เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 521 จากไป

ตอนที่ 521 จากไป

 

 

“ซวบ——”

 

บริเวณทางด้านหน้า ก็ได้มีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนที่มิได้ถูกความเปลี่ยนแปลงนี้สร้างผลลัพธ์ได้แม้แต่น้อย พวกเขาต่างก็ได้ผนึกกำลังเพื่อที่จะสร้างทางถอยหนีเอาไว้ จ้องมองไปอย่างเฉยเมยไปยังทางด้านที่เยี่ยจงจากไป

 

“เยี่ยจง ส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ออกมา ” ซุนหยวนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

“ส่งมอบคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันออกมา ” จว่อเหวินยิงก็ได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

“นี้ถือว่าเป็นโอกาสของเจ้าแล้ว พลังกดดันจากแท่นเซียนนั้นได้สลายหายไปแล้ว ขณะนี้เจ้าต่อให้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุคุ้มครอง มีเครื่องมือต้องห้ามอีกชิ้นแล้วป้องกัน แต่ว่าเจ้าจะสามารถต้านได้ซักกี่ครั้งกัน? ขณะนี้ก็เหมือนกับอยู่ในสภาพที่ตายแล้ว ยังคงยอมรับชะตาชีวิตเสียเถอะ ข้าเองก็มิได้ต้องการสิ่งอื่น ขอเพียงเจ้านำเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุออกมา เผ่าปีกข้าจะช่วยคุ้มครองเจ้าให้อยู่รอดปลอดภัยเอง ” ชายวัยกลางคนผมสีขาวเผ่าปีกเองก็ได้ส่ายหน้าไปมา เอ่ยปากขึ้นมาด้วยความเย็นชา แทบจะทำเหมือนกับว่าเยี่ยจงเหมือนกับผักปลาจนหนึ่ง

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ทว่าเขานั้นกลับมิได้มีความหวาดหวั่น เพียงแต่ตอบกลับไปอย่างเย็นชา : “ทุกท่านต่างก็เป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า ขณะนี้ร่วมมือกันเพื่อกดดันข้าที่เป็นผู้น้อยที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงคนเดียว ก็ช่างถือเป็นความกล้าที่ยิ่งใหญ่เสียจริง พวกเจ้าวางใจได้เลย เรื่องในวันนี้ ข้าจะไม่มีวันลืมเลือนแน่นอน ”

 

“พูดเป็นเล่นไป เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน? ภายในสภาวะความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้า ยังสามารถที่จะเอื้อนเอ่ยข้อตกลงอันใดได้อีกกัน?” มีคนอดไม่ได้ที่จะสอดแทรกเข้ามา

 

คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีฐานะที่สูงส่ง อีกทั้งยังมีพลังฝึกปรือที่ดีเยี่ยม มีพัฒนาการที่สำเร็จเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่ากลับต้องมาถูกเจ้าเด็กน้อยที่มีพลังระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเย้ยหยัน วินาทีนี้สีหน้าก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นปั้นยากขึ้นมา

 

อีกทางด้านหนึ่ง กลุ่มยอดฝีมือที่เมื่อครู่นี้ได้ถูกเยี่ยจงทำให้ตื่นตกใจขึ้นมาจนกล่าวอันใดไม่ออก ขณะนี้แต่ละคนเหมือนกับมีที่พึ่งพึงขึ้นมาก็มิปาน ทั้งหมดก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา : “ความตายกล้ำกรายมาถึงตัวแล้ว ยังถึงกลับกล่าววาจาใหญ่โตไม่คลาย เจ้าคิดว่าตนเองอยู่ในระดับชนชั้นมหาราชันหรือยังไง?”

 

“ก็เพียงแค่ชนชั้นระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันสูงสุดเท่านั้น อีกทั้งเพียงแค่พึ่งพาพลังการต่อสู้จากภายนอกอันน้อยนิด ถึงกับคิดจริงหรือว่าตนเองจะสามารถที่จะเป็นศัตรูกับใต้หล้าได้อย่างงั้นหรือ?”

 

“โง่เขลา เมื่อหลายวันก่อนเจ้ายังมีทางถอยหนี วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

 

เยี่ยจงกวาดสายตาจ้องมองเข้าไปยังทางด้านของผู้คนที่กล่าววาจาเหล่านี้ออกมา จากนั้นก็ได้หยักไหล่ไปมาอย่างไม่ใส่ใจแล้วกล่าว : “พวกเจ้าเก่งกาจมากนักหรือยังไงกัน? หากว่าเป็นตอนที่เผชิญหน้ากันตัวต่อตัว ข้าก็ใช้เพียงแค่นิ้วเดียวในการบดขยี้เจ้าได้แล้ว หุบเขาหมื่นปีศาจ、หุบเขาเทพชิงหวิน、เผ่าปีก พวกเจ้าดีต่อข้ายิ่งนัก ข้าย่อมต้องขอจดจำเอาไว้ วันข้างหน้าข้าจะต้องไปหาถึงที่อย่างเปิดเผยแน่นอน เพื่อที่จะให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าได้ดื่มน้ำล้างเท้าของข้า ”

 

คำพูดเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นอย่างถึงที่สุด ถึงกับจะให้บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนลับแลแห่งใดแห่งหนึ่งดื่มน้ำล้างเท้าของเขา เกรงว่าต่อให้แม้แต่จักรพรรดิฟ้าทั้งห้าในตำนานก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะกระทำได้

 

นอกเสียจาก แดนลับแลเหล่านี้ถูกทำให้ดับสูญไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ การกำเนิดเกิดมาเป็นถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์จะสามารถมาจนถึงขั้นนี้ได้เลยอย่างงั้นหรือ?

 

“เจ้า——”

 

ยอดฝีมือจากแดนลับแลทั้งสามสำนักต่างก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด การถูกเยี่ยจงเอ่ยขานมาเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นเหมือนกับเหยียดหยามอย่างจงใจ ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาและเยี่ยจงจะมีความแค้นต่อกันหรือไม่ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ทั้งสองฝ่ายก็ย่อมไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกันได้อยู่ดี!

 

“เยี่ยจง! เจ้าไม่ทราบถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหรือไง วันนี้เจ้าจะต้องตายในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน พวกข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจที่ชักนำตนเองมายังสถานที่แห่งนี้เอง!”

 

ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนนั้นและบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายขณะนี้ต่างก็จ้องมองเข้าไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นเยียบ ระหว่างนั้นก็ได้เตรียมตัวที่จะลงมือ ยอดฝีมือที่หลงเหลืออยู่ต่างก็ไม่อาจที่จะทนทานรับเอาไว้ได้ ส่งเสียงออกมาเสียงดังกังวาล

 

“ทุกท่าน ทั่วทั้งสี่ดินแดนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล วันข้างหน้าพวกเจ้าหากออกไปไปยังเบื้องนอก จงพึงระวังอย่าได้ตายตกไป เพราะว่าเช่นนั้นแล้วละก็ ข้าก็คงอดไม่ที่จะต้องไปขอคำชี้แนะเพื่อนที่จะเรียนรู้กับพวกเจ้าหน่อยสักครา ” เยี่ยจงกวาดสายตาพร้อมทั้งเอ่ยปากขึ้นมาไปยังยอดฝีมือเหล่านี้ แล้วก็ได้จ้องมองไปด้วยสายตาที่เมินเฉยไปที่ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าทั้งสิบคนและบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมาย ด้วยสีหน้าที่เย็นเยียบอย่างยิ่ง

 

“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระกับเขาแล้ว จัดการกันเถอะ ” ชายหนุ่มผมขาวเผ่าปีกก็ได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ได้ตระเตรียมที่จะก้าวเดินออกไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง

 

“ขอตัว!”

 

เยี่ยจงในขณะนั้นเองก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระอันใดมากมายอีก เพียงแต่พลิกมืออยู่คราหนึ่ง แล้วก็ได้นำแผ่นป้ายชิ้นหนึ่งถือไว้ในใจกลางฝ่ามือ จากนั้นเขาก็ได้บีบมันคราหนึ่ง ตลอดทั่วทั้งคนก็ได้กลายเป็นเพียงแค่หมอกควันขึ้นมา

 

“แย่แล้ว เป็นแผ่นป้ายที่ชนชั้นมหาราชันหลอมเพื่อมอบให้แก่เขา! หยุดเขาเอาไว้!”

 

เมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ผู้คนมากมายจึงค่อยได้สติกลับคืนมา บนร่างกายของเด็กน้อยผู้นี้มิได้มีแต่เพียงเครื่องมือต้องห้าม อีกทั้งยังถึงกับมีสิ่งของที่ชนชั้นมหาราชันใช้ไว้คุ้มกายเอาไว้อยู่ จึงได้กลายเป็นที่น่าตกใจของผู้คนอย่างมาก

 

เพียงแต่ว่า ในขณะนั้นเองต่อให้เป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนต่างก็ลงมือเพื่อที่จะขัดขวางเขาเอาไว้

 

“ซวบ——”

 

ประกายแสงคมกล้าก็ได้สาดเป็นประกายขึ้นมา บนร่างกายของเยี่ยจงก็ได้เลือนรางหายไปจากจุดที่ที่ยืนอยู่

 

“ตูม——”

 

และในขณะนั้นเอง สือซิ่งก้าวเท้าออกไปอย่างดุดัน พริบตานั้นก็ได้ถอยออกไปจากตำแหน่งนั้น คิดที่จะหยิบยืมสภาวะการใช้แผ่นป้ายของเยี่ยจงกดดันออกไป

 

“เปรี้ยง——”

 

จากนั้นในขณะที่เขาได้เข้าไปใกล้ภายในพริบตา ท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดสภาวะความบิดเบี้ยวขึ้นมา กลายเป็นเพียงหลงเหลือแต่เพียงภาพมายา

 

“นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งของที่ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ” ในห้วงสมองของสือซิ่งหลงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

บริเวณทางด้านหลัง ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนก็ได้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จนห่อหุ้มสือซิ่งเอาไว้ ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เมื่อครู่ถือได้ว่าเป็นความผิดพลาดที่ทำให้เยี่ยจงหลบหนีไปได้ จึงได้ทำให้พวกเขาแต่ละคนทอสีหน้าไร้ซึ่งประกายขึ้นมา หากว่ายังปล่อยให้สือซิ่งหลบหนีไปได้อีกคนแล้วละก็ เกรงว่าพวกเขาในวันนี้คงจะต้องคว้าน้ำเหลวไปอย่างแน่นอนแล้ว

 

“ทุกท่าน พวกเจ้านี้หมายความว่ายังไงกัน?” สือซิ่งสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารหลายสายที่กำลังพุ่งเข้ามา ต่อให้เป็นเขาที่มีความหยิ่งผยอง ขณะนี้ก็ยังต้องเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมา

 

“นำสิ่งของส่งมอบออกมาเถอะ ” ซุนหยวนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

 

“ทุกท่าน เอาเช่นนี้ไหม คำสอนแห่งเซียนนี้พวกเรามาวิเคราะห์ด้วยกันเถอะ? ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้ ภายนอกยังมีชนชั้นมหาราชันถึงสิบแปดตนรอคอยวัตถุสิ่งนี้อยู่มิใช่หรือ?” สือซิ่งไม่อาจที่จะไม่ส่งมอบคำสอนแห่งเซียนออกไปอย่างว่าง่าย เขาถึงแม้ว่าจะใช้ไพ่ตายทั้งหมดออกมา แต่ว่าเมื่อครู่ที่ได้เข้าไปยังภายในเตาหลอมโบราณของเยี่ยจง ก็ได้ถูกทำลายไปแล้วโดยส่วนมากแล้ว มีเพียงเครื่องมือต้องห้ามที่ใช้ไว้คุ้มครองร่างกายเท่านั้น ขณะนี้คิดที่จะใช้ออกมาเพื่อที่จะทะลายสภาวะอากาศให้แยกออกย่อมไม่อาจที่จะกระทำได้ จึงได้แต่เพียงส่งมอบออกไปอย่างว่าง่าย

 

ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนก็ได้ขึ้นมาทางด้านหน้าพร้อมกัน ทอสีหน้าเย็นชาจ้องมองไปยังแผ่นสลักหยกในเวลาเดียวกัน

 

……

 

บริเวณทางด้านนอกของดินแดนเสี่ยวหนาน ก็ได้เปล่งประกายแสงคมกล้าขึ้นมา เงาร่างสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านของยอดเขา เห็นได้ชัดว่านั้นก็คือเยี่ยจงนั้นเอง

 

ขณะนี้เขาก็ได้หันหน้ามองกลับไปอย่างรุนแรง ทอสีหน้าเปลี่ยนไป เพราะว่าภายนอกของดินแดนเสี่ยวหนาน ขณะนี้นอกเสียจากกลิ่นอายของชนชั้นมหาราชันทั้งสิบแปดตนแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของชนชั้นราชันอย่างถี่ยิบขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า เพราะว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในดินแดนเสี่ยวหนาน ขุมกำลังเหล่านี้จึงได้เตรียมการเพื่อที่จะล้างผลาญออกไปแล้ว

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังเงาร่างที่โผล่ขึ้นมาอย่างถี่ยิบเหล่านั้น เยี่ยจงก็แทบไม่อาจที่จะหยุดอยู่ในจุดเดิมได้อีก เพียงแต่นำเอาแผ่นยันต์ปราณทะลายมิติออกมา ตลอดทั่วทั้งคนก็ได้จากออกไปไกลนับหมื่นลี้

 

แผ่นยันต์ปราณนี้เดิมทีแล้วมีไว้เพื่อใช้ชักนำออกมาไปบริเวณที่ถูกกักขังเอาไว้ ขณะนี้กลับถูกเยี่ยจงใช้ออกมาเพื่อประโยชน์เพียงแค่นี้ ทว่าเขาก็มิได้เกิดความเจ็บปวดขึ้นในใจแม้แต่น้อย เพียงแต่ยังคงบีบใช้ออกมาอีกสามใบติดต่อกัน จนมาจนถึงบริเวณที่เป็นเหมือนแอ่งน้ำที่อยู่ห่างออกไปจากบริเวณยอดเขาเดิมถึงสองแสนลี้ เขาจึงค่อยได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง เกิดความวางใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

ควรทราบว่า หากมหาราชันทั้งสิบแปดคนร่วมมือกัน หากคิดที่จะเสาะหาตนเองแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมมิใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างไร ยังดีที่พวกเขาในขณะนี้นั้นได้จดจ่ออยู่ที่คำสอนแห่งเซียนที่แฝงเอาไว้ด้วยความลับสู่การเป็นเซียนอยู่ ดังนั้นอย่างน้อยก็คงจะไม่ทันสังเกตว่ามีคนได้ทะลายสภาวะอากาศไปจากออกไป

 

“ตงฮวง คงต้องคิดหาหนทางที่จะไปยังดินแดนตงฮวงให้ได้ ” เยี่ยจงยืนอยู่บริเวณหัวมุมของเมืองๆ หนึ่ง หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ได้สวมใส่อาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุชุดนั้นเอาไว้ จากนั้นก็ได้ลองคาดคำนวณดู แล้วก็ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็ได้เข้าไปยังทางเข้าออกของเมือง เพื่อที่จะเสาะหาโอกาสที่จะมุ่งหน้าไปยังทางด้านของดินแดนตงฮวง

 

อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นที่สุสานเซียนในดินแดนเสี่ยวหนานนั้น เยี่ยจงมิได้เกิดความเป็นห่วงขึ้นมาแม้แต่น้อย

 

หากเป็นไปตามคำบอกเล่าของเสี่ยวหลุน ท่ามกลางสุสานเซียน สมบัติที่กุมความลี้ลับเอาไว้อย่างชิ้นส่วนขนาดเล็กสีเหลืองทองชิ้นนั้นก็ได้ตกอยู่ในมือของตนเองแล้ว กล่าวได้ว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของสมบัติวิถีแห่งฟ้าก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าลี้ลับอย่างไร้ที่เปรียบ

 

ทว่า หลายวันที่ผ่านมานี้ เยี่ยจงก็มีบางครั้งได้นำสิ่งของชิ้นนี้ออกมาวิเคราะห์ดู แต่ว่าก็ไม่พบว่ามีความพิเศษในจุดใด นอกเสียจากว่าจะมีความหนักหน่วงอย่างไร้ที่เปรียบแล้ว ราวกับว่าสามารถที่จะทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะไขว่คว้าได้แล้ว ไม่ว่าเยี่ยจงจะทดสอบดูเช่นไร ก็ไม่อาจที่จะพบเห็นว่าสิ่งของชิ้นนี้กุมความลี้ลับอันใดเอาไว้อยู่

 

“เสี่ยวหลุน เจ้าคงไม่ได้หลอกลวงข้าหรอกกระมั่ง?” ท่ามกลางชั้นบนของโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้ล้วงเอาแผ่นสลักนี้เอาไว้ในมือ ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด หลายวันนี้มาเขาเหมือนกับมีความรู้สึกว่าถูกเยี่ยจงหลอกลวง หากว่าวัตถุชิ้นนี้มิได้มีอันใดพิเศษแล้วละก็ เช่นนั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ก็คงจะกลายเป็นเพียงคว้าน้ำเหลวไปแล้ว

 

“สิ่งของนั้นข้าย่อมจดจำได้ไม่ผิดอย่างแน่นอน แต่ว่าวัตถุชิ้นนี้เมื่อได้ถูกทำให้กลายเป็นชิ้นๆ ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีเพียงแค่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งเท่านั้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพลังปราณภายในตัวของมันยังคงถูกซ่อนเร้นเอาไว้อยู่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นอกเสียจากว่าจะลองใช้สภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงไหล่เวียนจากจุดตันเถียนเพื่อเพาะเลี้ยงวัตถุชิ้นนี้อย่างช้าๆ แล้ว เพื่อที่จะได้เป็นการเปิดสภาวะแห่งเทพในตัวของมันออกมา ” เสี่ยวหลุนครุ่นคิดอยู่นานจึงค่อยได้กล่าวออกมา “แต่ว่า ด้วยสภาวะการดำเนินเช่นนี้ถือได้ว่ามีความช้กช้าเป็น อย่างมาก ทว่าถ้าหากทำสำเร็จขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าความเร้นลับของวัตถุชิ้นนี้จะต้องตกเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน อีกทั้งในด้านพลังทำลายยังเรียกได้ว่าเหนือกว่ากระบี่แสงจันทร์อีกด้วย ใช่แล้ว กระบี่แสงจันทร์

นั้นเจ้าทางที่ดีก็เพาะเลี้ยงมันไว้ด้วย เช่นนี้จึงจะสามารถที่จะใช้มันออกมาด้วยพลังที่แท้จริงได้ ”

 

เยี่ยจงหลังจากที่ได้ครุ่นคิดดูแล้ว จึงค่อยได้พยักหน้าไปมาอย่างช้าๆ ตามความเป็นจริง สิ่งนี้เขาก็เคยคิดมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างหนีตาย ก่อนที่ยังไม่ทันจะไปถึงดินแดนตงฮวง เขาจคงเกิดความหวาดระแวงขึ้นมาชนิดหนึ่ง ไม่กล้าพอที่จะหยุดอยู่ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่นานจนเกินไป

 

“หลังจากไปที่ดินแดนตงฮวงแล้ว ข้าจะเสาะหาสถานที่เพื่อที่จะเก็บตัว นอกจากนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ข้ายังได้เคยตกลงกับเจ้ามาก่อน ว่าต้องการที่จะเสาะหาตำนานระดับจักรพรรดิฟ้าให้เจ้า ข้าประจวบทราบอยู่พอดีว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่ที่ใด อีกทั้งยังอยู่ภายในดินแดนตงฮวงอยู่พอดี ” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว ก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

เยี่ยจงพยักหน้าไปมา สุสานบรรพบุรุษของลัทธิแห่งดวงดาวก็อยู่ในดินแดนตงฮวง อีกทั้งเพิ่มกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คงไม่อาจที่จะอยู่ในดินแดนซีฮวงได้อีกต่อไปแล้ว ยังไงเสียก็คงต้องไปยังดินแดนตงฮวง จึงจะสามารถที่จะหลบเลี่ยงจากเรื่องทั้งหมดได้

 

“ไม่ทราบว่าที่ดินแดนเสี่ยวหนานนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาบ้าง?” หลังจากที่ได้ตัดสินใจเส้นทางได้แล้ว เยี่ยจงก็ได้เกิดความเบาใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน จากนั้น เขาก็ได้หาข่าวสารที่โรงน้ำชาอย่างระมัดระวัง คิดที่จะทราบความเคลื่อนไหวในขณะนี้ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น

 

หลังจากนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อได้ทราบความเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งแล้ว ว่าหลายวันมานี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สุสานเซียนภายในดินแดนเสี่ยวหนานก็ปิดเอาไว้ไม่อยู่ ก็ได้เริ่มที่จะแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ดินแดน อีกทั้ง ด้วยความร่วมมือกันของมหาราชันทั้งสิบแปดคน ก็ได้ทลายดินแดนเสี่ยวไป ทลายจนสุสานเซียนนั้นกลายเป็นเรื่องที่ถูกเล่าลือได้อย่างดุเดือดอย่างถึงที่สุด

 

ขณะนี้ ราวกับว่าทุกผู้คนต่างก็ทราบกัน สือซิ่งเมื่อได้รับคำสอนแห่งเซียนไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ว่าก็ใจกว้างอย่างถึงที่สุดส่งมอบมันออก อีกทั้งยังเรียนเชิญมหาราชันทั้งสิบแปดคนเพื่อที่จะร่วมกันวิเคราะห์ และทางด้านองค์จักรพรรดิของทางรัฐสือเมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ ท้ายที่สุดก็ได้ออกมาจากการเก็บตัว เพื่อที่จะเข้าร่วมวิเคราะห์หลักคำสอนแห่งเซียนนี้ร่วมกัน

 

ขณะนี้ คนของขุมกำลังและมหาราชันเหล่านี้ ต่างก็ได้รวมตัวกันที่หุบเขาชิวเซรี่ย คนทั้งหมดต่างก็เข้าร่วมกันวิเคราะห์กันอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะนำสิ่งของนี้จากไปได้ จึงได้แต่เพียงทำเรื่องเช่นนี้

 

“วิเคราะห์หลักคำสอนแห่งเซียนกันอย่างงั้นหรือ?” เสี่ยวหลุนหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา “นับตั้งแต่ช่วงเวลาแรก แน่นอนว่าย่อมต้องมีส่วนที่น่าประหลาด ทว่าอีกไม่นานนักพวกเขาเองก็คงจะทราบ ว่าสิ่งของเช่นนี้หากปล่อยให้หลุดไปในดินแดนเพียงคราเดียว คงจะต้องเกิดคลื่นลมฝนพายุคะนองขึ้นมาอย่างแน่นอน? ให้พวกเขารอคอยไปเถอะ!”

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset