เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 533 พลังเทวะเจิ้งหลงโจ่ง

ตอนที่ 533 พลังเทวะเจิ้งหลงโจ่ง

 

 

 

กงยี่จวินกอดอกเดินเข้ามา ย่างกรายอยู่กลางอากาศ ภายในดวงตาของเขาแวววาวอย่างถึงที่สุด เส้นผมสีดำเต็มศีรษะประดุจงูพิษลอยระบำก็มิปาน จนทำให้บนร่างกายของเขาเกิดจิตสังหารจนยากจะทานรับไว้ได้ เขาก็ได้จ้องมองเยี่ยจงเช่นนี้ ทอสีหน้าเมินเฉยจนถึงขีดสุด ประดุจดั่งมองเห็นคนตายก็มิปาน ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ก้าวออกไปทีละก้าวมุ่งหน้ากดดันไปบริเวณทางด้านหน้า ในระหว่างทุกก้าวที่ได้ทอดลง ตลอดทั่วทั้งท้องฟ้าก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

 

“คนผู้นี้ที่แท้เป็นผู้ใดกัน ถึงกับหาญกล้าเผชิญหน้ากับมนุษย์มารกงยี่จวินได้ ที่แท้เขาไม่ทราบว่า กงยี่จวินที่ถูกเรียกขานกันว่ามนุษย์มาร นั้นก็เพราะว่าเขามักชมชอบที่จะลงมือต่อคู่ต่อสู้อย่างอำมหิตอย่างงั้นหรือ? ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อยากที่จะพบพานกับคนที่วิปริตผู้นี้ นั้นก็เพราะว่าหากพบกับบุคคลอื่น หากพ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้ แต่ว่าหากต้องมาพบกับวิปริตผู้นี้แล้วละก็ หากว่าพ่ายแพ้ไป ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นย่อมยากที่จะทนทานรับเอาไว้ได้แล้ว”

 

“ทว่า พวกเจ้าเห็นอะไรหรือไม่ ลูกศรทั้งสามดอกเมื่อครู่ถึงแม้ว่าจะมิได้กดดันจนกงยี่จวินถอยได้ แต่ว่ากงยี่จวินราวกับไม่ทราบจะทำอย่างไรกับคนผู้นี้ในระยะเวลาหนึ่ง หากกล่าวเช่นนี้ออกมาแล้วละก็ คนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาเลย แน่นอนว่าย่อมมิใช่บุคคลปกติธรรมดา”

 

“ธนูด้ามนี้ถึงกับมีพลังในการสังหารได้น่าตกใจถึงเพียงนี้ กล่าวได้ง่ายๆ เลยว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมิใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ แต่ว่าก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับสมบัติเซียน แน่นอนว่าย่อมต้องมีชื่อที่ถูกตั้งเอาไว้ก่อนแล้ว หากกล่าวกันตามเหตุผล บุคคลเฉกเช่นนี้ในท่ามกลางสี่ดินแดนสมควรที่จะต้องมีชื่อเสียงอยู่ซักเล็กน้อยจึงจะถูกต้อง เหตุใดถึงได้ไม่มีคนที่สามารถที่จะจดจำเขาว่าที่แท้เป็นผู้ใดได้กัน?”

 

คนทางด้านข้างต่างก็สนทนากัน สีหน้าของทุกๆ คนต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัยอย่างไม่อาจที่จะเก็บซ่อนเอาไว้ได้ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้ถอยออกมาจากดงไม้ไผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็เพียงกล้าที่จะมองจากที่ห่างไกลไปเท่านั้น นั้นก็เพราะว่าหวาดเกรงว่าจะถูกลูกหลงจากการปะทะของทั้งสองคนได้

 

เมื่อได้มองไปยังกงยี่จวินที่เดินขึ้นมาข้างหน้าทีละก้าว เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชา ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก ระหว่างนั้นเขาก็ได้ง้างสายธนูเทวะโห้วอี่ในอีกระดับหนึ่ง วินาทีนั้น แล้วก็ได้มีคมศรอีกสายพุ่งออกไป ด้านบนของคมศรสายนี้ก็ได้มีเงาของอสรพิษปรากฏขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้มีเสียงของสายลมอสนีบาตดังออกมา ให้ความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

“ซู่——”

 

ลูกศรดอกหนึ่งพวยพุ่งออกมา ทันใดนั้นก็ได้ทำให้ท้องนภาเหมือนกับเกิดรอยแตกร้าวอันน่าหวาดกลัวขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นสาย เผยออกมาให้เห็นถึงส่วนลึกที่มีลักษณะสีดำทมิฬสายหนึ่งออกมา ส่วนลึกนี้กลับไม่อาจที่จะสามารถมองเห็นก้นบึ้งได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็ยังสามารถที่จะเห็นความน่าหวาดกลัวของลูกศรสายนี้ได้

 

กงยี่จวินก็ได้หยุดเท้าลง เหม่อมองไปยังลูกศรดอกนี้ ภายในด้านบนของคมศร เหมือนดั่งพญามังกรคำรามออกมาไม่หยุด จนเกิดแรงกดดันน่าหวาดกลัวออกมาอยู่ชนิดหนึ่ง เหมือนกับว่าสามารถที่จะใช้กระบวนท่าเดียวหยุดลงไปได้ จนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมลายหายไปทั้งหมดได้ก็มิปาน

 

“ผัวะ——”

 

ในช่วงเวลาที่ลูกศรดอกนี้นั้นได้กระทบลงบนร่างกาย กงยี่จวินก็ได้เบื่องตัวหลบ ในเวลาเดียวกันก็ได้ใช้ฝ่ามือที่มีสีเหลืองทองฟาดออกไป จนกระทั่งกระทบถูกบนตัวของลูกศร

 

“ผึง——”

 

คมศรสายนี้ก็ได้ถูกฟาดจนลอยออกไปอีกครา กงยี่จวินหัวเราะเสียงเย็นชา ในขณะที่ขึ้นไปด้านหน้าเพื่อจะใช้พลังฝีมือที่เตรียมเอาไว้เพื่อสังหารเยี่ยจง แต่ว่าในพริบตานี้เอง สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นดุร้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วก็ตรวจสอบพบว่าได้มีจิตสังหารอันน่าตกใจชนิดหนึ่งทะยานเข้ามาจากบริเวณทางด้านหลัง

 

“ตูม——”

 

บริเวณบนท้องฟ้า คมศรทั้งสามสายเมื่อครู่ที่ถูกคืนสภาวะเดิมกลับมา เล่งเป้าเอาไว้อยู่ในจุดตายที่อยู่บนร่างของกงยี่จวินเอาไว้ และเมื่อเทียบเปรียบกับลูกศรดอกเมื่อครู่นี้กันแล้ว ต่างก็กลับได้มุ่งหน้าเข้าไปยังจุดตายบนร่างของกงยี่จวินโดยทั้งสิ้น

 

ธนูเทวะโห้วอี่ถือได้สามารถทะลวงดวงตะวันบนท้องฟ้าได้ ลูกศรดอกหนึ่งเมื่อถูกใช้ออกจึงมักเรียกได้ว่าไล่ล่าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อวันก่อนเยี่ยจงหากมิใช่ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องถูกธนูเทวะโห้วอี่นี้กดดันจนตายได้ และกงยี่จวินก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ตรวจสอบในข้อนี้ขึ้นมาได้ นอกเสียจากว่าเขานั้นสามารถที่จะลงมือสังหารเยี่ยจงประดุจสายฟ้า หรือไม่ก็มีการหลบเลี่ยงได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นแล้วละก็ คมศรนี้แน่นอนว่าจะต้องไล่ล่าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด จนเป็นที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

 

“ตูมตูมตูม——”

 

คมศรสี่สายผสานกันออกมา และบริเวณทางด้านหน้า เยี่ยจงก็ได้แผลงศรบนตัวธนูอีกครั้ง แล้วก็ได้มีลูกศรดอกทะยานออกมา ในครั้งนี้ก็ได้พบว่าด้านบนของคมศร แล้วก็ได้ปรากฏเงามายาทั้งสี่ขึ้น จนกลายเป็นลูกศรดอกหนึ่งที่มีความเด่นชัดของประกายสีทองขึ้นมาก็มิปาน อีกทั้งยังเปล่งประกายอย่างถึงที่สุด

 

“ตูม——”

 

คมศรสายที่ห้าก็ได้พวยพุ่งออกมา ผสานสัมพันธ์เข้ากับศรทั้งสี่ก่อนหน้า เหมือนกับว่าได้กลายเป็นค่ายกลสังหารน่าหวาดกลัวแห่งหนึ่งก็มิปาน หมายที่จะผสานกันสังหารกงยี่จวินลง

 

“สิ่งของล้ำค่าเลยนะเนี๊ย ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่มนุษย์มารกงยี่จวินก็ยังถึงกับหมายปองวัตถุชิ้นนี้ ที่แท้ยังถึงกับมีพลังทำลายที่มหาศาลได้ถึงเพียงนี้”

 

“นี้ราวกับว่าเป็นเหมือนดั่งธนูเทวะโห้วอี่ที่มหาราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าทลายดวงตะวันทั้งเก้าในตำนานหรอกกระมั่ง? ธนูด้ามนี้มิใช่ว่าได้หายสาบสูญไปนับแต่โบราณแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้มาปรากฏขึ้นมาวันนี้ได้กัน!?”

 

“นี้สมควรที่จะต้องเป็นคนรุ่นหลังเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้น ทว่าจะเป็นเพียงแค่ของเลียนแบบข ก็ยังถือได้ว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่งเลยทีเดียว!”

 

ยอดฝีมือที่มองดูการต่อสู้อยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปขณะนี้ต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก สีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงขีดสุด พวกเขาจ้องมองไปที่ธนูเทวะโห้วอี่ในมือของเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความอิจฉาริษยาขึ้นมา

 

คมศรห้าสายก็ได้ผสานสังหารออกไป มุ่งหมายสังหารกงยี่จวิน แต่ว่าในขณะนี้เอง เขาก็เพียงแค่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย สีหน้ามิได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนัก

 

“ตูม——”

 

แล้วก็ได้มีภาพมายาของระฆังยักษ์ (ระฆังยักษ์) ปรากฏขึ้นมาอยู่บริเวณบนร่างกายของกงยี่จวินในขณะนี้ ทางด้านบนของระฆังยักษ์นี้เหมือนกับว่าได้มีภาพมายาของอักขระขึ้นก็มิปาน สาดเป็นประกายขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ให้ความลี้ลับในความลี้ลับ จนทำให้ระฆังยักษ์นี้เหมือนกับว่าไม่อาจที่จะควบคุมได้ก็มิปาน

 

“กระบวนท่านี้สมควรที่จะต้องเป็นหนึ่งในกระบวนท่าพลังเทวะในตำนานที่มนุษย์มารกงยี่จวินมีอยู่แล้วกระมั่ง? กล่าวกันว่าเขานั้นได้ใช้เพียงแค่กระบวนท่าพลังเทวะนี้ในการสยบไปทั่วหล้าแดนหนานฮวง กลายเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์อันใดหนึ่งที่ไร้ผู้ต่อต้าน นั้นก็เพราะว่าเขาทราบว่าพลังเทวะสายนี้ถูกเรียกขานกันว่าเป็นสุดยอดแห่งการป้องกันอันดับหนึ่ง ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ลงมือ มีพลังฝีมือมากเกินกว่าเขา ก็ใช่ว่าจะสามารถที่ทลายการป้องกันของเขาเอาไว้ได้!” มีคนถอนหายใจ แล้วก็กล่าวถึงที่มาของกงยี่จวินในขณะนี้

 

“เจ้าเด็กน้อยที่ในมือครอบครองธนูเทวะโห้วอี่อยู่ก็ถือได้ว่าน่าหวาดกลัว ถึงกับยังสามารถที่จะใช้สภาวะเช่นนี้กดดันจนทำให้มนุษย์มารกงยี่จวินหงายไพ่ตายออกมาได้ เพียงแค่นี้ก็บอกได้ว่าเขานั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง!” มีคนก็ได้ตกใจขึ้นมา ทั้งสองคนนี้ต่างก็ถือได้ว่ามีน่าหวาดกลัวอยู่นอกเหนือความคาดเดาเอาไว้ ไม่อาจที่จะใช้เหตุผลตามปกติมาหนุนได้

 

“ครืนครืนครืน——”

 

ในช่วงระหว่างที่ผู้คนมากมายกำลังสนทนากันอยู่ คมศรห้าสายในเวลาเดียวกันก็ได้กระแทกเข้าไปยังด้านบนของระฆังยักษ์นั้น วินาทีนั้น ก็ได้มีเสียงทุ้มต่ำแผ่กระจายดังออกมา จนเกิดเสียงที่กระแทกเข้าชนดังขึ้นจนน่าหวาดกลัว เหมือนกับว่าเหมือนจะสามารถที่ทำให้ทั้งผืนฟ้าผืนดินต้องแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ ก็มิปาน

 

หลังจากนั้นเอง คมศรห้าสายในที่สุดก็ได้ค่อยๆ สลายหายไป เห็นได้ชัดว่าคมศรนี้ห้าสายนี้ได้รวมเอาไว้ด้วยพลังเทวะต่างก็ได้สลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว และขณะนี้ ภาพมายาของระฆังยักษ์นั้นแม้ว่าจะเกิดการสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ถูกทำลายลงไปได้

 

“เป็นพลังเทวะที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ถึงกับสามารถที่จะต้านทานพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ลงได้ มนุษย์มารกงยี่จวินช่างสมคำเล่าลือจริงๆ ”

 

“ไต๋ซือน้อยนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างมากมิใช่หรือ? ในทุกลูกศรที่เขาได้แผลงออกมาต่างก็ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด พวกเราแม้แต่ลูกศรครึ่งดอกเกรงว่าก็ไม่อาจที่จะทานรับได้ อาจจะสูญสลายไปได้ภายในพริบตา”

 

“ไม่แปลกใจเลยกงยี่จวินต้องตาธนูด้ามนี้ หากว่าเขาสามารถที่จะได้ครอบครองแล้วละก็ นำมาผนวกเข้ากันกับพลังเทวะของเขา จนกลายเป็นการโจมตีที่ไร้เทียมทาน แน่นอนว่าย่อมไม่มีชนชั้นระดับเดียวกันที่จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้”

 

……

 

บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมามองไปยังบริเวณฝ่ายตรงข้าม พลังเทวะกงยี่จวินแน่นอนว่าย่อมต้องแข็งแกร่งอย่างมาก นี้ยังถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เยี่ยจงได้พบเจอกับบุคคลที่มีเยาว์เดียวกันสำเร็จพลังเทวะ ควรทราบว่า ชนชั้นราชันมากมายต่างก็ไม่อาจที่จะครอบครองพลังเทวะได้ พวกเขานั้นต่างก็เข้าสู่ระดับพลังเทวะด้วยทักษะเซียน、มนต์ตราเทพเป็นต้น และกงยี่จวินกลับสามารถที่จะเข้าสู่พลังเทวะได้อย่างแท้จริง นี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความน่าหวาดกลัวของสถานที่เขาจากมากว่ามีความน่าหวาดกลัวมากแค่ไหน

 

“พลังเทวะที่ไม่เลวเลย หากว่าเจ้าเอากระบวนท่าพลังเทวะนี้มาแลกเปลี่ยนแล้วละก็ ก็จะขอมอบธนูด้ามนี้ให้กับเจ้าอย่างไม่ลังเลเลย” เยี่ยจงหัวเราะไปมา สีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยรสชาติของความล้ำลึกอยู่สายหนึ่ง

 

“เจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ตัวข้ากงยี่จวินนั้นนับตั้งแต่ออกท่องดินแดนมา เป็นครั้งแรกที่มีคนที่ให้ความสนใจต่อพลังเทวะของข้า” กงยี่จวินยกมุมปากขึ้นมา สีหน้าเมินเฉยอย่างถึงที่สุด

 

“พลังเทวะนี้มีชื่อว่าระฆังมังกร (เจิ้งหลงโจ่ง) มีที่มาจากพรรคที่สูงส่งแห่งแดนหนานฮวง หากว่าเจ้าทำให้ข้าพ่ายแพ้ได้ กระบวนท่านี้ก็ขอมอบให้เจ้าแล้วจะเป็นไรไป?”

 

“นั้นจะขอน้อมรับไว้ด้วยชีวิตแล้ว” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา เขาก็ไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมาอีก เพียงแต่ง้างธนูเทวะโห้วอี่ขึ้นมาอีกครั้ง วินาทีนั้น คมศรแต่ละสายก็ได้ทะยานออกมายาวเหยียดอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นคมศรสายใดต่างก็มีเงาของอสรพิษห่อหุ้มเอาไว้อยู่ น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

“ถี่ถี่ถี่——”

 

เพียงแต่ว่าพริบตานั้น เยี่ยจงก็ได้แผลงศรออกไปทั้งหมดเก้าดอก คมศรทั้งเก้าสายนี้ก็ได้ทะลวงอากาศเข้าไป ประดุจดาวตกทั้งเก้าสายพุ่งเข้ามาก็มิปาน จนก่อเกิดเสียงอันน่าหวาดกลัวสะเทือนไปทั่วทั้งแดน มุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

“เคร้งเคร้งเคร้ง——”

 

เจิ้งหลงโจ่งก็ได้ปัดติดต่อกัน ในขณะนี้เอง ต่อให้เป็นกงยี่จวินก็ยังต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่อาจที่จะไม่หยุดที่จะลงมือได้ อีกทั้งยังได้ใช้พลังเทวะเพื่อต้านทานการโจมตีของเยี่ยจง

 

น่าหวาดกลัวแต่ละสายก็ได้แผ่กระจายตัวกันออกไป พลังเทวะของกงยี่จวินสายนี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มีพลังทำลายเหลือคนา และเยี่ยจงเองก็ได้แผลงคมศรเข้าปะทะอีก ในทุกๆ การโจมตีต่างก็จะเกิดเสียงอันน่าตกใจขึ้นมา

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาวะแรงสังหารเช่นนี้ ผู้คนที่ห่างไกลออกไปต่างก็หน้าถอดสีกันไปตามๆ กัน

 

“ด้วยพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มนุษย์มารกงยี่จวินที่เป็นถูกผู้ที่แม้กระทั่งชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ก็ยังสามารถสังหารได้ผู้นี้!”

 

“ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่อาจที่จะเป็นศัตรูกับเขาได้!”

 

“ที่น่าหวาดกลัวที่สุดสมควรที่จะต้องเป็นไต๋ซือน้อยนั้นเถอะ? เขายังไปไม่ถึงขั้นราชันเลยด้วยซ้ำ ก็สามารถที่จะกดดันกงยี่จวินได้จนถึงขั้นนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่พลังจากศาสตราวุธ แต่ว่าผู้ใดกล้าที่จะบอกได้ว่าตัวเขานั้นอ่อนแอกัน!”

 

คนมากมายต่างก็แตกตื่นตกใจขึ้นมา สองคนเบื้องหน้าสายตาต่างก็มีความรู้สึกเหมือนกันมารร้ายปะทะกับมารร้ายอยู่ อีกทั้งยังมีการโจมตีที่น่าหวาดกลัว มีพลังฝีมือที่ไร้ผู้ต้าน บุคคลปกติธรรมดาแทบจะไม่เป็นอย่างเช่นที่เขาคาดคิดไว้ได้

 

“ซูซูซู——”

 

หลังจากที่ได้เข้าปะทะกันอยู่หลายครั้ง เยี่ยจงก็ได้แผลงคมศรกระทบออกไปอีกครั้ง จนกลายเป็นเพียงประกายแสงที่สลายหายไปท่ามกลางอากาศ กวาดเข้าไปยังเป้าหมายโดยที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ใด

 

หลังจากที่ได้ทลายคมศรทั้งเก้าสายของเยี่ยจงแล้ว กงยี่จวินก็ได้ทอประกายแววตาเย็นเยียบอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดขึ้นมา เขาตั้งใจที่จะใช้ออกมาด้วยเจิ้งหลงโจ่ง เพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นไปกดดันเยี่ยจงเรื่อยๆ หมายมั่นที่จะใช้พลังฝีมืออันเข้มแข็งฆ่าสังหารเยี่ยจงลง

 

“ตูม——”

 

เจิ้งหลงโจ่งก็ได้หมุนไปมา ในขณะนี้ก็ได้ปะทุพลังประกายเทวะอันน่าหวาดกลัวออกมา มุ่งหน้าพวยพุ่งเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่ สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นพลังเทวะที่แท้จริงก็ว่าได้ จึงถือได้ว่ามีพลังทำลายที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย

 

“นี้จึงจะถือเป็นพลังทำลายของพลังเทวะที่แท้จริงงั้นหรือ!?”

 

ยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้รวมตัวกันขึ้นมามากมาย พวกเขาถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นการใช้ออกมาด้วยพลังเทวะด้วยพลังทั้งหมด สีหน้าจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา

 

ในขณะนี้เอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็พยายามที่จะหนีออกไปให้ไกล นั้นก็เพราะว่า การโจมตีเช่นนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เพียงพอที่จะสามารถสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ลงได้ ไต๋ซือน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ต่อให้มีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดามากกว่านี้ แต่เพียงแค่การพึ่งพาธนูเทวะโห้วอี่ในมือ ก็ยังถือได้ว่ายากที่จะต้านทานกระบวนท่านี้เอาไว้ได้

 

“พลังเทวะ……”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้น เขาก็ได้ขยับมือขวาขึ้นมา กระบี่แสงจันทร์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนบริเวณใจกลางฝ่ามือ จากนั้นก็ได้สาดประกายกระบี่ออกมาสายหนึ่งพริบตานั้นก็ได้พุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ตูม——”

 

ในขณะนี้เอง มรรคกระบี่พลังเทวะถูกเยี่ยจงใช้ออก จนก่อเกิดคลื่นพลังประกายกระบี่กวาดออกมา ประดุจดั่งเกิดธารสีเงินสาดทะลวงเข้าไปยังฉากบนท้องฟ้าก็มิปาน ในขณะนี้เอง ฟ้าดินเดือนตะวันก็ยังต้องถูกสังหารลง!

 

นี้ก็คือพลังเทวะริเริ่มเส้นทางของตนของเยี่ยจง นี้จึงถึงได้ว่าเป็นพลังเทวะของเขา แม้ว่ายังไม่อาจที่จะออกได้ในระดับที่สมบูรณ์ แต่ว่าพลังทำลายก็ยังคงถือได้ว่าแข็งแกร่งจนยากที่จะคาดเดาได้

 

“นี้……ถึงกับก็เป็น พลังเทวะงั้นหรือ!?”

 

ในบริเวณทางห่างไกลออกไป ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็หน้าถอดสีขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทอสีหน้าหวาดผวาอย่างถึงขีดสุด ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะคาดคิดได้ว่า ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เยี่ยจงยังถึงกับสามารถที่จะใช้พลังเทวะออกมาได้!

 

พลังฝีมือของทั้งสองคนนี้ ต่างก็ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปแล้ว!

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset