เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 559 พลังเซียนสายหนึ่ง

ตอนที่ 559 พลังเซียนสายหนึ่ง

 

ปีศาจมหาราชันตนหนึ่งไม่อาจที่จะหยุดลงมือออกมาได้ วินาทีนั้น ก็ได้มีพลังการโจมตีที่รุนแรงพวยพุ่งออกมา ต่อให้เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้พลังแรงกดดันวิถีเซียนอย่างไร้ขีดจำกัดก็ตามที พลังฝีมือของเขาก็ยังถูกจำกัดอยู่ไปเป็นอย่างมาก แต่ว่าด้วยพลังการโจมตีเช่นนี้ก็ยังคงเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ก้าวขึ้นออกไปอีกก้าว ปล่อยหมัดมุ่งหน้าทำลายบริเวณทางด้านหน้า ในขณะนั้นเอง นิ้วบนฝ่ามือของเขาทันใดนั้นเองก็ได้ค่อยๆ ที่จะทอประกายแสงสีทองอันคมกล้าขึ้นมาอย่างช้าๆ ต้านทานพลังอันไร้ขีดจำกัดของพลังแรงกดดันวิถีเซียนเอาไว้ มุ่งหน้าทำลายออกไปบริเวณรอบข้างทั้งหมดไป

 

“ตูม——”

 

แล้วก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เงาร่างสองสายก็ได้ถอยออกไปในเวลาเดียวกัน ชนชั้นมหาราชันต่างๆ มากมายต่างก็ตาทอเป็นประกายประหลาดใจขึ้นมา เพราะว่าระดับความแข็งแกร่งกายเนื้อของเยี่ยจง เรื่องได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดคิดของพวกเขาไปมากแล้ว

 

ด้วยความสูงถึงห้าพันฟุตของหลุมฝังศพโบราณบริเวณทางด้านบน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ต่อให้เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน ด้วยการจำกัดพลังลมปราณอย่างถึงขีดสุด ต่อให้ใช้ออกมาได้เพียงเล็กน้อย ก็ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นในสถานที่แห่งนี้ การมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งจึงถือได้ว่าเป็นความสามารถที่ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

 

“ทุกท่าน สหายน้อยเยี่ยจงท่านนี้ของพวกเราช่างไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง เพียงแค่กายเนื้อ ไม่แน่ว่าในหมู่ของพวกเราชนชั้นมหาราชันในสนามแห่งนี้ทั้งหมดก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ หากว่าในครั้งนี้ เพราะความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเขา อีกทั้งอาจจะสามารถที่จะต่อกรกับในสถานที่แห่งนี้ได้แต่เพียงผู้เดียวแล้วละก็ ข้าคิดว่า ทุกท่านก็คงจะไม่มีหน้าไปกล่าวถึงเรื่องนี้ที่ภายนอกได้หรอกกระมั่ง ? ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอประกายตาอำมหิตขึ้นมา เขาก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจง เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ

 

คำพูดเช่นนี้เมื่อได้กล่าวออกมา นอกเสียจากมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาที่มิได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่อย่างไรแล้ว ชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆ อีกหลายตนต่างก็ดูออกขึ้นได้ในพริบตา เยี่ยจงและพวกหลายคนที่สามารถเข้ามาสู่ใจกลางของหลุมฝังศพโบราณเช่นนี้ได้ ในขณะนั้นเอง ก็มิได้มีคนมองไปที่โลงศพหยก เพียงแต่มองไปที่เยี่ยจงและพวก ทอประกายใบหน้าประหลาดใจขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง คำพูดเช่นนี้ของมหาราชันปีศาจทุนเทียน ย่อมต้องส่งผลเสียต่อเยี่ยจงและคณะอย่างถึงที่สุด ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะลงมือโดยไม่แยกแยะ หากว่าเป็นเช่นนี้แล้วละก็ พวกเขาทั้งหลายก็คงจะต้องเกิดความยุ่งยากขึ้นมาเป็นอย่างมากแล้ว

 

เพราะว่า ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ต่อให้ในขณะนี้ถูกจำกัดพลังลมปราณเอาไว้ แต่ก็แน่นอนว่าไม่อาจที่จะต่อกรได้ง่าย หากว่าคนเหล่านี้ลงมือพร้อมกันแล้วละก็ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรแล้ว แค่เพียงใช้การโจมตีทำลายกำไลมือนั้นของหลิงเฟ่ยในขณะนี้ ก็เพียงพอที่จะทำลายความคาดหวังของเยี่ยจงและคณะให้ดับมอดไปได้แล้ว

 

เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ขณะนี้มหาราชันปีศาจทุนเทียนคิดที่ยืมดาบฆ่าคน อีกทั้งเช่นนี้ยังเห็นได้ว่าเป็นการจงใจเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำให้ผู้คนต่างก็เกิดอาการไร้คำพูดขึ้นมา

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเมินเฉยจ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าก็มิได้มีการลงมือออกไปก่อนแต่อย่างไร เพราะทางด้านนั้นมหาราชันทั้งสองตน หากต้องมาลงมือจริงแล้วละก็ ด้วยพลังทำลายของเยี่ยจงเพียงคนเดียว ยังไงซะก็ไม่อาจที่จะมากมายไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

“หากว่าชนชั้นมหาราชันทุกท่านร่วมมือกันแล้วละก็ เช่นนั้นข้ากล้าที่จะรับรองได้ว่า ต่อให้พวกเราหลายคนต้องสละชีพสิ้นร่างไป แต่ข้าก็จะฉุดลากมหาราชันปีศาจทุนเทียนเจ้าไปยังหลุมศพเป็นเพื่อนด้วย ! ” จากนั้นเยี่ยจงจดจ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียน ทอสีหน้าเมินเฉยอย่างเรียบง่ายแล้วเอ่ยปากขึ้นมา

 

หากกล่าวกันตามความเป็นจริงในด้านของพลังฝีมือแล้วละก็ ด้วยพลังฝีมือชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งของเขา มหาราชันปีศาจทุนเทียนเพียงแค่หายใจออกมาก็สามารถที่จะเด็ดชีพเขาได้แล้ว ภายใต้การเผชิญหน้าชนชั้นมหาราชันกลุ่มนี้ย่อมไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งแน่นอน แต่ว่าสถานที่แห่งนี้กระนั้นถือได้ว่าพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ย่อมทำให้เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกล่าวเช่นนี้ออกมาได้

 

หลังจากที่เงียบงัน อีกทั้งชนชั้นมหาราชันแต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา เพราะว่าหากกล่าวถึงสถานะของพวกเขา ก็แทบจะไม่เคยจะถูกผู้คนข่มขู่เฉกเช่นนี้มาก่อน ในเวลาเดียวกัน ภายในจิตใจของพวกเขาก็ได้เกิดความระแวดระวังขึ้นมา เข้าใจว่าเยี่ยจงในเมื่อเอ่ยปากเช่นนี้ขึ้นมาแล้วละก็ ย่อมต้องมีความสามารถที่จะกระทำได้อย่างแน่นอน หากเป็นถึงชนชั้นมหาราชันในที่แห่งนี้ นึกไม่ถึงว่ากลับต้องมาถูกเยี่ยจงเพียงคนเดียวสังหารลงไปแล้วละก็ เช่นนั้นก็ช่างเป็นเรื่องที่อดสูมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว

 

มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่ากระนั้นเขาก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย ในสายตาของเขา เยี่ยจงก็เหมือนกับคนที่ได้ตายไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เขาย่อมมิจำเป็นที่จะต้องลงมือออกไป เพียงแค่การลงมือดุจสายอสนีบาตก็สังหารเยี่ยจงลงได้แล้ว นี้ก็เพื่อจิตวิญญาณที่อยู่ในหุบเขาหมื่นปีศาจในวันข้างหน้านี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องฆ่าให้ตายก่อน

 

“เหอะ ทุกท่าน จำเป็นที่จะต้องมาโต้เถียงกับชนชั้นรุ่นหลังเพียงคนเดียวในสถานที่แห่งนี้ พวกเรายังมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้ต้องทำอยู่อีกมิใช่หรือ ? ” องค์ราชาแห่งรัฐสือทันใดนั้นยิ้มน้อยๆ ที่เอ่ยปากขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้หันกายไป จับจ้องมองไปยังด้านบนสุดที่เป็นใจกลางของหลุมฝังศพโบราณนี้

 

ด้านบนสุดของหลุมฝังศพโบราณสายนี้ไม่ถือว่าใหญ่โตมากนัก มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบเป็นวงกลมกว้างหนึ่งร้อยกว่าจัง พื้นที่ตรงสุดปลายมีหัวมุมโผล่ออกมาบริเวณหนึ่ง ตั้งเอาไว้ด้วยโลงศพหยกศิลาเหมือนกับถูกวางเอาไว้อยู่ตรงที่แห่งนั้นอยู่หลังหนึ่ง

 

เดิมทีผู้คนทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปที่ทางด้านนั้น แต่ว่ากลับถูกเรื่องของเยี่ยจงดึงเข้าไป ขณะนี้ก็ได้ยินองค์ราชาแห่งรัฐสือที่เอ่ยปากขึ้นมา ประกายสายตาของทุกผู้คนต่างก็ได้มองไปยังส่วนด้านบนของโลงศพในจุดเดียวกันอีกครั้ง เพราะว่า นี้จริงเป็นเหมือนเป้าหมายในการแย่งชิงเพราะหนึ่งเดียวในการเดินทางของพวกเขา

 

ขณะนี้ พลังลมปราณก็ได้ถูกเผาไหม้อยู่ตลอดทั่วทั้งแท่นราบแห่งนี้ พลังปราณฟ้าดินประดุจกลายเป็นรูปมังกรแท้ หงส์เทวะ พยัคฆ์ขาว ภาพมายาของสิ่งลี้ลับเป็นต้น ไม่แต่เพียงเท่านั้น ภาพมายาเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่ามีการรวมตัวกันอยู่ท่ามกลางอากาศอย่างหนักแน่น ราวกับว่าได้มุ่งหน้าเข้าไปทำความเคารพต่อโลงศพหยกนั้นก็มิปาน ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึก ท่ามกลางโลงศพหยกนี้อย่างน้อยก็ต้องซ่อนเอาไว้ด้วยเซียนที่แท้จริงอยู่แน่

 

“อย่าพึ่งไปสนใจเรื่องของพวกผีเฒ่าเหล่านี้ก่อน เจ้าหนู เจ้ารีบคำนวณเร็วเข้า พวกเรามีโอกาสมากแค่ไหนกันที่จะสามารถเปิดโลงศพหยกนั้นได้กัน ? ” ไต๋ซือหวู่โหวขณะนี้ยังมิได้เปิดเผยสถานะออกมา เขาลดมือลง จ้องไปที่บริเวณทางด้านหน้า ทอสีหน้าวิตกกังวลอย่างยิ่งขึ้นมา

 

จงหลี่พยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ได้คำนวณอย่างรวดเร็ว แต่ว่าหลังจากนั้นเอง ร่างกายเขาก็ได้สั่นไหวขึ้นเล็กน้อย กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

 

“ไม่ไหว สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดทั้งสิ้นได้อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างถึงที่สุดไปแล้ว ราวกับว่าเรื่องนี้ได้หลุดพ้นออกไปจากชะตาฟ้าลิขิตไปแล้ว อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นท่านผู้เฒ่าบัญชาสวรรค์มายังที่แห่งนี้ แล้วละก็ อย่างน้อยก็ยังไม่อาจที่จะคำนวณอะไรออกมาได้” จงหลี่พ่นลมหายใจออกมาคำหนึ่งอย่างยากลำบาก ทอสีหน้าปั้นยากแล้วเอ่ยปากขึ้นมา

 

“นี้……” คนมากมายต่างก็แตกตื่นตกใจ ฉากนี้ราวกับเป็นเครื่องบ่งบอกได้ถึงความไม่ปกติธรรมดาของโลงศพหยกนี้

 

การพูดคุยของทั้งหลายคนนี้ ย่อมไม่อาจที่จะหลบรอดการสาดส่องของชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นได้ หลังจากชนชั้นมหาราชันหลายคนนั้นในสถานที่แห่งนี้ในขณะนี้ก็ได้อยู่ในความเงียบงัน แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา

 

“ตูม——”

 

ทันใดนั้นชนชั้นมหาราชันที่เหนือศีรษะปรากฏเงากระบี่ก็ได้เดินขึ้นไปทางด้านหน้า มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านโลงศพหยกนั้นก้าวหนึ่ง

 

“อ็อก——”

 

ทันใดนั้น ภาพมายาอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งที่อยู่ทางด้านบนของโลงศพหยกนั้นก็ได้พุ้งออกมา ภายในนั้นก็ได้รวมเอาไว้ด้วยพลังแห่งการทำลายอย่างไร้ขีดจำกัดเอาไว้อยู่ชนิดหนึ่ง ประดุจคิดที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านไปให้หมดก็มิปาน

 

ไม่อาจที่จะดูออกว่าภายในภาพมายาสายนี้นั้นมีลักษณะเช่นไร แต่ว่ากลับมีปราณธาตุหยินสายหนึ่งปกคลุมอยู่ตรงกลางของโลงศพหยกนี้ก็มิปาน แม้ว่าจะไม่อาจที่จะระบุได้อย่างแน่นอน แต่ว่าก็ยังมีพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

 

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ที่แท้ท่ามกลางโลงศพหยกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่กัน ? ” ชนชั้นมหาราชันที่เหนือศีรษะปรากฏเงากระบี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงยังแฝงเอาไว้ด้วยความกังวลอยู่อีกเป็นสาย เพราะว่า ภาพมายานี้แม้แต่เขาเองก็ยังต้องรู้สึกเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“ท่ามกลางโลงศพหยกนี้สมควรที่จะไม่มีสิ่งมีชีวิต มีความเป็นไปได้อย่างมากเป็นศพเซียนในใจกลางโลงศพหยกในตำนานจนก่อเกิดเป็นพลังแห่งเซียนออกมาสายหนึ่ง ด้วยสภาวะที่ผ่านพ้นวันเดือนมาอย่างช้านาน พลังเซียนก็ย่อมต้องก่อเกิดสำนึกแห่งปราณของตนเองขึ้นมา เพียงแต่ว่าสำนึกแห่งปราณนี้เลือนรางมากเกินไป แต่ว่ากลับสามารถที่จะตัดสินใจหรือต่อต้านปฏิเสธที่จะให้พวกเราเข้าไปใกล้ได้” ทางด้านของชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์ตนหนึ่งทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา น้ำเสียงของเขานั้นได้แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายของความเครียดไร้ที่เปรียบขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัด เขาคล้ายกับมองอะไรบางอย่างออกมาได้

 

“พลังเซียนสายหนึ่ง ? ”

 

ในขณะนั้นเอง ก็ไม่ได้มีความแสดงใบหน้าอันใดออกมา ต่อให้เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน ต่างก็เกือบที่จะบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว ภายในจิตใจเกิดความอัดอั้นขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ

 

การถ่ายทอดวิถีแห่งเซียน สมบัติเซียน โอสถเซียน สิ่งของเหล่านี้ต่างก็เป็นถึงวัตถุที่เกินกว่าจะคาดคิดขึ้นมาได้ แต่ว่าพวกมันกลับสามารถที่จะออกมาจากสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ นี้ต่างก็เป็นชนชั้นมหาราชันการคาดเดาของออกมาเท่านั้น จนทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความคาดหวังขึ้นมา

 

แต่ว่า สถานที่แห่งนี้นึกไม่ถึงว่าจะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะปรากฏควันแห่งพลังเซียนขึ้นมา นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พอจะทำให้ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้บ้าคลั่งไปได้เลย

 

เพราะว่าพวกเขาที่ได้เดินมาจนถึงขั้นนี้ต่างก็ทราบได้ว่าเกิดมาจากความลับแห่งเซียนอยู่แล้ว ในตำนาน การที่มนุษย์สามารถที่จะขึ้นสู่ความเป็นเซียนลอยขึ้นไปได้ แต่ว่าก่อนหน้าก็ต้องกล่าวถึงพลังที่ต้องฝึกปรือของตนเองออกมาจนถึงระดับของพลังเซียนให้ได้ก่อน นับแต่โบราณมา ผู้คนมากมายต่างก็ได้ย่างกรายเข้าสู่เส้นทางแห่งเซียน แต่ก็ต้องมาพบเจอกับจุดจบนับหมื่นที่ลึกล้ำจนไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ ต่างก็เพราะว่าพวกเขาไม่อาจที่จะฝึกปรือพลังเซียนสายนี้ออกมาได้

 

หรืออาจสมควรที่จะกล่าวว่า ภายใต้การจดบันทึกมาเกือบสิบหมื่นปีของทั้งสี่แดน ก็ยังไม่เคยมีผู้คนสามารถที่จะฝึกปรือพลังเซียนสายนี้ออกมาได้ก็ว่าได้

 

แต่ขณะนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมีการคงอยู่ของควันแห่งพลังเซียนท่ามกลางโลงศพหยกนี้ หากว่าสามารถได้ครอบครองควันแห่งพลังเซียนนี้ได้สำเร็จ จนหล่อหลอมขึ้นมาแล้วละก็ นี้ย่อมต้องเป็นสิ่งที่มีความข้องเกี่ยวกับวาสนาเซียนแห่งยุคเลยก็ว่าได้ นำพาเข้าสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้าที่ยากจะคาดคิดขึ้นมาได้

 

“พลังเซียนสายหนึ่ง มีความสามารถที่ในการคงอยู่ภายในใจกลางโลงศพหยก ! ”

 

ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็แตกตื่นตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ในขณะนั้นเอง ราวกับว่าแทบจะอดไม่ได้ที่จะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นมามิได้

 

“ทั้งหมดนั้นใช่ว่าจะมีความแน่นอนอยู่ เพียงแต่มีความเป็นไปได้อย่างมากเท่านั้น แต่ว่าต่อให้ไม่มีพลังเซียน อย่างน้อยก็ย่อมที่จะต้องมีสิ่งของอย่างอื่น ไม่อาจที่จะพลาดไปได้ ! ” ไม่นานนัก ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็ได้สงบลงมา แต่ว่าพวกเขายังคงสามารถที่จะคาดเดาสิ่งของเหล่านี้ได้ ไม่ว่าที่แห่งนี้จะมีพลังเซียนหรือไม่ แต่ว่าสิ่งที่พอจะแน่ใจได้ก็คือ สิ่งของที่อยู่ภายในที่แห่งนี้ แน่นอนว่าต่างก็ย่อมต้องเป็นสมบัติสูงสุดที่ใช้ฝึกปรืออย่างแน่นอน

 

“ซวบ——”

 

มีชนชั้นมหาราชันตนหนึ่งไม่อาจที่จะอดทนเอาไว้ได้อยู่อีกต่อไป นี้คือปีศาจมหาราชันตนหนึ่ง ขณะนี้ก็ได้ถลำมือข้างหนึ่งออกไป กรงเล็บที่มีสภาพคล้ายกับสิ่งที่ลื่นสีเขียวสายหนึ่งก็ได้มุ่งหน้าเข้าปกคลุมอยู่บริเวณทางด้านหน้าเข้าไป คิดที่จะเปิดโลงศพหยกนี้ออกมา เพื่อที่จะแน่ใจได้ว่าที่แท้มีอะไรอยู่กันแน่

 

ชนชั้นมหาราชันที่เหลือต่างก็ทอประกายดวงตาคมกล้า แต่ว่ากระนั้นก็ยังมิได้ลงมือ ทุกผู้คนต่างก็พยายามที่จะอดทนอดกลั้นความร้อนรนของตนเองเอาไว้ จ้องไปที่ฉากนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“ซวบ——”

 

กรงเล็บสีเขียวก็ได้กวาดเข้าไป ปกคลุมไปยังภาพมายาที่อยู่ทางด้านบนของโลงศพหยกนั้นแต่กลับนึกไม่ถึงจะถึงกับถูกทำลายลงไปภายในพริบตา ในเวลาเดียวกันโลงศพหยกนั้นก็ได้สั่นไหวไปมาเบาๆ ราวกับสูญเสียพลังสภาวะแห่งเทวะไปก็มิปาน

 

ความเปลี่ยนแปลงนี้ถือได้ว่าเบาบางเป็นอย่างมาก หากมิใช่ภายในสถานที่แห่งนี้ต่างก็เป็นชนชั้นมหาราชัน ก็แทบจะไม่อาจที่จะรู้สึกขึ้นมาได้เลย แต่ว่าในขณะนั้นเอง ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ก็ได้เข้าใจขึ้นมาได้เป็นอย่างดี เดิมทีความน่าหวาดกลัวของพลังแรงกดดันวิถีเซียนนั้น มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะไม่มีมาจากทางด้านของโลงศพหยกนี้ เพียงแต่อย่างน้อยก็คงจะต้องมาจากสิ่งของชิ้นอื่นที่อยู่ทางด้านบน

 

“ที่แท้ นอกเสียจากใจกลางโลงศพหยกหลังนี้จะสามารถมีการคงอยู่ของพลังเซียนแล้ว ด้านบนของเนินสุสานนี้ จะยังมีการคงอยู่ของสิ่งของชิ้นอื่นอีกอย่างงั้นหรือ ? เป็นสมบัติเซียน ? หรือว่าการถ่ายทอดวิถีแห่งเซียนกัน ? ” ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็เกิดความหวั่นไหวขึ้นมา สายตาของแต่ละคนก็ไม่อาจที่จะหยุดขยับไปมาได้ สาดส่องจ้องมองไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

เพียงแต่น่าเสียดาย พลังปราณฟ้าดินที่ด้านบนของเนินสุสานนี้หนักแน่นที่ปรากฏขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะมีการครอบคลุมที่ไม่ใหญ่มาก แต่ว่ามีอยู่อีกหลายพื้นที่ที่ในเวลานี้ก็ยังไม่อาจที่จะมองออกมาได้อย่างชัดเจนได้

 

“เสี่ยวเยี่ยจง พวกเจ้ารู้สึกได้หรือไม่ คล้ายกับว่าด้านบนเหนือศีรษะมีสิ่งใดกำลังจดจ้องมาที่พวกเรากัน ? ” ไต๋ซือหวู่โหวทันใดนั้นเอ่ยปากขึ้นมาด้วยความลี้ลับซ่อนเร้นขึ้นมา กระซิบไปยังทางด้านข้างหูของเยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดพิกล

 

เยี่ยจงสั่นเทาไปทั่วทั้งร่าง เมื่อได้เงยหน้าขึ้นมาไปอย่างรุนแรงมองไปยังทางด้านบริเวณเหนือศีรษะ วินาทีนั้น เขาก็ได้รู้สึกขนลุกชูชันขึ้นมา

 

และชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆ หากว่ารู้สึกขึ้นมาได้ ราวกับว่าก็ได้เงยหน้าจ้องมองขึ้นไปยังบริเวณทางด้านบนเหนือศีรษะในเวลาเดียวกัน พริบตานั้น ทุกผู้คนต่างก็ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา

 

ขณะนี้ คนมากมายในที่สุดก็ได้พบเจอกับบริเวณที่เป็นต้นตอที่ได้แผ่พลังแรงกดดันวิถีเซียนอันน่าหวาดกลัวนั้นออกมา

 

นั้นก็คือซากศพชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะเป็นสีทอง ประดุจดั่งรูปร่างของมนุษย์ที่โตเต็มวัย เขาก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่บนท่ามกลางอากาศเช่นนี้ ตลอดทั่วทั้งร่างกายบนล่างก็ได้เกิดอาการหนาวสั่นเข้าไปจนถึงขั่วกระดูก เขาพยายามที่จะปลุกปลอมสภาวะชนิดหนึ่งอย่างรุนแรง ทั้งบนศีรษะใต้เท้าประดุจดั่งถูกตัดลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ ภายใต้ดวงตาที่ว่างเปล่า ก็ได้จ้องไปยังทางด้านล่างของเนินสุสานอย่างเอาเป็นเอาตาย

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset