เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 534 พลังเทวะเข้าปะทะ

ตอนที่ 534 พลังเทวะเข้าปะทะ

 

 

 

“ตูม——”

 

ประกายลำแสงอันน่าหวาดกลัวก็ได้กวาดออกมา ประดุจดั่งดวงดาราขนาดใหญ่ที่ลอยคว้างแล้วแตกระเบิดอยู่ท่ามกลางผืนฟ้าก็มิปาน น่าหวาดกลัวแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง

 

และคมศรของเยี่ยจงสายนี้ ก็เป็นเหมือนดั่งธารสีเงินที่ปกคลุมเอาไว้อยู่ก็มิปาน ราวกับว่ามีจำนวนนับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง พลังเทวะทั้งสองสายก็ได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง เพียงแค่สายลมที่แผ่กระจายออกมาเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะสามารถล้มต้นไผ่ราบเป็นหน้ากลองได้ภายในพริบตา

 

ด้านบนพื้นดินในขณะนี้ก็ได้เกิดรอยแตกขึ้นมานับไม่ถ้วน เหมือนกับว่าเกิดร่องรอยของใยแมงมุมปรากฏขึ้นมาบนผืนดินก็มิปาน ในเวลาเดียวกัน น่าหวาดกลัวแต่ละสายที่มีพลังแห่งความเยียบเย็นก็ได้พุ่งขึ้นฟ้า จนทำให้หุบเขารอบทิศต่างก็ทำลายลง ฉากเบื้องหน้านี้เกรงว่าแม้แต่ดวงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้าก็ยังสามารถที่จะดับลงได้ก็มิปาน ผู้คนทั้งหมดในขณะนี้ต่างก็เกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาจับใจ ไม่อาจที่จะไม่ถอยแล้วถอยอีก

 

จนกระทั่ง ประกายคมกล้าของพลังเทวะทั้งสองสายได้ค่อยๆ ที่จะสลายหายไป แต่ว่าใต้เท้าของทั้งสองคนนั้น กลับเป็นเหมือนสภาพผืนดินที่ได้ตายไปแล้วผืนหนึ่ง

 

เมื่อสภาพทั้งหมดได้กลับคืนสู่ความปกติ ยอดฝีมือที่ได้ถอยห่างออกไปเหล่านั้นต่างก็ขนลุกขนพองขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปแล้ว หากมิใช่ได้มาพบเห็นด้วยตาของตนเอง ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นว่าเป็นความจริงได้?

 

“ถึงกับเป็นการปะทะของพลังเทวะ สองคนนี้ ที่แท้ต่างก็มีที่มาจากที่ใดกัน?”

 

“กระบี่เมื่อครู่นั้น ราวกับว่ารู้สึกคุ้นเคยอยู่นะ เหมือนกับว่าเป็นของบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใดคนหนึ่งที่ได้เข้ามายังในสถานที่แห่งนี้อย่างงั้นหรือ?”

 

ผู้คนมากมายต่างก็คาดเดากันต่างๆ นาๆ จนเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาภายในจิตใจ

 

“เป็นพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”

 

บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ เยี่ยจงทอสีหน้าไม่ขยับเคลื่อนไหว แต่ว่าภายในจิตใจกลับได้เกิดความแตกตื่นขึ้นมา กงยี่จวินนี้ไม่ใช่เพียงแค่ถูกกล่าวว่ามนุษย์มารเพียงนามเท่านั้น กระบวนท่าเมื่อครู่นี้ราวกับสามารถที่จะทำลายธนูด้ามนี้ลงไปได้เลย อีกทั้งยังมีสภาวะการคุ้มกายจากการโจมตี ถือได้ว่าแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว

 

ในมือถือไว้ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ สำเร็จมรรคกระบี่พลังเทวะ จึงจะมีความสามารถที่จะต้านทานได้ หากว่าต้องมาพบเจอกันก่อนหน้านี้แล้วละก็ ตนเองไม่แน่ว่าอาจจะต้องพลาดพลั้งไปแล้วอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่า พลังเทวะและทักษะเซียน、มนต์ตราเทพต่างก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างมาก จนแทบไม่อาจที่จะนำมาเทียบกันได้เลย

 

“เจ้า……คิดไม่ถึงว่ายังสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกงั้นหรือ?”

 

เมื่อได้เผชิญหน้ากัน กงยี่จวินทอสีหน้าไม่อาจที่จะอธิบายได้ เห็นได้ชัดว่าถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายจากจิตใต้สำนึกไปแล้ว เขานั้นมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนท่าของตนเองอย่างเต็มเปี่ยม ต่อให้เป็นพลังเทวะขั้นสี่ หรือว่าจะเป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า หากว่ามิใช่ครอบครองพลังเทวะแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องถูกเขาสังหารไปแล้ว

 

“พลังเทวะของเจ้านั้นไม่เลว คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ข้าจะมีโชคลาภมากถึงเพียงนี้เชียว” หลังจากนั้น กงยี่จวินหัวเราะเสียงเย็นชา เขาก็ได้ก้าวยาวๆ ขึ้นมาข้างหน้า จนกระทั่งเหยียบย่างสภาวะอากาศจนแตกขาดสะบั้น แม้ว่ากระบวนท่านี้จะถูกเยี่ยจงต้านทานเอาไว้ แต่ว่าเขาก็ยังคงอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งได้ เหมือนกับว่าการลงมือเพียงครั้งเดียว แม้แต่ฟ้าดินเองก็ยังสามารถที่จะถูกทำลายลงได้ก็มิปาน

 

เยี่ยจงเองก็ได้หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา : “พลังเทวะของเจ้า หากว่านำมาให้ข้าใช้ย่อมเรียกได้ว่าถือว่าก่อประโยชน์ขึ้นมาได้อย่างสูงสุดยิ่งกว่า”

 

“เจ้าที่ยังไปไม่ถึงขั้นราชัน ข้าก็อยากที่จะดูเหมือนกันว่า เจ้าจะสามารถใช้ออกมาด้วยพลังเทวะได้อีกซักกี่ครั้งกัน?” กงยี่จวินหัวเราะอย่างเย็นชา เขาที่อยู่ในระดับขอบเขตที่สูงล้ำกว่าเยี่ยจง ต่อให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะ แต่ว่าหากใช้เพียงแค่พลังขอบเขตในการเข้ามากดดัน เขาก็ย่อมที่จะสามารถที่จะบีบให้เยี่ยจงตายลงได้

 

“ข้าพาเจ้าไปก็เท่านั้น ยังจำเป็นที่จะต้องใช้พลังเทวะอีกงั้นหรือ!?” เยี่ยจงก็ได้ตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ได้พลิกมือคราหนึ่ง ธนูเทวะโห้วอี่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนมืออีกครั้ง จากนั้นเขาก็ได้ง้างสายธนูไปในทันที ในครั้งนี้ บริเวณภายในร่างกายของเขาก็ได้สาดประกายแสงสีทองอันคมกล้าขึ้นมา พลังกายาทองไม่สูญสลายในขณะนี้ก็ได้ถูกใช้ออกมาอย่างมิได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้

 

ระหว่างที่เยี่ยจงได้ง้างธนูเทวะโห้วอี่ออกมาด้วยพลังทั้งหมด ในขณะนี้ ก็ได้มีประกายแสงสีทองอันคมกล้าแต่ละสายทะยานออกมาจากใจกลางของธนูเทวะโห้วอี่ จนทำให้คมศรสายนั้นในขณะนี้เหมือนกับว่ามีชีวิตขึ้นมาก็มิปาน

 

มังกรเขียวพยัคฆ์ขาวจูเชวียนหงส์สาที่เป็นภาพมายายุทธ์ทั้งสี่ก็ได้ปรากฏขึ้นมา เข้าร่วมกับคมศร จนเกิดสภาวะสังหารดวงตะวันชนิดหนึ่งขึ้นจนกลายเป็นพลังทำลายที่แผ่กระจายออกมาในขณะนี้ จนเกิดพลังอันน่าหวาดกลัวขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง ประกายแสงสีทองสายหนึ่งก็ได้คลอบคลุมเข้าไปยังคมศรทะยานออกไป มุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้า ด้วยความเร็วในระดับที่ยากจะคาดคิดขึ้นมาได้

 

“เจ้าไม่ไหวเลย มาจนถึงวันนี้ ยังคิดที่จะพึ่งพาพลังฝีมือเช่นนี้เพื่อต่อสู้กับข้างั้นหรือ?” กงยี่จวินทอสีหน้าเยียบเย็นขึ้นมา พลิกมือขวาคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้มีระฆังยักษ์เข้าปกคลุมตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาแล้วรวมตัวกันที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไป จนฟาดคมศรดอกนั้นลอยออกไป นี้เป็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงเทวะ เป็นที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

 

“มนุษย์มารแท้จริงแล้วก็มีความสามารถเทียบฟ้า เมื่อครู่ลูกศรดอกนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะสังหารราชันพลังเทวะขั้นที่สามไปได้ อีกทั้งยังรวมไปจนถึงชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ แต่ว่าถึงกับถูกเขาปัดจนลอยออกไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างงั้นหรือ?” คนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงขึ้นมา ทอสีหน้าไม่อาจที่จะอธิบายได้

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเหมือนกับไม่ได้มีอันใดเปลี่ยนแปลง เขาเองก็ทราบเป็นอย่างดี หากพึ่งพาแต่เพียงพลังของลูกศรคิดที่จะสังหารกงยี่จวิน แทบจะเป็นเหมือนเรื่องที่เกิดจากความเพ้อฝันเท่านั้น ในขณะนี้เขาก็ได้ง้างธนูเทวะโห้วอี่ออกไปไม่หยุด แล้วก็ได้พบว่าระหว่างความเคลื่อนไหวของเขา ก็ได้มีประกายแสงสีทองแต่ละสายออกไปพร้อมกับคมศรพวยพุ่งออกไป จนท้ายที่สุดแล้วราวกับว่าไม่อาจที่จะทำอันใดได้ และพลังกายาทองไม่สูญสลายของเขาในขณะนี้ก็ได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาจนถึงขีดสุดแล้ว จนเกิดเป็นแสงประกายขึ้นมา เป็นที่แสบนัยน์ตาอย่างยิ่ง

 

“ตูมตูมตูม——”

 

ระฆังยักษ์ในมือของกงยี่จวินก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาไม่หยุด จนเกิดเสียงดังเชือดหูขึ้นมา เพื่อที่จะต้านทานคมศรของเยี่ยจง คมศรส่วนหนึ่งก็ได้ถูกเขาทำลายลง แต่ว่าก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เขาได้แต่เพียงปัดออกไปเท่านั้น แล้วในเวลาอีกช่วงหนึ่งก็ได้หันกลับมาอีกครั้ง

 

นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเมื่อครู่ สีหน้าของกงยี่จวินกลับไม่ถือได้ว่าเมินเฉย แต่ว่าไม่นานนัก ภายในดวงตาของเขาก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงความเคร่งเครียดขึ้นมา อีกทั้งสีหน้ายังแฝงเอาไว้ด้วยรสชาติที่เหมือนกับไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีออกมา นั้นก็เพราะว่า เขาพบว่า ขณะนี้เยี่ยจงเหมือนกับว่าไม่เหนื่อยล้าลงเลยก็มิปาน แม้ว่าจะเพียงแค่ง้างสายธนูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าคมศรทุกๆ สายกลับมีพลังน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ ต่อให้เป็นดั่งพลังฝีมือเช่นเขา ก็ใช่ว่าจะสามารถกำจัดออกไปทั้งหมดได้

 

“นี้……อย่างน้อยก็ได้แผลงลูกศรออกไปกว่าร้อยแล้วกระมั่ง? นี้เป็นถึงธนูเทวะโห้วอี่ในตำนานเชียวนะ ไต๋ซือน้อยนั้นที่แท้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน ถึงกับสามารถที่จะแผลงคมศรออกมาได้ไม่หยุด”

 

“ในตำนาน ต่อให้เป็นบุคคลระดับชั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็เพียงแต่สามารถง้างสายของธนูได้เพียงสิบกว่าครั้งก็ถือได้ว่าสุดยอดแล้ว คนผู้นี้เหตุได้ถึงได้น่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้? นี่มันมีลูกศรมากมายแค่ไหนกันแล้ว?”

 

ยอดฝีมือแต่ละคนที่ได้มองไปที่การต่อสู้ต่างก็ทอสีหน้าประดุจพบเห็นภูตผีก็มิปาน เด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ที่แท้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน เขาเหตุใดถึงได้มีความแข็งแกร่งได้จนน่าหวาดกลัวจนผู้คนยากจะคาดเดาได้ถึงเพียงนี้ได้กัน? นั้นก็เพราะว่า คนมากมายต่างก็เห็นอย่างชัดเจนว่า การง้างสายธนูนั้น ย่อมต้องมีแต่พึ่งพาการใช้กำลังกายอันมหาศาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าเมื่อได้มองในข้อนี้ออกมาได้ เช่นนั้นก็เป็นที่บ่งบอกได้ถึงความน่าหวาดกลัวของบุคคลเบื้องหน้าสายตาผู้นี้แล้ว

 

“ตูมตูมตูม——”

 

แล้วก็มีคมศรสิบแปดสายก็ได้พุ่งทะลวงอากาศออกไป ผสานมุ่งหน้าสังหารเข้าไปยังบริเวณทางด้านของกงยี่จวิน มีความแข็งแกร่งดุจกงยี่จวิน ขณะนี้ต่างก็ได้ถอยรนออกไปทีละก้าว มิเช่นนั้นแล้วละก็ เขาก็คงจะต้องถูกฆ่าสังหารลงไปแล้วตั้งแต่แรก

 

ขณะนี้คมศรเมื่อได้ทะลวงอากาศเข้ามา ประดุจดั่งห่าฝนสายดาวตกก็มิปาน ท่ามกลางในหมู่ทุกๆ การโจมตีต่างก็มุ่งหน้าเข้าปกคลุมเข้าไปยังบริเวณทางด้านของกงยี่จวิน หากว่าคมศรเหล่านี้กระทบลงมาทั้งหมดแล้วละก็ เกรงว่าต่อให้เป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า ก็ยังไม่วายต้องตายตกไปในพริบตา

 

แต่ว่าเช่นนี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดได้ เยี่ยจงยังคงง้างธนู ท่ามกลางผู้คนทั้งหมดต่างก็แตกตื่นตกใจขึ้นมาภายในพริบตา แล้วก็ได้เกิดประกายแสงสีทองนับสิบสายขึ้นมาจากคมศรประดุจดาวตกที่ท่วมท้นไปด้วยเพลิงกาฬกวาดทะลวงเข้ามาก็มิปาน หมายที่จะกดทับเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่กงยี่จวินอยู่

 

พลังทำลายของคมศรทุกสายเหล่านี้ต่างก็มีความน่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน เพียงพอที่จะสังหารชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามลงได้ หากว่าต้องโดนการโจมตีเข้าไป ย่อมไม่อาจที่จะยืนหยัดได้อย่างเช่นกงยี่จวินแน่นอน แต่ว่าขณะนี้กลับมีคมศรรวมตัวกันขึ้นมามากมายถึงเพียงนี้ ประดุจดั่งห่าฝนดาวตกทอดลงก็มิปาน จนทำให้ทั่วทั้งสนามเกิดความเคลื่อนที่น่าหวาดกลัวขึ้นจนถึงเพียงนี้

 

“ตูมตูมตูม——”

 

บนพื้นดินก็ได้เกิดรอยแตกแยกขึ้นมาไม่หยุด แต่ละจุดก็ได้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา เศษหินลอยอย่างวุ่นวาย พื้นดินแตกแยกดั่งมังกรคืบคลาน เป็นภาพที่ผู้คนต่างก็พบเห็นขึ้นมา หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ หากว่ากงยี่จวินยังไม่ตายอีก สถานที่แห่งนี้คงจะต้องถูกเยี่ยจงทำลายทิ้งลงไปอย่างแน่นอน

 

“สวรรค์ ใช้เพียงกายเนื้อยังถึงกับมีพลังที่ไร้ผู้ต้านไม่เป็นสองรองใคร? เหตุใดจึงมีพลังที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ได้กัน!?”

 

“กายเนื้อไม่เป็นสองรองใคร ไอโลหิตแปรเป็นสีทอง นี้คือพลังกายาทองไม่สูญสลาย! หรือไม่ก็คนผู้นี้ถึงกับเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์เยี่ยจง?”

 

แล้วก็ได้มีคนแตกตื่นตกใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน นึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง หากว่าการคาดเดาเป็นจริงขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าภายในสุสานชั้นที่สองแห่งนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายและการสูญเสียขึ้นมาอย่างมากมายอย่างแน่นอน

 

ทุกผู้คนต่างก็ทราบ การปรากฏขึ้นมาของสุสานเซียนแห่งนี้ ก็เป็นเพราะว่าไล่ล่าเยี่ยจงจนค้นพบขึ้น และท่ามกลางสุสานชั้นที่หนึ่งนั้น ก็มีการปรากฏตัวขึ้นมาของเขา ทะลวงเข้าไปจนถึงยังตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้า มีพลังฝีมือแข็งแกร่งและเย่อหยิ่งจนทำให้ผู้คนกล่าวอันใดไม่ออก

 

แต่ว่า ทุกผู้คนต่างก็ทราบสถานการณ์ในตอนท้ายที่อยู่ในช่วงคับขันก็ยังหลบหนีไปได้ หากว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาในขณะนี้แล้วละก็ คาดว่าคงจะทำให้กลุ่มผู้คนตกใจตายได้เลยทีเดียว

 

ไต๋ซือน้อยในขณะนี้ แม้ว่าจะมิได้มีลักษณะดั่งเช่นเยี่ยจง แต่ว่าทั่วร่างที่มีประกายแสงสีทองอย่างเข้มข้น กายเนื้อยังถึงกับเรียกได้ว่าไร้ผู้ต้านทาน การคงอยู่เช่นนี้ หากมิใช่เยี่ยจงยังสามารถเป็นผู้ใดกันได้อีกกัน?

 

คนมากมายเหล่านี้ต่างก็มีการคาดเดาเป็นของตนเอง แต่ว่าพวกเขากับไม่กล้าที่จะยืนยันในข้อนี้ได้ ได้แต่เพียงมองฉากเบื้องหน้าด้วยอาการเสียวฟัน

 

ระหว่างที่เวลาได้มาจนถึงขีดสุด ตลอดทั่วทั้งสภาวะอากาศก็ได้ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยคมศรสีทองเอาไว้ นั้นก็เพราะว่าต่อให้มีความแข็งแกร่งเช่นกงยี่จวิน ขณะนี้ก็ยังต้องรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา ลมปราณภายในร่างกายก็ราวกับเริ่มที่จะเหือดแห้งไป

 

เมื่อต้านทานเยี่ยจงไปหลายสิบกระบวนท่า อีกทั้งยังมีคมศรกว่าร้อย ยังไม่อาจที่จะเป็นอะไรไปได้ แต่ว่าขณะนี้เยี่ยจงนั้นก็เหมือนกับว่าไม่ทราบถึงความวุ่นวาย อีกทั้งยังมิได้เริ่มที่จะโจมตีออกไป จนทำให้ความแข็งแกร่งดั่งกงยี่จวิน ต้องเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาภายในจิตใจ

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในจิตใจของเขาก็ได้เกิดความสับสนขึ้นมาอย่างนับไม่ถ้วน กงยี่จวินมีความเชื่อมั่นในตัวเอง หากว่าสามารถที่จะเผชิญหน้ากับเยี่ยจงซึ่งๆ หน้าแล้วละก็ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องสามารถจัดการเยี่ยจงลงได้ ฆ่าจนล้างความอัปยศและความโกรธแค้นในครั้งนี้ออกไป แต่ว่าขณะนี้กลับถูกเยี่ยจงลงมือกดดันออกมาด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ จนทำให้เขาเกิดความอัดอั้นจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

 

ต่อให้เขาที่มีพลังเทวะที่น่าตกใจไปทั่วแดน แต่ว่าในทุกครั้งที่ใช้ออกก็จำเป็นที่จะสูญเสียพลังไปเป็นอย่างมาก แทบจะไม่อาจอยู่ในท่าทางสบายดั่งเช่นเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ก็มิปาน ใช้ออกมาอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดังนั้นกงยี่จวินย่อมต้องเข้าใจได้เป็นอย่างดี หากว่ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ เขาในที่สุดก็คงจะต้องทำให้สูญเสียพลังทั้งหมดจนตายตกลงไปได้

 

“ตึก——”

 

กงยี่จวินขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ฟาดทั้งสองมือออกไป พลังเทวะเจิ้งหลงโจ่งในมือของเขาก็ได้เปล่งประกายดั่งดวงตะวันขึ้นมาภายในพริบตา ต้านทานคมศรนับร้อยสายเอาไว้ แต่ว่าร่างกายของเขานั้นยังถึงกับต้องถอยร่นไปเป็นฉากๆ จนเกือบที่จะกระอักโลหิตออกมาด้วยความคลั่งใจ

 

ความรู้สึกเช่นนี้ได้ทำให้กงยี่จวินเกิดความรู้สึกอัดอั้นจนแทบจะกระอักโลหิตออกมาอยู่แล้ว ตามปกติเขาเองก็ได้สังหารคนอื่นๆ เช่นนี้เหมือนกัน แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่าขณะนี้กลับต้องมาถูกผู้คนใช้วิธีการเช่นนี้ต่อตนเอง นี้ถือได้ว่าแทบจะทำให้เขาเป็นบ้าอย่างที่ไม่อาจที่จะกล่าวอันใดออกมาได้

 

“เจ้า——”

 

เยี่ยจงก็ได้มองออกไปด้วยความเย็นเยียบคราหนึ่ง ระหว่างนั้น ความแข็งแกร่งอย่างกงยี่จวิน อีกทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นราชันมนุษย์มาร ขณะนี้ถึงกับแทบจะหันกายแทรกแผ่นดินหนีจากไป นั้นก็เพราะว่าเขาเองก็ทราบเป็นอย่างดี การต่อสู้นี้ย่อมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้อีกต่อไป หากว่าตายไปเช่นนี้แล้วละก็ เช่นนั้นก็ช่างกดขี่ผู้คนได้กดไปแล้ว

 

“เจ้ามิใช่ต้องการที่จะฆ่าข้างั้นหรือ? เหตุใดถึงได้คิดจะจากไปอย่างกะทันหันกันเล่า?” เยี่ยจงก็ได้เดินขึ้นมาทางด้านหน้า ธนูเทวะโห้วอี่ในมือก็ยังไม่หยุดลง ยังคงทอประกายแสงสีทองแต่ละสายไปพร้อมกับคมศรพวยพุ่งออกไป ดูไปแล้วน่าหวาดกลัวอย่างไรที่เปรียบ

 

“ตึก——”

 

เจิ้งหลงโจ่งก็ได้สั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง ต้านทานกระบวนท่าการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ กงยี่จวินกวาดมือออกไป ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาจนถึงขีดสุด : “เจ้าอย่าได้มาบีบคั้นข้า!”

 

“บีบคั้นเจ้าแล้วจะเป็นไรไป?” เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชา การต่อสู้ได้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมากล่าววาจาเช่นนี้ไปทำไมกัน?

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset