เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 558 การเข้าไปสู่เส้นทางเทพ

ตอนที่ 558 การเข้าไปสู่เส้นทางเทพ

 

บริเวณทางด้านบน ในมือเยี่ยจงก็ได้ปรากฏตราแห่งราชาแดนมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง เส้นผมบนศีรษะก็ได้ลอยพลิ้วอย่างวุ่นวาย ฝ่ามือก็ได้ประทับออกไปอีกครั้ง และเข้าปะทะกับมหาราชันปีศาจทุนเทียนอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นในอีกระดับ

 

“กร๊อบ——”

 

เสียงจากการปะทะก็ได้ดังขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัว ร่างกายเยี่ยจงในครั้งนี้กลับมิได้ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว สามารถที่จะกล่าวได้ว่าแทบจะมิได้มีข้อแตกต่างไปจากมหาราชันปีศาจทุนเทียนเลย จนไม่อาจที่จะปรากฏผลแพ้ชนะขึ้นมาได้

 

ในขณะนั้นเอง สีหน้าของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง เพราะว่าหากกล่าวกันตามเหตุและผล เรื่องราวเฉกเช่นนี้ย่อมไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน แมลงเพียงตัวเดียว จะสามารถมาต่อกรกับปีศาจมหาราชันได้งั้นหรือ ?

 

ไม่นานนัก ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าคนที่ได้ปรากฏขึ้นมาจากทางด้านหลัง รวมไปถึงมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาและพวกก็ด้วย ในเวลาที่ได้พบเห็นฉากนี้ สีหน้าทุกผู้คนต่างก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา

 

“ทุนเทียน ถอยก่อน ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นโบกมือคราหนึ่ง ถึงกับเรียกขานให้มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อถอยออกมา กระนั้นย่อมบอกได้ว่าเขานั้นมีความชัดแจ้งต่อพลังความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเยี่ยจงยิ่งกว่าใครในที่แห่งนี้ก็ว่าได้ ขณะนี้ ภายใต้การปกคลุมของพลังแรงกดดันวิถีเซียน ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันในที่แห่งนี้ ก็ใช่ว่าจะมีซักกี่คนที่มีพลังกายเนื้อเทียบเคียงจนกดดันเยี่ยจงได้ หากว่าเข้าปะทะกันในขณะนี้ ผลลัพธ์กลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นก็คงจะต้องกลายเป็นที่ขายหน้าไปเป็นอย่างมากแน่นอน

 

“แท้จริงแล้วก็เป็นวีรชนในหมู่รุ่นเยาว์นี้เอง ไม่เลวเลยทีเดียว !

 

ชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์คนหนึ่งที่เหนือศีรษะได้สวมเอาไว้ด้วยมงกุฎ ขณะนี้ก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงอดที่จะยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้นมามิได้ แฝงเอาไว้ด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดาได้อยู่ชนิดหนึ่ง

 

นอกจากนี้แล้ว ชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆ ต่างก็เป็นครั้งแรกที่ได้เปิดเผยตัวตนขึ้นมา หนึ่งในนั้นก็มีเผ่ามนุษย์ มีสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่า แต่ละคนต่างก็มีบรรยากาศอันน่าหวาดกลัว แต่ว่าชนชั้นมหาราชันโดยส่วนมากในขณะนี้ต่างก็อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ พวกเขาจ้องมองไปที่บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจงอย่างหนักแน่น แต่ละคนต่างก็กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

เยี่ยจงมองไปมนุษย์มหาราชันที่เอ่ยปากขึ้นมา ภายในจิตใจก็ได้หวั่นไหวขึ้นมา โครงหน้าขององค์ชายหกแห่งรัฐสือสือซิ่งมีความคลับคล้ายกับคนผู้นี้ถึงเจ็ดส่วน ดังนั้นมนุษย์ผู้ที่เอ่ยปากขึ้นมา มีความเป็นไปได้กว่าแปดส่วนที่จะต้องเป็นองค์ราชาแห่งรัฐสือแล้ว

 

นอกจากชนชั้นมหาราชันนี้แล้ว เยี่ยจงแม้ว่าจะจดจำไม่ออก แต่ว่าก็สามารถที่จะแน่ใจได้ว่า ท่ามกลางหมู่ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นคนใดก็ตามต่างก็ถือได้ว่ามีการคงอยู่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน เมื่อได้จับจ้องไปยังพื้นที่แห่งนี้ ก็เหมือนกับกำลังทอดตามองไปยังหุบเขาสายธารที่ทอดยาวนับหมื่นลี้

 

บุคคลเฉกเช่นนี้ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นมายังสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง คิดที่จะแย่งชิงสิ่งของที่อยู่ด้านบนของสุสานเซียน แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดการต่อสู้กับชนชั้นระดับมหาราชันสักรอบแล้ว

 

หากมิใช่ขณะนี้มีการปกคลุมของพลังแรงกดดันวิถีเซียน จำกัดพลังลมปราณเอาไว้แล้วละก็ เช่นนั้นเยี่ยจงในขณะนี้ก็แทบจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะออกมายังบริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ได้เลย

 

ในเวลานี้ขณะนี้ ชนชั้นมหาราชันทุกๆ ตนต่างก็จับจ้องไปยังโลงศพหยกที่อยู่ทางด้านบนของหลุมฝังศพโบราณ หลังจากนั้น ก็มิได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ต่างฝ่ายต่างก็เลือกที่จะเข้าสู่เส้นทางที่เป็นทางขึ้นของหลุมฝังศพโบราณทั้งสี่ด้าน ค่อยๆ ที่จะมุ่งหน้าเข้ามาใกล้บริเวณทางด้านหน้า

 

โลงศพหยกอย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นโลงศพเก้าฟ้าที่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้แน่ ท่ามกลางโลงศพเก้าฟ้านั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นที่ฝังศพเซียนเอาไว้อยู่ เพียงแค่สองข้อนี้ ชนชั้นมหาราชันไม่ว่าจะตนใดในที่แห่งนี้ต่างก็ไม่ยินยอมที่จะผิดพลาดไปได้อย่างแน่นอน สามารถที่จะคาดคิดได้ว่า ต่อจากนี้จะต้องเกิดการแย่งชิงอันดุเดือดขึ้นมาอย่างยิ่งของชนชั้นมหาราชันนี้เป็นแน่

 

“นี้มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ผีเฒ่าชราเหล่านี้เหตุใดถึงได้เข้ามากันทั้งหมดในคราเดียวกันละ ? ” ไต๋ซือหวู่โหวตกใจขึ้นมา เห็นได้ชัดเขาเองก็คิดไม่ถึง เหตุใดชนชั้นมหาราชันเหล่านี้เพียงครู่เดียวก็ได้ออกมาจนหมดสิ้นกัน

 

“ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้มีการเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี สิ่งที่เหล่าบรรพจารย์เตรียมพร้อมก็คือเครื่องมือต้องห้ามประจำสำนัก แม้ว่ากายเนื้อของท่านผู้เฒ่าบรรพจารย์จะมิได้แข็งแกร่งมากมาย แต่ว่าเมื่อพึ่งพาเครื่องมือต้องห้ามนั้น อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะต้านทานพลังแรงกดดันวิถีเซียนได้ เข้าสู่หลุมฝังศพโบราณ ” จงหลี่ทอสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา เพราะว่าเขาพบว่า ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้กลับมิได้เป็นดั่งเยี่ยจงและมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็มิปาน ที่ใช้แต่เพียงแค่พลังของกายเนื้อก็สามารถเข้าไปยังหลุมฝังศพโบราณได้ เพียงแต่แต่ละคนต่างก็ใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้ามคนละอย่างสองอย่าง ฝืนต้านทานพลังแรงกดดันวิถีเซียนเอาไว้ ก้าวขึ้นมาทางด้านหน้าอย่างช้าๆ

 

เห็นได้ชัด เครื่องมือต้องห้ามเหล่านี้แม้ว่าจะไม่อาจที่จะต้านทานพลังแรงกดดันวิถีเซียนไปได้ทั้งหมด แต่ว่าก็ยังพอที่จะสามารถที่จะหลงเหลือพลังขีดจำกัดในการต่อสู้ของชนชั้นมหาราชันตนหนึ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างมาก

 

“ไต๋ซือ ต่างก็มาจนถึงขั้นนี้กันแล้ว ที่แท้พวกเราจะต้องมาพลาดท่าเสียทีกันแค่นี้จริงงั้นหรือ ? ไม่เช่นนั้นท่านก็เปิดเผยตัวตนออกไปได้แล้ว นำพาพวกเราไปยังทางด้านของพี่เยี่ยจง เมื่อมีเขาอยู่ พวกเราก็อาจพอที่จะมีโอกาสอยู่บ้าง ! ” จงหลี่ไม่แยแสโดยสิ้นเชิง ไม่มีความคิดแม้แต่จะถอยออกไปเลยแม้แต่น้อย

 

“สารีริกธาตุของเจ้ามิใช่ว่าสามารถที่จะคุ้มครองเจ้าขึ้นไปได้หรอกหรือ ? ” ไต๋ซือหวู่โหวกรอกตาขาวขึ้นมา

 

“ของสิ่งนี้มีคนรู้จักมากเกินไป ข้าไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้ ไต๋ซือท่านเมื่อครู่มิใช่พึ่งจะได้ครอบครองเครื่องมือต้องห้ามไปชิ้นหนึ่งหรือไง ? สิ่งของนั้นขณะนี้หากไม่ใช้ แล้วจะใช้ในเวลาใดกันเล่า ? ” จงหลี่กล่าว

 

ไต๋ซือหวู่โหวกรอกตาขาวขึ้นมา ในขณะที่กำลังลังเล การใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้ามเช่นนั้นที่พึ่งจะได้ครอบครองเมื่อครู่ ต่อมาก็ได้สาดทอเป็นประกายคมกล้าขึ้นมา คุ้มครองไปที่เขาและจงหลี่ หลิงเฟ่ย ชิงหญิงทั้งสี่

 

ภายใต้การคุ้มครองของเครื่องมือต้องห้าม ทั้งสี่คนจึงได้เลือกเฟ้นเส้นทางไปยังสายทางที่เยี่ยจงอยู่ มุ่งหน้าเดินออกไปอย่างช้าๆ ไม่นานนักก็ได้มาจนถึงบริเวณข้างกายของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงเองก็มิได้ลังเล พริบตานั้นก็ได้ถอยเข้าไปจนถึงภายในบริเวณโดยรอบการคุ้มครองของเครื่องมือต้องห้าม ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ คำหนึ่ง

 

ขณะนี้ ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นที่ต่างก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปต่างก็ไม่เห็นคนทั้งห้านี้อยู่ในสายตา เพียงแต่แต่ละคนก็ได้ขึ้นไปอย่างงงงันขึ้นมา เห็นได้ชัด ชนชั้นมหาราชันทุกคนต่างก็เข้าใจดี คนที่จะสามารถที่จะมาถึงในจุดนี้ที่ของหลุมฝังศพโบราณได้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีเพียงชนชั้นมหาราชันส่วนหนึ่งที่มองเยี่ยจงคนทั้งคณะอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าก็มิได้ลงมือต่อในเวลาเช่นนี้

 

ต่อให้เป็นมหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ยังมีสีหน้าปั้นยาก เขาก็ไม่อาจที่จะไม่ถอยออกมาชั่วขณะ เพราะว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อหุบเขาหมื่นปีศาจแน่

 

ทั่วทั้งท่ามกลางสนามในขณะนี้ก็ได้ปกคลุมเปลี่ยนจนกลายเป็นแรงกดดันขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีคนใดที่เอ่ยปากขึ้นมา ทุกผู้คนต่างก็งงงันขึ้นมา ก้าวออกไปทางด้านหน้า

 

หลุมฝังศพโบราณมีความสูงห้าพันฟุต ในเวลาที่ขึ้นไปทุกย่างก้าว ทุกการย่างก้าวก็ต้องพบเผชิญหน้ากับพลังแรงกดดันวิถีเซียนที่แข็งแกร่งเป็นสาย ภายใต้การคุ้มครองจากเครื่องมือต้องห้ามของไต๋ซือหวู่โหวในเยี่ยจงและคณะ ก็ยังพอฝืนที่จะขึ้นไปได้จนกระทั่งหลังจากที่ขึ้นไปได้ถึงช่วงสามพันฟุต เครื่องมือต้องห้ามชิ้นนั้นก็ได้เริ่มต้นที่จะสั่นไหวไปมาไม่หยุด ราวกับพร้อมที่จะแตกสลายไปได้ตลอดเวลา

 

หลายคนต่างก็เดินไปได้อยากยากลำบาก พลังแรงกดดันวิถีเซียนชนิดนั้นยังมีพลังในการด้านแรงโน้มถ่วง ราวกับคิดที่จะบดขยี้พวกเขาจนร่างเนื้อแหลกลาญก็มิปาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ยากที่จะทานรับเอาไว้ได้

 

“น่าเสียดาย มหาราชันเช่นข้าหล่อหลอมเครื่องมือต้องห้ามชิ้นนั้นมานานหลายปีกลับต้องมาถูกเสี่ยวเยี่ยจงเด็กน้อยผู้นี้ใช้ไปเสียได้ มิเช่นนั้นแล้วละก็ ทั้งที่สามารถที่จะใช้คุ้มครองพวกเราขึ้นไปได้แท้ๆ ” ไต๋ซือหวู่โหวไม่อาจที่จะโบกมือขึ้น เพื่อให้คนมากมายหยุดเท้า เอ่ยปากขึ้นมากล่าวพร้อมทั้งสีหน้าปั้นยากขึ้นมา

 

“ไม่เช่นนั้น พวกเราต่างก็ไม่มีวิธี นำเอาเครื่องมือต้องห้ามอีกซักหลายชิ้น ? ” จงหลี่เกิดความสงสัย ราวกับคิดที่จะใช้ออกด้วยสารีริกธาตุ

 

“ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้ใช้เครื่องมือต้องห้ามอีกซักหลายอย่างก็ยังไม่มีประโยชน์ เดินมาจนถึงขั้นนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดของเครื่องมือต้องห้ามแล้ว ” เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาขมวดคิ้วไปมา เมื่อมาจนถึงหลุมฝังศพโบราณในระดับความสูงสามพันฟุต แม้แต่เขาเองต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดี ว่ายากที่จะขยับขึ้นไปได้อีก จึงไม่กล้าพอที่จะแบกรับความเสี่ยงเช่นนี้แล้ว

 

“กร๊อบ——”

 

เสียงของสิ่งของที่แตกละเอียดก็ได้ดังขึ้นมา รวมไปจนถึงบริเวณทางด้านหลังเยี่ยจงและคณะ ทางด้านบนของเส้นทางแห่งเทวะทั้งสี่สาย ต่างฝ่ายต่างก็มีเสียงของการแตกหักของเครื่องมือต้องห้ามดังออกมา ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ไม่อาจที่จะไม่กำลังขมวดคิ้วได้ กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

“ที่แท้ผู้คนทั้งหมดจะหยุดลงแค่นี้เองอย่างงั้นหรือ ?

 

“ไม่ ยังมีชนชั้นมหาราชันกำลังเดินเข้ามาติดต่อกันอยู่ พวกเขาอย่างน้อยก็เตรียมพร้อมสิ่งของมาไม่น้อยกันอยู่แล้ว ” เยี่ยจงกำลังขมวดคิ้วอยู่ เขาไม่คาดหวังที่จะเกิดความล้มเหลวในสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้อย่างแน่นอน หากว่ามีชนชั้นมหาราชันคนใดคนหนึ่งขึ้นไปจนถึงหลุมฝังศพโบราณ และเขาท้ายที่สุดกลับต้องได้แต่จ้องมองไปเพียงอย่างเดียวแล้วละก็ เช่นนั้นขอเพียงขึ้นไปยังด้านบนของโลงศพหยกนั้นได้ เกรงว่าคงจะต้องมีชนชั้นมหาราชันหลายตนที่มีสิ่งแรกที่คิดจะกระทำก็คือ การลงมาฟาดตนเองให้ตายคามือ

 

“ข้าเอง ” หลิงเฟ่ยที่งงงันไม่กล่าววาจามาโดยตลอดทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา จากนั้นก็ได้พบเห็นเขากำลังดีดนิ้วขึ้นมาคราหนึ่ง ลูกประคำเส้นหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกำไรข้อมือเส้นหนึ่งที่ไม่ทราบว่าถูกสร้างมาจากกระดูกของวัตถุสิ่งใดก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะของเขาในตอนนี้ ทอเป็นประกายสีทมิฬขึ้นมาอย่างเข้มข้นสาดส่องลงมา ปกคลุมอยู่บนตัวของพวกเขาทั้งห้าคน กำไรมือนี้กลับมีพลังความสามารถแห่งมารอยู่ชนิดหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นที่น่าประหลาดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังถึงกับสามารถที่จะทำให้ลดทอนพลังแรงกดดันวิถีเซียนในบริเวณรอบด้านไปกว่าครึ่งได้

 

“เด็กน้อยที่ไม่เลว ของสิ่งนี้หากมีเวลาว่างก็มาให้อาจารย์ปู่อย่างข้าศึกษาสักคราละ ” ไต๋ซือหวู่โหวภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้ยื่นมือไปตบที่หัวไหล่ของหลิงเฟ่ยไปมา แล้วก็ได้เริ่มที่จะเดินทางต่อไป

 

แล้วก็ได้เดินทีละก้าวติดต่อกันมุ่งหน้าขึ้นไปยังบริเวณทางด้านหน้า ภายในการปกคลุมของประกายของกำไลมือชิ้นนี้ การเดินทางของเยี่ยจงและคณะต่างก็ยังคงมิได้หยุดลง แล้วก็ได้ค่อยๆ ที่จะขึ้นมาจนท้ายที่สุดขึ้นไปจนถึงในระยะสองพันฟุต ก็ได้มาจนถึงช่วงส่วนบนของหลุมฝังศพโบราณ

 

“นึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะขึ้นมาได้ ช่างเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายจริงๆ ” แล้วก็ได้มีเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาดังขึ้นมา แท้จริงแล้วก็คือมหาราชันปีศาจทุนเทียน ที่เมื่อครู่ได้เข้าปะทะกับเยี่ยจงจนเขาไม่อาจที่จะไม่ถอยไปได้ จนทำให้ต้องมาเสื่อมเสียหน้าต่อหน้าชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตน ขณะนี้เขาเกิดความเกลียดชังจนแทบจะฟาดเยี่ยจงให้ตาย แต่ว่าก็ทำได้แต่เพียงแค่จ้องไปที่เยี่ยจงเท่านั้น กลับไม่มีความเคลื่อนไหวที่มากมายอันใด

 

“ก็แค่มดแมลงเท่านั้น ก็แค่ในเวลานี้ แยกแยะเวลาให้เป็นด้วย อย่าได้มัวแต่แบ่งจิตแบ่งใจไป ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเมินเฉยที่เอ่ยปากขึ้นมา เขาชักนำสตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจอยู่ข้างกาย แล้วก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงด้วยสายตาที่เมินเฉยเช่นเดียวกัน

 

เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ชนชั้นมหาราชันทั้งสองตนของหุบเขาหมื่นปีศาจแน่นอนว่าต้องนำเอาสิ่งของมาไม่น้อยเลยทีเดียว จึงจะสามารถที่ทำให้พวกเขาต้านทานพลังแรงกดดันวิถีเซียนได้ ถึงกับสามารถที่จะเดินมาจนถึงขั้นนี้ในสถานที่แห่งนี้ได้

 

นอกจากนี้แล้ว ยังมีชนชั้นมหาราชันหลายตนกำลังจะมุ่งหน้าเข้ามาจากทางอื่น ขณะนี้ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ อีกทั้งยังมิได้เอ่ยปากอันใดขึ้นมา

 

ท่ามกลางชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ จริงๆ แล้วมีอยู่สองตนที่เยี่ยจงรู้จัก ก็คือมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาและองค์ราชาแห่งรัฐสือ มนุษย์มหาราชันทั้งสองคนนี้ขณะนี้ก็ได้กระซิบกันอยู่ ราวกับในเวลานี้กำลังนัดแนะแผนการในการลงมืออยู่

 

นอกจากนี้แล้ว ชนชั้นมหาราชันที่หลงเหลือก็ยังมีถึงห้าตนได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ท่ามกลางชนชั้นมหาราชันตนหนึ่งเหนือศีรษะก็ได้ปรากฏประกายแสงอย่างหนึ่งขึ้นมา จนปกคลุมไปที่เขาที่อยู่บริเวณทางด้านล่าง เขายืนอยู่ที่หัวมุม มิได้เอ่ยปากขึ้นมา

 

นอกนั้นชนชั้นมหาราชันอีกสี่ตนต่างฝ่ายต่างก็กำลังเดินขึ้นมาจากคนละด้าน บรรยากาศหนึ่งในนั้น ราวกับเป็นชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์ แต่ว่านอกจากนั้นอีกสามตน กลับเห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่น เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจากเขาหลิงซานหรือว่ามาจากเผ่าโบราณกาลก็เท่านั้น

 

ชนชั้นมหาราชันต่างฝ่ายต่างก็ได้หยิบยืมฝีมือจนมาถึงที่สถานที่แห่งนี้ได้ มิได้มีคนใดที่เรียกได้ว่าธรรมดากันเลยแม้แต่คนเดียว เห็นได้ชัดว่าแต่ละฝ่ายต่างก็ถือได้ว่ายิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากัน มีไพ่ใต้อยู่เหลือคนา คนเหล่านี้ต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัวเอง การออกเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ในครั้งนี้ อีกทั้งยังมีความคาดหวังอย่างแรงกล้าที่จะสามารถเข้าไปใกล้ยังโลงศพหยกให้ได้อยู่ด้วย

 

แต่ว่า ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงและคณะเห็นได้ชัดว่าเป็นที่ขัดตาเป็นอย่างยิ่ง ชนชั้นมหาราชันทุกผู้คนต่างก็ไม่เห็นคนในคณะนี้อยู่ในสายตา แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับ คนรุ่นหลังกลุ่มนี้ถึงกับสามารถที่จะพึ่งพาฝีมือของตนเองมาจนถึงขั้นนี้ได้ ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดเดาที่ผู้คนทั้งหมดจากคาดเดาได้

 

มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาเองก็ได้กวาดสายตาเข้ามา มองไปยังทางด้านเยี่ยจง แล้วก็ได้มองไปยังทางด้านของจงหลี่ เขาก็อมยิ้มขึ้นมาแล้วพยักหน้า แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย และองค์ราชาแห่งรัฐสือเองก็ได้ทอสีหน้าสงบเสงี่ยม ไม่ทราบว่ากำลังครุ่นคิดอันใดอยู่

 

“กำไลมือนี้ไม่เลว นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะมีความสามารถที่จะช่วยให้มดแมลงมากมายเช่นนี้เย้ยมังกรฟ้าได้ ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น เขาในที่สุดก็อดไม่ได้ โบกมือคราหนึ่ง แล้วก็ได้ดีดนิ้วออกมาคราหนึ่ง คิดที่จะทำลายกำไลมือที่หลิงเฟ่ยใช้ออกมา

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset