เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 542 ราชันย์อสนีบาตเทวะ

ตอนที่ 542 ราชันย์อสนีบาตเทวะ

 

 

 

ราชันย์อสนีบาตในที่สุดที่เข้าจนถึงระดับสูงสุดในขณะนั้น มังกรอัสนีทุกสายก็เปรียบเสมือนมีร่างที่แท้จริงขึ้นมา ประดุจดั่งมีชีวิตก็มิปาน ขณะนี้ก็ได้เกิดเสียงร้องของมังกรดังลั่นขึ้นมา มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ตึงตึงตึง——”

 

ราวกับว่าพริบตานั้น มังกรอัสนีเหล่านี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยประกายสายฟ้าจนกระทบลงบนร่างกายของเยี่ยจง และในขณะนั้นเอง เยี่ยจงก็ไม่อาจที่จะใช้พลังทั้งหมดเพื่อใช้ออกมาด้วยพลังกายาทองไม่สูญสลายได้ พยายามที่จะใช้ไว้เพื่อต้านทานการโจมตีของมังกรอัสนีเหล่านี้

 

แต่ว่าต่อให้ขณะนี้เยี่ยจงทอประกายแสงสีทองไหลเวียนอยู่ทั่วทั้งร่าง แต่ว่าราวกับว่าภายในพริบตานั้นเอง เนื้อหนังของร่างกายเขาก็ได้ก็ฉีกจนเนื้อที่อยู่ภายใน เห็นได้ชัด พลังทำลายของมังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายนี้แม้ว่าจะเป็นทะเลอัสนีที่มิได้กว้างใหญ่ไพศาล แต่ว่าการโจมตีถือได้ว่ายิ่งทวีความน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

 

นี้จึงจะถือได้ว่าเป็นพลังแห่งราชันย์อสนีบาตได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสายใด ต่างก็มีพลังอันน่าหวาดกลัวนับไม่ถ้วน ประดุจดั่งภายในนั้นได้รวมเอาไว้ด้วยทะเลอัสนีอยู่มากมายก็มิปาน

 

“นี้เป็นครั้งแรกที่ข้าเข้าถึงพ้นพลังสวรรค์ นึกไม่ถึงจะมีความยากเย็นได้ถึงเพียงนี้ เมื่อเทียบกับพ้นพลังสวรรค์ของกงยี่จวิน นึกไม่ถึงกลับมีความแข็งแกร่งได้มากจนถึงเพียงนี้ได้” เยี่ยจงก็ได้เงยหน้ามองไปที่ฟากฟ้า แม้ว่าเขาขณะนี้จะเป็นเหมือนจะอยู่เพียงแค่ครึ่งก้าวเข้าสู่ระดับราชัน ที่จะถือได้ว่าเป็นถึงพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเทวะที่แท้จริงได้ อีกเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น แต่ว่าขณะนี้ก็ได้มาถึงพ้นพลังสวรรค์ เขาจึงทราบได้ว่า การที่คิดจะก้าวเข้าสู่อีกครึ่งก้าวนั้นยากเย็นถึงเพียงใด

 

มังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสาย คล่องแคล่วปราดเปรียวดั่งมีชีวิต ประดุจดั่งมีจิตสำนึกอยู่ก็มิปาน วนเวียนไปมาอยู่ท่ามกลางอากาศ ในบริเวณที่พวกมันอยู่ทั้งหมด แม้แต่ทะเลอัสนีก็ยังต้องถอยเลี่ยงไป เพื่อให้พวกเขาออกไปยังท่ามออกไปยังพื้นที่อีกส่วนหนึ่ง ปล่อยให้พวกมันมีอิสรภาพที่จะโบยบินออกไป

 

และที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คงจะเป็น ภายในดวงตาของมันในขณะนี้อยู่ในสภาพที่ดำทมิฬ จนเผยให้เห็นสภาพที่เป็นดั่งมารร้ายที่น่าดูชนิดหนึ่ง จนทำให้ผู้คนที่ได้มองไปคราหนึ่ง และแน่นอนว่ามีความรู้สึกที่น่าขนลุกชูชันอยู่หลายส่วน

 

พ้นพลังสวรรค์เช่นนี้ เรียกได้ว่าเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เยี่ยจงเพียงแค่มองดูไปก็พอที่จะเข้าใจขึ้นมาได้ หากเป็นผู้คนตามปกติ ก็คงที่จะต้องหวาดกลัวมารร้ายอย่างกงยี่จวินที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน ในช่วงเวลาครั้งที่ได้เข้าสู่ข้ามพ้นพลังสวรรค์ ก็คงจะไม่ต้องมาพบเจอกับพลังราชันย์อสนีบาตที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ พลังอสนีบาตเช่นนี้ เยี่ยจงมีแต่เพียงเคยพบเห็นภายในบันทึกที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์เท่านั้น

 

อัสนีบาตรที่กลายเป็นมังกร มีทั้งหมดด้วยกันสี่สิบเก้าสาย เพื่อที่จะเป็นราชันย์อัสนีเทวะ! จึงจะสามารถที่จะดึงดูดพลังราชันย์อย่างพ้นพลังสวรรค์เช่นนี้ได้ จึงได้ถูกเรียกขานว่าราชันย์เทวะเยาว์ ความสำเร็จในวันข้างหน้าย่อมต้องยากที่จะคาดเดาได้ แต่ว่าเช่นนี้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่า การเติบโตของมันถือได้ว่าไม่เป็นที่น่าจดจำของฟ้าดินอยู่แล้ว คิดที่จะก้าวเข้าไปจนถึงขั้นนี้ได้ ย่อมยากเย็นอย่างไร้ที่เปรียบ!

 

เมื่อเดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นอย่างน้อยก็สามารถที่จะอยู่ในระดับที่ไร้ผู้ต้านในระดับเดียวกัน จนอยู่ในสภาวะที่สง่างามไร้ผู้ต้าน แต่ว่าถ้าหากล้มเหลวแล้วละก็ เช่นนั้นสถานการณ์ต่อไปก็คงจะมีแต่เพียงทำให้สูญสลายพลังเทวะไป

 

ราชันย์เทวะเช่นนี้ มีอันใดที่ดีกัน?

 

ในขณะที่จดจำพลังราชันย์เทวะในขณะนั้นขึ้นมาได้ เยี่ยจงก็รู้สึกได้ว่าตนเองเกิดความรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาเป็นสาย ต่อให้เขาที่เป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเองได้ถึงเพียงนี้ ขณะนี้เองก็ยังต้องรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา ในครั้งแรกที่ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับราชันก็ได้พบกับพลังพ้นพลังสวรรค์ก็ตาม แต่นึกไม่ถึงว่าพลังราชันย์เทวะในตำนาน นี้มิใช่เหมือนกับมิให้ผู้คนหลงเหลือหนทางรอดหรือยังไงกัน?

 

“ฮูม——”

 

เสียงของมังกรก็ได้ดังขึ้นมา จนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน จนทำให้บรรยากาศรอบด้านต่างก็เกิดการปะทะขึ้นมา ทำให้ตลอดรอบสี่ทิศต่างก็ทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้นมา ภายใต้เสียงร้องของมังกร ในครั้งที่สองก็ได้ราวกับได้ปกคลุมเข้าไปภายในความรู้สึกของยอดฝีมือทั้งหมดก็มิปาน จากนั้นก็ได้หันหน้ากลับไปมองยังอีกทางด้านหนึ่ง

 

“นึกไม่ถึงจะมีคนที่ข้ามพ้นพลังสวรรค์ภายในสุสานแห่งนี้ นี้มิใช่บ้าไปแล้วหรือไง? ควรทราบว่าสถานที่แห่งนี้แม้ว่าจะเป็นเพียงดินแดนขนาดเล็ก แต่ว่ากระนั้นนี้ก็ยังเป็นเพียงสุสาน สุสานที่เปี่ยมไปด้วยพลังธาตุหยิน ในขณะนี้ข้ามพ้นพลังสวรรค์ กลับสามารถที่จะชักนำหนึ่งในพ้นพลังสวรรค์ในตำนานที่น่าหวาดกลัวที่สุดในหลายชนิด นี้คิดที่จะหาที่ตายอย่างงั้นหรือ!” ทันใดนั้นมหาราชันผู้หนึ่งที่ถือกระบี่เทวะอยู่ก็ได้หันหน้ากลับมามอง กวาดสายตามองเข้าไปอย่างเย็นเยียบมาจากทางด้านหลัง ยิ้มเย้ยแล้วจึงเอ่ยปากขึ้นมา

 

“แม้ว่าจะมีคนอยู่ไม่น้อยเลยที่ได้รับประโยชน์อยู่บ้าง แต่ว่าสิ่งที่ดีนั้นก็ได้ชักนำพ้นพลังสวรรค์เข้ามา สมควรที่จะยังไม่ปรากฏตัวในตอนนี้หรอก? ดูเหมือนว่า ในช่วงชีวิตของเจ้าหนุ่มผู้นี้ แท้จริงแล้วจะปรากฏบุคคลที่เป็นดั่งมารร้ายที่แท้จริงออกมาอีกซักกี่คนกัน!” อีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีคนที่สวมเอาไว้ด้วยชุดสีเขียว ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดปีเอ่ยปากเสียงเย็ชาขึ้นมา หากว่าเยี่ยจงอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ จะต้องจดจำขึ้นมาได้ในทันทีแน่นอน แท้จริงแล้วนี้ก็คือหนึ่งในเก้ามหาราชันแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจมหาราชันปีศาจทุนเทียนนั้นเอง

 

นอกเสียจากมหาราชันย์ทั้งสองตนแล้ว ก็ยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์、สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยที่ต่างก็กำลังครุ่นคิดอยู่ ในเวลาเดียวกันก็ได้เหม่อมองไปยังทางด้านหลัง เพียงแต่ว่าขณะนี้กลับไม่มีคนคิดที่จะถอยไป เห็นได้ชัดว่า การเกิดขึ้นของพ้นพลังสวรรค์ในดินแดน อีกทั้งยังอยู่ในระยะทางที่ห่างจากพวกเขาอย่างห่างไกลจนเกินไป และภายในสุสานชั้นที่สองนี้ก็ถือได้ว่ามีการคงอยู่ที่อันตรายจนเกินไป คนเหล่านี้ย่อมไม่อาจที่จะทราบได้ว่าแท้จริงแล้วนั้นเป็นผู้ใดที่สร้างขึ้นมากัน จึงได้แต่ปล่อยวางเรื่องเช่นนี้เพื่อไปค้นหาประโยชน์ที่ดีเพิ่มขึ้นอีก

 

“ตูม——”

 

บริเวณใจกลางของพ้นพลังสวรรค์ มังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายก็ได้คำรามออกมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็พบว่ามังกรอัสนีตนแรกได้พุ่งฆ่าสังหารออกไป ในครั้งนี้ มันก็ได้สร้างพลังทำลายที่รุนแรงอย่างน่าหวาดกลัวขึ้นมาชนิดหนึ่ง ราวกับว่าจะฆ่าสังหารไปทั่วทั้งฟ้าดินก็มิปาน และมิใช่เป็นอย่างที่ได้เริ่มต้นขึ้นมา แฝงเอาไว้ด้วยความลึกล้ำอยู่อย่างหนึ่ง

 

เยี่ยจงขนลุกชูชัน ที่ได้รวมอยู่ภายในใจกลางของมังกรอัสนีสายนี้ก็ได้แทบจะทำให้เขาต้องกลอกตาขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะสูญสลายขึ้นมา จนแทบจะลุกขึ้นยืนเพื่อวิ่งออกไป แต่ว่าเขาก็ยังเข้าใจได้เป็นอย่างดี นี้เป็นสิ่งที่เป็นพ้นพลังสวรรค์ที่จะนำตนเองเข้าสู่ระดับราชันย์ จึงจำเป็นที่จะต้องเผชิญหน้า มิเช่นนั้นแล้วละก็ หากเอาแต่กระโดดไปมาก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อมีแต่จะทำให้ตนเองเกิดสภาวะที่ยากลำบากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พ้นพลังสวรรค์สายนี้เขาจำเป็นที่จะรับมันเอาไว้ มิเช่นนั้นแล้วละก็ ผลสุดท้ายก็คนจะต้องลอยมลายหายไป จนกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าเข้าแทนที่

 

“กร๊อบ——”

 

เยี่ยจงที่ได้นั่งสมาธิอยู่บนพื้น หมัดสีทองทั้งสองข้างก็ได้พุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้าภายในพริบตา ขัดขวางความน่าหวาดกลัวของมังกรอัสนีนั้นเอาไว้ ในขณะนั้นเอง ตลอดทั่วทั้งฟ้าต่างก็เกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัด ดินแดนขนาดเล็กทางด้านนี้ราวกับเกิดแรงกดดันจนไม่อาจที่จะทนรับเอาไว้ได้

 

“สวรรค์! นั้นก็คือเงาของมังกรอัสนี ท่ามกลางพ้นพลังสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่มีจะมีพลังกล้ามเนื้อพอที่จะต้านทานมังกรอัสนี!?”

 

ที่ยืนอยู่บริเวณที่ใกล้เคียงนั้นก็ได้มีคนส่วนหนึ่งที่อยู่กันอย่างหนาแน่นแต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่ตระหนกตกใจขึ้นมา พวกเขานั้นมีพลังฝีมือที่ค่อนข้างอ่อนโทรม มิอาจที่จะอยู่ในระดับเดียวกันกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ แทบจะเรียกได้ว่าไม่อาจที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ขณะนี้เมื่อได้พบเห็นกับฉากนี้ บนใบหน้าต่างก็ก็ได้ปรากฏสีหน้าประหลาดออกมา

 

“มนุษย์มารกงยี่จวินก็ช่างเหลือเกิน อสนีบาตกลายเป็นมังกร นี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในระดับการพ้นพลังสวรรค์ที่อยู่ในระดับตำนานในหลายชนิด ดูเหมือนว่าขณะนี้เขาแน่นอนว่าย่อมที่จะต้องสามารถทะลวงเข้าไปได้ถึงสองขอบเขตในคราเดียว คาดว่าเมื่อออกมาแล้ว ก็คงจะต้องกลายเป็นราชันย์พลังเทวะขั้นที่สี่แล้ว!”

 

“ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัวนัก เป็นพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวเสียจริง! อีกทั้งยังเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปได้เลย!”

 

ยอดฝีมือไม่น้อยต่างก็แม้แต่ถอนหายใจออกมา พรสวรรค์ของกงยี่จวินได้ทำให้พวกเขานั้นเกิดอาการตกใจขึ้นมาได้อย่างไร้ที่เปรียบ อีกทั้งพวกเขาก็แทบจะดูไม่ออกว่า สถานที่แห่งนี้กงยี่จวินเกือบที่จะต้องแขวนชีวิตไปแล้ว มีอย่างที่ไหนที่สามารถแสดงพลังเช่นนี้ออกมาได้กัน

 

ขณะนี้ กงยี่จวินได้ถูกกักเอาไว้ภายในระฆังอัสนี จนพ่นโลหิตออกมาคำโต ก้าวเท้าออกอย่างยากลำบาก ภายในจิตใจเกิดความอัดอั้นจนแทบจะกระอักออกมาอีกคำ ในเวลาเดียวกัน ภายในจิตใจของเขาก็ยิ่งมีความหวาดกลัวที่ยากจะกล่าวออกมาได้อยู่ชนิดหนึ่ง

 

ขณะนี้เขาก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ตนเองต้องมาเผชิญหน้ากับที่แท้จริงแล้วก็สุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์เยี่ยจงผู้นั้นที่เป็นผู้ที่ก่อคลื่นลมที่เกิดขึ้นมาภายในแดนซีฮวงในช่วงนี้ และเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมามากกว่าเดิม การเผชิญหน้ากับเยี่ยจง นึกไม่ถึงจะกลายเป็นราชันย์อัสนีเทวะในตำนานได้

 

ฉากนี้ได้ทำให้เขาเกิดอาการหนาวเย็นขึ้นมาได้เลยในเวลาเดียวกัน ภายในจิตใจก็ได้เกิดความยินดีขึ้นมาเป็นสาย : “พลังอสนีบาตราชันย์เทวะในตำนาน ข้าไม่เชื่อว่าจะสามารถทนรับพลังอันแข็งแกร่งได้! ในครั้งนี้ ข้าจะดูว่าเจ้าที่แท้เตรียมตัวที่จะตายเช่นไรกัน!”

 

“ตูมตูมตูม——”

 

กงยี่จวินในเวลานี้ก็ได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา แล้วก็ได้ใช้มังกรอัสนีอีกสองตัวฆ่าสังหารลงไป เข้าประชันกับเยี่ยจง ขณะนี้พลังกายาทองไม่สูญสลายของเยี่ยจงก็ได้เปล่งประกายขึ้นมาอย่างแรงกล้า ในทุกหมัดของเขาก็ได้รวมเอาไว้ด้วยพลังแห่งการทำลายล้างอย่างถึงขีดสุด นึกไม่ถึงจะถึงกับสามารถที่จะทำลายมังกรอัสนีลงไปได้ถึงสามสาย และในบริเวณทางด้านหลังของเขา ใจกลางพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะนั้นก็ได้ค่อยๆ ที่จะคลี่ดอกบัวจะเผยออกมาให้เห็นวิมานอันลี้ลับขึ้นมาอย่างช้าๆ ในขณะนี้

 

“พลังเทวะ!?”

 

เยี่ยจงทันใดนั้นหวนนึกขึ้นมา หากว่าผนึกความคิด ก็คล้ายกับว่ากำลังอยู่ภายใต้สภาวะขอบเขตชนิดหนึ่งอยู่ก็มิปาน การปรากฏพลังเทวะภายในพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะนั้นนึกไม่ถึงจะสามารถที่จะดูดซับพลังเทวะของมังกรอัสนีเอาไว้ภายในได้ จนทำให้พลังเทวะนั้นเริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พลังอสนีบาตราชันย์เทวะ ที่แท้ก็เป็นเคราะห์กรรม แล้วก็เป็นวาสนา สามารถที่จะรอดจากเส้นทางโลหิตในร้อยสายนี้ได้แล้วละก็ ก็ย่อมที่จะต้องเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ หากว่าไม่สามารถจัดการได้ ก็คงจะต้องตายอย่างที่ไม่อาจที่จะตายได้อีก!”

 

เยี่ยจงประดุจกำลังใช้ความคิด ค่อยที่จะทำความกระจ่างเกี่ยวกับบริเวณส่วนที่สำคัญของพลังอสนีบาตราชันย์เทวะนี้อย่างช้าๆ ขณะนี้เขาก็ได้ลงมือออกมาด้วยพลังทั้งหมด จนไม่อาจที่จะเก็บออมเอาไว้ได้อีก ใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดเพื่อที่จะปะทะสังหารออกไป

 

“ตูมตูมตูม——”

 

สภาวะอากาศในขณะนี้ก็ได้สั่นไหวขึ้นมา มังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายก็ได้พัวพันกัน จนก่อเกิดเป็นพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีใดก็เพราะพอที่จะทำลายภูเขาลงไปได้ ทำให้ทะเลเหือดแห่งลง

 

“ฉึกฉึกฉึก——”

 

คมหมัดของเยี่ยจงก็ได้ถูกใช้ออก แล้วก็ได้ใช้พลังเทวะเพื่อดูดพลังความสามารถเทวะเอาไว้ในเวลาเดียวกัน พลังกายาทองไม่สูญสลายของเขาก็ได้ถูกไหลเวียนขึ้นมาด้วยความสามารถทั้งหมด จากนั้นก็ได้ดูดกลืนพลังทำลายล้างของอสนีบาตนี้ทีละเล็กทีน้อยไปจนหมดสิ้นจนไม่หลงเหลือพลังแห่งชีวิตอีก หากมิใช่ว่าเป็นเช่นนี้แล้วละก็ ร่างกายของเขาเกรงว่าก็คงจะต้องระเบิดไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

สภาพการณ์ในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นฉากการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ไม่อาจที่จะคาดเดาได้ว่าศึกการต่อสู้ของมังกรทั้งสี่สิบเก้าสายกับราชันย์พลังเทวะขั้นที่หนึ่งนั้น ผลสุดท้ายจะจบลงเช่นไรได้ กระดูกทั่วทั่งร่างของเยี่ยจงราวกับถูกทุบจนละเอียด หากมิใช่พึ่งพาพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะเพื่อใช้พลังเทวะในการคุ้มครองร่างกายเอาไว้ ร่างกายของเขาก็คงจะต้องแหลกลาญไปนับตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ตูม——”

 

เยี่ยจงก็ได้เคลื่อนไหวร่างกายกล้ามเนื้ออีกครั้ง ใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดจนก่อเกิดเป็นการโจมตีน่าหวาดหวั่นไปทั้งฟ้า และการโจมตีนี้ นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะทำลายมังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายในเวลาเดียวกันลงได้ในคราเดียว

 

มือถือได้ว่าเป็นครั้งที่เก้าที่เยี่ยจงได้ทำลายมังกรอัสนีเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน เมื่อได้จบสิ้นกระบวนท่าแล้ว เขาก็ได้หอบหายใจออกมาคำโต เตรียมพร้อมรับการโจมตีครั้งการต่อจากนี้ แต่ว่าทันใดนั้นเองก็ต้องถึงขั้นตกใจขึ้นเมื่อพบว่า เมื่อได้รวมสภาวะรูปลักษณ์ของมังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายมาใหม่อีกครั้งแต่กลับต้องสงบลง อีกทั้งยังเริ่มที่จะมีขนาดที่เล็กลงไปเรื่อยๆ

 

“เชอะ——”

 

บริเวณทางด้านหลัง ในสถานที่เดิมทีที่เยี่ยจงได้ปรากฏตัวขึ้นมาภายในใจกลางของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะก็ได้ดูดซับพลังความสามารถเทวะจากวิมานในขณะนี้นึกไม่ถึงว่าจะลอยออกไปด้วยตัวเอง มุ่งหน้ากดดันไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

มังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายก็ได้ถูกวิมานนั้นทำลายลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นในระหว่างที่เยี่ยจงกำลังอ้าปากตาค้าง นึกไม่ถึงวิมานนั้นกลับกลายเป็นมีรูปร่างขึ้นมา จึงทำให้วิมารหลังนี้ของเยี่ยจงลอยอยู่บริเวณท่ามกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันเงามังกรทั้งสี่สิบเก้าสายก็ได้กลายเป็นเพียงสภาพอากาศ ประดุจดั่งวิหารเซียนก็มิปาน

 

“ใช่แล้ว ข้านึกคิดมาได้แล้ว หากว่าสามารถที่จะทำลายมังกรอัสนีทั้งสี่สิบเก้าสายเก้าได้ ก็เป็นเหมือนกับว่าได้เข้าไปสู่พลังราชันย์เทวะแล้ว หรือจะกล่าวได้ว่า ข้าในตอนนี้ได้ทำสำเร็จแล้วอย่างงั้นหรือ?”

 

เยี่ยจงก็ได้กลอกตาไปมาอย่างช้าๆ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะสำเร็จขึ้นมาได้โดยที่ยังไม่ทันจะรู้ตัวได้ อีกทั้งยังไม่มีความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงแม้แต่น้อย

 

ในเวลาเดียวกัน ในขณะนั้นเอง วิมานหลังนั้นและเยี่ยจงก็ได้มีความสัมผัสที่ยากจะบอกกล่าวได้อยู่ชนิดหนึ่ง ระหว่างนั้นเขาก็ได้เกิดความคิดขึ้นมาชั่ววูบ พริบตานั้นก็ได้เลือนหายไป จากนั้นก็ได้พบว่าบริเวณท่ามกลางของทะเลปราณในจุดตันเถียน ก็ได้มีบางอย่างปรากฏขึ้นมา ประดุจดั่งวิหารซัยนก็มิปาน

 

จนเกิดคำถามขึ้นมามากมาย ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ทะลวงจนเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเทวะ มีพลังเทวะชั้นที่หนึ่งไว้ครอบครอง ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้มีพลังเทวะขึ้นนับไม่ถ้วน ราวกับว่ากำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างช้าๆ จนสามารถที่จะทำลายจนกลายเป็นความว่างเปล่าได้ก็มิปาน

 

“พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเทวะ พลังเทวะขั้นที่หนึ่ง!”

 

เยี่ยจงถอนหายใจออกเบาๆ แม้แต่ตัวเองก็ยังคิดไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าตนเองจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งด้วยวิธีเช่นนี้ และด้วยพลังในระดับนี้ เพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกันกับพลังอสนีบาตอยู่ เยี่ยจงในขณะนี้ ยังเกือบที่จะทะลวงเข้าไปสู่ขอบเขตพลังเทวะขั้นที่สองได้ในทันทีแล้ว

 

“น่าเสียดาย ข้าในตอนนี้เพียงขาดพลังเทวะไปสายหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้วละก็ ก็คงจะสามารถที่จะเลื่อนไปอีกขั้นได้ในทันทีแล้ว ก็จะสามารถที่จะกดดันบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา เกิดความเสียใจอยู่หลายส่วน

.

.

.

.

/กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset