เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 519 ชนชั้นราชันระดับสูงสุด

ตอนที่ 519 ชนชั้นราชันระดับสูงสุด

 

 

สีหน้าของสือซิ่งก็ได้เปลี่ยนแปลงไปนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “หากว่าข้าบอกว่าไม่ยินยอมแล้วละก็ นางเซียนชิงหญิงก็คงจะลงมือใช่หรือไม่ ”

 

“นั้นย่อมไม่บังอาจ ” ชิงหญิงมองไปทางด้านสือซิ่งด้วยอาการกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม “ข้าเชื่อว่าทางด้านองค์ชายหกย่อมต้องให้ข้าหยิบยืมสิ่งของมาชมสักคราอย่างแน่นอน ”

 

สือซิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาอย่างไม่หยุดนิ่ง หากมองจากระดับพลังสภาวะเช่นนี้แล้ว ชิงหญิงเรียกได้ว่ายังถือว่ายุ่งยากกว่าเยี่ยจงหลายเท่านัก

 

“บรึม——”

 

ทันใดนั้นเอง บริเวณทางด้านของตำหนักสวรรค์ชั้นที่แปด ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับความเคลื่อนไหวขึ้นมาสายหนึ่ง ในขณะนี้เอง โลงศพที่ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางก็ได้ค่อยๆ เริ่มที่จะสั่นไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ สภาวะจากพลังอันน่าหวาดกลัวประดุจดั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ได้แผ่กระจายขึ้นมา เข้าต้านทานสภาวะอันน่าหวาดกลัวกดดันเข้าไปยังทางด้านของโลงศพ

 

เห็นได้ชัดว่า ชนชั้นมหาราชันที่อยู่ภายนอกคงจะเริ่มที่จะทลายเข้ามาเช่นนี้อย่างกะทันหัน และขณะนี้ก็ได้มีชนชั้นมหาราชันลงมือใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในมือจากที่ห่างไกลออกไป เพื่อที่จะทำการต้านทานโลงศพหยกนี้เอาไว้

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็เริ่มที่จะมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาหลายส่วน สามารถที่จะใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุลงมือออกมา คงจะมีแต่เพียงชนชั้นมหาราชันเท่านั้น ต่อให้ชนชั้นมหาราชันเพียงแต่ลงมืออยู่ในสถานที่ห่างไกลออกไปเท่านั้น มิได้เข้ามายังภายในสุสานเซียนแห่งนี้ แต่ว่าเรื่องเช่นนี้หากมองในสายตาของพวกเขาก็ย่อมที่จะเป็นเรื่องที่ดีอยู่บ้าง

 

“เรื่องราวในเมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้นมาถึงเพียงนี้ ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ก็ไม่เกรงกลัวที่จะเข้าไปยังภายในสถานที่แห่งนี้ ที่ถึงกับสามารถที่จะเป็นการชักจูงสภาวะการสังหารนี้อย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา เหม่อมองไปยังบริเวณทางด้านภายนอกดินแดน

 

“สมควรที่จะมิใช่ชนชั้นมหาราชันเข้ามา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุนั้นมีพลังปราณอยู่ ขอเพียงแค่มีจิตสำนึกเข้ามาใกล้ยังสถานแห่งนี้ การที่จะควบคุมจากระยะใกล้ย่อมถือได้ว่ามิใช่เรื่องยาก ดูเหมือนว่า ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นอย่างน้อยก็คงจะสามารถตรวจสอบอะไรบางอย่างได้ ทว่าพวกเขาย่อมต้องทราบเป็นอย่างดี ขอเพียงควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเล่มนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วละก็แม้แต่พวกเราจะก้าวเดินต่อไปก็คงจะไม่มีโอกาส ” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ครุ่นคิดขึ้นมา จึงค่อยสงบขึ้นมาได้

 

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นหนึ่ง ” เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา แต่ว่าเขาก็ยังคงมิได้จากออกไปเช่นนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นหนึ่งถึงแม้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ยังคงเพียงพอที่จะทำให้เขาตกใจจนหนีไปได้

 

“ตูม——”

 

ในการสนทนาของเยี่ยจงและเสี่ยวหลุน บริเวณภายนอกก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวเป็นชั้นๆ ขึ้นมา จากนั้นก็ได้พบเห็นทางด้านของตำหนักสวรรค์ชั้นที่แปดมากมาย มีคนหลายสิบคนที่กำลังใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเพื่อเข้ากดดันพลังสภาวะที่ปกคลุมเอาไว้อยู่ เสียงดังซวบก็ได้ดังเข้ามายังภายในท่ามกลางตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้า

 

ผู้คนหลายสิบคนนี้แต่ละตนต่างก็มีพลังฝีมือที่ยากจะดูออกถึงความลึกล้ำได้ ไม่มีคนที่สามารถที่จะทราบและรู้สึกได้ อีกทั้งด้วยวัยของพวกเขานั้นกลับมิได้มากมายนัก ต่างก็อยู่ในวัยหนุ่มแน่น ขณะนี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็ได้กล่าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เย็นชา ทอสีหน้าเมินเฉย แผ่พลังสภาวะที่ไม่ธรรมดา แล้วก็ได้เข้ามายังภายในตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้า

 

ท่ามกลางหนึ่งในนั้นก็ได้มีคนที่สวมเอาไว้ด้วยผ้าที่เต็มไปด้วยเส้นขนห้าสี ถือได้ว่าเป็นร่างที่มีพลังสภาวะที่ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด สายตาของเขาก็ได้จ้องมองเข้าไปยังภายในท่ามกลางอารามใหญ่อย่างช้าๆ ไม่นานนักก็ได้มองไปยังทางด้านของกลุ่มผู้คนมากมายจากหุบเขาหมื่นปีศาจ และเมื่อได้มองไปยังทางด้านของสตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจขณะนี้ที่อยู่หมดสภาพ เขาก็ราวกับว่าเกิดความงุนงงขึ้นมาน้อยๆ และจากนั้นภายในดวงตาก็ได้เกิดอาการโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

 

“พี่ซุนหยวน เมื่อเห็นน้องสาวของท่านแล้ว คงจะวางใจหลายส่วนแล้วสินะ?” คนที่อยู่ทางด้านข้างก็ได้หัวเราะขึ้นมาเบาๆ แล้วกล่าว

 

ผู้คนท่ามกลางอารามใหญ่ทั้งหมดต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา ซุนหยวน ถือได้ว่าเป็นนามที่เปล่งประกายที่สุดในหุบเขาหมื่นปีศาจก็ว่าได้ เขาที่ถูกขนานนามว่าเป็นถูกมหาราชันปีศาจอันดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมิได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ แต่ว่าด้านพลังฝีมือนั้นกลับลึกล้ำสุดยั้งคาด กล่าวกันว่าได้สำเร็จจากการฝึกปรือพลังเทวพขั้นที่ห้าได้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

และบุคคลเช่นนี้ถึงกลับสามารถปรากฏขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ เขาไม่เกรงกลัวจะกระตุ้นสภาวะการสังหารขึ้นมาอย่างงั้นหรอกหรือ?

 

ผู้คนไม่น้อยต่างก็จ้องมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยความสงสัยอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่ได้มองเข้าไปยังทางด้านของทั้งสิบคนนี้ ทุกผู้คนต่างก็ยิ่งเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมายิ่งกว่าเดิม ชายวัยกลางคนทั้งสิบคนนี้ ต่างก็เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาที่มาจากแดนลับแลต่างๆ แต่ละคนถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับมหาราชัน แต่ว่าก็ยังขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

 

หากเป็นไปตามการคำนวณของท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ หากว่ามีการเข้ามาของบุคคลเช่นนี้มายังภายในสุสานแห่งเซียน แน่นอนว่าย่อมต้องสร้างแรงดึงดูดสภาวะแห่งการสังหารขึ้นมาได้ ในขณะนี้เอง ก็ได้เกิดเริ่มที่จะมีคนเริ่มที่จะคาดคิดต่างๆ นาๆ ขึ้น ว่าเป็นเพราะการเข้ามาของคนเหล่านี้ ดังนั้นโลงศพหยกจึงได้ปรากฏขึ้นมา เพื่อที่จะทำการปิดผนึกผู้คนทั้งหมด

 

“เริ่มที่จะยุ่งยากขึ้นมาหน่อยแล้ว!”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา เขาจ้องมองไปยังผู้คนทั้งสิบซ้ายทีขวาที คนเหล่านี้แต่ละคนต่างก็มีที่มาไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ไม่มีคนใดที่ยืนอยู่ฝ่ายของเยี่ยจง หากว่าพวกเขาลงมือขึ้นมาแล้วละก็ เยี่ยจงย่อมรู้สึกว่า ต่อให้ถูกแรงกดดันจากแท่นแห่งเซียนปกคลุมเอาไว้ ก็ไม่น่าจะมีผลมากมาย อีกทั้ง คนเหล่านี้ยังสามารถนำเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเข้ามาได้ อีกทั้งยังบอกได้ยากว่าผู้ใดกันที่เป็นคนที่ควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในขณะนี้ อีกทั้ง ต่อให้ไม่พูดถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ เพียงแค่การปะทุพลังของยอดฝีมือชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าเพียงถ่ายเดียว ก็เพียงพอที่จะเกิดพลังสภาวะแห่งการต่อสู้ที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้ขึ้นมา

 

สายตาของซุนหยวนในขณะที่ได้หยุดลงที่ร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ เมื่อแน่ใจว่านางมิได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว จึงได้ค่อยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

 

และบริเวณทางด้านหลังของเขา ก็ได้มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีบุคลิกสง่างามเดินออกมา หัวเราะไปมาแล้วกล่าว : “ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง การเข้ามาของพวกเราในครั้งนี้รับรองได้ว่าพวกเจ้าต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน พลังฝีมือของพวกเราต่างก็ได้ถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุจำกัดเอาไว้ จึงมิถือได้ว่าเป็นการกระตุ้นสภาวะสังหารของสถานที่แห่งนี้ ”

 

“ท่านซุนหยวน เรื่องราวก็เป็นเฉกเช่นนี้!” แล้วก็ได้มีราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจเข้าไปใกล้ตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็ได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ออกมารอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ” ซุนหยวนหลังจากที่ได้กวาดสายตามองไปยังทางด้านแท่นสีทองอย่างเยือกเย็นแล้ว สายตาของเขาก็ได้มองเข้าไปยังบนร่างของเยี่ยจง ทอสีหน้าเยือกเย็นออกมา “ที่แท้ เจ้าก็คือเยี่ยจงผู้นั้น ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่สามารถที่จะตัดสายโลหิตที่เป็นดั่งตำนานของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อได้!”

 

และในเวลาเดียวกันนี้ พวกที่ได้มาพร้อมกับซุนหยวนสิบกว่าคน ก็ได้จ้องมองเข้าไปยังบนร่างกายของเยี่ยจงในเวลาเดียวกัน คนเหล่านี้ต่างก็ได้ทอสีหน้าเยือกเย็นออกมาอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่า ขุมกำลังของแต่ละคน ต่างก็มีความแค้นกับเยี่ยจงอยู่แล้ว

 

“ชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคน ถือได้ว่าการลงทุนที่มือเติบยิ่งนัก ” เยี่ยจงหัวเราะโดยที่ไม่มีสุ้มเสียงออกมา เขาก็ยังคงยืนกอดอกอยู่ภายในบริเวณทางด้านแท่นสีทองที่มีพลังกดดันปกคลุมเอาไว้โดยรอบอยู่ กล่าวออกมาด้วยความเฉยชา

 

“บอกมาเถอะ เรื่องนี้สมควรที่จะจัดการอย่างไร พวกข้านั้นย่อมไม่ชมชอบที่จะใช้พวกมากรังแกผู้น้อยอยู่แล้ว ขอเพียงเจ้ายินยอมที่จะรับ ครั้งนี้พวกข้าก็จะปล่อยเจ้าไป!” ชายหนุ่มที่มีท่าทีสง่างามก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขานั้นมีนามว่าจว่อเหวินยิง ถือได้ว่าเป็นชนชั้นราชันอันดับหนึ่งแห่งหุบเขาเทพชิงหวิน อีกทั้งยังมีสถานะที่สูงศักดิ์

 

“ข้ามิใช่ได้มอบคำสอนแห่งเซียนให้แก่องค์ชายหกสือซิ่งไปแล้วมิใช่หรือ ถือว่าเป็นการชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มิได้หรือไง?” เยี่ยจงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ทอสีหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาได้ยินยอมส่งมอบสิ่งของให้อย่างเต็มใจก็มิปาน

 

ยอดฝีมือท่ามกลางสนามไม่น้อยต่างก็ซวนเซล้มลง จากการกระทำที่ลึกล้ำในครั้งนี้ ยิ่งทำให้ทราบว่าเพราะเหตุใดเด็กน้อยผู้นี้ถึงกลายเป็นที่เกลียดชังไปทั่วผืนฟ้าได้

 

“ซวบ——”

 

ในขณะนี้เอง ชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนนี้ พริบตานั้นก็ได้ส่งสายตามองไปยังทางด้านของสือซิ่งอย่างไม่กะพริบตา เป้าหมายของการเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ของคนกลุ่มนี้ก็คือคำสอนแห่งเซียนนั้นเอง ส่วนเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากนี้ค่อยมาว่ากล่าวกันอีกทีก็ยังไม่สาย

 

“ทุกท่าน พวกเจ้าก็อย่าได้หลงลืมไป ว่าบนตัวของท่านเยี่ยจงของพวกเรานั้นยังมีคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันที่ต่างก็เป็นวัตถุไม่ธรรมดา การทิ้งสิ่งของทั้งสองอย่างนี้เพื่อเป็นเครื่องชดเชยก็ไม่เลวเหมือนกันหรอกกระมั่ง?” สือซิ่งก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าวออกมา เพื่อที่จะเป็นการบ่งบอกสิ่งของอีกสองอย่างขึ้นมา

 

“ไม่เลว ” ซุนหยวนเงยหน้า มองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างเย็นชา “ส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ออกมา เรื่องในวันนี้ก็แล้วกันไปเถอะ นับจากนี้เป็นต้นไปหุบเขาหมื่นปีศาจก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก ”

 

จว่อเหวินยิงก็ได้ก้าวออกมาทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง อีกทั้งยังมีร่างกายที่สูงยาว ภายในดวงตาก็ได้ทอเป็นประกายประดุจดวงดารา เขาจ้องมองไปยังทางด้านเยี่ยจงมองแล้วมองอีก ท้ายที่สุดก็ได้กล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย : “ส่งมอบคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันออกมา หุบเขาเทพชิงหวินข้าก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ”

 

เยี่ยจงยังคงกอดอกอยู่กับที่ ยิ้มขึ้นมาอย่างเจิดจรัส : “ทุกท่านก็เชื่อมั่นในตนเองไปแล้ว ควรทราบว่า เมื่อครั้งก่อนเด็กน้อยทั้งสองอย่างมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและมหาราชันปีศาจทุนเทียนร่วมมือกันก็ยังไม่อาจที่จะจัดการข้าได้ อีกทั้งยังไม่อาจที่จะช่วงชิงคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ไปจากข้าอีก พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าขณะนี้ข้าเยี่ยจงจะจัดการได้ง่ายอย่างงั้นหรือ?”

 

“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องมีความเชื่อมั่นมากเกินไป พวกข้าทราบว่า เจ้าในเมื่อได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ก็สมควรที่จะต้องมาการเตรียมการเอาไว้อยู่แล้ว เพียงแค่ว่า ชนชั้นมหาราชันทั้งสิบแปดตนที่อยู่ภายนอกยังไม่อาจที่จะตรวจจับพบได้ พวกเขาจึงได้ร่วมมือกันสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้นมา ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะออกไปจากแดนรกร้างเสี่ยวหนานได้ ในครั้งนี้เจ้าคงต้องยอมรับแล้วละ ” จว่อเหวินยิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ราวกับว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับเขาก็มิปาน

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าชนชั้นมหาราชันทั้งสิบแปดตนจะถึงกับร่วมมือกันเพื่อสร้างค่ายกล ควรทราบว่าระหว่างชนชั้นมหาราชันต่างก็เหมือนแผ่นหินร้อยชิ้นหนึ่ง เรื่องเกี่ยวกับการร่วมมือกันได้เรียกได้ว่าน้อยนักที่จะพบเห็นได้ ขณะนี้ถึงกับเกิดขึ้นมาได้ เช่นนั้นก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่า พวกเขาได้เข้าใจสภาวะที่เกิดขึ้นขึ้นมาได้แล้วอย่างแน่นอน

 

ตามความเป็นจริง เพียงแค่พบเห็นชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุคุ้มครองส่งเข้ามา ก็เพียงพอที่จะคาดคิดขึ้นมาได้สักเรื่องสองเรื่องแล้ว

 

“โครม——”

 

ทันใดนั้นเอง ในขณะที่ร่างกายทางด้านของซุนหยวนกำลังสนทนากันขึ้นมา ก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไปหนึ่งฝ่ามือ แล้วก็ได้พบเห็นประกายแสงแห่งเทวะทั้งห้าสีแผ่กระจายกันออกมา เข้าขัดขวางเส้นทางเอาไว้ จนขวางทางสือซิ่งเอาไว้

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าคนอื่นๆ ต่างก็ได้ลงมือออกไปอย่างพร้อมเพรียง จนปิดตายเส้นทางถอยหนึ่งทั้งหมดของสือซิ่งเอาไว้

 

“องค์ชายหกใยจะต้องจากไปอย่างกะทันหันแล้วไม่บอกกล่าวกันเล่า?”

 

จว่อเหวินยิงอ่ยขึ้นมา ทอสีหน้าเรียบเฉยอย่างถึงที่สุด พวกเขาถึงแม้ว่าจะกำลังพูดคุยกับเยี่ยจงอยู่ แต่ว่าด้วยพลังฝีมือของพวกเขาเท่านั้น ก็พอที่จะได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านได้อย่างชัดเจน ขณะนี้มีหรือจะที่เอาแต่มองดูสือซิ่งหลบหนีจากไปได้กัน?

 

ควรทราบว่า ทั้งสิบกว่าคนนี้ต่างก็ถือได้ว่าอยู่ในชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า อีกทั้งยังมีคนอยู่ไม่น้อยที่ยังครอบครองเครื่องมือต้องห้ามเอาไว้อีก หากว่าร่วมมือกันขึ้นมาแล้วละก็ ต่อให้เป็นต้องเข้าต่อสู้กับชนชั้นมหาราชันที่แท้จริงก็ยังพอที่จะสู้ได้อยู่ ทว่าขณะนี้มีเพียงแค่สือซิ่งคนเดียวเท่านั้น ต่อให้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เทียบฟ้า ก็ยากที่จะเข้าต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวได้

 

ในขณะนี้เอง สถานะของสือซิ่งและเยี่ยจงนั้นแทบไม่ต่างกันเท่าไรนัก เพราะว่าเยี่ยจงได้ครอบครองคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันที่ถูกผู้คนหมายปองเอาไว้อยู่ และทางด้านของเขานั้นก็พึ่งจะได้ครอบครองคำสอนแห่งเซียนเอาไว้อยู่เช่นเดียวกัน

 

“ทุกท่าน อย่าได้หลงลืมไป ข้าและเยี่ยจงนั้นไม่เหมือนกัน ข้านั้นมาจากรัฐสือนะ!” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมาอย่างยิ่ง หลังจากที่ลังเล ก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

หลังจากที่เงียบงัน ผู้คนไม่น้อยต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย พลังของรัฐสือถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง อีกทั้งทางด้านของราชวงศ์ยังถือได้ว่ามีความลึกล้ำอยู่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่าเขาที่เป็นถึงผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในหมู่องค์ชายแห่งรัฐสือ หรือต่อให้มีฐานะที่เป็นถึงองค์ชายเช่นเดียวกันกับสือซิ่ง แต่ละคนต่างก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ขณะนี้สือซิ่งก็ได้ยกอ้างรัฐสือออกมา แน่นอนว่าย่อมทำให้ผู้คนตกใจจนถอยไปได้อยู่ไม่น้อย

 

เพียงแค่ว่า คนเหล่านี้แน่นอนย่อมไม่รวมชนชั้นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าทั้งสิบกว่าคนเหล่านั้นด้วย

 

จว่อเหวินยิงมองไปที่เขา ทันใดนั้นก็ได้หัวเราะแล้วกล่าวออกมา : “อย่าว่าแต่เป็นท่านองค์ชายหก ต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิขณะนี้เสด็จมายังสถานที่แห่งนี้แล้วจะเป็นอย่างไร? กระนั้น ชนชั้นมหาราชันทั้งสิบแปดตนที่นั่งคุมเชิงอยู่บริเวณภายใน นายท่าน พวกข้านั้นกลับไม่คิดที่จะเป็นศัตรูด้วย ไม่สู้ท่านนำคำสอนแห่งเซียนมาให้พวกข้าหยิบยืมเพื่อชมเชยสักคราเป็นอย่างไร ?”

 

สือซิ่งทอสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วก็ได้ปรากฏใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรก สถานการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าสามารถที่จะทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง ในขณะนี้เอง เขานั้นก็อดมิได้ที่จะโกรธขึ้นมาจนถึงขั้นยอมรับในความเด็ดเดี่ยวของเยี่ยจงมิได้ นี้ถือได้ว่าอยู่เหนือความคาดหมาย เด็กน้อยผู้นั้นยังเรียกได้ว่ามีขุมกำลังไล่ล่าอยู่มากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีชนชั้นมหาราชันลงมือออกมาด้วยตนเอง และจนถึงขณะนี้เอง ก็ถึงกับยังคงจิตใจที่สงบเอาไว้ได้อยู่อีก เพียงแค่มองในข้อนี้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความไม่ธรรมดาของเขาได้แล้ว!

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset