เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 529 ผลักดัน

ตอนที่ 529 ผลักดัน

 

 

 

เยี่ยจงก็ได้ยกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุกระบี่แสงจันทร์ขึ้นเหนือศีรษะ แม้ว่าจะเป็นเพียงครึ่งขั้นบรรลุ แต่ว่าขณะนี้บรรยากาศของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ได้มุ่งหน้ากวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า จนทำให้ชนชั้นราชันเหล่านี้มีสีหน้าเปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน

 

ระหว่างที่เยี่ยจงได้เดินออกทีละก้าว เดิมทีได้ถูกน้ำแข็งธารสมุทรร้อยสายของหานหวูยีแช่แข็งจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ก็ได้ถูกรังสีกระบี่อันน่าหวาดกลัวแต่ละสายกวาดเข้าไปจนถูกทำลายลงไม่เหลือแม้แต่ส่วนที่สมบูรณ์พร้อม

 

ระหว่างที่ได้เดินออกทีละก้าว สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แล้วเมื่อได้เดินเข้าไปใกล้ก็ค่อยได้พบว่า สถานที่แห่งนี้ที่มีชนชั้นราชันตายตกไปแต่ละคนนั้นต่างก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาแม้แต่คนเดียว อีกทั้งชนชั้นราชันเหล่านี้สมควรที่จะต่างก็ถูกหานหวูยีสังหารทั้งหมด นามแห่งบุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับ ช่างมิได้มีแต่ชื่อจริงๆ

 

สิ่งที่ทำให้เยี่ยจงพบจนเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาก็คือ เขาย่อมทราบได้เป็นอย่างดี หากว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เผชิญหน้าที่แท้จริง ตนเองย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับผู้นี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าหานหวูยีต่อให้ไม่ธรรมดาไปกว่านี้ ยังไงเสียก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ ขณะนี้เขาก็ไม่เหลือพลังอีกแล้ว ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ยืดเวลาไปได้อีกไม่นาน เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ผู้ต้านได้ตลอดกาล

 

“เป็นเจ้า! เยี่ยจง! ในสถานที่แห่งนี้มิได้มีเรื่องของเจ้า เจ้าวิ่งออกมาหาที่ตายเช่นนี้งั้นหรือ?” ไม่นานนักก็ได้มีคนที่จดจำสถานะของเยี่ยจงออกมาได้ ในที่สุดขณะนี้เยี่ยจงก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ไพ่ตายก็ได้ถูกใช้ออกมาอยู่เหนือศีรษะแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมที่จะจดจำเขาได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้าคิดว่า ข้าก็บอกไปแล้วมิใช่หรือว่าพวกเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องทราบว่าข้านั้นเป็นใคร ในเมื่อทราบแล้ว ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกมีแต่เพียงต้องฆ่าพวกเจ้าเพื่อปิดปากแล้วอย่างงั้นสินะ?” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา บนใบหน้าก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยจิตสังหารอันเย็นชาขึ้นมาชนิดหนึ่ง

 

“อย่างเจ้างั้นหรือ? ลงมือพร้อมกันเถอะ จะได้ฆ่าพวกเขาในคราเดียว! คิดไม่ถึงว่ายังจะได้เยี่ยจงเป็นผลพวงได้อีกงั้นหรือนี่! คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์、คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน การลงมือในครั้งนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก!” คนเหล่านี้ก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาติดต่อกัน แม้ว่าพวกเขาจะทราบดีอยู่แล้วว่าเยี่ยจงนั้นไม่ธรรมดา แต่ว่าพวกเขาก็ยิ่งทราบเป็นอย่างดีเสียยิ่งกว่าว่าบนตัวของเยี่ยจงนั้นที่แท้มีสิ่งของอันใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็น คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์、คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันหรือว่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุ ต่างก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเผชิญหน้าต่ออันตรายได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวในสถานที่แห่งนี้เมื่อได้ดำเนมาจนถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ยิ่งไม่อาจที่จะล่าถอยไปได้ในขณะนี้

 

“ซูม——”

 

เยี่ยจงเองก็คร้านที่กล่าววาจาไร้สาระกับคนเหล่านี้ แล้วก็ได้ขยับนิ้วมือขึ้นเล็กน้อย กระบี่แสงจันทร์เหนือศีรษะก็ได้สาดประกายกระบี่อันคมกระบี่เอาไว้อีกครั้ง มุ่งหน้าพวยพุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ฮูม——”

 

ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ผู้หนึ่งก็ได้ล้วงเอาเข็มยักษ์ออกมา มุ่งหน้าแทงออกไปบริเวณทางด้านหน้า แล้วก็ได้ยินเสียงดังสนั่นขึ้นมา เข็มยักษ์ก็ได้ถูกทำลายลงภายใต้สายตาของชนชั้นราชันสิบกว่าคนจนอ้าปากตาค้าง

 

เสียงอันน่าหวาดกลัวในขณะนี้เองก็ได้แผ่กระจายออกไป มุ่งหน้าไปยังบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เสียงนั้นดังประดุจคมกระบี่ก็มิปาน บนพื้นดินก็ได้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาเป็นสายอย่างน่าหวาดกลัว

 

เข็มยักษ์เล่มนี้ถือเป็นสมบัติเซียนที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาสามัญ เดิมทีผู้คนไม่น้อยคิดเอาไว้แล้วว่าสามารถที่จะใช้ต้านทานกระบี่ของเยี่ยจงได้ แต่ว่าคิดไม่ถึงว่ากระบี่ของเยี่ยจงจะมีความน่าหวาดกลัวได้เด็ดขาดถึงเพียงนี้

 

“สังหารเยี่ยจงก่อน! อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุของเขานั้นมีความประหลาดเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีพลังทำลายที่เหนือความคาดหมาย!”

 

ชนชั้นราชันพริบตาเหล่านี้ก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา พวกเขาไม่ทราบว่าเยี่ยจงขณะนี้จะสามารถแสดงมรรคกระบี่ออกมาได้จนถึงขีดสุดถึงเพียงนี้ จนเกือบที่จะเทียบเท่ากับมรรคกระบี่เทวะได้เลย แต่ว่าความสามารถเดิมนั้น พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่มาจากตัวเยี่ยจงในขณะนี้ จนกระทั่งในเวลานี้ได้ปล่อยวางจากพี่น้องหานหวูยี เพื่อที่จะจัดการกับเยี่ยจงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่น

 

“ซูมซูม——”

 

จากนั้น เยี่ยจงก็ได้เพิ่มระดับความเร็วขึ้นสูงขึ้น ขณะนี้ภายในจิตใจของเขาก็ได้มีความคิดขึ้น นิ้วมือก็ได้พลิกไปมาอยู่ลหายครา แล้วก็ได้พบเห็นคมกระบี่หลายสายพัวพันกันออกมา ในขณะที่ชนชั้นราชันเหล่านี้พึ่งจะตัดสินใจกันได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อครู่ชนชั้นราชันพลังเทวะขึ้นที่สี่ที่ได้ใช้ออกมาด้วยเข็มยักษ์ก็ได้ถูกกระบี่ตัดเข้าไปที่หว่างเอว วินาทีนั้นก็ได้มีโลหิตสาดกระเซ็นออกมาดั่งสายธาร จนทำให้ตลอดทั่วทั้งสนามเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตขึ้นมา

 

“ผัวะ——”

 

หนึ่งกระบี่ก็ได้สังหารชนชั้นราชันลง เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ พริบตาก็ได้เข้าไปยังทางด้านข้างของคนผู้นี้ ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ จนศีรษะแตกกระจายออก อีกทั้งยังเรียกได้ว่ายังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับมาได้ทันก็ได้สูญสลายลงในทันที

 

“ฆ่า——”

 

ชนชั้นราชันเหล่านี้ในขณะนี้เองก็ราวกับคลั่งขึ้นมา การเผชิญกับผู้เยาว์ที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันเพียงแค่คนเดียวยังถึงกับต้องเกิดการสูญเสียถึงเพียงนี้ เพียงแค่คนเดียวกับสามารถที่จะสังหารลงไปได้ถึงสองคน ช่างเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าอย่างถึงที่สุด แต่ว่ายิ่งมาจนถึงช่วงคับขันเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่คิดที่มันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญได้อีกอย่างแน่นอน

 

“หยุด——”

 

ประกายคมกล้าสายหนึ่งก็ได้เปล่งเป็นประกายขึ้นมา ปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายของคน ส่วนประกายเสียงในอีกส่วนนั้น ก็ได้หมายจะหยุดเยี่ยจงไว้ทางด้านข้าง คนที่ลงมือนั้นมีใบหน้าที่เจ็บปวดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า นี้คือเครื่องมือต้องห้ามชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยก็ใช้ออกมาได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

จากนั้น ที่ทำให้ผู้คนตกใจขึ้นมาได้ก็คือ ในขณะนี้เองเยี่ยจงถึงกับมิได้หลบเลี่ยง เพียงแต่ขยับร่างกายถอยออกไป ใช้มือข้างหน้ากวาดกระบี่แสงจันทร์อยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นร่างกายของเขาก็ได้ทอประกายแสงสีทองขึ้นมาทั่วทั้งร่าง ฟันกระบี่ออกไป

 

“เคร้ง——”

 

กระบี่นี้ประดุจดั่งดาวตกที่ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า ประดุจดั่งเขาแพะก็มิปาน เหมือนดั่งแม่น้ำสายธาตุที่หมุนวนอยู่ จนก่อเกิดเป็นประการแสงที่เปล่งเป็นประกายขึ้นมา แล้วก็ได้ถูกประกายแสงเทวะกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงเข้าพร้อมกัน

 

แต่ว่า มิได้เป็นเหมือนดั่งตามความคิดของชนชั้นราชันเช่นนั้น เยี่ยจงก็ได้หยุดลงที่บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ในเมื่อท่ามกลางสนามก็ได้บังเกิดเสียงดังขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัวพวยพุ่งขึ้นเป็นสาย ประดุจดั่งศิลาทองคำแตกออกก็มิปาน

 

“กร๊อบ——”

 

ประกายอันคมกล้าทั้งสองสายก็ได้เข้าปะทะกัน หลังจากนั้น แล้วก็พบว่าทั่วทุกสารทิศก็ได้เริ่มที่จะเกิดรอยแตกร้าวขึ้นด้วยพลังแห่งเทวะขึ้นมาเป็นสาย จากนั้นก็ได้ลอยแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“หลบไป ถอยเร็ว! เจ้าหนูผู้นี้อยู่เกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้มากแล้ว!”

 

ก็ได้มีชนชั้นราชันทางด้านหลังมองออกว่าถึงความประหลาดนี้ออก อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา พวกเขาถือได้ว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะเหตุใดเยี่ยจงในขณะนี้ที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ชนชั้นครึ่งก้าวสู่ระดับราชันสูงสุด ถึงกับไร้ซึ่งความหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ แม้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเดิมทีแล้วจะแข็งแกร่งไปกว่าเครื่องมือต้องห้ามก็ตามที แต่ว่า ทั้งสองฝ่ายในที่สุดก็มีพลังฝีมือที่แตกต่างกันอย่างมาก ไม่มีคนใดที่คิดได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เครื่องมือต้องห้ามยังคงไม่อาจที่จะทำอันใดต่อเยี่ยจงได้แม้แต่ปลายเส้นขน

 

“กร๊อบ——”

 

แล้วก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาอย่างชัดเจน ในครั้งนี้เครื่องมือต้องห้ามแปดเหลื่อมทรงกระดองเต่าก็ได้แตกกระจาย ชนชั้นราชันผู้นั้นก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรุนแรง ถอยไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

 

ระดับความเร็วของคนผู้นี้ไม่ถือว่าเร็วมากนัก แต่ก็ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่ว่าทั้งหมดนี้เมื่อเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของเยี่ยจงกลับไม่มีความหมายอันใด เขาก็ได้ขยับเท้าใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ร่างกายก็ได้เข้าไปใกล้ด้วยความเร็วที่ยากจะคาดคิดได้ กระบี่แสงจันทร์ในมือก็ได้ฟันลงไปอีกครั้ง ในขณะนี้เอง ต่อให้ชนชั้นราชันคนอื่นๆ ก็ได้ชักสมบัติเซียน、เครื่องมือต้องห้ามเพื่อลงมือ แต่ก็ยังไม่ทันกาล

 

“ซูม——”

 

สภาวะกระบี่ก็ได้กวาดออกไปด้วยความร้อนแรง เมื่อครู่ศีรษะของชนชั้นราชันที่ใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้ามก็ได้ลอยขึ้นฟ้าไปในพริบตา ในช่วงเวลาที่ศีรษะลอยขึ้นไปยังท่ามกลางอากาศ ก็ได้แตกกระจายไปในทันที แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังต้องสลาย

 

“เยี่ยจงผู้นี้ ถึงกับแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ!?”

 

ชนชั้นราชันที่หลงเหลือก็ได้เกิดอาการแตกตื่นตกใจ เยี่ยจงผู้นี้ก็น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ไม่แต่เพียงมีความเร็วที่เกินกว่าธรรมดา อีกทั้งยังมีกายเนื้อของพลังกายาทองไม่สูญสลายที่เรียกได้ว่าไร้ผู้ต้าน แม้แต่กระบี่แสงจันทร์ในมือของเขาเมื่อได้ถูกแทงออก ในทุกๆ กระบี่ต่างก็ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ ด้วยพลังทำลายที่เทียบได้กับสิ่งที่เรียกว่าไร้ผู้ต้านอยู่ชนิดหนึ่ง จนทำให้เท้าแข็งทื่อชาด้านไปจนถึงศีรษะ

 

ต่อให้ภายในดวงตาในขณะนี้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งลี้ลับหานหวูยีที่ยังคุกเข่าอยู่กับพื้นก็ยังต้องอ้าปากค้างทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมา เขาย่อมต้องจดจำสถานะของเยี่ยจงออก แต่ว่าแม้แต่เขาในขณะนี้เองก็ยังคิดไม่ถึงว่า พลังการต่อสู้ของเยี่ยจงจะถึงกับอยู่นอกเหนือความคาดหมายได้ถึงเพียงนี้ ราวกับว่าสามารถที่จะเทียบได้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้

 

“คิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้……” หานหวูเซียงขยับปากน้อยๆ ขึ้นมา ทอสีหน้าตกตะลึง นางขณะนี้ย่อมต้องจดจำสถานะของเยี่ยจงออก ในใจไม่ทราบว่ากำลังคิดอันใดอยู่ เห็นได้ชัดว่า แม้แต่นางเองก็ไม่ทราบได้ เหตุใดเยี่ยจงถึงได้ลงมือเข้ามาช่วยได้ในช่วงที่คับขันเช่นนี้

 

“เยี่ยจง เจ้าคิดจริงหรือว่าฉะนั้นมีแค่เจ้าที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุงั้นหรือ? เจ้ายิ่งยุ่งของเรื่องผู้อื่นมากอีก ก็ได้กล่าวโทษพวกเราก็แล้วกัน!”

 

ชนชั้นราชันกลุ่มนี้ในขณะนี้เองก็ได้มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ลง พวกเขาทราบเป็นอย่างดีว่า หากว่าพวกเขาปลดปล่อยพลังสภาวะสูงสุดออกมาแล้วละก็ ก็อาจที่จะสามารถเข้าต่อสู้กับเยี่ยจงได้ แต่ว่าก่อนหน้านี้ได้ต่อสู้กับหานหวูยีจนสูญเสียพลังไปเป็นอย่างมาก ขณะนี้เยี่ยจงผู้นี้ก็ช่างน่าชังอย่างไร้ที่เปรียบจนเกินไปแล้ว แทบจะมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้

 

“พวกเจ้าก็ไร้เดียงสากันจริง ในเมื่อเรื่องในสถานที่แห่งนี้ได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่ายังไม่พออีกอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มจ้องมองไปที่ชนชั้นราชันทั้งสิบกว่าคนนี้ ร่างกายก็ได้เข้าไปใกล้อีกครั้ง

 

ชนชั้นราชันกลุ่มนี้ก็แตกตื่นตกใจขึ้นมา ทอสีหน้าเหมือนกับอยู่พบเห็นภาพมายาอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่อให้ตีจนตายก็ยังไม่อาจทราบได้ เหตุใดเมื่อครู่พวกเขาที่ได้กดดันหานหวูยีจนเกือบตาย แต่ว่าขณะนี้ตนเองและพวกกลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แทน

 

“เด็กน้อยผู้นี้ไม่แปลกใจเลยว่าถึงกับเป็นที่เกลียดของผู้คนที่ชังของใต้หล้า ประดุจดั่งสามารถไร้ผู้ต้านได้! ใช้ออกมาด้วยสิ่งของเช่นนี้ จะต้องสังหารเขาให้ได้!”

 

“ต่อให้ต้องทำลายสิ่งของชิ้นนั้นก็ยังแล้วไป ขอเพียงสามารถที่จะสังหารเขาลงได้ ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยอันใดก็ถือว่าคุ้มค่า!”

 

ชนชั้นราชันเหล่านี้ก็ได้กล่าวออกมาอย่างจนตรอก เดิมทีที่มีจิตสังหารต่อหานหวูยี ในขณะนี้เองทั้งหมดก็ได้มุ่งเป้ามาทางด้านของเยี่ยจง เพราะว่าเยี่ยจงที่ไม่ทราบได้ว่าโผล่ขึ้นมาจากสถานที่ใดก็ได้ทำให้ผู้คนหดหู่จนเกินไปแล้ว ถ้าไม่สังหารเขาแล้วละก็ คาดว่าคงจะต้องมีคนมากมายที่กระอักเลือดตายได้อย่างแน่นอน

 

“ตายซะ——”

 

“นำพลังทั้งหมดใช้ออกมาด้วยธนูเทวะโห้วอี่ แผลงศรสังหารเขาซะ!”

 

ชนชั้นราชันเหล่านี้ขณะนี้กัดฟันดังกรอด ไม่นานนักก็ได้มีคนนำเอาธนูยาวเหล็กเงินโบราณออกมา ชนชั้นราชันนับไม่ถ้วนก็ได้ลงมือพร้อมกัน จึงค่อยรั้งสายธนูออกมาได้

 

“ธนูเทวะโห้วอี่ คงจะมิใช่ตามตำนานจริงหรอกนะ ธนูสังหารเทพที่มหาราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าทลายดวงตะวันใช้สังหารเทพเมื่ออดีตกาลอย่างงั้นหรือ?” เสี่ยวหลุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าแม้แต่นามก็ยังเป็นที่แตกตื่นขึ้นมาได้

 

เยี่ยจงเองก็ยังต้องตระหนกขึ้นมา ถ้าหากว่าเป็นธนูในตำนานด้ามนั้นจริงแล้วละก็ เช่นนั้นด้วยพลังในการสังหาร เกรงว่าสามารถที่จะสะเทือนไปทั้งดินแดนได้เลย

 

“เชอะ——”

 

เพียงแต่ว่าพริบตา ก็ได้มีการรวมกันของพลังปราณฟ้าดินของบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน แล้วก็ได้มีการรวมตัวกันของชนชั้นราชันสิบกว่าคนนั้นผสานมือกันรั้งสายธนูขึ้นมา และขณะนี้ ธนูยาวนี้ก็เหมือนกับกำลังสูบพลังปราณฟ้าดินเอาไว้ รวมพลังจนกลายเป็นประกายแสงคมกล้าอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งขึ้นมาทันที ประกายแสงคมกล้านี้ก็คือลูกศร ในขณะที่กำลังเกิดเป็นรูปเป็นร่าง ก็ได้เล็งเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่

 

“นี้กลับมิใช่ธนูเทวะโห้วอี่ที่แท้จริง สมควรที่จะเป็นของเลียนแบบในภายหลัง!” บริเวณทางด้านหลัง หานหวูยีเสียงแผ่วเบาเอ่ยปากขึ้น “ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็อย่าได้ดูถูกอย่างเด็ดขาด เพราะว่าธนูด้ามนี้ถือได้ว่าจะได้ว่าในระดับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแล้ว ไม่ทราบว่าได้ถูกหล่อหลอมขึ้นมามากน้อยกี่ปี!”

 

เยี่ยจงก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมาภายในจิตใจ คิดไม่ถึงว่าหานหวูยีนี้ยังถึงกับสามารถบ่งบอกที่มาของธนูด้ามนี้ได้ ดูเหมือนว่าเขาขณะนี้สมควรที่จะคาดเดาที่มาที่ไปของคนเหล่านี้ขึ้นมาได้แล้ว!

 

“เจ้าหนูก็ช่างมีสายตาที่ร้ายกาจนัก!”

 

“ต่อให้เป็นเพียงของเลียนแบบแล้วจะยังไง ก็ยังมีพลังของธนูเทวะโห้วอี่ ต่อให้เป็นระดับมหาราชันเองก็ยังต้องถูกสังหารลงได้ กับเพียงแค่เยี่ยจงเจ้าเพียงคนเดียวจะถือเป็นอะไรได้กัน!”

 

คนเหล่านี้ก็ได้หัวเราะติดต่อกันขึ้นมา ใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมด คิดที่จะแผลงศรนี้ให้เยี่ยจงตายตกลง

 

“สังหารพวกเขาซะ ต่อให้เป็นธนูเทวะโห้วอี่ที่แท้จริงแล้วจะเป็นอย่างไรกัน?”

 

เยี่ยจงพริบตานั้นก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมา เท้าใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ร่างกายก็ได้เข้าไปใกล้ภายในพริบตา ในเวลาเดียวกันกระบี่แสงจันทร์ใจกลางฝ่ามือก็ได้ใช้ออกมาด้วยสำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่า กระบี่นี้ก็ได้ฟาดฟันออกไปบริเวณทางด้านหน้า คิดที่จะใช้ธนูนี้สังหารผู้คนลงเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะเป็นการจัดการกับปัญหาเบื้องหน้านี้

 

“ถี่——”

 

ธนูเทวะโห้วอี่ก็ได้สั่นไหวขึ้น จนทอประกายลูกศรคมกล้าขึ้นมาในขณะนี้เองประดุจพลังปราณอันเข้มข้นก็มิปาน จนเกิดเสียงอันน่าหวาดกลัวพวยพุ่งออกมา พริบตาก็ได้แผลงศรสังหารออกมา

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset