เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 548 ราชันปีศาจทั้งสี่

ตอนที่ 548 ราชันปีศาจทั้งสี่

 

 

 

“หมายความว่ายังไง? เจ้าหนูเจ้ามองเห็นอะไรกัน?” ไต๋ซือหวู่โหวจ้องไปที่จงหลี่ ไม่หยุดที่จะมองเข้าไป

 

“หลังจากที่ได้เดินเข้าไปแล้วก็จะมองเห็นเอง สถานที่แห่งนี้แม้ว่าเป็นสถานที่มีสภาวะของสุสานหมื่นมังกรอยู่ แต่ว่าก็ยังมีเก้าหยินหนึ่งหยาง พื้นที่สุสานเซียน! สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นพื้นที่สุสานเซียนที่แท้จริง มิใช่เพียงแค่เอ่ยขึ้นมาเท่านั้น ต่อให้เป็นเซียนที่แท้จริงเข้าไปยังพื้นที่ที่มีพลังเก้าหยินหนึ่งหยางก็ยังคงต้องตายอยู่ดี! และหากว่าพวกเราเข้าไปใกล้ ก็มีแต่ตายทางเดียว! คงมีแต่เพียงติดตามไปตามเส้นทางที่พี่เยี่ยจงชี้ ก็คงจะสามารถเป็นทางรอดเพียงหนึ่งเดียวขึ้นมาได้!” จงหลี่อธิบายอย่างรวดเร็ว ทราบว่าหากไม่กล่าวอย่างชัดเจนแล้วละก็ คนอื่นก็ย่อมไม่ฟังอย่างแน่นอน

 

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเรายังสามารถถอยไปหรือไม่?” ใบหน้าของไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ดำคล้ำขึ้นมา เก้าหยินหนึ่งหยาง คำกล่าวเช่นนี้ของพื้นที่สุสานเซียน ได้ทำให้เขาขนลุกชูชัน ในเวลาเดียวกันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ภูมิประเทศเช่นนี้มีความน่ากลัวมากหรือไร?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“เสี่ยวเยี่ยจื่อ นี้เป็นถึงพื้นที่ที่เป็นดั่งตำนานที่มีความโหดร้ายในไม่กี่ชนิดเท่านั้น สุสานหมื่นมังกรเมื่อรวมเข้ากับเก้าหยินหนึ่งหยาง พื้นที่สุสานเซียน พวกเราก็ไม่ต้องกล่าวไปไกลมากนะ เอาแค่ใกล้ๆ นี้ก็พอ ข้าและตาเฒ่าทั้งสิบหล่านั้นหากเข้าไปภายในใจกลางพร้อมกันแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะมีความเป็นไปได้” ไต๋ซือหวู่โหวท่อสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างมาก เขาใช้ประสบการณ์ในด้านนี้กล่าวมา คนรุ่นหลังทั้งหลายก็ย่อมที่จะไม่อาจโต้แย้งได้

 

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะถอยอย่างนั้นหรือ? หรือเสาะหาเส้นทางอื่นไปยังสถานที่แห่งนั้น?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา

 

“ถอยกลับผีน่ะสิ สถานที่ที่กว้างใหญ่เช่นนี้ เจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปอย่างนั้นหรือ? คงต้องมีสักทาง ที่อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่มีผู้คนเข้าไปดึงดูดสภาวะธาตุหยินนั้นขึ้นมา งั้นก็เข้าไปยังส่วนลึกโดยเร็ว ไปยังพื้นที่เป้าหมาย เช่นนั้นยังมีพอที่จะมีความหวังอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นพวกเราในครั้งนี้ไม่แน่ว่าอาจต้องติดอยู่ข้างในก็เป็นได้!” จงหลี่คล้ายกับจะร้องออกมา หลังจากนั้นเองก็ได้คำนวณออกมา เขาทอสีหน้าหดหู่ แทบจะฟาดฝ่ามือตบไปที่ตนเองให้ตายลง

 

“ยังจะกล่าววาจาไร้สาระเช่นนั้นมากมายไปทำอะไร ไปเถอะ!” ไต๋ซือหวู่โหวเป็นคนแรกที่ได้ทะยานขึ้นมา พวกเขาทั้งคณะนอกเสียจากสีหน้านางเซียนชิงหญิงที่ยังถือว่าดีอยู่บ้างแล้ว ที่หลงเหลือแต่ละคนต่างก็มีใบหน้าดำคล้ำขึ้นมา ในครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าววาจาไร้สาระออกมาอีก ทั้งสี่คนต่างก็ติดตามอยู่ทางด้านหลังของเยี่ยจง เข้าไปยังส่วนลึกอย่างรวดเร็ว เกี่ยวกับถ้ำที่อยู่ทั้งสองด้านของเทือกเขาเหล่านั้น พวกเขาก็ไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย เหตุผลนั้นง่ายดายอย่างยิ่ง หากว่าต้องมาตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ เช่นนั้นทั้งหมดก็จะจบสิ้นลงแล้ว อีกทั้งต่อให้ได้สมบัติสูงสุดไปก็ไม่มีความหมายอันใด

 

คนทั้งคณะใช้ความเร็วที่รวดเร็วอย่างยิ่ง ไม่นานนักในขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้ากันไปอยู่ แผนที่หมื่นมังกรในมือของเยี่ยจงทันใดนั้นก็ได้ทอสว่างวาบขึ้นมา บนแผนที่หมื่นมังกรก็ได้ปรากฏสายทางขึ้นมาอยู่หลายสาย ชี้เข้ายังทางด้านที่เป็นบริเวณจุดที่พระอาทิตย์ขึ้นของสุสานหมื่นมังกรนี้

 

“เก้าหยินหนึ่งหยาง、พื้นที่สุสสานเซียน ธาตุหยินทั้งเก้าแน่นอนว่าย่อมต้องเป็นค่ายกลสังหารที่มีอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ต่อให้เป็นเซียนเองเขาไปก็มีแต่ต้องตาย กระนั้นก็ยังมีธาตุหยางสายหนึ่งที่เป็นหนทางแห่งชีวิต ในเวลาเดียวกันที่แห่งนั้นก็สมควรที่จะเป็น สุสานเซียนที่แท้จริง สามารถฝังเอาไว้ด้วยวาสนาแห่งเซียน!” ไต๋ซือหวู่โหวที่มองไปทางด้านหลังก็ได้ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ว่าเขาขณะนี้กลับยังไม่ทราบว่าการไปไปตามเส้นทางที่เยี่ยจงได้ชี้ว่าจะเป็นอย่างไร มีแต่เป็นสิ่งที่เยี่ยจงได้เลือกออกมาเท่านั้น

 

เยี่ยจงเพิ่มความคิดละเอียดรอบคอบขึ้น ต่อมาก็ได้เลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดมาสายหนึ่ง โบกมือขึ้นมาแล้วก็ได้ขยับร่างกาย เพราะว่าขณะนี้ความจริงนั้นถือได้ว่ามีข้อจำกัดในเรื่องเวลา แทบจะไม่มีเวลาพอที่จะครุ่นคิดอย่างละเอียดต่อไปได้

 

“กร๊อบ——”

 

ทันใดนั้น สายอสนีบาตอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา จากนั้นก็ได้ผ่าลงมาที่แผ่นหลังของเยี่ยจงอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาก็ได้ระเบิดกระเด็นไปในทันที จนกระทบไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

พริบตานั้นที่ได้รับแรงปะทะ ก็ได้ปรากฏเงาของมนุษย์ผู้หนึ่งออกมาจากถ้ำใหญ่ ดึงร่างของเยี่ยจงเข้าไปยังภายใน จนสามารถที่จะจบได้ว่าการโจมตีเช่นนี้มีความน่าหวาดกลัวมากถึงเพียงใด

 

“กร๊อบ——”

 

ต่อมา ศิลาก็ได้ถูกแยกออกมา เยี่ยจงก็ได้พุ่งออกไป มุมปากก็ได้มีโลหิตไหลออกมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน แม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึง ในเวลาเช่นนี้ นึกไม่ถึงจะมีคนที่คิดจะปองร้ายต่อตนเองอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งพอลงมือก็หมายที่จะทำร้ายจนถึงชีวิต หากมิใช่ขณะนี้เยี่ยจงได้สำเร็จระดับราชันแล้ว มีพลังฝีมือที่ลึกล้ำแล้วละก็ ไม่แน่ว่าในครั้งนี้คงจะต้องพลาดท่าครั้งใหญ่ไปแล้วอย่างแน่นอน

 

แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เยี่ยจงต่างก็กระอักโลหิตออกมาคำโต โลหิตภายในร่างกายก็ได้ปะทุเดือดขึ้นมา ยากที่จะทานรับเอาไว้ได้ เพราะว่ายากที่จะคาดคิดได้ว่า คณะเดินทางของพวกเขายังถึงกับมีคนที่อยู่ชนชั้นมหาราชันคอยคุมขบวนอยู่ นึกไม่ถึงยังถึงกับพลาดท่าไปได้อย่างง่ายดาย

 

ในบริเวณไม่ที่ห่างไกลมากนัก ก็ได้มีหอกอัสนีพวยพุ่งปรากฏขึ้นมาบนอากาศ อสนีบาตด้านบนหอกอัสนี เห็นได้ชัดเมื่อครู่ได้กระทบลงบนร่างกายของเยี่ยจง จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักจนกระอักโลหิตออกมา

 

“กร๊อบ——”

 

หอกอัสนีก็ได้ถูกใช้อีกครั้ง ในครั้งนี้ก็ได้มุ่งหน้าไปกระทบลงไปยังบริเวณด้านหน้าของเยี่ยจง ถือได้ว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงเป็นอย่างมาก

 

ในครั้งนี้เยี่ยจงได้มีการเตรียมพร้อมแต่แรก ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบหลบหลีกภายในพริบตา จากนั้นก็ได้ลืมตาขึ้นมองไปที่หอกอัสนีนี้กระทบลงมาด้วยความรุนแรง แรงปะทะทำให้เกิดหลุมบ่อขนาดใหญ่ขึ้นมา

 

“จี๊จี๊จี๊ นี้ก็คือเครื่องมือต้องห้ามของชนชั้นมหาราชันแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ต่อให้กระทบลงบนร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างก็คงต้องได้รับผลกระทบจนไม่อาจที่จะจากไปได้ เสี่ยวเยี่ยจื่อก็มีร่างเนื้อน่ากลัวเสียจริง!” ไต๋ซือหวู่โหวเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา การเดินทางของเขาเดิมทีแล้วยังคิดที่จะเตรียมพร้อมปกปิดสถานะอาไว้ คิดที่ลงมือในช่วงเวลาที่สำคัญ ย่อมต้องไม่ทำอะไรออกมามากมายในขณะนี้

 

บริเวณที่ห่างไกล ฉากนี้ก็มียอดฝีมือชนชั้นราชันกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนต่างก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างมาก พวกเขาต่างก็ได้ใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้าม คิดที่จะชิงสังหารเยี่ยจงลงไปก่อน แต่ว่าคิดไม่ถึงเยี่ยจงจะอยู่เหนือความคลาดหมายถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ถึงกับตาย

 

“ไม่ใช่บอกว่าสุนัขน้อยเยี่ยยังไม่ถึงระดับราชันมิใช่หรือ? เหตุใดเมื่อโดนการโจมตีของเครื่องมือต้องห้ามชนชั้นมหาราชันเข้าไปเต็มๆ ยังไม่เป็นไรอีก?”

 

“เด็กน้อยผู้นี้พลังกายาทองไม่สูญสลายแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียว? ข้าไม่เชื่อหรอก!”

 

ยอดฝีมือที่ลงมือกลุ่มนี้แต่ละคนต่างก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา ในเวลาเดียวกันทางด้านหน้าสุดก็ได้มีราชันปีศาจพลังเทวะขั้นที่ห้าฆ่าสังหารออกไปในทันที กดดันเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

 

“สุนัขน้อยเยี่ย เจ้าก็ยังมีวันนี้!” ราชันวานรพลังเทวะขั้นที่ห้าตนหนึ่งก่อนหน้านี้ สมควรที่จะได้นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้สืบทอดจากปีศาจมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อแห่งหุบเขาหมื่นอยู่แล้ว ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงจะเป็นราชันปีศาจตนนั้นแล้ว ขณะนี้เขาก็ได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เข็มกระบองก็ได้ถือเอาไว้ในมือที่เป็นเครื่องมือต้องห้าม เคียดแค้นเยี่ยจงจนแทบจะตบให้ตายคามือ เพราะว่าพวกเขานั้นต่างก็เป็นราชันปีศาจที่สืบเชื้อสายมาโดยตรง โดยส่วนมากแล้วต่างก็ได้ตายตกไปด้วยน้ำมือของเยี่ยจงไป

 

“เยี่ยจง มีคำสั่งมาจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจ้ายังคงไปสู่ประตูนรกเถอะ!” อีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีร่างหนึ่งที่สวมเอาไว้ด้วยชุดศึกห้าสี อีกทั้งยังมีพลังฝีมือในระดับราชันปีศาจพลังเทวะขั้นที่ห้าเช่นกัน ขณะนี้ก็ได้ฆ่าสังหารออกมา มือข้างหนึ่งของเขาก็ได้ออกกระบวนท่าจากหอกอัสนีลงไป จนก่อเกิดเป็นพายุสังหารออกมา

 

“สังหารเขาซะ สังเวรให้แก่ท่านมหาราชัน!”

 

“ไม่อาจที่จะให้คนผู้นี้ทำให้เรื่องของพวกเราเสียไปได้อีกต่อไปได้แล้ว ยากนักที่เขาจะมิใช่สวมอาภรณ์ปิดบังการทำลายจากสวรรค์เอาไว้ จึงพอที่จะสามารถคำนวณออกมาได้ถึงบริเวณที่เขาอยู่ ถือได้ว่าไม่อาจที่จะพลาดโอกาสที่น่าเสียดายนี้ไปได้แล้ว!”

 

แล้วก็ได้มีราชันปีศาจพลังเทวะขั้นที่ห้าอีกสองตนลงมือออกมาพร้อมกัน ราชันปีศาจทั้งสี่ก็ได้ผสานมือกันออกไป พวยพุ่งทะยานออกไป

 

“เดรัจฉานน้อย เจ้าคิดจริงหรือว่าหุบเขาหมื่นปีศาจของพวกเราจะทำไม่ได้ นึกไม่ถึงยังถึงกับกล้าที่จะมาปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้อีก!”

 

“สังหารเขาทิ้งก็ยังถือได้ว่าขาดทุนเกินไปแล้ว หรือไม่ก็จับเขามาล่ามเลี้ยงไว้ในกรงสัตว์เลี้ยงเถอะ วันหนึ่งให้กินครั้งหนึ่ง ให้เขาอยู่ในโอวาส!”

 

ราชันปีศาจตนอื่นๆ ก็ได้ห้อมล้อมกันเข้ามาภายในพริบตาดุจพายุทราย ทุกผู้คนต่างก็เผยออกมาด้วยพลังการสังหารออกมา เพราะว่ายากนักที่จะพบเห็นร่องรอยของเยี่ยจงได้ และหุบเขาหมื่นปีศาจกับเยี่ยจงนั้นมีความแค้นที่ลึกล้ำเป็นอย่างมาก ต่อให้เป็นในเวลาเช่นนี้ พวกเขาในระหว่างที่พบเจอกันคราแรกก็ยังต้องเคลื่อนไหวจู่โจมไปในทันที

 

“แย่แล้ว” จงหลี่กัดไปที่มุมปาก “ไต๋ซือหรือไม่ท่านก็ลงมือเถอะ ฟาดเขาให้ตายเสียเถอะ!”

 

“ให้ข้าลงมือทำบ้าอะไรกัน อาจารย์ปู่อย่างข้าเมื่อลงมือไป ทุนเทียนและลิ่วเอ่อเจ้าเด็กน้อยสองตัวนั้นก็จะไม่ทราบว่าอาจารย์ปู่อย่างข้าได้เข้ามาแล้วอย่างงั้นหรือ! อาจารย์ปู่อย่างข้าถือได้ว่าเป็นอาวุธสังหารที่ร้ายกาจที่สุด หากยังไม่ถึงช่วงเวลาคับขันจริงๆ ก็ไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้!” ไต๋ซือหวู่โหวโอดครวญ จากนั้นกล่าวออกมากด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เสี่ยวเยี่ยจื่อ พวกนี้ต่างก็เป็นพวกปลาแถวของหุบเขาหมื่นปีศาจ ด้วยพลังฝีมือของเจ้าในขณะนี้ย่อมไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน พวกเราก็ไปกันก่อนเถอะ เมื่อไปถึงยังแกนธาตุหยางอาจารย์ปู่ค่อยกลับมาช่วยเจ้าชำระบัญชีกับพวกเขาเอง!”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา กระนั้นก็ยังมิได้ชักกระบี่แสงจันทร์ออกมาเพื่อเข้าต่อสู้ในสถานที่แห่งนี้ เพราะว่าเขาเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ยังมิใช่เวลาที่จะต้องกระทำเรื่องเหล่านี้ เดินทางไปได้ก่อนจึงถือเป็นหนทางที่แท้จริง

 

“ถอย——”

 

ห้าคนหนึ่งคณะภายใต้การนำทางของเยี่ยจง ก็ได้ฝ่าทะลุพายุสายอัสนีถอยออกไป แต่ว่าบริเวณทางด้านหลัง ราชาปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจเหล่านั้นแต่ละคนต่างก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา ชิงชิงเยี่ยจงจนแทบจะกลืนกินลงไปทั้งตัว แทบจะไม่อาจที่จะชี้นิ้วออกมาไม่หยุดมิได้

 

เครื่องมือต้องห้ามทั้งสองชิ้นก็ได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศ เตรียมพร้อมที่จะใช้ออกมาได้ทุกเวลา เห็นได้ชัด ในครั้งนี้หากไม่สังหารเยี่ยจง พวกเขาย่อมไม่อาจที่จะนอนได้หลับแน่นอน

 

“มุ่งไปทางทิศใต้ ทางด้านนั้นยังมีสิ่งของอยู่ สมควรที่จะสามารถที่จะต้านทานพวกเขาได้อยู่!” เสี่ยวหลุนทันใดนั้นก็ได้ส่งเสียงดังออกมา เอ่ยขึ้นมาภายในจิตใจของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงก็ได้เกิดความคิดขึ้นมาภายในจิตใจ ทราบว่าเสี่ยวหลุนในเมื่อเอ่ยปากขึ้นมาในเวลาเช่นนี้แล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องพบเจอกับอันใดอย่างแน่นอน ต่อมาเขาก็ไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมายอีก มุ่งหน้าทะยานเข้าไปยังทางด้านนั้นอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าจะเป็นบ้าไปแล้ว เสี่ยวเยี่ยจื่อเจ้าทำบ้าอะไรอยู่เนี๊ย นึกไม่ถึงจะพาพวกเราเขามาถึงจุดที่เป็นธาตุหยินได้!” ไต๋ซือหวู่โหวที่ได้ติดตามเยี่ยจงอยู่ทางด้านหลังทันใดนั้นก็เป็นคนแรกที่ขนลุกขึ้นมา ตลอดทั่วทั้งร่างกายราวกับมีเข็มทุ่มแทงเข้ามาอยู่ครู่หนึ่ง

 

เยี่ยจงปรายตามองออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้พบว่าทางด้านหน้าในขณะนี้ได้ปรากฏเป็นพื้นที่รกร้างขึ้นมาสายหนึ่ง บริเวณท่ามกลางพื้นที่รกร้าง ก็ได้มีอารามเก่าหลังหนึ่งตั้งเอาไว้อยู่ แม้ว่าสิ่งปลูกสร้างโดยส่วนมากจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ว่าพริบตานั้นก็ยังสามารถที่จะพบได้กับการเคลื่อนไหวของประกายแสงสีทองขึ้นมาอยู่เป็นสาย เห็นได้ชัดว่า อารามเก่าแก่แห่งนี้ได้มีการคงอยู่ของสมบัติสูงสุดอยู่、

 

ห้าคนหนึ่งคณะก็ได้หยุดร่างลงอย่างรวดเร็ว มิได้เข้าไปใกล้ต่อ

 

“ทำอย่างไรดี?” หลิงเฟ่ยเอ่ยขึ้นมา ด้านในนั้นถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่เป็นเก้าหยินหนึ่งหยาง ทางด้านหลังก็ยังมีราชาปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจกลุ่มใหญ่ไล่ล่าสังหารมาอีก มิได้มีทางเลือกให้เลือกได้มากมายอีกแล้ว

 

จากนั้นจงหลี่ก็ได้ดีดนิ้วขึ้นมาคำนวณอย่างรวดเร็ว จึงค่อยได้ปาดเช็ดไปที่เหงื่อเย็นเยียบแล้วกล่าว : “ไม่อาจที่จะเข้าไปยังอารามเก่านี้ภายในระยะสิบลี้แน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเราแม้แต่กระดูกก็คงจะไม่อาจที่จะเหลือแล้ว พี่เยี่ยเจ้าก็รีบหาเส้นทางในการหลบหนีเร็วหน่อยเถอะ”

 

เยี่ยจงโบกมือ เหม่อมองไปยังกลุ่มราชันที่ได้ไล่ล่าเข้ามา กล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบ : “ไม่ต้องรีบไปหรอก ในเมื่อพวกเขาคิดที่จะสังหารข้าเช่นนั้น ข้าก็คงจะทำได้แต่สนองให้พวกเขาซักหน่อยจึงจะถูกต้อง พวกเจ้าตามข้ามาเถอะ อย่าได้ก้าวผิดไม่แม้เพียงครึ่งก้าวโดยเด็ดขาด”

 

กล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้ก้าวเดินออกไปมุ่งหน้าหาวิธีเข้าไปยังอารามเก่า ทว่าความเร็วของเขานั้นแม้จะไม่ถือได้ว่าเร็วมากนัก ในทุกก้าวที่ได้เหยียบย่างลงไปถือได้ว่าประทับรอยฝ่าเท้าลงได้อย่างชัดเจน

 

ไต๋ซือหวู่โหวและจงหลี่สบตามองกันคราหนึ่ง แทบจะหลั่งน้ำตาอาบแก้มแล้วกล่าว : “เจ้าหนูจง เจ้าคำนวนออกมาก่อนจริงแล้วอย่างงั้นหรือ ว่าเด็กน้อยผู้นี้ในครั้งนี้ยังมีวาสนาอยู่งั้นหรือ?”

 

“ย่อมไม่ผิดแน่ ติดตามเขาไปก็ยังดีกว่าให้พวกเราสองคนคล้ำจนมั่วไปหมด!” จงหลี่ปาดเช็ดไปที่จมูก จากนั้นก็ได้คำนวณขึ้นมาอีก จึงค่อยโบกมือขึ้นมา ติดตามไปอย่างรวดเร็ว

 

นางเซียนชิงหญิงหลังจากที่ลังเล ก็ได้ติดตามต่อไปอยู่บริเวณทางด้านหลัง เห็นได้ชัดนางในเวลาเช่นนี้เองก็ได้ทำการตัดสินใจได้แล้ว

 

ห้าคนหนึ่งคณะก็ได้ติดตามเยี่ยจงอยู่บริเวณทางด้านหลัง มุ่งหน้าก้าวเข้าไปยังส่วนลึกออกไปทีละก้าว หลังจากนั้นเอง ก็ได้เข้าไปใกล้ยังอารามเก่านั้นเรื่อยๆ แต่ว่าเมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจงในที่สุดก็ได้ทิ้งร่องรอยเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้แก่พวกเขาเพื่อให้ระวังทางด้านหน้าเอาไว้ หากต้องการที่จะเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ ย่อมต้องไม่อาจที่จะหลุดเข้าไปยังจุดธาตุหยินได้

 

“นี้คือ……อารามเซียน!”

 

ในเวลาเช่นนี้ ราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจกลุ่มนี้ในที่สุดก็ได้ไล่ล่ามาถึง ขณะนี้ก็ได้พบเห็นฉากเบื้องหน้า ราชันปีศาจทั้งหมดต่างก็ทอประกายตาแวววับ จากนั้นก็ได้พุ่งออกไปภายในพริบตา

 

พบว่าท่ามกลางสุสานชั้นที่สองนี้ตั้งเอาไว้ด้วยอารามเก่าหลังหนึ่ง แค่ใช้สมองคิดก็พอที่จะสมควรมีคำสอนแห่งเซียนดังขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นวัตถุอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอีกด้วย ราชันปีศาจเหล่านี้มีหรือจะไม่เกิดความโลภขึ้นมาได้กัน ?

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset