เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 520 การปรากฏขึ้นสมบัติสุสาน

ตอนที่ 520 การปรากฏขึ้นสมบัติสุสาน

 

 

“เป็นอย่างไร องค์ชายหกจะให้หยิบยืมหรือไม่?”

 

จว่อเหวินยิงก็ได้ก้าวออกมาทางด้านหน้าอีกก้าว กดดันเข้าไปใกล้ยังสือซิ่ง ทอสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่สมเหตุสมผลก็มิปาน

 

สือซิ่งหลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ว จึงค่อยได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “ทุกท่าน พวกเจ้าหากว่าสามารถที่จะได้ครอบครองคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ได้ พวกเราก็สามารถที่จะแลกเปลี่ยนกันดูสักครา ต่อให้เป็นคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ก็ยังถือว่าได้อยู่ ”

 

“อย่าเลย องค์ชายหกเจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้ คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์เทียบอันใดได้กัน คำสอนแห่งเซียนสามารถที่จะเรียกได้ว่าเป็นวัตถุลี้ลับสู่การสำเร็จเป็นเซียน เจ้าหากว่ายินยอมที่จะแลกเปลี่ยน ขณะนี้ข้าก็จะขอใช้คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์เพื่อที่จะและเปลี่ยนกับคำสอนแห่งเซียนของเจ้าก็แล้วกัน ” เยี่ยจงเมื่อพบว่าในตอนนี้ถือได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน สือซิ่งยังถึงกับชำระความแค้นกับตนเองเช่นนี้ เขาก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยบขึ้นมา จากนั้นก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา อีกทั้งยังเอ่ยปากออกมาด้วยความจริงใจอย่างถึงที่สุด

 

“เยี่ยจง เจ้า——” สือซิ่งหันหน้ากลับมาอย่างรุนแรง จ้องเขม็งไปทางด้านของเยี่ยจงคราหนึ่ง เขาคิดที่จะใช้วิธีย้อนสวนกลับไป แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าคำพูดนี้ของเยี่ยจงกลับกลายเป็นการดึงสถานการณ์กลับมาได้

 

“พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ต้องแย่งกัน ต่างก็เอาสิ่งของมอบออกมา ” ซุนหยวนทอสีหน้าเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด ขณะนี้ก็ได้กล่าวออกมาเสียงเย็นชา เกิดความรู้สึกประดุจดั่งเหยื่อถูกราชสีห์จ้องมองอยู่ก็มิปาน

 

ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนที่เป็นคู่แค้นอย่างเยี่ยจงและสือซิ่งทั้งสองก็ได้สบตามองกันในที่ห่างออกไป ต่างก็ตรวจพบได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวของซุนหยวน บุคคลเฉกเช่นนี้ ย่อมไม่ง่ายที่จะต่อกรอย่างแน่นอน

 

“ตูม——”

 

ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังสนั่นจนเกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรงและน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดขึ้นมา ตลอดทั่วทั้งตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าพริบตานั้นก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมา ด้านบนพื้นดินก็ยิ่งปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมาเป็นสาย ราวกับว่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกเวลาก็มิปาน

 

“ครืน——ครืน——”

 

ยอดฝีมือเหล่านั้นที่ได้ยืนอยู่บริเวณทางด้านของหัวมุมของตำหนักสวรรค์ขณะนี้แต่ละคนก็ได้มีใบหน้าขาวซีดขึ้นมา แล้วก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ทอสีหน้าจนตรอกขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

แม้แต่แท่นสีทองที่อยู่บริเวณใจของตำหนักสวรรค์เองขณะนี้ก็ยังเกิดการสั่นไหวขึ้นเบาๆ ประกายคมกล้าสีทองก็ได้เริ่มที่จะมีความเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งขึ้นมา ราวกับว่าสามารถที่จะสูญหายไปได้ทุกเวลา

 

“นี้มัน——”

 

เยี่ยจงเป็นคนแรกที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ร่างกายก็ได้ถอยหลังไปหลายก้าว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สภาวะแรงกดดันของแท่นสีทองนี้ที่เปรียบเสมือนเครื่องป้องกันสำหรับเขา หากว่าต้องสูญเสียสภาวะแรงกดดันจากพลังแห่งเซียนไปแล้วละก็ ต่อให้เขามีฝีมือมากมายกว่านี้ แต่ด้วยระดับขอบเขตเช่นนี้ก็ยังถือได้ว่าอันตรายอยู่ดี

 

กระนั้น ยอดฝีมือชนชั้นราชันมากมายเช่นนี้ อีกทั้งต่างก็ยังจัดได้ว่าอยู่ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ แล้วเพิ่มด้วยที่ตามหลังมาอีกหลายสิบคนนี้ ต่อให้เป็นเยี่ยจงที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุบวกกับเครื่องมือต้องห้ามอีกชิ้น อย่างน้อยก็ไม่อาจที่จะต้านทานอีกฝ่ายได้อยู่ดี

 

“ตูม——”

 

ประตูใหญ่ตำหนักสวรรค์ที่ได้เปิดมาอยู่ตลอดในขณะนี้ก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ จากนั้นก็ได้ปิดตัวลงด้วยระดับความเร็วประดุจสายฟ้าแลบก็มิปาน จนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา และเมื่อประตูใหญ่ได้ถูกปิดลง ตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้านี้ก็ประดุจเป็นเหมือนช่องว่างที่ถูกปิดกั้นเอาไว้อยู่แห่งหนึ่ง ไร้ซึ่งหนทางของการถอยหนี

 

“นี้คือ……”

 

คนทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป นี้ถือได้ว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มากจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

 

ทันใดนั้นสือซิ่งก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาแล้วกล่าว : “ทุกท่าน ท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์ได้บอกเอาไว้แต่แรกแล้ว หากว่ามียอดฝีมือที่มีพลังสูงกว่าพลังเทวะขั้นที่สามเข้ามายังสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ จะเป็นตัวกระตุ้นสภาวะสังหารขึ้นมา ขณะนี้ดูเหมือนว่า พวกเรายังคงร่วมมือกันเพื่อที่จะทำลายสถานที่แห่งนี้เพื่อหลบหนีออกไป ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ทันกาลแล้ว! ผู้ใดจะทราบได้กันว่าภายในโลงศพหยกนั้นมีอันใดอยู่ ”

 

“องค์ชายหกใยต้องมาช่วยเด็กน้อยทุกคนคิดด้วย ไม่สู้เจ้าส่งมอบคำสอนแห่งเซียนออกมา พวกเราหลังจากนี้จะให้การคุ้มครองแก่เจ้า พวกเราค่อยร่วมมือกันอีกครั้งเป็นอย่างไร?” จว่อเหวินยิงก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างเป็นสง่า ทอสีหน้าเมินเฉยจ้องมองไปยังทางด้านของสือซิ่ง คนกลุ่มหลังที่เข้ามาภายหลังต่างก็ถือได้ว่าเป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าขณะนี้แทบจะทั้งสิ้น ย่อมต้องไม่เกรงกลัวว่าสถานการณ์จะมีความเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์โดยรวมทั้งหมดนั้นถือได้ว่าตกอยู่ในมือของพวกเขาไปแล้ว

 

ระหว่างที่สิ้นเสียงจากคำพูดของเขา ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าทั้งสิบกว่าคนก็ได้จ้องมองไปที่สือซิ่งในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมีบางคนที่เรียกได้ว่ามิได้เก็บรังสีการฆ่าฟันไว้เลยแม้แต่น้อย

 

เห็นได้ชัดว่า ขณะนี้ได้ถูก “กักขัง” อยู่ภายในแรงกดดันจากแท่นเซียนอย่างเยี่ยจง คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย ในมุมมองของพวกเขา เพียงแต่เยี่ยจงออกไปจากเขตแดนแห่งนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็พร้อมที่จะบีบเคล้นเมื่อไหร่ก็ย่อมได้?

 

แต่ว่าสือซิ่งนั้นกลับไม่เหมือนกัน ตนที่มีฐานะเป็นถึงองค์ชายหกแห่งรัฐสือ เดิมทีแล้วก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อย่างถึงที่สุด หากว่าปล่อยให้เขาเดินออกไปได้แล้วละก็ คนเหล่านี้ต่อให้หดหู่มากกว่านี้อีก ก็ยังไม่มีความกล้าพอที่จะเข่นฆ่าสังหารเข้าไปถึงองค์จักรพรรดิแห่งรัฐสือเพื่อเข้าแย่งชิงคำสอนแห่งเซียน ดังนั้น ในขณะนี้การยึดเอาคำสอนแห่งเซียนมาก่อนถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดยอมพลาดไปได้อย่างแน่นอน

 

“ทุกท่าน พวกเจ้าต่างก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลใหญ่โต ภายใต้สถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ ต่อให้มิได้เป็นห่วงในความปลอดภัยของตนเอง ก็สมควรที่จะนึกถึงศิษย์น้องของพวกเจ้ากันบ้างสิ?” สือซิ่งราวกับกำลังชี้แนะอยู่ ตามความเป็นจริง คนเหล่านี้ต่างก็มาจากขุมกำลังที่แตกต่างกัน พวกเขาต่างก็เป็นคนของแดนลับแล ขณะนี้ต่างก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างมากมายยังท่ามกลางตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าในตอนนี้

 

“เจ้าวางใจได้เลย เรื่องเหล่านี้พวกข้าได้คิดเอาไว้แล้ว องค์ชายหกเจ้ามิใช่เดินตามหลักเส้นทางของชนชาวรัฐกู่กวออย่างงั้นหรอกหรือ? คิดว่า เจ้าคงไม่ยินยอมที่จะยอมรับความจริงได้ในขณะนี้ อีกทั้งยังอาจที่จะส่งผลกระทบต่อหลักความเชื่อมั่นของเจ้าด้วยก็เป็นได้? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกข้าก็จะให้โอกาสแก่เจ้าสักครา เจ้าบอกเงื่อนไขอย่างหนึ่งออกมา ในขอบเขตที่พวกข้าสามารถยอมรับได้ ขอเพียงเจ้าส่งมอบคำสอนแห่งเซียนก็เพียงพอแล้ว นี้ถือได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยน ดีหรือไม่?” ทางด้านหลังของซุนหยวนก็ได้มีชายหนุ่มผมขาวอดที่จะหัวเราะแล้วกล่าวออกมามิได้ คนผู้นี้นั้นมาจากเผ่าปีก ปีกที่อยู่ทางด้านหลังก็ได้สาดเป็นประกายจนแสบตา ราวกับไม่อาจที่จะมองเห็นได้ชัดเจน

 

สือซิ่งทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมา ต่อให้ตามปกติเขานั้นมีนิสัยที่หยิ่งยโส แต่กลับถูกมองเป็นเหมือนแมลงในสายตาของคนกลุ่มนี้ ขณะนี้ก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากจนถึงขีดสุดขึ้นมา เพราะว่าทั้งสอบกว่าคนเบื้องหน้าสายตาต่างก็ถือได้ว่าเจ้าเล่ห์กว่าเขา อีกทั้งพวกเขายังมีคุณสมบัติพอที่จะใช้อำนาจได้ เพราะว่าคนกลุ่มนี้ขาดพลังอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะสำเร็จสู่ระดับชนชั้นมหาราชันที่แท้จริงได้แล้ว เดิมทีจึงมิได้มีความหวาดเกรงแต่อย่างไร ย่อมต้องไม่เกิดความหวาดเกรงแม้แต่กับผู้ที่จะกลายเป็นจักรพรรดิในวันข้างหน้าอย่างเข้าอยู่แล้ว

 

เมื่อครั้งก่อน สือซิ่งได้แสดงอำนาจบาทใหญ่ต่อหน้าเยี่ยจง แต่ละคนมีแต่ต้องการที่จะให้ส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ออกมา แต่ว่าขณะนี้เขากลับตกอยู่ในสภาพนั้นแทนอย่างง่ายดาย ถูกผู้คนใช้อำนาจบาทใหญ่ แต่ละคำพูดมีแต่ให้ส่งมอบคำสอนแห่งเซียนออกมา

 

บริเวณทางด้านหลัง เยี่ยจงยังคงทอสีหน้าเมินเฉยเอาไว้ จึงค่อยทำให้ตนเองไม่หัวเราะออกมา คำสอนแห่งเซียนม้วนนี้ไม่ว่าที่แท้จะเป็นคำสอนแห่งมารอย่างที่เสี่ยวหลุนกล่าวมาหรือไม่ แต่เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะชักนำเภศภัยในขณะนี้ได้ จนทำให้เยี่ยจงต้องข่มอาการหัวเราะเอาไว้ เขามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่ง สือซิ่งเมื่อต้องผ่านกับเรื่องราวในครั้งนี้ คงจะต้องทำให้จิตใจของเขาถูกทำลายอย่างย่อยยับแน่นอน

 

สือซิ่งถือคำสอนแห่งเซียนเอาไว้ในมือ ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง หลังจากนั้น เขาจึงค่อยได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “ทุกท่าน โลงศพหยกที่อยู่ท่ามกลางภายนอก เกรงว่าคงต้องเป็นตัวการที่ผนึกบางอย่างเอาไว้ หากนับตามสิ่งที่บันทึกเอาไว้ในแผ่นสลักหยก บอกว่าหากนำเอามันจากออกไป เกรงว่าจะเป็นการเปิดสิ่งของที่อยู่ด้านในออกมาได้ในทันที พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะนำวัตถุสิ่งนี้จากไป?”

 

หลังจากที่เงียบงัน ชนชั้นราชันชั้นแนวหน้าทั้งสิบคนก็ได้ทอสีหน้าแปรไปในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดว่า พวกเขานั้นมิได้เกิดความหวาดกลัวต่อโลงศพหยกแม้แต่น้อย

 

นอกเสียจากเยี่ยจงแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดทราบสิ่งที่ขณะนี้สือซิ่งกำลังคิดอยู่ทั้งหมด

 

เยี่ยจงส่งเสียงดังอย่างเย็นชาออกมา แต่กลับมิได้เพื่อที่จะเป็นการรบกวนเขา หากมองในมุมมองของเขา สถานการณ์ยิ่งอยู่ในความวุ่นวายมากเท่านั้นก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

“ตูม——”

 

บริเวณภายนอกดินแดน ก็ได้มีเสียงดังสนั่นจากการระเบิดดังขึ้นมาเป็นสายอีกครั้ง ราวกับว่ามีสิ่งของที่ใหญ่โตเทียบเท่ากับประตูใหญ่ของตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าก็มิปาน

 

ในขณะนั้นเอง ตลอดทั่วทั้งตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมา และทางด้านของแท่นสีทองก็ได้เริ่มที่จะปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมาอย่างช้าๆ และเยี่ยจงที่อยู่ทางด้านหลังก็ได้จ้องมองอย่างอ้าปากตาค้างลงไป แท่นสีทองถึงกับถูกทำลายลงไป

 

“ถี่ถี่ถี่——”

 

แท่นสีทองก็ได้แตกสลายลงไปในทันที แล้วก็ได้พบเห็นประกายแสงกลุ่มหนึ่งที่ถือได้อยู่ในจุดดั่งเดิมพยพุ่งออกมา ประกายแสงกลุ่มนี้ที่ภายในก็ได้มีสิ่งของแต่ละชนิดออกมา แล้วก็ได้มียาโอสถไปจนถึงสมบัติเซียนภายในแผ่นสลักหยกขึ้นมา อีกทั้งยังมิได้มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น

 

“นี้มันเป็นสิ่งบรรณาการในสุสานนิ! ปู่หลุนอย่างข้าเมื่อครู่ยังไม่อาจที่จะพบเห็นได้ หรือว่าภายในแท่นสีทองนี้ภายในจะมีดินแดนขนาดเล็กซ้อนทับอยู่อีกกัน เพียงแต่ว่าขณะนี้ได้ถูกทำลายไปแล้วเท่านั้น!” เสี่ยวหลุนพึมพำออกมา แล้วก็ได้พุ่งตัวออกไป

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วก็ได้คว้าจับไปที่เสี่ยวหลุน จนในที่สุดก็ได้อดกลั้นความรู้สึกละใบของตนเองเอาไว้ ถอยออกไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เพราะว่าแท่นสีทองได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ถือได้ว่าพลังกดดันจากแท่นเซียนได้สลายหายไป เยี่ยจงก็เหมือนกับได้สูญเสียไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดใบหนึ่งไป หากว่าเขายังไม่ทราบถึงความเป็นความตายอีกแล้วละก็ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะไม่ทราบแม้กระทั่งจะตายลงเช่นไรเลยด้วยซ้ำ

 

“ซวบซวบซวบ——”

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ นอกจากเยี่ยจงแล้วก็ยังมีผู้คนสิบกว่าคนที่จ้องมองไปยังสือซิ่งและชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าเอาไว้ รวมไปจนถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ด้วย ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้ลงมือออกไปในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะเข้าแย่งชิงประกายแสงเหล่านั้น แล้วก็ได้มีเสียงร้อง” บัดซบ” พร้อมกับการถอนหายใจดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า ผู้คนที่ได้ครอบครองย่อมต้องได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

“เจ้าหนู เจ้าจะกลัวไปทำไมกัน มีปู่หลุนลงมือ ยังจะกลัวไม่ได้รับสมบัติอีกอย่างงั้นหรือ!” เสี่ยวหลุนด่าทอออกมา ไม่มีอาการแยแสเลยแม้แต่น้อย

 

“ข้าไม่เกรงกลัวที่จะไม่ได้รับสมบัติ ข้าเกรงแต่ว่าตนเองจะหนีไม่รอดก็เท่านั้น!” เยี่ยจงถอยไปยังบริเวณส่วนลึกของตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้า ขมวดคิ้วจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า

 

“ซวบซวบซวบ——”

 

ทว่าต่อให้เขาถอยมาจนถึงขั้นนี้ ก็ยังคงมีกลุ่มประกายแสงที่ยังมิได้ถูกจับเอาไว้ลอยเข้ามา เยี่ยจงหลังจากที่ครุ่นคิดแล้วก็ได้ลงมือออกมา เพียงแต่ว่า เมื่อได้รับประกายแสงกลุ่มนี้มาไว้ในมือ เยี่ยจงก็ได้เกิดความงงงันขึ้นมาเล็กน้อย

 

สิ่งของของประกายแสงกลุ่มนี้นั้นได้ถูกรวมเอาไว้ด้วยกัน คล้ายดั่งกับตัวต่อของแผ่นภาพอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังมีไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนเสียด้วยซ้ำ นอกเสียจากว่าจะปะติดปะต่อจนกลายเป็นภาพได้แล้ว สิ่งของอื่นใดต่างก็มิได้ลอยเข้ามาแต่อย่างไร

 

“คงจะมิใช่ นี้จะเป็นสิ่งของที่เจ้าวัวเหม็นเน่าหวูโหวตามหาอยู่หรอกนะ?” เสี่ยวหลุนขณะนี้ก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างประหลาดใจ ฉากเบื้องหน้าถือได้ว่าเหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว สิ่งของอื่นใดกลับไม่ลอยเข้ามา กลับมีแต่สิ่งของที่เจ้าวัวเหม็นเน่าหวูโหวต้องการลอยเข้ามา ในที่แห่งนี้หากมิได้มีผีสางสร้างเรื่องประหลาดขึ้นมาก็คงเป็นที่น่าแปลกไปแล้ว

 

“อาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุ!?”

 

พริบตานั้นเยี่ยจงก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา แล้วก็ได้นำเอาอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุกวาดออกไป จากนั้นก็ได้คว้าจับไปที่ชิ้นส่วนของแผ่นภาพที่แตกแยกกันห่อเอาไว้

 

“สหายน้อย ใยต้องทำถึงเพียงนี้กัน ข้าเองก็มิได้มีความคิดที่ไม่ดี เพียงแต่ว่าสิ่งของนั้นเป็นสิ่งของที่ตัวข้าเองนั้นต้องต้องการเท่านั้น ชิ้นส่วนแผ่นภาพเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อเจ้า ในเมื่อสิ่งของที่ข้าได้มอบให้แก่เจ้า ไม่ว่าจะเป็นชิ้นใดต่างก็มีราคาไม่ต่ำต้อยเลย นี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนของข้ากับเจ้า เจ้าอย่าได้หลงลืมไป!” ไต๋สือหวูโหวก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาชิชิชะชะออกมาจากภายในอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุ เห็นได้ชัดว่า เขานั้นได้แฝงจิตสำนึกเล็กน้อยเอาไว้อยู่ภายใน

 

“ข้าสามารถที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย ย่อมต้องส่งมอบชิ้นส่วนแผ่นภาพนี้ให้แก่ไต๋สือท่าน ” เยี่ยจงจ้องมองไปที่อาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุ แล้วก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“ในเมื่อสิ่งของก็ได้ตกมาอยู่ในมือแล้ว ไต๋สือก็ย่อมต้องวางใจเอาไว้ได้ ไต๋สือย่อมต้องรอสหายน้อยเจ้าอยู่ทางด้านนอกอย่างแน่นอน ” ท่ามกลางอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุ เสียงของไต๋สือหวูโหวก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง จนในที่สุดก็ได้ค่อยๆ เลือนรางจางหายไป และอาภรชุดนั้นก็ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน

 

เยี่ยจงหลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว จึงค่อยได้ชักอาภรกลับมา เพียงแต่ว่ามิได้สวมใส่กลับไปเอาไว้อีก เพียงแต่นำวัตถุสิ่งนี้และชิ้นส่วนแผ่นภาพอีกหลายชุดเก็บเอาไว้ในแหวนจักรวาลคนวง

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset