้ว พวกเรายังคงนำสิ่งของเก็บเอาไว้จะดีเสียกว่า คงได้เวลาก็ถอยกันแล้ว ” เสี่ยวหลุนกล่าวประดุจกำลังควบคุมอยู่

 

เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ พลิกมือข้างหนึ่งจับไปที่แผ่นสลักหยกและเศษชิ้นส่วนที่กำลังทอเป็นประกายสีทองในมือเก็บเอาไว้ในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็ได้หันกายไป จ้องมองไปยังบนร่างกายของสือซิ่งในขณะนี้

 

“ข้าถึงแม้จะทราบว่าควรมาให้ได้เร็วกว่านี้ ทว่าหากว่าสามารถที่จะหล่อหลอมเจ้าตัวบัดซบนี้ได้แล้วละก็ ข้าเองก็มีความสนใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน สิ่งของบนตัวของเขา น่าจะมีอยู่ไม่น้อย ” เยี่ยจงส่งเสียงดังเชอะออกมา กล่าวออกมาเหมือนกับกำลังชี้แนะแนวทางทั้งหมดออกมา

 

“เจ้าอย่าได้มาหลอกลวงข้าก็แล้วกัน สิ่งของบนตัวของเขานั้นถึงแม้จะมีอยู่ไม่น้อย หากว่าสิ่งของทั้งหมดต่างก็ให้ข้าแล้วละก็ ข้าก็ยังพอที่จะสามารถช่วยเจ้าได้อยู่บ้าง ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังเชอะขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามองความคิดของเยี่ยจงได้อย่างกระจ่าง

 

เยี่ยจงพยักหน้าไปมา เขานั้นมิได้มีความสนใจต่อสิ่งของที่อยู่บนตัวของสือซิ่งมากนัก ในเมื่อสิ่งของที่มีความสำคัญที่สุดต่างก็ได้ตกมาอยู่ในมือของตนเองแล้ว ส่วนเรื่องอื่นนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

 

“นำเอาเตาโบราณที่เจ้าได้มาจากสมรภูมิฮวงกู่ชิ้นนั้นออกมา ของสิ่งนั้นถือได้ว่าเป็นของดีเลยทีเดียว ยังดีที่เมื่อครั้งก่อนนั้นข้ามิได้กลืนกินมันเข้าไป จึงได้เหลือทิ้งไว้ให้กับเจ้า ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิออกมา เมื่อครั้งที่อยู่ที่สมรภูมิฮวงกู่เยี่ยจงได้ให้มันกลืนกินสิ่งของไปมากมาย แต่ว่ากลับมีสิ่งที่เหนือความคาดหมายไปก็คือ เตาหลอมโบราณที่ใช้ไว้หลอมยาปราณกลับไม่อาจที่จะกลืนกินเข้าไปได้ ดังนั้นจึงได้มอบให้แก่เยี่ยจง

 

เยี่ยจงก็เคยวิเคราห์อยู่หลายครา ทว่าในที่สุดก็มิได้ค้นพบว่ามีจุดใดที่มีความพิเศษ จึงได้ปล่อยปละละเลยไป

 

เยี่ยจงนำเอาเตาโบราณนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าในขณะนี้เขายังไม่อาจที่จะใช้ลมปราณออกมาได้ จึงได้แต่เพียงลืมตามองดูเตาโบราณวางไว้อยู่ด้านบนของแท่นสีทอง

 

“ชิ——”

 

เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้ปลายประกายแสงสีขาวออกมา พริบตานั้นก็ได้นำเอาเตาหลอมออกมา มุ่งหน้าเข้าไปปกคลุมอยู่บริเวณทางด้านของสือซิ่ง

 

“อะไรกัน?”

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็เกิดอาการทึ่งขึ้นมา ในสถานที่เช่นนี้ ผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะใช้ลมปราณออกมาได้ เยี่ยจงผู้นี้ที่แท้ใช้ออกมาด้วยพลังฝีมืออันใด ถึงกับยังสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยสมบัติเซียนชิ้นหนึ่งออกมาได้กัน

 

“ตูม——”

 

ด้วยการควบคุมของเสี่ยวหลุน เตาหลอมโบราณนั้นก็ได้พลิกผันไปมา จนกลายเป็นสภาวะดูดสือซิ่งเข้าไปยังภายใน จากนั้น ก็ได้มีเพลิงกาฬโบราณสายหนึ่งปะทุขึ้นจนเดือดขึ้นมา

 

“เจ้าหนู นี้คิดที่ใช้พลังฝีมือเช่นไรเพื่อที่จะทำการหล่อหลอมองค์ชายอย่างข้าได้? เจ้าคิดไกลเกินไปแล้ว ด้วยพลังฝีมือเฉกเช่นทารกน้อยเช่นนี้ เจ้ายังกล้าที่จะใช้ออกมาเพื่อที่จะทำให้ผู้คนอับอายขายหน้าสายตาหรืออย่างไร?” สือซิ่งส่งเสียงดังออกมา แฝงเอาไว้ด้วยอาการไม่แยแส เขาถึงแม้จะไม่ทราบว่าเยี่ยจงใช้พลังฝีมืออะไรในการควบคุมเตาหลอมนี้เอาไว้ แต่ว่าก็ยังคงหัวเราะอย่างเย็นชาติดต่อกัน

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมา ทอสีหน้าเมินเฉย เด็กน้อยเสี่ยวหลุนผู้นี้ก็คงลงมือได้อำมหิตนัก ในครั้งนี้มันถึงกับจงใจที่จะลงมือออกมาเช่นนี้ เช่นนั้นสือซิ่งต่อให้ไม่ตายก็คงจะต้องถูกถลกหนังแน่นอน

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset