เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 546 พบพาน

ตอนที่ 546 พบพาน

 

 

 

ระหว่างที่ได้มีการปรากฏสภาวะที่เป็นเพียงความว่างเปล่า นี้ก็คือสิ่งเป็นสภาวะของความยุ่งยากของสุสานชั้นที่สองนี้เอง เพื่อที่จะเป็นการปิดกั้นเส้นทางของสถานที่แห่งนี้เอาไว้

 

“อา——”

 

บริเวณที่ห่างไกล ก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา แล้วก็ได้มีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าหลายตนที่ได้เข้าไปยังภายในส่วนลึกของถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งทันใดนั้นก็ได้กลายเป็นเพียงสายโลหิตนองออกมาอย่างกะทันหันอย่างมีปี่ไม่มีขลุ่ย กรีดร้องดังขึ้นมาไปทั่วทั้งสี่ด้าน

 

“ใจกลางถ้ำภูเขาแห่งนี้มีอันใดคงอยู่กัน?” ยอดฝีมือที่อยู่โดยรอบก็ได้แตกตื่นตกใจขึ้นมา จากนั้นก็ได้ถอยห่างออกไป นอกเสียจากว่าจะเป็นชนชั้นมหาราชันที่แท้จริงแล้ว พลังฝีมือยังถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดอย่างชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าก็ยังไม่วายที่จะต้องตายตกลงไป ส่วนคนอื่นๆ หากว่าเข้าไปใกล้แล้วละก็ ก็ไม่ต่างอันใดจากการเข้าไปหาที่ตาย

 

บริเวณอีกทางด้านหนึ่งนั้นเอง ที่เป็นถึงใจกลางบริเวณส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ ทันใดนั้นในส่วนลึกลงไปอีกนับร้อยกว่าสายนั้น ก็ได้ห่อหุ้มไปด้วยเถ้าวัลย์เอาไว้ เพียงแต่แตะเข้าไปเพียงเบาๆ ก็จะถูกรัดขึงเอาไว้อยู่บริเวณทางด้านบน ยอดฝีมือเหล่านี้ก็ได้ถูกจัดการด้วยลักษณะนี้ จนถูกสูบจนร่างกายเหือดแห้งขึ้นมา จนโลหิตหมดร่างไป

 

“สิ่งเหล่านี้ที่แท้เป็น……”

 

คนมากมายก็ได้หยุดเท้าลง ต่างก็คาดเดาต่างๆ นาๆ แม้ว่าจะมีคนที่ได้เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม ขณะนี้ยอดฝีมือที่ได้เข้ามายังสุสานชั้นที่สองโดยส่วนมากต่างก็มาเพื่อจะค้นหาวาสนาแห่งเซียนในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่ากลับต้องมาทอดร่างเช่นนี้ จนทำให้ผู้คนไม่น้อยเกิดความคิดที่จะถอยรนไป เพราะว่าหากว่าไม่อาจที่จะจัดการกับสถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยก็คงจะเหมือนกับว่าได้ตายตกไปอย่างไม่ทราบสาเหตุไปแล้วละก็ เช่นนี้จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นเหมือนการเปิดทางให้แก่คนที่ตามหลังมา

 

“ทุกท่าน นี้มีอันใดที่น่าหวาดกลัวกัน สถานที่แห่งนี้ยิ่งมีความร้ายกาจแค่ไหน ก็ยิ่งเป็นเหมือนกับบอกว่าพวกเราทั้งหมดนั้นได้เข้าไปใกล้ยังสุสานเซียนจริงแล้วก็ว่าได้ อย่าได้ลืมไปว่าเหล่าท่านมหาราชันได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า สถานที่แห่งนี้ที่ได้ถูกเรียกว่าหมู่บ้านเซียนหรือก็คือเมืองแห่งมาร ทั้งหมดนั้นมีอันใดแตกต่างกัน!” ชนชั้นราชันส่วนหนึ่งหลังจากที่ได้คาดการณ์แล้ว ก็ได้พยายามที่จะกระตุ้นความห้าวหาญขึ้นมาอย่างชัดเจน เพราะว่าพวกเขานั้นรู้สึกได้ว่าตนเองได้เข้ามาใกล้ยังส่วนที่เป็นบริเวณที่สำคัญที่สุดของสุสานชั้นที่สองนี้แล้ว

 

“หรือจะกล่าวได้ว่า สุสานเซียนในตำนาน จะสามารถที่จะปรากฏขึ้นมาได้จริงแล้ว นอกเสียจากวาสนาเซียนแล้ว ก็ยังอาจที่จะพบเจอกับศพของเซียนได้อย่างแท้จริงแล้ว!” ผู้คนมากมายต่างก็เกิดความคึกคักขึ้นมา หลังจากที่ได้เกิดความคาดคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้ อันตรายก่อนหน้านี้ที่พวกเขาพบเจอก็เหมือนถูกกองเอาไว้อยู่ทางด้านข้างเท่านั้น ภายหลังผู้คนมากมายก็ได้เดินหน้าต่อไป ผลักดันกันเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

ในที่สุด หลังจากที่ได้มีการตายตกไปถึงผู้คนหยิบมือหนึ่ง ยอดฝีมือมากมายในที่สุดก็ได้เข้าไปจนถึงยังอีกเขตแดนหนึ่ง เข้าไปจนถึงทางด้านใน

 

“พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” เยี่ยจงมองไปที่บริเวณทางด้านหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าจะได้ผ่านพบกับเขตแดนที่อันตรายสายนั้นไปแล้วก็ตาม แต่ว่าเขาก็ยังไม่คิดว่าอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัยได้ ขณะนี้เขาก็ได้มองไปที่จงหลี่คราหนึ่ง เพราะว่าเด็กน้อยผู้นี้สามารถที่จะใช้ทำลายทายทักได้ ในเวลาเช่นนี้ ราวกับว่ามีประโยชน์ใช้สอยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

จงหลี่กำลังขมวดคิ้วอยู่ จากนั้นก็ได้คำนวณขึ้นมาสักพัก จึงค่อยได้มองเห็นความยุ่งยากขึ้นมาของเส้นทางสายนี้ กล่าว : “หากเป็นไปตามการวิเคราะห์ของข้า เดินไปยังสถานที่แห่งนี้ถึงแม้ว่าจะอันตรายอย่างยิ่งยวด แต่ว่าท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นจุดที่ไร้ซึ่งอันตราย อีกทั้งเมื่อเทียบกันแล้วยังถือได้ว่าปลอดภัยยิ่งกว่าเส้นทางสายอื่นมาก ”

 

เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่งได้แต่เพียงมองไปยังการเลือกเส้นทางของจงหลี่ เส้นทางสายนี้ถือได้ว่าเป็นดั่งภูเขาที่สูงใหญ่ ทางด้านหนึ่งก็เป็นหน้าผาสูงชัน แทบจะไม่อาจที่จะมีคนมองลงไปเห็นทางด้านล่างได้ เพราะว่าก้าวเดินผิดพลาดจนเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาแล้วละก็ ในสถานที่แห่งนี้แม้แต่การตายลงเช่นไรก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้

 

“เชื่อข้า ข้าก็คงจะไม่อาจที่จะนำตนเองไปสู่จุดจบอยู่แล้ว ” จงหลี่กรอกตาขาวไปมา ต่อมาก็ได้เดินออกไป

 

เยี่ยจงและหลิงเฟ่ยทั้งสองคนหลังจากที่ได้สบตากันแล้ว ก็ได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ได้ติดตามอยู่บริเวณทางด้านหลังของจงหลี่อย่างระมัดระวัง เดินทางเข้าไปยังส่วนลึกของเขตแดนแห่งนี้ต่อไป

 

“ตูม——”

 

หลังจากที่ได้เดินเข้าไปยังเส้นทางแห่งนี้อย่างเงียบเชียบกว่าสิบลี้ ทันใดนั้น บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็สามารถที่จะพบเจอได้กับพื้นที่แห่งหนึ่งเกิดอสรพิษยาวสีดำปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งฆ่าสังหารยอดฝีมือมากมาย

 

กลุ่มชนชั้นราชันต่างก็ได้ตะโกนสังหารดังขึ้นมาทั่วทั้งฟ้า ลงมือออกมาด้วยพลังทั้งหมดออกไป แต่ว่ากล่าวไปก็น่าประหลาด เส้นทางที่เยี่ยจงและพวกได้เดินอยู่นั้น นึกไม่ถึงกลับไม่มีการปรากฏขึ้นมาของอสรพิษดำเลย

 

“ก็บอกไปแล้วว่าเส้นทางสายนี้ไร้ซึ่งอันตรายอยู่แล้ว เร่งความเร็วกันเถอะ ” จมูกของจงหลี่ราวกับว่ายืดยาวขึ้นไปจนถึงท้องนภาได้เลย จากนั้นเขาก็ได้โบกมือคราหนึ่ง สามคนหนึ่งคณะก็ได้เข้าไปยังส่วนลึกต่อไป ในที่สุดก็ได้ออกมาจากเขตแดนสายนี้อย่างไร้เรื่องราว เข้าสู่พื้นที่ที่เป็นดั่งใจกลางของสุสานชั้นที่สอง

 

“ตูม——”

 

ทันใดนั้นเอง ทางด้านหน้าก็ได้มีประกายแสงคมกล้าสาดเข้ามา จนสามารถที่จะมองเห็นหญิงสาวที่มีความงดงามอย่างยิ่งสวมไว้ด้วยชุดสีขาวนั่งสมาธิอยู่บนพื้นดินในที่ห่างไกลออกไป บนร่างกายของนางนั้นก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาของอักขระโบราณแต่ละสายขึ้นมา จนก่อเกิดเป็นประกายแสงประหลาดพุ่งออกมาบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

และในขณะนี้ เดิมที่มีอสรพิษดำนับไม่ถ้วนล้อมอยู่ที่รอบข้างของนาง แต่ว่าด้วยการปกคลุมของอักขระประหลาดเหล่านี้ หลังจากที่อสรพิษดำเหล่านี้ได้ทะยานเข้ามา ต่างก็ถูกจัดการจนสะอาดหมดจด ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ

 

“เอ๊ะ นั้นก็คือนางเซียนชิงหญิง ” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ถูกห้อมล้อมอยู่บริเวณทางด้านหน้า แท้จริงแล้วก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์ในขณะนี้แห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ นางเซียนชิงหญิง

 

ขณะนี้นางก็ได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยประกายแสงแห่งสมบัติ เห็นได้ชัดว่ามีคนงดงามเป็นอย่างมาก จนทำให้ผู้คนได้แต่ยืนอยู่ทางด้านหน้าของนาง ต่างก็เกิดความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองขึ้นมา

 

หลังจากที่เยี่ยจงมองไปที่ชิงหญิงอย่างละเอียด ก็ได้ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาอยู่หลายส่วน กล่าวตามความจริงแล้ว ระหว่างเขาและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ สามารถกล่าวได้ว่ามีความแค้นกันอยู่ไม่น้อย ขณะนี้กลับต้องมาพบเจอกันโดยบังเอิญ เขาก็แทบคิดที่จะฟาดฝ่ามือไปที่นางให้รู้แล้วรู้รอด

 

“พี่เยี่ย หยุดก่อนเถอะ นางเซียนชิงหญิงนี้ก็เหมือนกับคุณหนูใหญ่บ้านข้าก็มิปาน ในแดนซีฮวงถือได้ว่ามีจุดยืนที่ไม่ธรรมดาสามัญ ในขณะนี้เจ้าหากว่างมือต่อนางแล้วละก็ เกรงว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นย่อมต้องไม่มีคนใดที่ยอมปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน ” จงหลี่มองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่งด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม เห็นได้ชัดเขาก็ทราบถึงความแค้นระหว่างเยี่ยจงและนางเซียนชิงหญิงอยู่แล้ว

 

เยี่ยจงยกมุมปากขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน มิได้กล่าววาจาออกมามากมาย ตามความเป็นจริง นางเซียนชิงหญิงตลอดมานี้จนถึงตอนนี้ต่างก็ไม่เคยปล่อยเขามาก่อน หญิงสาวผู้นี้ก็ช่างมีความลึกล้ำเสียเหลือเกิน ต่อให้อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงก็ยังไม่อาจที่จะสามารถกดดันนางได้อย่างแท้จริงแม้สักครา

 

“เอ๊ะ? เสี่ยวเยี่ยจื่อ เจ้าเหตุใดถึงได้หลบหนีมาจนถึงตรงนี้ได้กัน?” แล้วก็ในเวลาเช่นนี้ ก็ได้มีพุงพลุ้ยเด่งไปมาลอยเข้ามาใกล้ ตลอดทั้งร่างกายที่อ้วนฉุโดยเฉพาะพุงที่ได้ยื่นออกมาสวมเอาไว้ด้วยชุดนักบวชเก่าขาดตัวหนึ่ง เหม่อมองไปที่เยี่ยจงด้วยสีหน้าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าไม่นานนักก็ได้โบกมือขึ้นมาแล้วกล่าว “ดีละ อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระเช่นนั้นแล้ว เสี่ยวเยี่ยจื่อเข้ามาเร็ว เข้าไปแย่งชิงวาสนาแห่งเซียนกับท่านปู่ข้าด้วยกันเถอะ ”

 

เยี่ยจงทอด้วยตางุนงงขึ้นมาเป็นสาย เพราะว่าบุคคลเบื้องหน้าสายตาผู้นี้มิใช่ใครอื่น แท้จริงแล้วก็คือไต๋ซือหวู่โหว ที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชันนั้นเอง

 

เยี่ยจงทั้งสามคนต่างก็สบตามองกันคราหนึ่ง ทุกผู้คนต่างก็กล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นทั้งสามคนต่างก็มิใช่บุคคลปกติธรรมดาสามัญ ย่อมต้องจดจำสถานะของชนชั้นมหาราชันที่พึ่งพาอันใดมิได้ผู้นี้ขึ้นมาได้

 

หากว่ากล่าวกันตามเหตุผล ชนชั้นมหาราชันทุกผู้คนต่างก็มีฐานะที่สูงล้ำ จะมีผู้ใดกันที่จะเป็นเหมือนกับไต๋ซือหวู่โหว ที่ฐานะเป็นถึงชนชั้นมหาราชัน ขณะนี้กลับไม่ว่ากล่าวกันถึงเหตุผลแม้แต่น้อย นึกไม่ถึงยังคิดที่จะร่วมมือกันกับคนรุ่นหลังอีก

 

“เอายังไงกันดี พี่เยี่ย ท่านผู้นี้……ท่านผู้อาวุโส แม้ว่าจะอยู่ในฝ่ายเดียวกันกับเรา แต่ว่ามีอยู่หลายครั้งหลายครา เขากลับไม่อาจที่จะเชื่อมั่นได้เลย ” จงหลี่กรอกดวงตาไปมาเล็กน้อย จากนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างแผ่วเบาจนไม่อาจที่จะตรวจสอบขึ้นมาได้

 

“ในเมื่อพบกันแล้วก็ถือได้ว่าพบกันแล้ว หรือว่าที่แท้พวกเรายังจะสามารถที่จะหันหลังเดินกลับไปได้อีกอย่างงั้นหรือ? เขาต่อให้ไม่น่าพึ่งพามากกว่านี้อีก กระนั้นก็ยังถือได้ว่าเป็นชนชั้นมหาราชันที่แท้จริงได้ หากว่าเขาสามารถที่จะเดินทางไปพร้อมกับพวกเราได้แล้วละก็ คิดที่จะค้นหาวาสนาแห่งเซียน ย่อมต้องมีโอกาสที่สูงขึ้นเป็นอย่างมาก ” เยี่ยจงกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“แต่ว่าคนผู้นี้ก็ช่างไม่ถือเหตุผลเอาซะเลย ข้าก็เกรงว่าหากว่าร่วมมือกับเขาแล้วละก็ พวกเขาท้ายที่สุดก็คงจะต้องวิ่งหนีกันหัวซุกหัวซุนกันแล้ว!” หลิงเฟ่ยเองก็ได้ยกมุมปากขึ้นมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เห็นได้ชัดเริ่มที่จะมีความเข้าในเกี่ยวกับไต๋ซือหวู่โหวขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“เจ้าเด็กน้อยทั้งสาม พวกเจ้ามองอาจารย์ปู่อย่างข้าเป็นคนเช่นไรกันแล้ว พวกเจ้าทั้งสองถามเสี่ยวเยี่ยจื่อดู เมื่อครั้งก่อนที่สุสานชั้นที่หนึ่งข้าได้ร่วมมือกับเขาอย่างยินดีปรีดาอยู่ไม่เลยละ อีกทั้งยังลวงเอาเครื่องมือต้องห้ามที่ติดตัวอาจารย์ปู่อย่างข้ามาหลายปีไปอีก แม้แต่อาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุของอาจารย์ปู่ก็ยังหลอกลวงไป!” ไต๋ซือหวู่โหวยกมุมปากขึ้นมา มิได้อยู่ในท่าทีดั้งเดิมแทบทั้งสิ้น “เอาละ อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระมากมายกันอีกเลย เข้ามาเร็วๆ หากพลาดไปแล้วก็จะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ”

 

ในที่สุด เยี่ยจง จงหลี่และหลิงเฟ่ยหลังจากที่ลังเลแล้ว ก็ยังคงเข้าไปพึ่งพิง เพราะว่าไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ไต๋ซือหวู่โหวก็ยังเป็นถึงหนึ่งในชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตนที่เฝ้าระวังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เมื่อมีเขาอยู่ข้างกายแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นความปลอดภัยที่สุดแล้วก็ว่าได้

 

หลังจากที่ได้เดินเข้ามาแล้ว เยี่ยจงและจงหลี่จึงค่อยพบว่า ขณะนี้ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้เหยียบเข้าไปที่หม้อเหล็กสีดำทมิฬชิ้นหนึ่ง ด้านในนั้นก็ได้มีอสรพิษดำพยายามดิ้นรนออกมาไม่หยุด เขาขณะนี้ก็ได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อที่จะหล่อหลอมอสรพิษดำเหล่านี้ แต่ว่ายังคงไม่อาจที่จะหลอมไปจนหมดสิ้นลงไปได้ ยังคงมีอสรพิษดำอยู่อีกส่วนหนึ่งที่ได้คืบคลานออกมาได้

 

และนางเซียนชิงหญิงราวกับว่าได้ถูกไต๋ซือหวู่โหวลวงไป ขณะนี้นางที่ได้นั่งสมาธิอยู่บนพื้น ก็ได้หลอมพลังทั้งหมดออกมาจนกลายเป็นร่างแหเพื่อครอบคลุมไปที่อสรพิษดำ แต่ว่าก็ยังไม่อาจที่จะหลอมเข้าไปทั้งหมดได้อยู่ดี

 

“สิ่งของนี้เป็นอันใดกัน?” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าประหลาดใจ คิดที่จะถอยออกไป

 

“ของสิ่งนี้มีความเป็นไปได้ที่จะต้องเป็นชิ้นส่วนของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแล้ว เพียงแต่ว่าสมควรที่จะเป็นเพียงแค่ชิ้นส่วนเท่านั้น ไร้ซึ่งการควบคุมไปได้ ทว่าด้วยฝีมือของมหาราชันเช่นข้า คิดที่จะหล่อหลอมมันกลายเป็นเครื่องมือต้องห้ามย่อมต้องไม่เป็นปัญหาอันใดแน่นอน ” ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ปาดไปที่จมูกไปมา “มา เสี่ยวเยี่ยจื่อพวกเจ้าก็มาช่วยกัน ต้านทานอสรพิษดำเหล่านี้เอาไว้ อาจารย์ปู่อย่างข้าจะใช้มันมาหล่อลหอมแล้ว ”

 

“ไต๋ซือท่านก็ช่างไม่ถือเหตุผลเอาเสียเลย? พวกเราที่แม้ว่าจะมีพลังในระดับราชันเท่านั้น แต่ว่าการที่จะต้านทานอสรพิษดำเหล่านี้ ท่านก็ช่างเข้าใจล้อเล่นเสียจริงนะ?” จงหลี่ทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

 

“อาจารย์ปู่อย่างข้าจะกระทำเรื่องราวที่ไม่อาจพึ่งพาได้ถึงเพียงนั้นเชียวงั้นหรือ? มามามา เสี่ยวเยี่ยจื่อ เจ้าก็ชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุของเจ้าออกด้วย ภายใต้การกดดันของสิ่งของชิ้นนี้ อาจารย์ปู่อย่างข้าก็จะลงมือแล้ว ” ไต๋ซือหวู่โหวกรอกตาขาวไปมา ชี้ไปทางด้านเยี่ยจง “เจ้าดู หนูน้อยผู้นี้ลำบากลำบนถึงเพียงมด เจ้าขณะนี้หากลงมือช่วยเหลือนาง ก็เหมือนกับได้ช่วยเหลืออาจารย์ปู่อย่างข้า ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถที่จะชนะใจผู้คนเลยก็เป็นได้นะ?”

 

ในขณะที่เยี่ยจงจ้องไปที่ไต๋ซือหวู่โหว หลังจากที่แน่ใจได้แล้วว่าเขาไม่คิดที่จะหลอกลวงตนเองแล้ว จึงค่อยชักกระบี่แสงจันทร์ออกมา จนปรากฏขึ้นมาอยู่ท่ามกลางอากาศ กดดันไปที่หม้อสีดำทมิฬเอาไว้

 

ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ คำหนึ่ง พลิกทั้งสองมือเปลี่ยนแปลงรอยตราขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ได้ปรากฏอักขระหลายสิบตัวปกคุลมไปที่หม้อ จนทำให้อสรพิษดำที่ยพยามยามดิ้นรนไม่หยุดหลุดรอดออกมาค่อยๆ ที่จะลดน้อยลง จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นประกายแสงสีดำทมิฬกลุ่มหนึ่ง ลอยเข้ามาอยู่บนบริเวณฝ่ามือของเขา กลิ้งไปกลิ้งมาเป็นวงกลม

 

“เป็นของดีเลยทีเดียว คิดไม่ถึงสิงของชิ้นนี้ยังมีพลังทำลายมากเสียกว่าเครื่องมือต้องห้ามที่มอบให้แก่เสี่ยวเยี่ยจื่อก่อนหน้านี้เสียอีก นี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติไว้รักษาชีวิตเชียวนะ!” ไต๋ซือหวู่โหวโยนสิ่งของในมือนี้ไปมาบนฝ่ามือ หลังจากนั้นเขาก็ได้กวาดสายตาไปทางด้านของเยี่ยจง แล้วกล่าว “มา เสี่ยวเยี่ยจื่อ นำเอาอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุของเจ้ามาให้อาจารย์ปู่อย่างข้าหยิบใช้สักครู่ ในครั้งนี้พวกเราร่วมมือกัน แน่นอนว่าจะต้องค้นหาสุสานเซียนที่แท้จริงออกมาได้อย่างแน่นอน ”

 

เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออก ทว่าหลังจากนั้นก็ยังคงถอนอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุลงมา ยื่นไปให้แก่เขา เพราะว่าขณะนี้เขาเพียงแค่ใช้สลายพลังวิชาเจ็ดสิบสองลักษณ์เปลี่ยนแปลงรูปร่างลง อีกทั้งนางเซียนชิงหญิงนั้น ขณะนี้อย่างน้อยก็พอที่จะคาดเดาสถานะของเขาออกมาได้อยู่แล้ว

 

“ท่านเยี่ยจง คิดไม่ถึงจะได้มาพบเจอกันในสถานที่แห่งนี้อีก ” นางเซียนชิงหญิงลุกขึ้นมา เผยร้อยยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยวาจา ประดุจดั่งบุษผานับร้อยที่กำลังเบ่งบานขึ้นมา

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset