เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 528 การต่อสู้

ตอนที่ 528 การต่อสู้

 

 

 

สุสานชั้นที่สอง ท่ามกลางเมืองแห่งมาร

 

ในสถานที่แห่งนี้ประดุจดั่งดินแดนที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าก็มิปาน คนทั้งหมดต่างก็มีความเห็นแก่ตัวของตนเอง ในทุกๆ ความเคลื่อนไหวย่อมต้องเกิดความระแวดระวังอย่างไร้ที่เปรียบ เพราะว่าหากไม่ระวังขึ้นมา ก็อาจที่จะกลายเป็นเครื่องสังเวยของคนผู้อื่นไปได้

 

“นอกเสียจากว่าจะเป็นตำนานระดับแดนลับแลแล้ว ก็ยังคงมีผู้คนอีกมากมายที่ซ่อนเร้นอยู่ที่ขุมกำลังต่างๆ ส่งเข้ามา สถานที่แห่งนี้สามารถที่จะเรียกได้ว่าสามารถตายลงได้ทุกย่างก้าว อีกทั้งยังไม่สนใจว่าจะมีที่มาที่ไปใหญ่แค่ไหน ถ้าหากถูกหมายตาก็ต้องตายเป็นที่แน่นอน!”

 

ในบริเวณทางด้านซากปรักหักพังโบราณ ก็ได้มีส่งเสียงออกมา ทอสีหน้าปั้นยาก

 

“ไม่ต้องกล่าววาจาไร้สาระมากมายเช่นนั้นแล้ว จะสามารถได้รับวาสนาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา สามารถที่จะรักษาวาสนาเอาไว้ได้ ก็ต้องดูที่ความสามารถของตัวเจ้าเองแล้ว!” อีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีคนยกมุมปากกล่าวขึ้นมา ขณะนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เห็นได้ชัดว่า เมื่อครู่ทั้งสองคนนี้พึ่งได้ผ่านพ้นประสบการณ์การต่อสู้ครั้งใหญ่มา อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด เพราะว่าด้านล่างบนตัวของพวกเขา ได้มีซากศพอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ปกคลุมหนาแน่นเต็มไปหมด และทั้งสองคนนี้แน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะรอดพ้นไปจากการต่อสู้นี้ได้ไปอย่างง่ายดายแน่นอน

 

“ซูม——”

 

ท่ามกลางอากาศ ทันใดนั้นเองก็ได้มีคมกระบี่สายหนึ่งกวาดเข้ามา วินาทีนั้นเองก็ได้มีศีรษะสองศีรษะลอยขึ้นมา จากนั้นเงาร่างสายนั้นก็ได้หายวับไป มือหนึ่งคว้าจับไปยังป้ายหินชิ้นนั้น ร่างกายก็ได้มุ่งหน้าจากออกไปไกลภายในพริบตา

 

“นี้คือ ระดับมหาราชัน……”

 

ในช่วงเวลาที่เงาร่างสายนั้นได้หายลับไป เยี่ยจงค่อยทอสีหน้าปั้นยากปรากฏขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าในสถานที่เช่นนี้ แม้แต่ระดับมหาราชันก็ยังลงมือออกมาเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ และฉากเบื้องหน้าสายตา ก็เพียงพอที่จะบอกได้ถึงความอันตรายที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมในสถานที่แห่งนี้

 

“ไป!”

 

เยี่ยจงก็ได้มีการตัดสินใจภายในพริบตา สถานที่แห่งนี้น่าหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว ถึงกับมีระดับมหาราชันซ่อนเร้นอยู่ในบริเวณนี้ ในสถานที่เช่นนี้กลับสามารถที่จะถูกคนสังหารลงได้ในทุกวินาที

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงมิได้เสาะหาสิ่งของตามทางอีกต่อไป เพียงแต่ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ มุ่งหน้าถอยไปยังทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ได้เข้ามาจนถึงอาณาเขตอีกทางด้านหนึ่ง

 

“บรึม——”

 

พริบตาที่ลงสู่พื้น เขาก็ได้ได้ยินเสียงอันน่าหวาดกลัวดังพวยพุ่งออกมาจากบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน บริเวณทางด้านหน้าไม่ไกลนักก็ได้มีคนกำลังต่อสู้กันอยู่

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ท่ามกลางสุสานชั้นที่สองแห่งนี้ การเกิดศึกต่อสู้ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อดูจากความเคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าต่างก็เป็นยอดฝีมือที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ต่อสู้กันเอง

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้เกิดความคิดขึ้นวูบ แล้วก็ได้มีบรรยากาศประหลาดชนิดหนึ่งชักจูงเขาเอาไว้

 

“หรือว่า ทางด้านหน้าถึงกับมีหนึ่งในซานเชียนเซินถี่ (ร่างสถิตแห่งเทพ) ลงมือออกมากัน?” เยี่ยจงพึมพำขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้เผยสีหน้าแตกตื่นขึ้นมาเป็นสาย เพราะว่าเขาก็ได้พบว่า พลังชีวิตที่ประหลาดเช่นนี้กับแสงจันทร์ส่องผิวสมุทรภายในร่างกายของเขามีความเปลี่ยนแปลงแห่งเทพเช่นเดียวกัน

 

“สมควรที่จะเป็นหนึ่งในซานเชียนเซินถี่น้ำแข็งธารสมุทรร้อยสาย ” เสี่ยวหลุนเอ่ยปากขึ้น เพื่อที่จะเป็นการยืนยันถึงสภาวะร่างกายของพลังชนิดนี้

 

“ซานเชียนเซินถี่ น่าสนใจดีนิ ”

 

เยี่ยจงพึมพำขึ้นมา หลังจากนั้นก้าวออกไปก้าวหนึ่ง แล้วก็ได้กลายเป็นประกายแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขานั้นจะเป็นถึงร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่ในระดับตำนาน ที่เรียกได้ว่าสามารถจัดการกับซานเชียนเซินถี่ได้ แต่ว่านี้ยังถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ว่ามีคนที่สามารถที่จะควบคุมพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะได้เช่นเดียวกัน และคนผู้นี้สมควรที่จะต้องเป็นหนึ่งในซานเชียนเซินถี่แล้ว

 

“ติ้ง——”

 

เยี่ยจงก็ได้ย่างกรายจนมาถูกบริเวณยอดเขา มุ่งหน้ามองลงไปยังบริเวณใต้หุบเขาลงไป แล้วก็ได้พบว่าที่แห่งนั้นมีคนกำลังเปิดศึกกันอยู่

 

ท่ามกลางใจกลางกลุ่มที่เปิดศึกกันอยู่นั้น ก็ได้มีเงาร่างสองสาย สายแรกนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีอายุราวๆ ยี่สิบปีได้ ขณะนี้เขาก็ได้อยู่บริเวณทางด้านหลัง มีพลังธารสมุทรปรากฏออกมา เพียงแต่ว่าพลังธารสมุทรสายนี้กลับสามารถที่จะสร้างภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่โตขึ้นมาได้อยู่รอบบริเวณ จนเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาจับใจจนแข็งไปจนถึงกระดูกแผ่ซ่านขึ้นมาไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จนทำให้ตลอดทั่วทั้งสี่ทิศของหุบเขากลายเป็นมีลูกเห็บตกลงมามากมายนับไม่ถ้วน

 

เห็นได้ชัดว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้กำลังใช้ออกมาด้วยพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะทั้งหมดของเขา น้ำแข็งธารสมุทรร้อยสาย

 

“นี้คือ บุตรศักดิ์สิทธิ์หานหวูยีแห่งตำหนักเยือกแข็งลี้ลับแดนเป่ยฮวง?” หลังจากนั้นเยี่ยจงก็ได้ตรวจสอบการลงมือของชายหนุ่มผู้นี้อย่างละเอียด จึงค่อยสามารถที่จะยืนยันสถานะของเขาขึ้นมาได้ จากนั้นภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมามากกว่าเดิม

 

ตำหนักเยือกแข็งลี้ลับเป่ยฮวงถือได้ว่าเป็นแดนลับแลที่ไม่สูญสลายได้อย่างแท้จริง เรียกได้ว่าเป็นสำนักใหญ่ที่สุดแห่งดินแดน และการเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักได้ย่อมต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาสามัญ ข้างกายย่อมต้องมีคนคุ้มกันอยู่อย่างแน่นอน ในเวลาเดียวกัน ตำหนักเยือกแข็งลี้ลับก็ยังมีระดับมหาราชันคอยยั้งเชิงอยู่บริเวณภายนอก ภายในสถานการณ์เช่นนี้ ถึงกับยังมีคนที่หาญกล้าที่ยังลงมือต่อหานหวูยีอีกงั้นหรือ?

 

พลังธารสมุทร ความเยือกแข็งลี้ลับร้อยสายที่ไม่อาจที่จะถูกฟาดจนสลายไปได้ ก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปโจมตียังบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จนผู้คนแต่ละคนที่ล้อมโจมตีอยู่ก็ได้ถูกแช่แข็งไปในทันที กระทั่งแหลกจนไม่เหลือชิ้นดี

 

แต่ว่าและในเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีคนสิบกว่าคนใช้ออกมาด้วยสมบัติเซียนขึ้นมา โจมตีไปยังทางด้านของหานหวูยีไม่หยุด

 

และทางด้านหลังของหานหวูยี ก็ได้มีหญิงสาวที่มีขนคิ้วเรียวงามอยู่ผู้หนึ่ง แต่ว่าต่อให้เป็นในเวลาเช่นนี้ นางก็ยังคงเป็นเหมือนดุจดั่งบัวหิมะที่อยู่บนสรวงสรรค์ก็มิปาน นางที่เป็นเหมือนกับเทพยดานางฟ้า มีความงดงามสยบผู้คนได้ แล้วก็เป็นเหมือนกับเป็นหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยความลี้ลับจากสวรรค์ชั้นก้าวจุติลงมา ผิวพรรณทั่วทั้งร่างกายขาวผ่องดุจกายาของเทพธิดา สัดส่วนโค้งว้าวได้รูปอย่างถึงที่สุด เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก จนทำให้ผู้คนเกิดหวั่นไหวขึ้นมาได้

 

หญิงสาวผู้นี้มิใช่ใครอื่น แท้จริงแล้วก็คือสตรีหิมะแห่งตำหนักเยือกแข็งลี้ลับเป่ยฮวงนั้นเอง

 

“อ๊ะอ๊ะ แท้จริงแล้วก็คือบุคคลแห่งดินแดน ที่มีผิวพรรณขาวผ่อง หอมหวนไปทั่วทั้งรัฐนั้นเอง ” ต่อให้เป็นบุคคลเฉกเช่นเยี่ยจงเอง ขณะนี้เองก็ยังอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงชื่นชมขึ้นมา

 

ทว่า ขณะนี้ยอดฝีมือที่ล้อมโจมตีอยู่เหล่านั้นกลับมิได้เกิดความสงสารที่มีผลต่อจิตใจประดุจหยกอำพันอันหอมหวนเลยแม้แต่น้อย ในมือของพวกเขาก็ได้โจมตีเข้าไปใกล้กว่าครึ่งไปยังบริเวณทางด้านของสตรีหิมะ จนทำให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับไม่อาจที่จะไม่สูญเสียพลังจากสภาวะโดยส่วนมากเพื่อที่จะเข้าคุ้มกันความปลอดภัยของสตรีหิมะ

 

ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นได้ชัดว่านี้ไม่ทราบว่าได้ต่อสู้กันมาเนิ่นนานแค่ไหนกันแล้ว ขณะนี้ท่ามกลางหุบเขาก็ได้เกิดซากศพปกคลุมอยู่ตามรายทาง มีโลหิตสีแดงไหลนองออกมาทั่วทุกแห่ง และบุตรศักดิ์สิทธิ์หานหวูยีแห่งตำหนักเยือกแข็งลี้ลับก็มิได้อยู่ในสภาวะท่าทางและความเยือกเย็นของบุตรศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่แรกแล้ว เขาฆ่าสังหารออกไปไม่หยุดหย่อน ภายในดวงตาประดุจสัตว์ประหลาดอันดุร้ายก็มิปาน ลงมืออย่างไม่ยั้งไมตรีเลยแต่น้อย

 

สตรีหิมะที่ได้ถูกเขาคุ้มกันอยู่บริเวณทางด้านหลัง ขณะนี้ก็มิได้ลงมือออกมา ไม่ทราบว่าเพราะว่าสูญเสียพลังการต่อสู้หรือว่าได้รับบาดเจ็บกันแน่ นางเพียงขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไม่เอ่ยวาจา เพียงแต่ทอประกายดวงตาเป็นห่วงออกไปยังบนร่างทางด้านหน้าของหานหวูยี

 

“ซูม——”

 

หานหวูยีทันใดนั้นเองก็ได้ก้าวออกไปอีกก้าว ฆ่าสังหารโดยใช้พลังน้ำแข็งธารสมุทรร้อยสายปกคลุมทั่วสารทิศ พึ่งหมัดทลายออกไป เหมือนกับว่าได้ใช้ออกมาพร้อมกันสามกระบวนท่าที่หนักแน่นขึ้นมา ถึงกับก็ได้ทำให้ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ผู้หนึ่งถูกปะทะสังหารตายลงในที่แห่งนี้

 

“เป็นกายเนื้อที่ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก เป็นพลังฝีมือที่น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน ” เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความแปลกใจขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดว่า พลังฝีมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับถึงกับน่ากลัวถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีอายุที่เยาว์วัยอยู่ ก็สามารถที่จะฆ่าสังหารชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่เพียงมือข้างเดียวได้ เรื่องนี้หากว่าถูกเล่าขานออกไป แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นทุกสารทิศแน่นอน

 

ควรทราบว่า ในดินแดนนี้เอง บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายแม้ว่าต่างก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด แต่ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังเพียงแค่ระดับชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สองขั้นที่สามเท่านั้น และบุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับถึงกับสามารถที่จะใช้เพียงมือเปล่าสังหารชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ลได้ อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่ถูกชนชั้นราชันมากมายล้อมโจมตีเอาไว้แต่ก็ยังคงไม่พ่ายลง เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถูกคำถามที่มีอยู่อย่างมากมายแล้ว

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ หานหวูยีก็ได้อ้าปากกระอักโลหิตออกมา สีหน้าของเขาเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แต่ว่าภายในดวงตายังคงทอประกายเย็นเยียบไร้อารมณ์อยู่เป็นสาย มิได้มีความคิดที่จะถอยหนีแม้แต่น้อยแม้จะเป็นเพราะว่าเสื้อผ้าอาภรสีขาวของเขาเปื้อนเต็มไปด้วยคราบโลหิต

 

ด้วยสำนึกที่มีความเชื่อมั่นถคงเพียงนี้ ก็ได้ทำให้เหล่าชนชั้นราชันที่ล้อมโจมตีอยู่เหล่านั้นเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมา ทว่าเยี่ยจงที่จดจ้องมองอยู่บนยอดเขาที่ห่างไกลออกไปนั้นก็ยังพอที่จะมองออกได้ว่า ขณะนี้หานหวูยีผู้นี้กำลังฝืนขีดจำกัดของตนเองอยู่ เขาไม่ทาบว่าได้ต่อสู้มาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว สูญเสียพลังที่มีมาไปตั้งแต่แรก ขณะนี้เขาก็ได้ก้าวเท้าออกไปอย่างไม่อาจที่จะหยุดนิ่งได้ ราวกับว่าพร้อมที่จะล้มลงไปกองได้ทุกเวลา

 

“ท่านพี่ ด้วยพลังฝีมือของท่านแน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะฝ่าวงล้อมออกไปได้ ข้าจะฆ่าตัวตายเอง ไม่ปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน ” สตรีหิมะภายในดวงตาก็ได้หลั่งน้ำตาออกมา แต่ว่าสีหน้าก็ยังคงทอแววตาเยือกเย็นเอาไว้อยู่ นางขณะนี้ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ราวกับว่าสิ่งที่กล่าวออกมามิได้มีความเกี่ยวข้องกับตนเองก็มิปาน

 

“หวูเซียง (ไร้น้ำค้าง) เจ้าวางใจได้เลย เพียงแค่เจ้าเด็กน้อยเพียงแค่ไม่กี่คน ย่อมไม่อาจที่จะหยุดข้าได้หรอก!” หานหวูยีต่อให้มาจนถึงขั้นนี้ ยังคงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น ทว่าเมื่อได้กล่าวจนจบ เขาก็ได้กระอักโลหิตออกมาอีกคำ

 

“ท่านพี่……ท่านไปเถอะ แล้วนำพาผู้อาวุโสหลายท่านกลับมา เพื่อที่จะล้างแค้นให้กับข้า ” สตรีหิมะก็ได้ทอประกายสีหน้าเยียบเย็นมองไปที่หวูเซียง เอ่ยปากขึ้นมาเสียงแผ่วเบา

 

“เสียงแผ่วเบาเสียงแผ่วเบาเสียงแผ่วเบา สตรีศักดิ์สิทธิ์หวูเซียง เจ้ากำลังพูดถึงตาเฒ่าทั้งสามคนนั้นอยู่หรือไง? พวกเจ้าวางใจได้เลย หากว่าถ้ายังมิได้เด็ดศีรษะของตาเฒ่าทั้งสามคนนั้นแล้วละก็ พวกเขามีหรือจะมีลงมือต่อพวกเจ้าในที่แห่งนี้ได้ ดังนั้นอย่าได้สิ้นเปลืองความคิดอีกเลย!” ท่ามกลางกลุ่มชนชั้นราชันที่ล้อมโจมตีอยู่นั้นก็ได้มีคนเอ่ยวาจาขึ้นมาอย่างเยียบเย็น

 

“พวกเจ้า……” หานหวูยีก็ได้ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนนับครั้งไม่ถ้วน ต่อให้เข้าใจดีอยู่แล้วว่าหากว่าคนกลุ่มนี้คิดที่จะลงมือให้ตายตกกลับไปข้างเช่นนี้ได้ จนไร้ซึ่งความหวาดกลัวได้อย่างไร

 

“ลงมือพร้อมกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับแล้วจะอย่างไร เขาก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ” ชนชั้นราชันทั้งสิบกว่าคนก็ได้หัวเราะฮาฮาออกมาเสียงดัง ในเวลาเดียวกันก็ได้ใช้ออกมาด้วยสมบัติเซียนในมือเข้ากดดันเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็มองออกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ถึงขีดจำกัดของหานหวูยี ย่อมต้องสามารถที่จะตายตกลงไปได้ทุกเวลา

 

“เจ้าไปเถอะ! อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระแล้ว! ไม่เช่นนั้นข้าในวันนี้จะไม่ขอจดจำว่าเจ้านั้นเป็นน้องสาวของข้า!” หานหวูยีก็ได้หันกายกลับไปอย่างกะทันหัน มืออันเย็นเยียบของหวูเซียงก็ได้ผลักไปบริเวณทางด้านหลังออกไป และในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเขาก็ได้เปล่งประกายแสงเจิดจ้าพุ่งฆ่าสังหารออกไปทางด้านหน้า เพียงแต่ว่าแค่พริบตาเดียว ก็ได้ลงมือฆ่าสังหารชนชั้นราชันไปแล้วอีกถึงสองคน

 

“ซูม——”

 

โลหิตก็ได้สาดกระเซ็นออกไปเป็นสาย ทิ้งคราบเอาไว้บนร่างกายของหานหวูยี แต่ว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว การเผชิญหน้าต่อชนชั้นราชันสิบกว่าคนย่อมไม่อาจที่จะถอยไปได้อีก และแต่ละคนก็ได้ฆ่าสังหารออกไปอย่างรวดเร็ว คิดที่จะใช้ระดับความเร็วที่รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะฆ่าสังหารอีกสองคน อีกทั้งยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ฆ่าสังหารออกไปเข้าไปทางด้านของหานหวูเซียง เพื่อที่จะสังหารนางเพื่อทำให้จิตใจของหานหวูยีเกิดความพะวงขึ้นมา

 

“พวกเจ้าสองพี่น้องไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีคนใดหนีไปได้แล้ว!”

 

“ตาเฒ่าตายยากทั้งสามคนก็ถูกเด็ดชีพไปแล้ว วันนี้จะมีผู้ใดสามารถที่จะช่วยพวกเจ้าได้อีกกัน!?”

 

“วันนี้ต้องการที่จะตัดสายโลหิตของตำหนักเยือกแข็งลี้ลับพวกเรา บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เองก็ต้องก็ตายเช่นเดียวกัน!”

 

คนกลุ่มนี้ก็ได้หัวเราะขึ้นมาเสียงเย็นชาติดต่อกัน คิดที่จะใช้การปะทะเพียงครั้งเดียวสังหารทั้งสองคนไปพร้อมกัน เพราะว่านี้คือโอกาสที่ยากจะพบได้ในพันครั้ง ตามปกติการที่จะสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งได้มีที่ใดที่ง่ายดายกัน

 

“ตูม——”

 

การโจมตีหลายสายก็ได้โจมตีเข้ามา มีอยู่หลายสายที่มุ่งหน้าเข้าไปยังทางด้านของหานหวูเซียง ภายในดวงตาของหานหวูยีก็ราวกับมีโลหิตสูบฉีดขึ้น เขาพยายามที่จะมุ่งหน้าถอยไปบริเวณทางด้านหลัง ใช้ชีวิตตนเองเข้าแลกซักหลายกระบวนท่า ยังไงก็ต้องต้านทานการโจมตีจากชนชั้นราชันทั้งหลายคนที่มุ่งหน้าเข้าไปยังทางด้านของหานหวูเซียงให้ได้

 

“พวกเจ้าตายไปพร้อมกันเถอะ! สองพี่น้องได้อยู่ร่วมกันในวันนี้ ย่อมต้องตายไปอย่างไม่เดี่ยวดายแน่นอน!” คนเหล่านั้นก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน

 

“เคร้ง——”

 

ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงของกระบี่ดังขึ้นมา จนทำให้ทั่วทั้งหุบเขาราวกับเกิดการสั่นไหวขึ้นมา ในขณะนี้เอง ศิลาบนภูเขาก็ได้พลิกไหวไปมา หลั่งไหลพวยพุ่งประดุจมังกร

 

เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปอีกก้าวหนึ่ง ใช้ออกมาด้วยกระบี่แสงจันทร์ อีกข้างใช้ด้วยสำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าชี้ออกไปบริเวณทางด้านหน้าออกไป

 

หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้ทบทวนมรรคกระบี่เทวะอย่างไม่หยุดหย่อน ขณะนี้เองแม้แต่สำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าก็ได้ถูกวาดออกไป ก็ได้เกิดสภาวะที่ยากจะคาดเดาถึงพลังทำลายติดเอาไว้อยู่ภายในอยู่อีกชนิดหนึ่งขึ้นมา จนเกิดน่าหวาดกลัวขึ้นมานับไม่ถ้วน

 

“อา——”

 

ชนชั้นราชันที่อยู่ทางด้านหน้าก็ได้กรีดร้องขึ้นมา สมบัติปราณในมือก็ได้แตกสลายไปในทันที และร่างกายก็ได้ถอยไปทางด้านหลังนับร้อยก้าว จนเกิดโลหิตปกคลุมขึ้นมาตลอดทั่วทั้งท่ามกลางอากาศเป็นสาย ตายจนไม่อาจที่จะสามารถตายได้อีก!

 

“นี้มันรังสีของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ!? เจ้าเป็นผู้ใดกัน!” ชนชั้นราชันเหล่านี้ก็ได้หน้าเปลี่ยนสีไปในเวลาเดียวกัน ตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความอัดอั้น

 

“ข้างั้นหรือ? พวกเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องทราบหรอกว่าข้าเป็นใคร ” เยี่ยจงยกกระบี่แสงจันทร์ขึ้นสูงออกไป ขณะนี้เขาก็ได้กลับคืนสู่โฉมหน้าที่แท้จริง เพราะว่ากระบี่แสงจันทร์นี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา ย่อมไม่อาจที่จะปกปิดต่อไปได้ และในเวลาเช่นนี้เอง เขาจึงต้องลงมือฆ่าสังหารตายให้หมดสิ้น

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset