เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 523 สมบัติแห่งแดนซีฮวง

ตอนที่ 523 สมบัติแห่งแดนซีฮวง

 

 

 

“สมบัติแห่งแดนซีฮวง? คือสิ่งของใดกัน?”

 

มีคนที่ไม่เข้าใจขึ้นมา ก็ได้แต่เอ่ยถามขึ้นมาเสียงแผ่วเบา

 

“หรือไม่ก็อาจจะมีส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับโลงศพหยกแห่งเซียนอย่างงั้นหรือ? ถูกเรียกขานว่าโลงศพเก้าฟ้า กล่าวกันว่าได้ถูกฝังเอาไว้อยู่ในสถานที่เร้นลับ มิได้มีการปรากฏขึ้นมาอยู่นาน ภายในนั้นได้เก็บซ่อนเอาไว้ด้วยพลังแห่งเซียนอย่างแท้จริงเอาไว้ ตอนนี้มีผู้คนมากมายต่างก็เกิดความสงสัย โลงศพหยกชิ้นนั้นที่ได้อยู่ภายในพื้นที่ที่เป็นสุสานเซียนแห่งดินแดนเสี่ยวหนาน ก็คือโลงศพเก้าฟ้าในตำนานอย่างงั้นหรือ ”

 

มีคนที่พอจะทราบความเร้นลับก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมา เพราะว่าในเวลานี้ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังเรื่อยเหล่านี้อีกแล้ว หรือต่อให้เขาไม่กล่าวออกมา ก็ยังมีอีกหลายคนที่ทราบกันอยู่แล้ว ในที่สุดความลับเช่นนี้ก็คงจะไม่อาจที่จะผนึกเอาไว้ในใจของผู้คนได้ได้ตลอดไปอยู่ดี

 

“อะไรกัน? ด้านในภายในพื้นที่สุสานเซียนได้มีการปรากฏของโลงศพเก้าฟ้าหรือ?” มีคนถอนหายใจออกมาด้วยความตกใจ แม้ว่าจะเร่งเดินทางอยู่ แต่ว่าก็ยังอยู่ในอาการที่ก้มหน้าก้มหน้าตามองแต่พื้น

 

“เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจษจันกันอย่างมาก กล่าวกันว่าท่ามกลางสุสานส่วนที่หนึ่งของพื้นที่สุสานเซียน ได้มีการปรากฏของโลงศพหยกแห่งหนึ่งขึ้นมา อีกทั้งยังมีพลังสภาวะกดดันไปทั่วทั้งตำหนักใต้ดิน ทว่าหลังจากที่มีชนชั้นระดับมหาราชันใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแล้ว ไม่นานนักนั้นโลงศพหยกก็ได้หายไป มีคนคาดเดาว่า โลงศพหยกนั้นสมควรที่จะเป็นเส้นทางสู่สุสานชั้นที่สองอยู่ภายใน อีกทั้งยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์หลายคนกล่าวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน คาดเดาว่านั้นก็คือโลงศพเก้าฟ้าที่ถูกเล่าขานกันมาแล้ว!”

 

“เดิมทีหากนำตามท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์กล่าวเอาไว้ ยอดฝีมือพลังเทวะขั้นที่สามขึ้นไปหากเข้าไปยังภายในพื้นที่สุสานเซียนแล้วนะก็ จะกลายเป็นการชักนำสภาวะการสังหารเกิดขึ้น แต่ว่าขณะนี้ก็ได้มีชนชั้นระดับมหาราชันอยู่ส่วนหนึ่งที่อดทนไว้ไม่อยู่แล้ว คิดที่จะก่อคลื่นแห่งหายนะ เข้าแย่งชิงวาสนานี้!”

 

“หากว่าสามารถที่ได้รับโลงศพเก้าฟ้าแห่งสมบัติแห่งแดนซีฮวงชิ้นนี้แล้วละก็ กล่าวกันว่ายังมีค่ามากกว่าหลักคำสอนแห่งเซียนไม่รู้กี่เท่า กล่าวกันว่าหลักคำสอนแห่งเซียนนั้นขณะนี้ก็ได้มีชนชั้นระดับมหาราชันทั้งสิบเก้าคนควบคุมเอาไว้ แต่ว่าก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถที่จะทำความเข้าใจขึ้นมาได้ ”

 

“ดังนั้น ตอนนี้หากกล่าวถึงความเห็นของคนมากมายแล้ว พื้นที่สุสานเซียนก็เหมือนกับพึ่งจะเริ่มเปิดขึ้นก็มิปาน อีกทั้งยังมีวาสนาอยู่มากมาย กล่าวกันว่าได้มีชนชั้นระดับมหาราชันมากกว่าเดิมปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ผลสุดท้ายดินแดนเสี่ยวหนานก็คงจะต้องกลายเป็นสถานที่วุ่นวายแห่งหนึ่งแล้ว!”

 

“ทั้งหมดนี้ ต่างก็เป็นเพราะว่าสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์เยี่ยจงก่อเรื่องขึ้น ผู้ใดจะสามารถที่จะคาดคิดได้กันว่า เพียงแค่เพราะว่าการไล่ล่าสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจงเพียงคนเดียวเท่านั้น จะถึงกับจุดประเด็นความลับของดินแดนเสี่ยวหนานออกมา จนกลายพื้นที่สุสานเซียนที่ถูกเล่าขานกันขึ้นมา? แทบจะเรียกได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเหมือนดั่งความฝันก็มิปาน!”

 

“ข้าสามารถที่จะยืนยันได้ว่า หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว จะต้องเกิดความวุ่นวายที่ดินแดนซีฮวงของเราอย่างแน่นอน ”

 

“……”

 

ตลอดรายทางมานี้ ก็ได้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าเข้าไปยังดินแดนเสี่ยวหนานอย่างเร่งรีบกันเป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้ต่างก็เดินทางอย่างเร่งรีบในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังได้สนทนากัน เพราะว่า พื้นที่สุสานเซียนนี้หากมองจากในมุมของผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ย่อมเรียกได้ว่ามีสภาวะแรงจูงใจได้มากมายอย่างแน่นอน

 

จะมีหนทางสู่วิทยายุทธ์มากแค่ไหน ก็ไม่มีคนทราบได้ แต่ว่า ต่อให้เป็นชนชั้นระดับมหาราชัน ทว่าก็ยังมีอายุอยู่บนโลกได้เพียงแค่พันปีเท่านั้น เมื่อเวลานั้นมาถึง ต่อให้เป็นเหล่าที่เป็นที่สุดแห่งสี่ดินแดน ที่มีวีรชนอยู่ทั่วหล้า ยังไงสุดท้ายก็ไม่พ้นจากการคืนสู่ธุลีดิน

 

แต่ว่า หากว่าสามารถครอบครองความสำเร็จสู่การเป็นเซียน ได้กลายเป็นเซียนอย่างแท้จริง เช่นนั้นก็เหมือนกับว่ามีอายุที่ยาวนานยิ่งขึ้น จนสามารถที่จะกระทำเรื่องที่อยู่เหนือขีดจำกัดของตนเองไปได้อีก

 

ท่ามกลางกลุ่มผู้คน ขณะนี้ต่างก็มีการหลั่งไหลรวมตัวกันอย่างทุกสารทิศ เยี่ยจงแทบจะไม่มองดูสิ่งใดเลย เขาเพียงแค่กวาดสายตามองออกไปทางด้านนอกด้วยสีหน้าที่เฉยเมย ทอสีหน้ายากที่จะอธิบายได้

 

หากเป็นไปตามคำพูดของเสี่ยวหลุน หลักคำสอนแห่งเซียนนั้นเมื่อมีการปรากฏขึ้นมาในทุกครั้ง จะดึงดูดคลื่นลมฝนโลหิตเข้ามา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สุสานเซียนจะมีสุสานชั้นที่สองหรือไม่ ไม่ว่าท่ามกลางพื้นที่สุสานเซียน จะมีการคงอยู่ของโลงศพเก้าฟ้าในตำนานจริงหรือไม่ ขอเพียงเมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องสร้างความวุ่นวายขึ้นมาอย่างแน่นอน และหากว่ามีการปรากฏขึ้นมาของโลงศพเก้าฟ้าแล้วละก็ ยอดฝีมือแห่งดินแดนเสี่ยวหนานในขณะนี้ย่อมต้องเกิดความสนใจมุ่งหน้ามาอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าจะต้องเกิดการตายตกไปมากน้อยแค่ไหนอีกกัน

 

“เสี่ยวหลุน เจ้าว่าจะเป็นโลงศพหยกนั้นที่พวกเราได้พบเห็นเมื่อตอนที่ภายในตำหนักฟ้าเก้าชั้นเมื่อครั้งก่อนหรือไม่ คงจะมิใช่โลงศพเก้าฟ้าจริง ด้านในใต้สุสาน จะมีเซียนที่แท้จริงอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงทางหนึ่งเร่งเดินทางทางหนึ่งเร่งกล่าวออกมา ตามคำจริงแล้ว เขาเองก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน

 

“พูดได้ยาก แต่ว่าข้ารู้สึกได้ว่ากว่าแปดส่วน ก็คือสมบัติแห่งแดนซีฮวงจากโลงศพเก้าฟ้าในตำนานนั้นเอง อีกทั้งยังไม่ทราบว่ามีการคงอยู่มากมายนับหมื่นปี เพียงแต่ว่าวัตถุเช่นนี้เมื่อมีการปรากฏขึ้นมาทุกครั้ง ต่างก็มีการบันทึกเอาไว้มานานนับหมื่นปี ขณะนี้ระยะห่างของมันก็ได้เพิ่มมากขึ้นจนปรากฏขึ้นมากว่าเก้าพันปีแล้วเท่านั้น ดังนั้นสมควรที่จะมิใช่การปรากฏขึ้นมาแล้วโลงศพเก้าฟ้า ” เสี่ยวหลุนหลังจากที่ครุ่นคิด จึงค่อยได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างใจเย็น

 

“หมื่นปีปรากฏขึ้นคราหนึ่ง ” เยี่ยจงกลืนน้ำลายลง พื้นที่สุสานเซียนนั้นมีความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้ ในข้อนี้เขาก็พอที่จะทราบได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าขณะนี้เมื่อได้ยินก็ยังคงเกิดอาการตกใจขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ “สุสานชั้นที่สองนั้นหากว่ามีการคงอยู่จริงแล้วละก็ จะใช้สิ่งที่เราเจ้าพบเห็นเมื่อวันก่อนหรือไม่นั้น ในสถานที่แห่งนั้น ราวกับว่ามีการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลับใหลอยู่ตนหนึ่ง คงจะมิใช่ศพของเซียนที่แท้จริงหรอกกระมั่ง?”

 

“จะมีเซียนปรากฏขึ้นมาหรือไม่นั้น นั้นมีการเล่าขานอยู่นับไม่ถ้วน แต่ว่าต่อให้ด้วยความสามารถเช่นปู่หลุนอย่างข้าเอง เมื่อได้พบเห็นสมบัติเซียน ค้นพบคัมภีร์เซียน แต่ว่ายังไม่เคยพบเจอกับเซียนที่แท้จริงมาก่อนช่นเดียวกัน ดังนั้นปู้หลุนอย่างข้าก็ไม่อาจที่จะแน่ใจได้ ว่าจะมีเซียนอยู่จริงหรือไม่……แต่ว่า ในบริเวณที่มาของสุสานแห่งดินแดนเสี่ยวหนานนั้น ต่อให้ด้านในข้างใต้สุสานมิได้มีเซียนที่แท้จริงอยู่ อย่างน้อยก็คงจะต้องมีการคงอยู่ที่สูงกว่าชนชั้นระดับมหาราชันอยู่อย่างแน่นอน ” เสี่ยวหลุนลังเลขึ้นมาแล้วกล่าว

 

“พวกเรามิใช่พบเห็นบันทึกที่เก็บเอาไว้ภายในแผ่นสลักหยก? ด้านในมิใช่ว่ามีการบอกเอาไว้อย่างชัดเจนอย่างงั้นหรือ คนผู้นั้นมิใช่เซียนที่แท้จริงอย่างงั้นหรือ ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วก็ได้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในจิตใจ

 

“เรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ภายในแผ่นสลักหยก สมควรที่จะต้องเป็นตัวเจ้าของสุสานชั้นที่หนึ่งเป็นคนเหลือทิ้งเอาไว้ และพวกเราตอนนี้กำลังถกถึงเรื่องของสุสานชั้นที่สองอยู่ อีกทั้ง สุสานชั้นที่สองหากว่ามีการคงอยู่จริงแล้วละก็ เช่นนั้นการคงอยู่ของเจ้าของสุสานชั้นที่หนึ่งนั้น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นเขาสิ่งที่เขาพยายามป้องกันเอาไว้ วิถีเซียนอันใดที่อยู่ข้างใต้ของสุสานมารนั้น การบอกกล่าวเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการกล่าวที่น่าตกใจยิ่งนัก แต่ว่ายังวิเคราะห์ อย่างละเอียดดูแล้ว กลับมีข้อขัดแย้งกันอยู่อย่างมากมาย ข้าคิดว่าชนชั้นระดับมหาราชันทั้งสิบเก้าคนนั้นอย่างน้อยก็คงจะต้องค้นพบอะไรอยู่บ้าง มิเช่นนั้นแล้วละก็ พวกเขาก็คงจากไปตั้งแต่แรกแล้ว ” เสี่ยวหลุนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ว่าจะกล่าวออกมาเช่นไร การกลับไปในครั้งนี้ถือได้ว่าถูกต้องแล้ว พื้นที่สุสานเซียนนั้นอย่างนั้นก็ยังคงมีความลับอันยิ่งใหญ่แฝงเอาไว้อยู่ ในครั้งนี้พวกเราก็ดูให้ดีก่อน ดูว่าสภาวะสังหารทั้งหมดที่แท้จะเป็นอย่างไรกันแน่ ”

 

“เกี่ยวกับวิธีการกล่าวของสภาวะสังหารนั้นยังพูดได้ยาก อีกทั้งหากว่าตาเฒ่าบัญชาสวรรค์กล่าวมาอย่างเลื่อนลอยเล่า?”

 

ท้ายที่สุด เสี่ยวหลุนก็ได้ถกเถียงออกมาไม่หยุดหย่อน การถกประเด็นในครั้งนี้ได้ทำให้เยี่ยจงเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมาจับใจ ควรทราบว่า ตาเฒ่าบัญชาสวรรค์แห่งหมู่ตึกแห่งการคำนวณแห่งฟ้านั้นถือได้ว่าเป็นสถานที่ส่งสูงแห่งดินแดนทั้งสี่ อีกทั้งยังมีสถานะที่พิเศษ กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่เขากล่าวออกมาทั้งหมดย่อมต้องมีความแม่นยำอย่างถึงที่สุดกันเลยทีเดียว

 

แต่ว่า ก็เป็นดั่งการคาดคิดของเสี่ยวหลุนทั้งหมด หากว่าตาเฒ่าบัญชาสวรรค์ผู้นี้ ตนเองเกิดความต้องตาต่อความลับแห่งเซียนนี้เล่า? เช่นนั้นเขาสิ่งที่เขาพยายามผลักดันที่ห้ามชนชั้นราชันที่มีพลังเทวะสูงเกินกว่าขั้นที่สามขึ้นไปเข้าไป จะเป็นการดึงดูดสภาวะสังหารออกมา เช่นนั้นจะเป็นจริงหรือไม่กัน?

 

เรื่องราวเหล่านี้ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยช่องว่างของความคิดขึ้นมา ยิ่งแลกเปลี่ยนก็ยิ่งทำให้เกิดรสชาติที่เยียบเย็นขึ้นมา ขณะนี้เกรงว่าจะมิใช่มีแต่เพียงแค่เสี่ยวหลุนคนเดียวเท่านั้นที่คาดเดาเช่นนี้ เหล่าผู้ที่คอยยั้งเชิงอยู่โดยรอบของดินแดนเสี่ยวหนานอย่างชนชั้นระดับมหาราชันทั้งสิบเก้าคนอย่างน้อยภายในจิตใจก็ย่อมต้องเกิดความลังเลขึ้นมาเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นแล้วละก็ พวกเขาก็คงถอยทัพไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

……

 

เมื่อได้รวมตัวกันกับกลุ่มของผู้คน หลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้วห้าวัน เยี่ยจงในที่สุดก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณรอบนอกของดินแดนเสี่ยวหนานอีกครั้ง ดินแดนเสี่ยวหนานขณะนี้และก่อนหน้านี้กลับดูแตกต่างกันโดยทั้งสิ้น โดยรอบต่างก็ได้มีเงาของผู้คนปรากฏขึ้นมาอย่างถี่ยิบ อีกทั้งยังมีการรวมตัวกันอยู่ของขุมกำลังนับไม่ถ้วน จนำให้บริเวณแห่งนี้พรุ่นพร่านไปด้วยบรรยากาศผู้คน ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาอย่างถี่ยิบเช่นกัน คนเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นชนชั้นราชันได้อย่างแท้จริง ทางด้านหน้าสุดก็ได้มีการรวมตัวกันอยู่ของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ของแดนลับแลแต่ละฝ่าย ขณะนี้พวกเขาก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา จ้องเขม็งเข้าไปยังภายในทางเข้าของส่วนลึกท่ามกลางตำหนักใต้ดิน

 

และตำหนักสวรรค์ที่อยู่สูงยิ่งกว่า ก็ได้มีทอเป็นประกายแสงอันคมกล้าทั้งหมดสิบเก้าสายปรากฏขึ้นมา ชนชั้นระดับมหาราชันทั้งสิบเก้าคนนั้น ขณะนี้พวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาทั้งหมด ที่ได้ร่วมกันวิเคราะห์หลักคำสอนแห่งเซียน ต่างก็อยู่ในอาการครุ่นคิดและสงสัยอยู่

 

เยี่ยจงยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้คน เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ ขมวดคิ้วไปมา ภายในสถานการณ์เฉกเช่นนี้ เขาไม่ว่าจะเข้าไปสนทนากับซือคงจา หรือว่าจะเสาะหาซือคงจาชิง ต่างก็ถือได้ว่าเป็นความยากลำบากอย่างถึงที่สุด

 

หลังจากที่เกิดความลังเล เขาก็ได้นำเครื่องมือต้องห้ามที่ไต๋ซือหวู่โหวนำมาให้ตนเองแขวนเอาไว้อยู่บริเวณทางด้านหน้าจนเกิดพลังบางอย่างปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ได้เก็บงำประกายเอาไว้อีกครั้ง เห็นได้ชัด ด้วยความสามารถของหวู่โหว สมควรที่จะสามารถที่จะตรวจสอบพบกับเขาได้แล้ว

 

“ตอนนี้ในเวลานี้คงจะได้แต่รอแล้วกระมั่ง?” เยี่ยจงเสาะหาเนินเขาได้แห่งหนึ่ง เมื่อได้เหม่อมองไปยังทางเข้าออกในบริเวณที่ห่างไกลออกไปของตำหนักใต้ดิน แม้ว่าเขาจะเคยเข้าไปภายในมาก่อน แต่ว่าขณะนี้เมื่อได้มองดูเข้าไป ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงไอมารบริเวณทางเข้าออกของตำหนักใต้ดินอย่างเข้มข้น

 

หลังจากที่ได้จ้องเขม็งอยู่นาน แล้วก็ได้หันไปมองยังยอดฝีมือจากทั้งสี่ทิศที่มีอยู่อย่างถี่ยิบขึ้นมา เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมาสักครู่ จึงค่อยได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก คนที่มานั้นเรียกได้ว่ามิใช่เยอะอย่างธรรมดา คงจะเป็นเพราะว่ามีคนจงใจที่จะเปิดเผยเรื่องราวของดินแดนเสี่ยวหนานแห่งนี้ออกไป จนทำให้ยอดฝีมือมากมายเร่งรีบมายังสถานที่แห่งนี้ก็มิปาน ”

 

“คงจะมิใช่เป็นชนชั้นระดับมหาราชันเหล่านี้ค้นพบสุสานชั้นที่สองขึ้นมาจริงหรอกนะ อีกทั้งยังถึงกับทราบวิธีที่จะเปิดมันออกมาด้วยหรอกนะ? หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วละก็ พวกเขาดึงดูดผู้คนมามากมายเช่นนี้ ที่แท้คิดจะจัดการเรื่องทั้งหมดอย่างเปิดเผยอย่างงั้นหรือไง?” เสี่ยวหลุนก็ได้เกิดความคิดภายในจิตใจ พริบตานั้นก็ได้นึกถึงลักษณะนิสัยเช่นนี้ขึ้นมา

 

เยี่ยจงทอสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา กล่าวกันตามเหตุและผลแล้ว ชนชั้นระดับมหาราชันคงจะไม่ทราบเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่ว่า เมื่อนึกถึงได้ว่ามีมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อในขณะนี้ รวมไปจนถึงมหาราชันปีศาจทุนเทียนที่มองเห็นชีวิตของผู้คนเป็นเหมือนผักปลาความว่างเปล่า เช่นนั้นเรื่องเช่นนี้ก็สามารถที่จะมีความเป็นไปได้อย่างสูง

 

เพื่อที่จะเป็นการเปิดสุสานชั้นที่สองขึ้น เข้าไปเสาะหาศพเซียนและโลงศพเก้าฟ้า เกรงว่าคนเหล่านี้ย่อมไม่ลงมืออย่างไว้ไมตรีอย่างแน่นอน

 

ต่อให้เป็นชนชั้นระดับมหาราชันเผ่ามนุษย์ถึงแม้จะไม่กระทำเรื่องเช่นนี้ แต่ว่าท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ในที่สุดก็ได้มีการคงอยู่ของชนชั้นระดับมหาราชันถึงสิบเก้าคน ก็คงจะต้องเป็นไปตามความคิดของผู้คนมากมาย ต่อให้เป็นชนชั้นระดับมหาราชันที่แท้จริง ก็ไม่อาจที่จะแบกรับวิธีเช่นนี้ได้

 

“ที่แท้ความจริงคืออะไรกัน?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา จ้องเขม็งไปยังกลุ่มแสงทั้งสิบเก้าสายที่บนท้องฟ้า แต่ว่าการคงอยู่ของชนชั้นระดับมหาราชันเหล่านี้เจิดจริสมากเกินไป ขณะนี้เขาก็แทบจะมองไม่เห็นอันใด ขอเพยีงสามารถที่จะเป็นดั่งเช่นคนอื่น ต่างก็มีแต่รอคอยอยู่ในสถานที่แห่งนี้เท่านั้น

 

เวลาก็ได้ไหลเวียนผ่านไป ไม่นานนักก็ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งเดือน ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ทั้งหมดเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่มีผู้ใดทราบว่าต่อจากนี้สมควรที่จะทำเช่นไรดี

 

“ตูม——”

 

ในวันที่สิบหก เมื่อได้มีคนเข้าไปด้านในภายในตำหนักใต้ดิน ก็ได้มีประกายแสงทั้งสิบเก้าสายพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังมีอยู่หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักไม่ก็ตายลง ถือได้ว่าเป็นความโหดร้ายอย่างมากที่สุด

 

“เป็นพวกเขา!?”

 

เยี่ยจงเหม่อมองเข้าไปทางด้านนั้น ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมา ขณะนี้คนกว่าสิบคนก็ได้ทะยานออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นกลุ่มคนชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าที่ได้เข้าไปยังตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าในช่วงเวลาสำคัญกลุ่มนั้น ขณะนี้ นอกเสียจากว่าจะมีอยู่หลายคนที่ยังพอมีสีหน้าดูดีอยู่ ที่หลงเหลือต่างก็มีสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม

 

คนกลุ่มนี้ก็ได้เข้าไปยังเบื้องหน้าของชนชั้นระดับมหาราชันทั้งสิบเก้าคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้พบเห็นท่ามกลางท้องฟ้าเปล่งประกายแสงขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดทางด้านล่างต่างก็จ้องมองจนดวงตาพร่ามัวขึ้นมา เห็นได้ชัด ต่อให้เป็นชนชั้นระดับมหาราชันขณะนี้ต่างก็ต้องการที่จะทราบความลับนี้

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? มิใช่บอกว่าสุสานชั้นที่หนึ่งมิได้มีอันตรายอันใดแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้มีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนักกันแล้วเล่า?”

 

“นี้ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน คงจะไม่ใช่ว่ามีการปรากฏของสุสานชั้นที่สองขึ้นจริงแล้วกระมั่ง?”

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset