เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 547 สุสานหมื่นมังกร

ตอนที่ 547 สุสานหมื่นมังกร

 

 

ไม่พบเจอกันสักพักหนึ่ง บนร่างของนางเซียนชิงหญิงก็ได้มีบรรยากาศที่ยากจะกล่าวขึ้นมาได้อยู่ชนิดหนึ่ง ประดุจดั่งนางเซียนที่ได้ลงมาจุติมายังแดนดินก็มิปาน มีความงดงามหมดจดอีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังที่ไหลเวียนอยู่ ในเวลาเดียวกัน บนตัวของนางก็ได้มีบรรยากาศที่ลึกล้ำเพิ่มขึ้นมาอยู่อีกชนิดหนึ่ง ทว่าเนื่องด้วยเกิดมาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งยุค อย่างน้อยก็ย่อมถือได้ว่ามีระดับพลังในการต่อสู้ที่ไม่ต่างจากระดับราชันอยู่แล้ว นี้ยังเป็นเพียงการคาดเดาที่อ่อนโทรมมากที่สุดก็ว่าได้ ในเวลาเดียวกันนี้เอง ด้วยความคาดเดาของเยี่ยจง นางเซียนผู้นี้ก็ได้มีความลึกล้ำที่ยากคาดเดาได้ อาจจะมีพลังความสามารถในระดับของชนชั้นมหาราชันไปแล้วก็ได้

 

“ดูเหมือนว่า พวกเราทั้งสองจะมีวาสนาต้องกันเสียจริงนะ ” เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่นางเซียนชิงหญิง ยกมุมปากขึ้นมา

 

“ยังคงเป็นคำพูดเช่นนั้น ท่านเยี่ยจงหากว่าสนใจที่จะมาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิข้า ตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง ที่ยังคงว่างมาโดยตลอด ” นางเซียนชิงหญิงอมยิ้มขึ้นมา ใช้คำพูดที่หยอกล้อออกมา

 

จากนั้นเยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปที่นาง จากนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นมาเบาๆ แล้วกล่าว : “ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เจ้ายังคิดที่จะเรื่องเช่นนี้อีกอย่างงั้นหรือ?”

 

“เพราะว่าเป็นสถานการณ์เช่นนี้ มิใช่หรือไง?” นางเซียนชิงหญิงกล่าวออกมาเสียงเย็นชา จากนั้นนางก็ได้รักษาความสงบนิ่งเช่นนี้เอาไว้ มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย

 

รวมทั้งไต๋ซือหวู่โหวก็ด้วย ทั้งสามคนต่างก็ได้จ้องไปที่เยี่ยจงและนางเซียนชิงหญิงซ้ายทีขวาที พยายามที่จะไขอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองคนออกมา

 

“ดูพอแล้วหรือยัง? ต้องการที่จะให้ข้าไปหาเมล็ดแตงโมเพื่อให้พวกเจ้าทานไปชมไปด้วยหรือไม่?” เยี่ยจงเมื่อพบเห็นสายตาของพวกเขา จากนั้นราวกับว่าคิดที่จะมองลึกเข้าไปภายในจิตใจ

 

ในระยะทางที่ไม่ห่างนักของบริเวสถานที่แห่งนี้ ก็สามารถที่จะพบเห็นสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่โผล่ขึ้นมายังผิวน้ำได้อยู่หลายตน ในช่วงเวลาที่ได้ปรากฏกายขึ้นมา ผู้ยอดฝีมือที่ฆ่าสังหารเข้ามาจนถึงสถานที่แห่งนี้ก็ได้เริ่มที่จะเปิดศึกกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ แต่ว่าขณะนี้กลับมีแต่เพียงยอดฝีมือที่ต้องทอดร่างไม่หยุด ฉากนี้ถือได้ว่าเป็นการนองเลือดอย่างถึงที่สุดก็ว่าได้

 

“จี๊จี๊ นี้เป็นถึงสิ่งมีชีวิตที่มีพลังฝีมือในระดับชนชั้นมหาราชันตั้งหลายตนเชียวนะ กล่าวไปจะเป็นปีศาจมหาราชันก็ไม่เกินเลยไป ดูเหมือนว่าพวกเราในครั้งนี้จะเข้ามาจนถึงภายในส่วนที่เป้าหมายแล้วละ ” ไต๋ซือหวู่โหวจ้องมองไปยังทางด้านนั้นที่มีสิ่งมีชีวิตหลายตนกำลังเข่นฆ่าสังหารอยู่ ถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรง

 

“ไต๋ซือ ท่านไม่ลงมืองั้นหรือ?” เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง เด็กน้อยผู้นี้กลับไม่มีกลิ่นอายของความเป็นชนชั้นมหาราชันแม้แต่น้อยเลย

 

“ลงมือทำอะไร? ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ลิ่วเอ่อและทุนเทียนต่างก็อยู่ที่ด้านหน้า ทั่วทั้งฟ้าเมื่อมีพวกมันคอยจัดการอยู่! เสี่ยวเยี่ยจื่อเจ้าก็อย่าได้เอาแต่เป็นห่วงไป มีอาจารย์ปู่อย่างข้าอยู่ พวกเขาหากว่ากล้าที่จะมารังควานข้า จะฟาดให้พวกเขาให้หนีตายกันเป็นแถวไปเลย ” ไต๋ซือหวู่โหวตบไปที่พุง ทอสีหน้าไร้กังวลออกมา

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา จ้องไปที่บริเวณทางด้านหน้ามองแล้วก็มองอีก แล้วก็พบว่า ขณะนี้ท่ามกลางสนามก็ได้มีเงาร่างขนาดใหญ่สีทองสายหนึ่งพุ่งออกมา และก็ได้เข้าปะทะกับสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัวนี้ตนหนึ่ง จากนั้นก็ได้มีชายหนุ่มที่มีใบหน้าสดใสก้าวเดินออกไปทีละก้าว กดดันสิ่งมีชีวิตระดับมหาราชันเหล่านั้น

 

นี้ถือได้ว่าเป็นการปะทะกันที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งของชนชั้นมหาราชัน เพียงแต่ว่าพริบตานั้นเองก็ได้ทำลายหุบเขาลำธารไป ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นราชันใดก็ไม่อาจที่จะเข้าไปใกล้ได้ แต่ละคนก็ได้แต่เพียงพกพาความกลัวจ้องมองไปยังทางด้านนั้น

 

จากนั้นไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ลูบไปที่พุงแล้วจ้องไปที่ทางด้านนั้น แล้วจึงได้จบไปที่พุงคราหนึ่ง กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “ไป อาจารย์ปู่จะนำพาพวกเจ้าไปตามทางเอง ให้พวกเขาทั้งหลายคนไปต่อสู้กันให้ตายกันไปเถอะ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมิใช่ต้องมาดื่มน้ำล้างเท้าของพวกเรา!”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้เป็นคนแรกที่ได้พุ่งออกไป เยี่ยจงรวมทั้งพวกสี่คนขณะนี้ก็มิได้สนใจสิ่งอื่นใดอีก เพียงแต่ติดตามไปอย่างรวดเร็ว

 

ไต๋ซือหวู่โหวราวกับว่ามีความเข้าใจในสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นประสาทการรับรู้อันน่าตกใจของชนชั้นมหาราชันก็ได้ ภายใต้การนำทางของเขา ห้าคนหนึ่งคณะก็ได้ผ่านเลยจากบริเวณที่เกิดศึกต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้เข้าไปใกล้ยังเทือกเขาสายหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ราวกับว่าได้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของสถานที่แห่งนี้เลยก็ว่าได้ เกิดความรู้สึกที่เหนือธรรมดา ประดุจดั่งมังกรตัวใหญ่ทะยานร่างลงมาก็มิปาน

 

นอกเสียจากทางด้านของเยี่ยจงและคนในคณะแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือส่วนหนึ่งได้มุ่งหน้าเข้าไปใกล้เช่นเดียวกัน ขณะนี้ผู้คนไม่น้อยต่างก็กำลังอยู่ในการค้นหา เพราะว่า สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับสถานที่เป็นดั่งจุดที่สำคัญก็ว่าได้ ไม่แน่ว่าสุสานเซียนจะตั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้

 

ไม่นานนัก ก็ได้มีคนพบว่ามีถ้ำที่ดูเสียหายไปแห่งหนึ่ง วินาทีนั้น ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนก็ได้ฆ่าสังหารเข้าไปภายใน ลงมือกันยกใหญ่ ภายในนั้นก็ได้เกิดประกายแสงของสมบัติสาดออกมา เห็นได้ชัดได้มีการปรากฏขึ้นสมบัติแห่งดินแดนขึ้นมาแล้ว

 

“จี๊จี๊ ทว่านี้ยังเป็นได้แค่เพียงความสำเร็จอันน้อยนิดเท่านั้นเอง ยังถึงกับลงไม้ลงมือกันยกใหญ่ถึงเพียงนี้ ดูไปกันก่อนเถอะ หากว่าลงไปเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ เพื่อสิ่งของเหล่านี้ ชนชั้นมหาราชันต่างก็คงจะลงมือ ” ไต๋ซือหวู่โหวยกมุมปากกล่าววาจาที่ไม่สมเหตุสมผลออกมาอย่างถึงที่สุด แต่ว่าก็มิได้มุ่งหน้าเข้าไปแย่งชิง เพียงแต่มุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนี้มองไปยังทางซ้ายทีขวาที

 

เยี่ยจงและพวกต่างก็จ้องไปที่ไต๋ซือหวู่โหวด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าตามความเข้าใจของพวกเขาแล้ว บุคคลผู้นี้แน่นอนว่าย่อมไม่กระทำเรื่องราวง่ายดายเพียงแค่นี้แน่นอน

 

แต่ว่าในขณะนั้น กลับกลายเป็นว่าไต๋ซือหวู่โหวมีความมั่นคงอย่างถึงที่สุด มองไปซ้ายทีขวาที ไม่ทราบว่ากำลังคิดที่หาสิ่งของอันใดอยู่

 

หลังจากนั้นเอง เขาจึงค่อยถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว : “นึกไม่ถึงสถานที่แห่งนี้จะเป็นถึงสถานที่หนึ่งแห่งตำนาน น่าเสียดายที่ในมือของข้านั้นมีเพียงชิ้นส่วนของแผนที่เท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วละก็ คงจะพอที่จะสามารถค้นหาสิ่งของมากกว่านี้ออกมาได้แล้ว ”

 

เยี่ยจงและจงหลี่สบตากันคราหนึ่ง หลังจากนั้นเอง ทั้งสองคนก็ได้ค่อยๆ หยิบชิ้นส่วนของแผนที่ออกมา ยื่นไปให้แก่ไต๋ซือหวู่โหว

 

ไต๋ซือหวู่โหวร่างกายสั่นเทาขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจงและจงหลี่อย่างดุร้ายคราหนึ่ง แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่นั่งลงไปบนพื้นแสดงพลังบางอย่างออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นานนัก ก็ได้พบว่าภายในดวงตา จมูก ใบหู……ท่ามกลางทวารค์ทั้งเจ็ดของเขาต่างก็มีควันสีขาวพุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ เห็นได้ชัด ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าทำให้สิ้นเปลืองพลังเรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก

 

หลังจากนั้นสักพัก ไต๋ซือหวู่โหวจึงค่อยได้ลืมตาขึ้นมา ทอสีหน้าแปลกใจแล้วกล่าว : “คิดไม่ถึง สถานที่แห่งนี้นึกไม่ถึงว่าจะมีภูมิประเทศเช่นนี้อยู่ สุสานหมื่นมังกรในตำนาน สถานที่เช่นนี้ สามารถกล่าวได้ว่ามีแต่ความตายอย่างเต็มเปี่ยมไร้ซึ่งการมีชีวิตได้ แต่ว่า นับแต่โบราณมา ธาตุหยินหยางผสานกัน หากว่าสามารถที่จะเสาะหาวาสนาสายหนึ่งทั้งหมดจากสถานที่แห่งนี้ พวกเราก็สมควรที่จะสามารถค้นหาสุสานเซียนได้อย่างแท้จริงแล้ว ช่างน่าเสียดาย หากว่าขณะนี้มีคนจากหมู่ตึกแห่งการคำนวณแห่งฟ้าอยู่ในที่แห่งนี้ ก็สมควรที่จะสามารถเดินทางเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ได้ง่ายขึ้นอีกส่วน ”

 

“ยกให้ข้าเถอะ ” จงหลี่ขมวดคิ้วไปมา จากนั้นก็ได้ดีดนิ้วคำนวณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สักพัก ร่างกายของเขาก็ได้ไอขึ้นมา กัดฟันแล้วกล่าว “เหตุใดจากที่ข้าคำนวณแล้วพลังชีวิตที่ไหลเวียนของข้าและไต๋ซือหวู่โหว ต่างก็มีแต่ตายไร้หนทางรอด หากว่าเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องพบกับภัยพิบัตอย่างแน่นอน ”

 

สีหน้าของไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ดำคล้ำขึ้นมา เขาก็ได้จ้องมองไปที่จงหลี่แล้วกล่าว : “เดรัจฉานน้อย เจ้าคำนวณลิขิตสวรรค์ก็คำนวณลิขิตสวรรค์ไป อย่าได้มาหลอกลวงอาจารย์ปู่อย่างข้าเชียวนะ แม้ว่าข้าและบรรพจารย์ของเจ้าจะสนิทกันมาก แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะห้ามให้ข้าฟาดเจ้าให้ตายได้อยู่ดี!”

 

“ท่านคิดว่าข้าต้องการที่จะกล่าวเช่นนี้อย่างงั้นหรือ สถานที่แห่งนี้ข้าก็อยากที่จะเข้าไป แต่ว่าการเข้าไปเช่นนี้แล้วละก็……” จงหลี่ยังคงหมุนตัวไปมาอยู่ที่เดิม มีเหงื่อเย็นเยียบหลั่งออกมาทั่วศีรษะ

 

“ท่านจงหลี่ หากว่าจะคำนวณชีวิตของไต๋ซือหวู่โหวไม่มีอันใดออกมาแล้วละก็ เช่นนั้นไม่ลองคำนวนของชะตาชีวิตของท่านเยี่ยจงดูซักคราเล่า? จากความเข้าใจของข้า วาสนาของเขานั้นถือได้ว่ายิ่งใหญ่เป็นอย่างมากเลยเชียวละ ” ชิงหญิงที่ตลอดมามิได้กล่าววาจาทันใดนั้นก็อดที่จะหัวเราะแล้วกล่าวขึ้นมามิได้ อีกทั้งรอยยิ้มยังมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง

 

“เหตุใดข้าถึงได้ลืมเลือนเรื่องเช่นนี้ได้กัน?” จงหลี่ตบไปที่หน้าผากตนเอง จากนั้นก็ได้คำนวณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากนั้น เขาก็ได้ปรบมือไปมา แล้วกล่าว : “ได้การละ จากการคำนวณเส้นทางมากมายของข้าและไต๋ซือหวู่โหว ต่างก็มีแต่หนทางตายเพียงสายเดียว ยกเว้นเส้นชีวิตที่พิเศษของพี่เยี่ย ภายในหนทางแห่งความตายนับร้อยนึกไม่ถึงกลับยังมีวาสนาอยู่อีกสาย พวกเราหากว่าเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ เกรงว่าจำเป็นที่จะให้พี่เยี่ยท่านมาสร้างเส้นทางแล้ว ”

 

หลังจากที่เงียบงัน ผู้คนทั้งคณะต่างก็จ้องไปที่เยี่ยจงในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดผลสุดท้ายทั้งหมดนึกไม่ถึงจะต้องมาให้เขาเป็นคนตัดสินใจ ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมาได้จริงๆ

 

“เจ้าหนูจงหลี่ การคำนวนของเจ้าแม่นยำหรือไม่กัน?” ไต๋ซือหวู่โหวจ้องไปที่เยี่ยจงซ้ายทีขวาที ทอสีหน้าหดหู่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

 

“แน่นอนว่าแม่นยำ ข้ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหลานสาวของตาเฒ่าบัญชาสวรรค์ ทว่าก็เพียงแค่เคยอาจตำราลิขิตรสวรรค์ได้เพียงแค่ครึ่งเล่มเท่านั้น ” จงหลี่ทอประกายดวงตาดุจเดิม มีความมั่นใจในวิชาคำนวณของตนเองอย่างถึงที่สุด

 

“ตำราลิขิตรสวรรค์เพียงแค่ครึ่งเล่ม ดี ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ” ไต๋ซือหวู่โหวเกิดความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด แต่ว่าเขาก็ยังคงปรบมืออยู่หลายครั้ง ไม่ทราบว่าใช้ฝีมืออันใด ชิ้นส่วนแผนที่นั่นนึกไม่ถึงว่าจะรวมเข้าด้วยกันขึ้นมา กลายเป็นแผนที่ที่ทอประกายแสงสีทองม้วนหนึ่งขึ้นมา

 

จากนั้นก็ได้ยื่นวัตถุสิ่งนี้ให้แก่เยี่ยจงอย่างระมัดระวัง เขาจึงค่อยได้เอ่ยวาจาที่คล้ายกับไม่วางใจออกมา : “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เจ้าดูนะ ข้าให้เจ้าเลือกบริเวณที่คิดว่าน่าจะเป็นสุสานเซียนที่แท้จริงขึ้นมาส่วนหนึ่ง เจ้าเลือกสถานที่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง อีกสักครู่เจ้ายังต้องใช้แผนที่หมื่นมังกรนี้เพื่อเปิดทางอีก คุ้มครองพวกเราให้ดีดีละ!”

 

เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ยังคงจ้องไปที่แผนที่หมื่นมังกรนี้ด้วยความมุ่งมั่นมองไปซ้ายทีขวาที

 

ขณะนี้ ตัวแผนที่เมื่อได้ครบสมบูรณ์แล้ว จึงค่อยพอที่จะสามารถดูได้อย่างชัดเจน เมื่อเส้นทางมากมายนับไม่ถ้วนได้มาบรรจบกัน ก็เหมือนกับว่าได้มีร่างของมังกรนับพันหมื่นตายตกอยู่จริงๆ ดั่งเช่นมีคนที่ได้ลงมือจัดการสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของสุสานขึ้นมาก็มิปาน

 

และขณะนี้ ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ชี้นิ้วไปยังบริเวณสถานที่หลายแห่งบนแผนที่หมื่นมังกร ต่างก็พื้นที่ที่เป็นจุดบรรจบของมังกร เห็นได้ชัด สถานที่เช่นนี้ต่อให้มิใช่สุสานที่แท้จริงก็ตาม อย่างน้อยก็ต้องได้รับประโยชน์ที่เหมือนกับเย้ยฟ้าสะท้านดินได้

 

“เป็นไร เสี่ยวเยี่ยจื่อเจ้าตระเตรียมที่จะนำพาพวกเราไปยังสถานที่แห่งใดกัน?” ไต๋ซือหวู่โหวเกิดความว้าวุ่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงหลังจากขมวดคิ้วขึ้นมา กลับมิได้เลือกเส้นทางที่ไต๋ซือหวู่โหวได้เลือกออกมาแต่อย่างไร เพียงแต่ชี้ไปยังบริเวณที่เป็นใจกลางของแผนที่หมื่นมังกร กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “พวกเราจะไปยังสถานที่แห่งนี้ ”

 

“ใจกลางสุสานหมื่นมังกร ที่แห่งนั้นเป็นถึงบริเวณที่เป็นจุดรวมตัวกันของพลังธาตุหยินของสุสานชั้นที่สองนี้ พวกเราไปที่แห่งนั้นหาที่ตายหรือไงกัน!” ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา เห็นได้ชัดเขาต่อให้เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน ก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้วจะสามารถที่จะถอยออกมาด้วยร่างกายที่ครบสมบูรณ์ได้

 

“หากว่ามีสุสานเซียนที่แท้จริงอยู่จริงแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว กระนั้นสุสานเซียนที่แท้จริงย่อมไม่อาจที่จะเลือกสถานที่ที่เป็นดั่งพื้นที่ที่เด็กน้อยเลือกขึ้นมาอยู่หรอกนะ?” เยี่ยจงกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ “อีกทั้งข้ายังรู้สึกมาตลอด อย่างน้อยก็คงต้องเป็นสถานที่แห่งนี้แล้ว!”

 

“การเดินทางในครั้งนี้พวกข้าสมควรที่จะเป็นไปตามที่พี่เยี่ยกำหนดแล้ว ” จงหลี่กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

นางเซียนชิงหญิงเองก็ได้พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย เห็นได้ชัด ในขณะนี้ นางเองก็มีความเชื่อมั่นต่อทางที่เยี่ยจงเลือก

 

รวมไปทั้งหลิงเฟ่ยเองก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่พยักไม่หยุดอย่างเดียว

 

“ได้ ในเมื่อพวกเจ้าต่างก็คิดที่จะหาที่ตายเช่นนั้นแล้วละก็ อาจารย์ปู่อย่างข้าวันนี้ก็จะไปเป็นเพื่อนพวกเจ้าสักครั้งเอง เดินไปยังเส้นทางสายนี้ ” ไต๋ซือหวู่โหวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลังจากนั้นในที่สุดก็ได้หันนิ้วมือชี้ไปยังทางด้านนั้น

 

ห้าคนทั้งคณะ เยี่ยจงก็ได้เดินอยู่ในบริเวณทางด้านหน้าสุดเพื่อนำทาง มุ่งหน้าเข้าไปยังใจกลางของสุสานหมื่นมังกรที่เป็นบริเวณที่รวมเอาไว้ด้วยพลังธาตุหยิน

 

เมื่อได้เดินเข้าไปดูแล้ว จึงค่อยได้พบว่า สถานที่ถูกเรียกว่าสุสานหมื่นมังกรนั้นเรียกได้ว่าจุดรวมของเทือกเขามากมายนับไม่ถ้วนรวมกัน เทือกเขาทุกๆ สายต่างก็ประดุจร่างของปีศาจมังกรก็มิปาน และคนมากมายต่างก็ได้เดินไปตามเส้นทางสายนี้ อันที่จริงแล้วระหว่างนี้เทือกเขายังมีหุบเขาอยู่

 

เมื่อได้เดินผ่านหุบเขาไปแล้วหลายลูก ก็จะสามารถที่จะพบเห็นกลิ่นคาวเลือดและซากศพอยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัด ในขณะที่คณะเดินทางของเยี่ยจงยังไตร่ตรองกันอยู่นั้นเอง ก็ได้มีคนฆ่าสังหารเข้ามายังส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังเป็นการค้นหาเป็นการลับอีกด้วย

 

อีกทั้ง จากที่แห่งนี้ก็ได้มีคนมากมายมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของสุสานหมื่นมังกร รวมไปจนถึงในกลุ่มนั้นยังมีชนชั้นมหาราชันที่แท้จริงอยู่อีกหลายคน และขณะนี้กลับยังไม่เห็นมีการปรากฏขึ้นมาของสมบัติประจำดินแดนเลย จึงมิได้มีการเปิดการสังหารเพื่อแย่งชิงจากสถานที่แห่งนี้แม้แต่น้อย

 

“เร็ว รีบเร่งความเร็วออกไปจากสถานที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้โหดร้ายจนเกินไป! มิใช่ลางที่ดีอันใดเลย!” จงหลี่ทันใดนั้นก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด ต้องการที่จะให้ทุกคนเร่งความเร็วขึ้นมา

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset