เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 540 ใจกลางการปะทะของพ้นพลังสวรรค์

ตอนที่ 540 ใจกลางการปะทะของพ้นพลังสวรรค์

 

 

 

“เจ้าหมายความว่ายังไง?”

 

ภายในพริบตานี้เอง เห็นๆ กันอยู่ว่าได้เป็นผู้ที่ได้เปรียบอย่างแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่ากงยี่จวินยังคงรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา มีความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นภายในจิตใจ อีกฝ่ายถึงแม้ว่าจะสงบอย่างยิ่งก็ยังแล้วกันไป นึกไม่ถึงยังคิดที่จะเพิ่มพลังให้แก่พ้นพลังสวรรค์อีกงั้นหรือ? เขาเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มอันใดเข้าไปกัน! เด็กน้อยผู้นี้ที่แท้คิดที่จะทำอะไรกัน?

 

“อา——”

 

ทันใดนั้น กงยี่จวินก็ได้ร้องออกมาเสียงยาว ในขณะนั้นเอง ภายในร่างกายของเขาก็ได้พุ่งขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าจะถึงกับดึงความเคลื่อนไหวของพลังอัสนีใหญ่ขึ้นมาได้ วินาทีนั้น พลังอสนีบาตก็ได้พวยพุ่งจนทำให้เกิดเสียงดังครืนคราดขึ้นมาทั่วทิศ และอัสนีบาตรเหล่านี้นึกไม่ถึงจะกลายเป็นสภาพที่มีทั้งหมดห้าสี อสนีบาตห้าสีก็ได้พัวพันกันเข้ามา สามารถกล่าวได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงยังคงอยู่เดินเข้ามาเรื่อยๆ ขณะนี้พลังกายาทองไม่สูญสลายของเขายังไม่จำเป็นที่จะต้องควบคุมพลังเพื่อไหลเวียนขึ้นมา ในทุกย่างก้าวที่เขาได้ก้าวเดิน ต่อให้อสนีบาตนับหมื่นสายต้านทานสภาวะของเขาเอาไว้ได้ ราวกับว่าขณะนี้เขาได้เผชิญหน้ามิใช่พ้นพลังสวรรค์ เพียงแต่เป็นเหมือนกับกำลังเดินอยู่ภายในสวนดอกไม้ก็มิปาน สภาวะที่สงบเช่นนี้ ช่างทำให้กล่าวอันใดไม่ออกโดยสิ้นเชิง ควรทราบว่า มีหรือที่ผู้ใดที่ต้องพบเจอกับพ้นพลังสวรรค์มีหรือที่จะไม่หลั่งน้ำตาออกมานองหน้าได้?

 

“ตูม——”

 

ประกายอัสนีจำนวนมากในขณะนี้ประดุจท้องธารขนาดใหญ่อยู่อย่างแน่นหนาก็มิปาน พริบตานั้นเยี่ยจงก็ได้ดูดกลืนเข้าไปทั้งหมด ในขณะนั้น แม้แต่กงยี่จวินต่างก็ได้เผยออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา เพราะว่า อสนีบาตเช่นนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่หาญกล้าพอที่จะบอกว่าตนเองสามารถที่จะถอยออกไปด้วยสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมได้

 

แต่ว่าเมื่อช่วงเวลาได้ผ่านพ้นไปในเวลาหนึ่งช่วงก้านธูป เขาก็พบว่าร่างกายของเยี่ยจงก็ได้เดินออกมาทางด้านหน้าขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้เขาก็ได้ทอประกายแสงสีทองขึ้นมาบนร่าง อีกทั้งประกายแสงสีทองอันคมกล้าอย่างแรงกล้าราวกับว่าได้ปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของเขาก็มิปาน จนทำให้เมื่อมองดูไปที่เขาแสบนัยน์ตาขึ้นมาอย่างยิ่ง

 

แต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ อสนีบาตเหล่านี้ยังคงไม่อาจที่จะสร้างรอยบาดแผลให้แก่เขาขึ้นมาได้ อีกทั้งยังไม่มีประโยชน์ใดด้วยซ้ำ

 

“เจ้ายังคงไม่ไหวเอาซะเลย หากว่าเป็นพ้นพลังสวรรค์นี้มีพลังอำนาจที่ร้ายกาจอย่างเพียงพอแล้วละก็ พลังกายาทองไม่สูญสลายของข้าก็ไม่แน่ว่าอาจจะหยิบยกโอกาสนี้เพื่อที่จะทะลวงพลังไปได้อีกครั้ง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเช่นนี้แล้วละก็ ก็ช่างเป็นที่น่าเสียดายไปแล้ว ” เยี่ยจงก็ได้ถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าแฝงไว้ด้วยความหดหู่ขึ้นมาเป็นสาย

 

กงยี่จวินก็ได้เบิ่งตากว้างขึ้นมา จ้องไปที่เยี่ยจง เกิดโทสะจะเกือบที่จะกระอักโลหิตออกมาคราหนึ่งอย่างรุนแรง ควรทราบว่า นี้เป็นถึงพ้นพลังสวรรค์ ต่อให้เป็นคนที่อยู่ในระดับชนชั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็ใช่ว่าทุกผู้คนต่างก็สามารถที่จะทนรับได้ แต่ว่า ไต๋ซือน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้แม้แต่ชนชั้นราชันก็ยังเข้าไม่ถึง นึกไม่ถึงจะพึ่งพาเพียงแค่พลังร่างกาย ยังถึงกับต้านทานพ้นพลังสวรรค์ได้ ฉากนี้ ทำให้เขาคิดที่จะมุ่งออกไปทางด้านหน้า กัดไปที่อีกฝ่ายคำเดียวจนตาย

 

ผมเผ้าบนศีรษะของกงยี่จวินก็ได้ลอยพลิ้วไหวขึ้นมา เขาขณะนี้ยังไม่อาจที่จะสงบใจลงได้ บรรยากาศรอบกายก็ได้แผ่กระจายขึ้นมาไม่หยุด ดึงดูดความเคลื่อนไหวอสนีบาตพ้นพลังสวรรค์เอาไว้ภายใน มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังทางด้านของเยี่ยจงอย่างบ้าคลั่ง

 

แต่ว่าในครั้งนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความน่ากลัวของพ้นพลังสวรรค์ สีหน้าของเยี่ยจงยังคงเย็นชาเดินเข้าไปอย่างช้าๆ สีหน้าของเขาก็ได้อยู่ในสภาพปกติ ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดความคิดขึ้นมาชนิดหนึ่ง เห็นได้ชัด เขามิได้ตัดสินฉากนี้ด้วยสายตา ในทางกลับกันกลับใช้ออกมาด้วยความคิดในการแสดงออกมา

 

กงยี่จวินโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปมา จนเกือบที่จะกระอักเลือดออกมา แต่ว่าเยี่ยจงหลังจากที่คิดทบทวนแล้ว ก็ได้กวาดสายตาไปที่เขาคราหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างเร่งรัด: “กงยี่จวิน เจ้ายังไหวหรือไม่? กับอีกแค่ต้องมาเผชิญหน้ากับพ้นพลังสวรรค์ของตนเองก็ยังหวาดกลัวอีกอย่างงั้นหรือ? มามามา มาเพิ่มความสนุกกันเถอะ มาทำให้พ้นพลังสวรรค์มีพลังที่โหดร้ายเพิ่มมากขึ้นซักหน่อยก็แล้วกัน ”

 

กงยี่จวินในครั้งนี้ก็ได้กระอักโลหิตเก่าก่อนออกมาอีกคำหนึ่ง เขาในครั้งนี้ก็ได้ดึงสภาวะพลังเข้ามา แต่ว่ายังคงถูกวิธีการของเยี่ยจงได้ทำให้เกิดความ “หวาดกลัว” ขึ้นมา นี้ทำให้เขาดั่งเช่นมีไข้ขึ้นมาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ทอสีหน้าดุร้ายบ้าคลั่งขึ้นมา

 

“ได้! ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะทำให้มันรุนแรงขึ้นอีกสักนิด ข้าก็จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!”

 

กงยี่จวินหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็พบเห็นว่าเขานั้นได้พลิกมือทั้งสองข้างฟาดออกมาด้วยความดุร้าย วินาทีนั้น ก็ได้พบว่าได้ก่อเกิดประกายอัสนีขึ้นมาอัดแน่นอยู่บริเวณทางด้านหน้า จนกระทั่งมีรูปร่างจนกลายเป็นระฆังยักษ์ชิ้นหนึ่ง

 

เพียงแต่ว่าภายในช่วงเวลาหนึ่งลมหายใจ ท่ามกลางสนามก็ได้ปกคลุมเอาไว้ด้วยอสนีบาตกว่าเก้าส่วนจนรวมอยู่บริเวณทางด้านหน้าของกงยี่จวิน จนทำให้ท่ามกลางสนามทั้งหมด อยู่ในสภาวะที่ขุ่นมัวจนยากที่จะพบเห็นได้

 

“นี้มันเรื่องอะไรกัน?”

 

“คงจะมิใช่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กงยี่จวินนั้นยังถึงกับหาญกล้าที่จะใช้ออกมาด้วยพลังเทวะของตนเองอีกหรอกนะ อีกทั้งยังดึงพลังมากจากพ้นพลังสวรรค์ เพื่อที่จะควบคุมพลังอัสนีเอาไว้ คิดที่จะสังหารไต๋ซือน้อยนั้นจนไม่เหลือซากเลยอย่างงั้นหรือ?”

 

ยอดฝีมือมากมายทอสีหน้าเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เรียกกันว่าพ้นพลังสวรรค์ นั้นมีที่มาดั่งวิถีแห่งสวรรค์ในตำนาน อำนาจอัสนีวิถีแห่งสวรรค์ จึงถูกเรียกกันว่าพ้นพลังสวรรค์ นับแต่โบราณมา คนมากมายที่ข้ามพ้นพลังสวรรค์ แต่ว่าคล้ายกับคนอย่างเช่นกงยี่จวินที่คิดจะควบคุมพ้นพลังสวรรค์เอาไว้ แต่โดยส่วนมากกลับยังไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

 

เพราะว่าการควบคุมพ้นพลังสวรรค์ จำเป็น ที่จะต้องมีพลังฝีมือและจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่อยู่ชนิดหนึ่ง หากว่าไม่ระวังแม้แต่น้อยแล้วละก็ ย่อมต้องถูกพ้นพลังสวรรค์ไหลย้อนกลับ ตายอย่างที่ไม่อาจที่จะตายได้อีก

 

“ฉึก——”

 

ในระหว่างที่ผู้คนมากมายต่างก็เกิดอาการตกใจอยู่นั้นเอง ก็ได้พบเห็นว่าท่ามกลางทะเลอัสนีขณะนี้ได้เกิดเงาที่มีลักษณะระฆังยักษ์อันขุ่นมัวขึ้นมา จากนั้นก็ได้สั่นไหวไปมาอย่างช้าๆ ประกายสายฟ้านับหมื่นพันสายก็ได้กลายเป็นเพียงประกายแสงเทวะห้าแฉกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าเข้าปกคลุมเข้าไปยังบริเวณของเยี่ยจง

 

อสนีบาตห้าสี นึกไม่ถึงจะใช้การลงมือเช่นนี้ได้สำเร็จ ประดุจดั่งการคลื่นที่ซัดโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่งก็มิปาน จนกลืนเยี่ยจงหายไปในทันที ในขณะนั้น บุคคลภายนอกก็ไม่อาจเห็นได้ว่าบริเวณที่เขาอยู่นั้นแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

“ด้วยการใช้พลังเทวะในการควบคุมพ้นพลังสวรรค์ นึกไม่ถึงจะถึงกับมีพลังทำลายถึงเพียงนี้!”

 

ทางด้านนอก ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็แตกตื่นขึ้นมา ฝีมือของการลงมือสังหารเช่นนี้ คิดไม่ถึงกงยี่จวินนั้นจะใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ได้ ในช่วงเวลาที่ใช้ออกมาด้วยการข้ามพ้นพลังสวรรค์ จะมีซักกี่คนกันที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?

 

ท่ามกลางสนาม เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ในครั้งนี้กงยี่จวินถือได้ว่าทำให้เขายอมรับขึ้นมาได้อย่างแท้จริง พ้นพลังสวรรค์เดิมทีไม่แต่เพียงสามารถใช้ไว้ทำร้ายคน ยังถึงกับสามารถใช้ควบคุมด้วยวิธีเช่นนี้ได้อีกด้วย เพื่อที่จะทำให้เขานั้นเกิดการสะเทือนอารมณ์จนเปิดใช้ขึ้นมา

 

ประกายสายฟ้าห้าสีก็ได้พวยพุ่งออกมา บริเวณรอบข้างทั้งหมด ทั้งฟ้าทั้งดินก็ได้การรอยแตกขึ้น เป็นที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเยี่ยจงจดจ้องไปยังทางด้านหน้า ร่างกายก็ได้แผ่กระจายประกายแสงสีทองไปทั่วทั้งร่างกาย จากนั้นเขาก็ได้ฟาดฝ่ามือกวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้าออกไป แล้วก็ได้ยินเสียงดัง “ฉึก” ขึ้นมาอย่างชัดเจน จนแผ่กระจายเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าหวาดกลัวขึ้นมา

 

ประกายสายฟ้าห้าสีนับหมื่นพันสายก็ได้แตกกระจายออกไปภายในพริบตาทันที ประดุจดั่งสายธารที่ถูกแยกออกก็มิปาน อีกทั้งยังไม่ทันที่แม้แต่จะได้จู่โจมออกไปด้วยซ้ำ

 

เยี่ยจงก็ได้เหม่อมองเข้าไปที่คมหมัดของตนเอง ทอสีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความประหลาดใจขึ้นมาสายหนึ่ง พลังกายาทองไม่สูญสลายก็ได้ถูกผนึกขึ้นมาจนอยู่ในอีกระดับหนึ่ง อีกทั้งยังถือได้ว่าห่างไกลจากที่เขาคาดคิดเอาไว้ อีกทั้ง ด้วยพลังอำนาจอัสนีเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าพลังกายาทองไม่สูญสลายจะสามารถที่จะถูกสร้างขึ้นมาติดต่อกันได้

 

“น่าเสียดายที่ความเร็วเช่นนี้ชักช้าจนเกินไป ช่างเป็นการพึ่งพาแต่เพียงพ้นพลังสวรรค์มาเพื่อทำให้พลังกายาทองไม่สูญสลายมีพลังที่มากขึ้น โดยส่วนมากถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจที่จะเป็นไปได้เลย นี้มีแต่เพียงทำให้เกิดพลังที่หนุนเสริมเท่านั้น มิใช่พลังความสามารถเทวะดั้งเดิมแต่อย่างไร ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ภายในดวงตาก็ได้เพิ่มเติมเข้ามาด้วยความหดหู่ขึ้นมา คิดที่จะพึ่งพาพลังจากพ้นพลังสวรรค์ เพื่อทำให้พลังกายาทองไม่สูญสลายเกิดการเติบโตขึ้นมา พริบตานั้นกลับต้องมาสูญสลายกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า

 

“ตูม——”

 

ในบริเวณที่ไม่ห่างไกลนัก กงยี่จวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อพบเห็นพลังการโจมตีของเยี่ยจงโดนที่พร้อมที่จะทำลายตนเองได้ทุกเมื่อ เขาก็ราวกับเกิดความบ้าคลั่งขึ้นมา นับตั้งแต่เริ่มต้นยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถที่ทำให้เขาจนมุมได้จนถึงเพียงนี้ได้ เพียงแค่พึ่งพาเพียงแค่ธนูเทวะโห้วอี่ก็สามารถที่จะกดดันเขาจนไร้ซึ่งหนทางหลบหนีไปได้แล้ว และขณะนี้นึกไม่ถึงกลับพึ่งพาแต่พึ่งพลังกายาทองไม่สูญสลายในการต้านทานพ้นพลังสวรรค์เอาไว้ จนทำให้กงยี่จวินเกิดความหดหู่ขึ้นจนต้องกระอักโลหิตออกมา

 

“ข้าไม่เชื่อหรอก!”

 

กงยี่จวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จากนั้นก็ได้ผลักทั้งสองมือออก ในครั้งนี้ เขาก็ได้ยื่นมือพลักมือที่เต็มไปด้วยสายฟ้าออก มุ่งหน้าเข้าไปปกคลุมในบริเวณทั้งหมดของเยี่ยจง หมายที่จะสังหารจนเขาวอดวาย!

 

“กงยี่จวินก็ได้กำลังสายฟ้าเอาไว้ในมือ ราวกับว่าสามารถที่จะใช้ออกมาได้ทุกเมื่อ ด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเองจะมีซักกี่คนที่สามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้กัน?”

 

“ด้วยลักษณะเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จมนุษย์มารก็ว่าได้ กล่าวกันว่า มารร้ายแห่งแดนซีฮวงผู้นั้น นั้นถือได้ว่ามีพลังฝีมือที่จะกดขี่ผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมดได้ ไม่ทราบว่าหากว่าทั้งสองคนได้ปะทะกันแล้วละก็ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายได้ชัยกันแน่!”

 

“แดนซีฮวงผู้นั้น มีพลังฝีมือที่ยังห่างชั้นกันถึงขั้นหนึ่ง อีกทั้งยังมิได้เข้าในระดับราชัน แต่ว่ามนุษย์มารกงยี่จวิน ขอเพียงสามารถที่จะทำสำเร็จขึ้นมาได้ อีกทั้งยังเป็นถึงระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สาม มีพลังในการต่อสู้เทียบเท่ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์ จะมีซักกี่คนที่สามารถต้านทานได้กัน!”

 

“น่าเสียดายที่ไม่อาจที่จะพบเห็นบุคคลทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะต้องเป็นการต่อสู้ที่น่าจดจำขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยมอย่างแน่นอน!”

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็กำลังถกเถียงกัน แม้ว่าจะมีผู้คนไม่น้อยคาดเดา แต่ว่าก็ยังไม่กล้าที่จะยืนยันว่าไต๋ซือน้อยเป็นเยี่ยจงที่เล่าขานกันได้

 

จะมีก็แต่เพียงในบริเวณที่ห่างไกลออกไปอย่างจงหลี่และหลิงเฟ่ยทั้งสองคนที่ยกมุมปากขึ้นมา พวกเขาย่อมต้องทราบดีแก่ใจ ขณะนี้ต่อให้เยี่ยจงจะกำลังลงมือกับกงยี่จวินยกใหญ่

 

“เป็นถึงระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สาม นึกไม่ถึงจะไม่อาจที่จะทำอันใดต่อผู้ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน

สูงสุดอย่างเสี่ยวเยี่ยจื่อได้ กงยี่จวินผู้นี้เหลือทนเสียจริงอะไรจริง!” จงหลี่ก็ได้ส่งเสียงดังชิขึ้นมา มิได้เกิดการแยแสแต่อย่างไร

 

“ไม่ได้ พี่ใหญ่จงท่านลองคำนวณดูสักครู่ การต่อสู้นี้ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ?” หลิงเฟ่ยทันใดนั้นก็เหมือนกับคิดอันใดขึ้นมาได้ก็มิปาน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“มีเหตุผล ” จงหลี่ตบไปที่ศีรษะ ก็ได้ยกนิ้วขึ้นมานับ แต่ว่าพึ่งจะคำนวนขึ้นมา ท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดประกายแสงอัสนีขึ้นมาทอจนเป็นสายลงมา คล้ายกับกำลังฟาดใส่สุนัขตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งอยู่

 

“หลิงเฟ่ย พี่สาวเจ้า! เจ้าคิดที่จะคิดร้ายข้างั้นหรือ ทราบกันอยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีพ้นพลังสวรรค์ เจ้ายังให้ข้าใช้การคำนวณแห่งสวรรค์ เจ้าหลอกลวงข้า!” จงหลี่ก็ได้ร้องอวดครวญ เหมือนกับว่าได้สูญเสียเรี่ยวแรงในการจัดการเก้าโคสองพยัคฆภายต้านการต้านทานประกายอัสนีนั้นเอาไว้ จากนั้นทั่วทั้งศีรษะประดุจมีควันลอยขึ้นมา ด่าทอหลิงเฟ่ยขึ้นมาเสียงดัง

 

หลิงเฟ่ยกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

 

“ตูม——”

 

ในเวลานั้นเอง ท่ามกลางผืนฟ้าก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาเป็นสาย แล้วก็ได้พบว่าพื้นที่ขนาดใหญ่เกิดการแตกร้าวขึ้นมาเป็นสาย เดิมทีแล้วทุกความเคลื่อนไหวนั้นได้ตกอยู่ในมือของกงยี่จวิน มุ่งหน้าใช้พลังอสนีบาตเข้าปกคลุมเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง ในขณะนั้นเองก็นึกไม่ถึงจะถึงกับแตกระเบิดขึ้นมาได้

 

กงยี่จวินก็ได้กระอักโลหิตออกมาคราหนึ่งอย่างรุนแรงอีกครั้ง หากมิใช่เขานั้นได้รับบาดเจ็บหนัก จนเกิดโทสะจนต้องกระอักโลหิตออกมา เขาในขณะนี้แม้แต่กระบวนท่าสังหารก็ได้ใช้ออกมาแล้ว แต่ว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในสภาวะที่ปกติอย่างยิ่ง จนทำให้เขาแทบจะใช้หัวชนกับกำแพงตาย

 

“เอ๊ะ? กระบวนท่านี้นึกไม่ถึงว่าจะไม่อาจที่จะทำอันใดไต๋ซือน้อยผู้นั้นได้?”

 

“พ้นพลังสวรรค์นี้นอกเสียจากว่าพวกเราจะมีความแข็งแกร่งอันน่าหวาดกลัวอย่างที่คิดเอาไว้แล้วละก็?”

 

ยอดฝีมือที่อยู่ในบริเวณที่ห่างไกลต่างก็กำลังถกเถียงกัน ฉากนี้จะเกิดปาฏิหาริย์อย่างที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้ อีกทั้งยังไม่เคยคาดคิดขึ้นมาได้มาก่อน

 

“เจ้าก็ช่างไม่ไหวเอาซะเลยนะ พึ่งพาแต่พลังสวรรค์ของเจ้าคิดที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไป โดยส่วนมากแล้วแทบจะไม่อาจที่จะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ……ช่างเถอะ ยังคงให้ข้ามาจัดการเถอะ ” ท่ามกลางสนาม เยี่ยจงจ้องม็งไปที่กงยี่จวินคราหนึ่ง ด้วยความไม่สบายใจอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็ได้พบว่าเขานั้นได้สะบัดมือข้างหนึ่งออก แล้วก็ได้ถอดอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุลงมาในทันที

 

“ตูม——”

 

แล้วในขณะนั้นเอง ทั่วทั้งฟ้าดินก็ได้เกิดการปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อเทียบกับเมื่อครู่ที่กงยี่จวินได้ควบคุมยังถือได้ว่ามีอานุภาพของพ้นพลังสวรรค์กว่าหลายเท่าตัว ในขณะนี้ก็ได้ปกคลุมอยู่บนพื้นจนพวยพุ่งออกไป นอกเสียจากประกายสายฟ้าห้าสีแล้ว นึกไม่ถึงยังมีเป็นถึงอัสนีแห่งโลกาในตำนานอีก มีทั้งจิตรมารอัสนี อัสนีธาตุหยินหยางปกคลุมขึ้นมาพร้อมกัน

 

ในขณะนั้นเอง ท่ามกลางทะเลอัสนีในตอนนี้ราวกับว่ามีชีวิตขึ้นมาก็มิปาน แล้วก็ได้มีการปกคลุมขึ้นมาจนเป็นสาย และเสียงของอัสนีในขณะนี้ก็ได้ลึกเข้าไปยังภายในจิตใจของคน จนทำให้ผู้คนเกิดจิตมารขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้มีประกายอัสนีขึ้นมา จนกลายเป็นพลังการหมุนวนทำลายขึ้นมาพร้อมกัน จนอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

 

เพียงแต่ว่าเพียงแค่พริบตาเดียว พ้นพลังสวรรค์เหล่านี้ที่ได้ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งฟ้าดิน พ้นพลังสวรรค์ก็ได้มุ่งหน้าไปยังใจกลางของทั้งสองคนเข้าไป

 

ในขณะนั้นเอง บริเวณโดยรอบที่ทั้งสองคนอยู่ในระยะสิบลี้ต่างก็เกิดประกายอัสนีขึ้น แทบจะไม่อาจมองเห็นว่าเกิดอันใดขึ้นมาได้ จนทำให้ผู้คนก็ไม่อาจกล่าวอันใดออกมาและหวาดหวั่นขึ้นมาในทันที

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset