เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 522 เคล็ดหลอมวัตถุ

ตอนที่ 522 เคล็ดหลอมวัตถุ

 

 

 

 

“ถึงขั้นเกิดคลื่นลมพายุฝนกระหน่ำเลยงั้นหรือ……” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ได้เกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วกล่าว “หากว่านี้เป็นคำสอนแห่งเซียนจริงเช่นนั้นก็คงจะอันตรายแล้ว หรือจะกล่าวได้ว่า มหาราชันทั้งสิบแปดคนคงจะต้องจบสิ้นแล้วอย่างแน่นอน?”

 

“สมควรที่จะไม่จบสิ้นกันไปทั้งหมดหรอก แต่ว่าเมื่อสิ่งของเช่นนี้ถูกเปิดเผยสู่ดินแดนเพียงครั้งเดียว ย่อมต้องทำให้ชนชั้นระดับมหาราชันตายไปได้หลายคนอยู่แล้ว? เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งหากว่าไม่ระวังไปเปิดสภาวะสังหารแห่งดินแดนภายในสุสานเซียนนั้นแล้วละก็ ก็ยากที่จะกล่าวได้ว่าจะเกิดผลลัพธ์ออกมาเช่นไรกันแน่ เมื่อถึงเวลานั้น จะทำให้เรื่องอย่างการตายของมหาราชันหลายคนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปได้เลย หากว่าย่ำแย่จริงแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องเกิดการนองเลือดไปนับหมื่นลี้แล้ว ขุนเขาสายธารนับหมื่นลี้ของดินแดนซีฮวงก็จะเต็มไปด้วยประกายฆ่าฟัน” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาด้วยความเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่า มันนั้นย่อมไม่แยแสสนใจหรือมีความคิดที่ดีต่อคำสอนแห่งเซียนแม้แต่น้อย

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เรื่องเช่นนี้หากว่าเป็นความจริงแล้วละก็ เขาก็เหมือนกับว่าไม่อาจที่จะหลบหนีไปได้ เด็กน้อยไต๋ซือหวูโหวผู้นั้นก็ช่างมันเถอะ แต่ทว่าชนชั้นมหาราชันแห่งมวลมนุษย์อย่างซือคงจาที่เคยออกหน้าแทนเขาอยู่หลายครั้งหลายครา เพื่อที่จะคุ้มครองตนเองตนเองที่เป็นเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นน้ำใจที่สูงส่งอย่างหนึ่ง หากว่าขณะนี้เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ยังแล้วกันไป กระนั้นกลับเข้าร่วม ตนเองย่อมต้องทราบว่าคำสอนแห่งเซียนนี้ชักนำเภทภัยมาให้ หากว่าไม่ไปเพื่อแจ้งเตือนซักคราแล้วละก็ เกรงว่าวันข้างหน้าคงยากที่จะหลับตาลงอย่างสงบลงได้

 

“พวกเราช่วงเวลานี้อย่าพึ่งออกไปจากดินแดนซีฮวงกันก่อนเถอะ เสาะหาสถานที่เพื่อเก็บตัวซักหลายวันก่อน เพื่อที่จะได้ทำการเพาะเลี้ยงพลังปราณสมุทรเข้าสู่ชิ้นส่วนนั้นและกระบี่แสงจันทร์จากจุดตันเถียนเสียก่อน จากนั้นพวกเราค่อยกลับเข้าไปยังดินแดนเสี่ยวหนาน ” เยี่ยจงหลังจากนั้นก็ได้เกิดการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดขึ้นมา ในเวลานี้เอง ตนเองยังไม่อาจที่จะสามารถหลบหนีไปได้

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง? ในเวลาเช่นนี้หากว่ายังจะกลับไป อีกทั้งยังเปิดเผยสถานะแล้วละก็ คงจะต้องจบสิ้นแน่นอนแล้ว” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

 

“มหาราชันซือคงเคยช่วยข้าอยู่หลายครั้ง ถือได้ว่าเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ หากไม่ตอบแทนพระคุณ ในขณะที่ข้าทราบว่าเขานั้นตกอยู่ในอันตราย ถ้าหากว่าตนเองเกิดความหวาดกลัว เช่นนั้นก็ช่างไร้น้ำใจเกินไปแล้ว เส้นทางของตัวข้าเอง มักจะเป็นคนตรงไปตรงมา ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า เพียงแต่จะไม่ยอมหลุบหางหลบหนีเอาไว้อย่างแน่นอน ถึงได้มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้” เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาด้วยความเชื่อมั่น อีกทั้งน้ำเสียงยังสงบอย่างถึงที่สุด

 

“เจ้า……” เสี่ยวหลุนหลังจากนั้นที่ได้ครุ่นคิด จึงค่อยถอนหายใจออกมา “เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้แล้วละก็ เช่นนั้นพวกเราก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบไปเสาะหาโรงเตี้ยในเมืองซักแห่ง แล้วใช้เวลาซักหลายวันเพื่อที่จะได้ชักนำช่วยเหลือเพาะเลี้ยงพลังปราณสมุทรจากจุดตันเถียนของเจ้าเข้าสู่สิ่งของทั้งสองสิ่งเถอะ”

 

“อีกทั้งยังถือว่าดี ปู่หลุนข้าเมื่อครั้งก่อนก็ต้องตาสิ่งของอยู่ไม่น้อย ในครั้งนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้!” เมื่อกล่าวมาจนถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเสี่ยวหลุนก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความถือดีอยู่อย่างมากมาย เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง เขานั้นยังคงหวนรำลึกสุสานเซียนดินแดนเสี่ยวหลุนอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย

 

ต่อมา เยี่ยจงก็ได้เสาะหาโรงเตี้ยมได้แห่งหนึ่ง แล้วก็ได้ร้องขอห้องที่สงบอยู่ห้องหนึ่ง จากนั้นก็ได้จัดตั้งค่ายกลยันต์ปราณแฝงเอาไว้อยู่ที่มุม จากนั้นเขาก็ได้ชักนำพลังสายทางแห่งดวงตะวันเพื่อที่จะหลอมกระบี่แสงจันทร์เข้าไปยังภายในจุดตันเถียน

 

“เจ้ามิได้มีคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันที่สมบูรณ์ทั้งเล่ม การใช้พลังความอบอุ่นนี้เพื่อเพาะเลี้ยงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุจะช้าจะเร็วย่อมต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ช่างเถอะ เพื่อที่จะเป็นการประหยัดเวลา ปู่หลุนข้าเมื่อในสมัยก่อนได้ขุดพบเคล็ดวิชาอยู่ชุดหนึ่ง อีกทั้งยังไม่มีประโยชน์ต่อข้า จะขายให้เจ้าในตอนนี้ก็แล้วกัน เพื่อแลกกับสมบัติเซียนทั้งหมดยี่สิบเล่ม ดีหรือไม่?” เสี่ยวหลุนก็ได้ทอเป็นประกายแสงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ทางด้านหน้าของเยี่ยจง

 

“มีอันใดที่น่าแปลกกันงั้นหรือ? อีกอย่างจากที่เห็นดูจากภายในคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์กลับมิเห็นว่าจะมีการบันทึกเอาไว้อยู่เลย” เยี่ยจงจ้องมองไปที่เสี่ยวหลุน ไม่แยแสอย่างถึงที่สุด

 

“ช่างเถอะ มีวาจาไร้สาระมากมายอะไรกันอีก ยังคงมิใช่ช่วยให้เจ้ากระทำเรื่องราวให้สำเร็จโดยเร็ว ปู่หลุนข้าก็จะได้มีโอกาสไปแย่งชิงสมบัติมากขึ้น!” เสี่ยวหลุนหลังจากที่คิดได้ ในที่สุดก็ได้พ่นม้วนคัมภีร์หนังโบราณขนาดเท่าฝ่ามือออกมาม้วนหนึ่ง แล้วก็ได้วางเอาไว้อยู่ทางด้านหน้าของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงกวาดสายตาเข้าไปยังม้วนคัมภีร์หนังอย่างช้าๆ ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา นี้ที่เป็นถึงเคล็ดวิชาเล่มหนึ่ง แต่ว่ากลับไม่มีทั้งชื่อทั้งที่มา เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีที่มาที่ไปที่เร้นลับอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เพียงแต่ว่า เยี่ยจงเมื่อได้มองเข้าไปยังภายในแล้ว ก็ได้ทอสีหน้าสนใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“นี้ถือได้ว่าเป็นของดีเลยละ ปู่หลุนข้านั้นมิได้มีร่างเป็นมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่อาจที่จะฝึกปรือได้ แต่ว่าก็ทราบว่า ด้วยการหลอมวัตถุสิ่งนี้ ก็เป็นเหมือนกับร่างกายดั่งเดิมของมนุษย์เรา ใช้พลังปราณเพื่อหล่อหลอมวัตถุ และการใช้พลังปราณนี้รวมเข้ากับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุไว้ภายในร่างกลับมีความแตกต่างกัน เหมือนกับมีสภาวะรังสีของมนุษย์เพิ่มขึ้นมาสายหนึ่ง หากว่าสามารถที่จะควบคุมขึ้นมาได้แล้วละก็ จะยิ่งเพิ่มสภาวะทางด้านจิตใจมากขึ้น คนนอกคิดที่จะแย่งชิงเอาไป โดยส่วนมากแล้วแทบจะมิอาจที่จะสามารถกระทำได้เลย ด้วยวิชาเช่นนี้ยังมีพลังทำลายที่หล่อหลอมมาจากพลังฟ้าดินขึ้นมาอีกด้วย หากว่าฝึกปรือจนถึงท่อนหลัง ก็จะสามารถที่จะแสดงประสิทธิภาพของการเปลี่ยนแปลงสภาวะต่างๆ ออกมาได้ แล้วก็ได้ใช้สมบัติชิ้นส่วนแห่งสวรรค์รวมเข้าไปได้อีกก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิชิชะชะออกมา อธิบายออกมายาวเหยียดไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าอดไม่ได้ที่จะต้องการให้เยี่ยจงฝึกปรือ

 

เยี่ยจงหลังจากที่ได้ลังเล ก็ได้พยักหน้าไปมา เขาถึงแม้ว่าจะมีคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์อยู่ แต่ว่าภายในนั้นก็เพียงแต่บันทึกเอาไว้แค่เคล็ดวิชาดั่งเดิม เป็นรากฐานที่แท้จริง แต่ว่ากลับมิได้จัดอยู่ในระดับตำนานแต่อย่างไร

 

และคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันของเขาเองก็เป็นเพียงบทของพลังขั้นก่อฟ้าเท่านั้น ดังนั้น เมื่อใช้วิชาทั้งสองสายผนึกเพื่อทำการเพาะเลี้ยงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุและสมบัติชิ้นส่วนแห่งสวรรค์นั้น ยังไงเสียก็มิใช่เรื่องที่ง่ายดาย และขณะนี้ด้วยเคล็ดวิชาไร้นามของเสี่ยวหลุนนี้ กลับถือได้ว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

 

ต่อมา เยี่ยจงก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแค่ไหลเวียนด้วยพลังลมปราณจากเคล็ดวิชาเอาไว้ ก่อนอื่นก็ชักนำกระบี่แสงจันทร์เข้าสู่จุดตันเถียนก่อน

 

ในขณะที่ยังไม่ได้เปิดผนึกเป็นกระบี่แสงจันทร์ ก็ได้ถูกเยี่ยจงใช้พลังแห่งจิตรวมเข้าไปแต่แรกอยู่แล้ว ขณะนี้เพียงแค่เคลื่อนไหวตามเคล็ดวิชา ไม่นานนัก ก็ได้พบว่ากระบี่แสงจันทร์ได้กลายเป็นประกายแสงขนาดเล็กขึ้นมา แล้วก็ได้เข้าไปภายในรวมเข้ากับปราณสมุทรภายในจุดตันเถียนของเยี่ยจง

 

ขณะนี้ ท่ามกลางปราณสมุทรภายในจุดตันเถียนของเยี่ยจง ก็ได้ปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงเทวะของมหาสมุทรตะวันผลาญขึ้นมา แต่ว่าภายในกระบี่แสงจันทร์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาภายในพริบตา มหาสมุทรตะวันผลาญก็ได้ถูกกดดันเอาไว้ แสงจันทร์ส่องผิวสมุทรก็ได้ปรากฏขึ้นมา และจากนั้นกระบี่แสงจันทร์ก็ได้ลอยทะลวงขึ้นสู่ปลายยอดของแสงที่จันทราสาดส่องออกมา จากนั้นก็ได้สาดเป็นประกายแสงจันทร์ขึ้นอย่างช้าๆ

 

“นี้มัน——”

 

เยี่ยจงก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป ผลลัพธ์จากการหลอมวัตถุถึงกับมีความลี้ลับถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถที่จะทำให้คนเองสามารถที่จะเก็บกระบี่แสงจันทร์เอาไว้ภายในร่างได้ วันข้างหน้าเมื่อใช้ออกมา ยิ่งสามารถที่จะสำแดงพลังจากการผนึกจิตใจได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

 

หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ได้นำเอาก้อนชิ้นส่วนสีเหลืองทองนั้นออกมา มองไปทั้งบนล่างซ้ายขวาอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็ได้ใช้ออกมาด้วยเคล็ดวิชาหล่อหลอมออกมา

 

หลังจากที่ผ่านไปแล้วทั้งหมดสามชั่วยาม เยี่ยจงก็ค่อยลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำ เรียกได้ว่าแทบจะไม่เหมือนกับการหลอมกระบี่แสงจันทร์โดยสิ้นเชิง ขณะนี้ชิ้นส่วนนี้แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ราวกับว่ากำลังส่งเสียงเย้ยหยันเยี่ยจงอยู่ก็มิปาน

 

“เสี่ยวหลุน เจ้าคงมิได้เล่นตลกอะไรกับข้าหรอกนะ? สิ่งของชิ้นนี้เป็นสมบัติชิ้นส่วนแห่งสวรรค์จริงอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่เสี่ยวหลุน ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา

 

“จะหลอกเจ้าไปทำไมกัน หากว่าสิ่งของนี้ทำให้ปู่หลุนอย่างข้าแตกตื่นได้ ย่อมต้องมีที่มาที่ไปที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าปู่หลุนอยู่หลายส่วนแล้วละก็ คงจะต้องถูกปู่หลุนกลืนกินเข้าไปแล้ว คงไม่หลงเหลือเอาไว้ให้เจ้าหรอก?” เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าด้วยสายตาของเยี่ยจงกลับไม่ได้เห็นอย่างที่เขาเห็นเลย

 

“มา นำสิ่งของชิ้นนั้นมาให้ปู่หลุนดูหน่อย ข้าจะดูว่ามีปัญหาอันใด” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ลังเล ก็ได้ตระเตรียมที่จะลงมือ

 

แต่ว่าในขณะนั้นเอง เยี่ยจงและเสี่ยวหลุนก็ได้เกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพราะว่าชิ้นส่วนนั้นจู่ๆ ก็ได้เลือนหายไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

 

“นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” เยี่ยจงเรียกได้ว่ากล่าวอันใดออกมาไม่ออก ที่เขาพบเจอนี้มันต่างก็เป็นเรื่องราวใดกันแน่

 

“ตรวจสอบภายในของเจ้าดู ดูว่าสิ่งของนั้นได้เข้าไปภายในแล้วหรือไม่!” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ได้ครุ่นคิด ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมากล่าวอย่างแผ่วเบา

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงก็ได้นั่งสมาธิลงมาอีกครั้ง สอดส่องภายในหลังจากนั้นก็แทบจะกล่าวอันใดไม่ออก ขณะนี้ภายในแสงจันทร์ส่องผิวสมุทรของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ ก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาของก้อนชิ้นส่วนสีเหลืองทองชิ้นนั้น อีกทั้งมันยังบุกเข้ายึดครองครองพื้นที่ในทันที จนแหวกกระบี่แสงจันทร์ออกไป ตนเองก็ได้เข้าไปยังตำแหน่งที่มีแสงจันทร์ปกคลุมเอาไว้อยู่ คล้ายกับกำลังดูดซับพลังลมปราณจากปราณสมุทรภายในจุดตันเถียนของเยี่ยจง

 

แน่นอนว่า นี้กลับมิใช่เป็นเพียงแค่การดูดซับเพียงถ่ายเดียว แต่มันราวกับกำลังหายใจอยู่ก็มิปาน มีทั้งสูดมีทั้งผ่อน

 

ทว่า ไม่ว่าเยี่ยจงจะพยายามที่จะควบคุมด้วยพลังจิตสำนึกอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะใช้พลังปราศจากตัวของมันออกมาได้ มันราวกับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ

 

“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาแล้วสิ” หลังจากนั้นก็ได้ทดลองอีกหลายครา เยี่ยจงก็ได้หลับตาลง บนใบหน้าก็ได้ปรากฏอารมณ์แตกตื่นขึ้นมา ของสิ่งนี้ก็ลี้ลับเกินไปแล้ว เสี่ยวหลุนเองก็ยังไม่ยอมที่จะบอกกล่าวว่าแท้จริงแล้วมันคือสิ่งใด ตนเองจึงได้แต่เพียงคาดเดาเท่านั้น

 

“ไม่ต้องคิดมากจนเกินไปหรอก ในเมื่อมันยอมที่จะเข้าไปยังภายในปราณสมุทรภายในจุดตันเถียนแล้ว เช่นนั้นก็เป็นที่บ่งบอกว่าเจ้านั้นมีวาสนากับวัตถุชิ้นนี้ วันข้างหน้าเจ้าต้องระวังเอาไว้หน่อย วัตถุชิ้นนี้หากว่าปล่อยให้ชนชั้นมหาราชันทราบแล้วละก็ เช่นนั้นเจ้าจะต้องถูกนำไปฆ่าตัดตอนอย่างไม่ต้องสงสัย ควรทราบว่า เกี่ยวกับส่วนที่เป็นชนชั้นมหาราชันอยู่ยังคงมีชนชั้นมหาราชันระดับสูงอยู่ ของสิ่งนี้ถือได้ว่ามีราคาค่างวดที่มากเกินกว่าคำสอนแห่งเซียน、คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ เพราะว่า ทั้งฟ้าดินนี้เอง ของสิ่งนี้มีเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น ” เสี่ยวหลุนก็ได้ทำตัวมีเลศนัย ถูกเยี่ยจงจดจ้องเอาไว้อยู่ ไม่ว่าเยี่ยจงจะไล่ต้อนถามอย่างไร มันก็ไม่บอกอะไรมากไปกว่านี้อีก

 

“เอาเถอะ ในเมื่อทั้งหมดก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว เด็กน้อย อย่าได้คร่ำครวญกับเรื่องที่มันเล็กน้อยแค่นี้อีกแล้ว พวกเรายังจำเป็นที่ต้องข้ามท้องมหาสมุทรใหญ่สู่ชั้นดารา การกลับไปยังดินแดนเสี่ยวหนานในครั้งนี้ ไม่แต่ต้องทำให้ปู่หลุนได้รับสมบัติเซียนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังต้องหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ร่วมหลับนอนกับเด็กน้อยเช่นเจ้าซักหลายคนแล้ว!” เสี่ยวหลุนก็ได้กลับเข้าไปยังใจกลางหน้าอกของเยี่ยจง กลายสภาพกลายเป็นลูกประคำ จนทำให้เยี่ยจงตลอดทั้งคนกลายเป็นเหมือนคล้ายกับผู้ถือศีลผู้หนึ่ง แน่นอนว่า เมื่อมองจากรูปลักษณ์ภายนอก แทบจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

 

เมื่อได้มาถึงขึ้นนี้กันแล้ว เยี่ยจงก็มิได้ถามอันใดมากมายอีก เพียงแต่พยักหน้าไปมา จากนั้นก็ได้วาดมือออกไป นำเอาเสี่ยวหลุนไปด้วย

 

“ได้ยินข่าวลือหรือไม่? ที่หุบเขาชิวเซรี่ยดินแดนเสี่ยวหนานในใจกลางได้ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยสุสานเซียนเอาไว้อยู่ กล่าวกันว่าหลุมฝังศพชั้นที่หนึ่งของมันได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้มีแดนลับแลจากที่ต่างๆ ได้รับประโยชน์ไปแล้วไม่น้อย องค์ชายหกรัฐสือสือซิ่งนั้น กล่าวกันว่าได้นำคำสอนแห่งเซียนออกมา น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดกลับต้องตกไปอยู่ในมือของชนชั้นระดับราชันทั้งสิบแปดคน แม้แต่องค์จักรพรรดิแห่งรัฐสือก็ยังต้องออกหน้ามาด้วยตัวเอง ก็ยังทำได้เพียงแค่เข้าร่วมวิเคราะห์ร่วมกันเท่านั้น”

 

“คิดมากมายไปใยกัน อีกทั้งยังคิดไปซะไกลมากมายไปทำไมกัน เรื่องเหล่านี้แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราเลย! หรือจะบอกได้ว่า ท่ามกลางพื้นที่สุสานเซียน ยังมีหลุมฝังศพชั้นที่สองอีกงั้นหรือ ด้านในมีศพของเซียนอยู่จริง อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นเซียนอย่างแท้จริงที่ไม่เคยปรากฏสู่ดินแดนหรืออยู่ในตำนานเล่าขานมาก่อน สมบัติที่ถูกฝังไปพร้อมกันอย่างแท้จริงนั้นยังไม่ได้ปรากฏขึ้นมา มีคนคาดเดาเอาไว้ว่า ภายในนั้นอาจจะสามารถที่จะค้นหาวัตถุที่มีพลังเหนือกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้อีก!”

 

“ขั้นที่เหนือกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ นั่นคืออะไร?” ระหว่างทางที่กำลังเร่งรีบอยู่นั้น ก็ได้มีผู้คนมากมายล้อมวงกันสนทนา คนเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อีกทั้งยังกำลังมุ่งหน้าไปยังทางด้านของหุบเขาชิวเซรี่ยไปอย่างมากมายนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่า พื้นที่สุสานเซียนเมื่อได้ถูกเปิดขึ้นมาจึงได้กลายเป็นสิ่งที่น่าตกใจเรื่องหนึ่งทั่วทั้งสี่ดินแดน เยี่ยจงในครั้งนี้ก็ได้ร่วมทางกับยอดฝีมือเหล่านี้ เพื่อที่จะช่วงชิงโอกาสเพื่อที่จะเข้าสู่ดินแดนเสี่ยวหนานให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้หาวิธีที่จะไปแจ้งเตือนต่อชนชั้นมหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์ซือคงจา

 

“นี้ก็คือสิ่งที่ผู้คนไม่ทราบกัน ท่ามกลางดินแดนทั้งสี่ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งสิ่งนี้ยังเป็นสิ่งที่ชนชั้นระดับมหาราชันในตำนานได้หลงเหลือเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นใดชิ้นหนึ่งต่างก็มีตำนานที่ลี้ลับมานับพันนับหมื่นปี เรียกได้ว่ายากที่จะคาดเดาเอาไว้ได้ ในตำนานที่เล่าขานกันนั้นแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่นะ!” แล้วก็ได้มีคนถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าเหมือนกับผู้แสวงบุญไปทั่วทั้งใบหน้า

 

“พวกเจ้าว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการปรากฏของสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนซีฮวงของพวกเราปรากฏขึ้นมา?” แล้วก็ได้มีคนบ่นพึมพำขึ้นมาอย่างกะทันหัน บนใบหน้าก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความสงสัย

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset