เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 568 ได้มาครอบครอง

ตอนที่ 568 ได้มาครอบครอง

 

ตลอดทั่วทั้งส่วนลึกทั้งสี่ด้านของภูเขาโบราณต่างก็เกิดความวุ่นวายขึ้น นับตั้งแต่ชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตนชักนำเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็ถือได้เป็นสิ่งที่น่าตกใจอยู่แล้ว เพราะว่าการปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของมังกรอสรพิษทั้งสองตัวที่มีพลังการต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีกำลังกายเนื้อที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตนร่วมมือกัน ใช้ออกด้วยอย่างน้อยก็อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ยังไม่พ้นจากความตายได้ ไม่อาจที่จะมีคนเป็นปรปักษ์ได้

 

ชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตนต่างก็ยังตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ อีกแล้ว เหล่าผู้ที่หลับหูหลับตากันเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ก็แทบจะเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปใกล้ยังแท่นปราณ อีกทั้งยังหลบหนีไปได้เร็วยิ่งกว่าอะไร

 

ในเวลาเช่นนี้ แต่ละคนต่างก็ทราบว่าต้องปกป้องชีวิตของตัวเอง เพราะว่านี้ก็เป็นเหมือนขอบเขตที่แน่นอน แทบจะไม่อาจที่จะไปคิดเรื่องอื่นได้เลย

 

พริบตานั้น ทางด้านล่างของภูเขาโบราณทั้งสี่ด้านก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเดือดดาลขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้หลบหนีไป ต่อให้เป็นเยี่ยจงและคณะที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุหนึ่งชิ้นครึ่งปกป้องอยู่ ต่างก็หนีได้เร็วเสียยิ่งกว่าผู้ใด

 

“ข้าว่านะไต๋ซือหวู่โหว ท่านไม่ใช่คิดที่จะเข้าไปแสวงบุญมากกว่านี้อีกหรือ เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากชนชั้นมหาราชันกลายเป็นมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ ? มิสู้ข้าให้ยืมใช้ถ้วยทุนเทียนให้กับท่านก่อน ท่านก็กลับหาวาสนาจากโลงศพหยกออกมา ไม่แน่ว่านี้อาจจะเป็นหนทางของท่านเองก็เป็นได้นะ ” จงหลี่กล่าวออกมาด้วยความไม่ใส่ใจ กระตุ้นไต๋ซือหวู่โหว

 

หลังจากที่เงียบงัน เยี่ยจงและคณะต่างก็มองไปเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เป็นประกาย เพราะว่าไต๋ซือหวู่โหวนั้นมีพลังฝีมือพลิกฟ้า ไม่แน่ว่าอาจจะทำสำเร็จได้จริง แม้จะไม่ทราบได้ว่า โลงศพหยกนั้นจะเป็นโลงศพเก้าฟ้าจริงหรือไม่ แต่ว่าก็พอที่จะคาดคิดได้ว่า ด้วยสภาพการณ์คงอยู่ที่แปลกประหลาดของโลงศพหยก ของที่อยู่ภายในนั้นย่อมต้องเป็นที่สุดอย่างแน่นอน

 

ไต๋ซือหวู่โหวกรอกตาขาวขึ้นมา คิดที่จะฟาดฝ่ามือลงไปที่จงหลี่ซักครา แต่ว่าหลังจากนั้น เขากลับมิได้ลงมือ เพียงแต่ครุ่นคิดอยู่ภายในใจขึ้นมา

 

“ไต๋ซือ ท่านคงมิได้เกิดความหวั่นไหวจริงหรอกกระมั่ง ? นั้นเป็นถึงมังกรอสรพิษระดับพลังมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ถึงสองตัวเลยนะ พวกเรากลับไปด้วยกัน ก็มีแต่จะตายหนทางเดียวเท่านั้น ” เยี่ยจงมองไปยังทางด้านไต๋ซือหวู่โหวด้วยอารมณ์ยากที่จะกล่าวออกมา ไม่อาจที่จะไม่เตือนสติออกมาประโยคหนึ่ง

 

“ข้าเพียงแต่รู้สึก ขนาดของโลงศพหยกแม้ว่าจะไม่ค่อยจะถูกต้องนัก แต่ว่าข้าเมื่อครู่ใช่ช่วงที่เร่งรีบได้มองเข้าไปแวบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยหรือว่าบรรยากาศทางด้านบน อีกทั้งหากจากสภาพ ยังมีความคล้ายคลึงกับสมบัติแห่งแดนซีฮวงโลงศพเก้าฟ้าในตำนานชิ้นนั้นเลยก็ว่าได้ ! ” ไต๋ซือหวู่โหวกล่าวออกมาเสียงเบา เสนอความคิดเห็นออกมา แต่ว่าตัวเขาเองนั้นก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อมากเท่าไรนัก

 

“โลงศพเก้าฟ้าในตำนาน กล่าวกันว่าอยู่เบื้องบนสวรรค์ชั้นที่เก้า ภายในนั้นได้ฝั่งเอาไว้ด้วยเซียนที่แท้จริง หากว่าโลงศพหยกนั้นเป็นโลงศพเก้าฟ้าแล้วละก็ เช่นนั้นขณะนี้ก็คงจะไม่อาจที่จะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่สุสานเซียนแล้วละ ” ชิงหญิงครุ่นคิดอยู่นาน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“ไม่แน่ว่า โลงศพเก้าฟ้านั้นจะเป็นสิ่งที่มีความลี้ลับที่สุดของสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้ อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นวัตถุที่มีความสำคัญมากที่สุด ไม่แน่ว่าจักรพรรดิฟ้าชิงเมื่อในสมัยก่อนต่างก็ได้มุ่งเป้ามาที่วัตถุชิ้นนี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเขากลับมิได้ชักนำกระตุ้นทัณฑ์อสนีบาตขึ้นมา ดังนั้นจึงมิได้พบกับวัตถุชิ้นนี้ก็เท่านั้น ” ไต๋ซือหวู่โหวครุ่นคิดหนักแน่น

 

“รีบไปเร็ว พวกเจ้าต่อให้เข้าใจขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อย ก็ยังคิดที่จะกลับไปหาความตายอีกครั้งหรือยังไงกัน ? ” เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องเช่นนี้หรือไงกัน หากไม่ระวังแม้แต่ก็อาจจะต้องกลายเป็นผีเฝ้าสุสานไปทั้งหมดเลยก็ได้

 

ควรทราบว่า หากว่ามังกรอสรพิษที่มีพลังการต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวไล่ล่าฆ่าสังหารออกมา แล้วละก็ กลุ่มของตัวเองนี้คาดว่าแม้แต่เป็นเครื่องขบฟันก็ยังไม่คู่ควร

 

“รออีกสักครู่——” หลิงเฟ่ยที่งงงันขึ้นมาไม่กล่าววาจามาโดยตลอดทันใดนั้นเอ่ยปากขึ้นมา ทอสีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความเคร่งเครียดไม่หยุด “เมื่อครู่มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนั้น คงจะไม่ใช่มีชีวิตอยู่หรอกนะ หรือจะกล่าวได้ว่า พวกมันเดิมทีแล้วก็เป็นสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ว่าพริบตานั้นก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา พวกมันหากว่าได้ตายไปแล้ว ดังนั้น ขณะนี้ที่อยู่ทางด้านหลัง สมควรที่จะเป็นเพียงแค่ซากศพที่มีระดับพลังของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ”

 

คนทั้งคณะต่างก็งงงันขึ้นมาเล็กน้อย มังกรอสรพิษที่มีพลังต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวจนถึงขณะนี้ต่างมิได้ไล่ล่าฆ่าสังหารออกมา แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ถูกต้อง หากกล่าวกันตามเหตุผล พวกมันในเมื่อปรากฏตัวในที่แห่งนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นองครักษ์ปกป้องพื้นที่สุสานเซียน ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างน่าตกใจจึงจะถูกต้อง แต่ว่ามาจนถึงขณะนี้ นึกไม่ถึงกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างไร

 

ขณะนี้ คนทั้งคณะก็ได้มาจนถึงโดยรอบบริเวณปากทางเข้าส่วนลึกของภูเขาโบราณ แล้วก็ได้หันหน้ามองกลับไปยังพื้นที่ส่วนลึก กลับไม่เห็นการปรากฏตัวของมังกรอสรพิษทั้งสองตัวนั้นเลย

 

“หากว่าเป็นเช่นนี้จริงแล้วละก็ ไม่แน่ว่าประโยชน์สูงสุดในการมายังพื้นที่สุสานเซียนในครั้งนี้ จะต้องตกมาอยู่ในมือของพวกเราแล้วก็ได้ ” จงหลี่หยักไหล่ไปมา ทอสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาอีกหลายส่วน

 

“ไม่ได้ การจะกลับไปเช่นนี้ถือได้ว่าอันตรายมากจนเกินไป ถ้าหากคาดเดาไม่ผิดไป มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เพราะว่าไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไล่ตามมาแล้วละก็ เช่นนั้นกลับไปกันซักกี่คนก็ตายกันหมดอยู่ดี ” ไต๋ซือหวู่โหวส่ายหน้า ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังรู้สึกได้ว่าหากกลับไปก็มีโอกาสที่จะตายได้ถึงเก้าส่วน

 

เยี่ยจงหลังจากขมวดคิ้วขึ้นมา จึงค่อยกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “ข้าจะกลับไปดูเอง ภายในนั้นหากว่ายังคงมีการคงอยู่ของพลังแรงกดดันวิถีเซียนแล้วละก็ ให้ข้าเข้าไปจึงจะถือว่าปลอดภัยที่สุด อีกทั้งข้ายังสามารถใช้วิชาดำดินรุกคืบได้ หากต้องหนีเอาชีวิตรอดแล้วละก็ ย่อมไม่มีคนใดสามารถที่จะเร็วไปกว่าข้าได้อีกแล้ว ”

 

“ข้านั้นมีความเข้าใจกว่าแปดส่วนแล้ว มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนั้นแม้ว่าจะยังมีพลังชีวิตไหลเวียนอยู่ แต่ก็ถือได้ว่าได้ตายไปแล้วอย่างแน่นอน สิ่งจำพวกนี้ข้าได้เคยพบเห็นมาจากแดนตงฮวงมาก่อน ” หลิงเฟ่ยเอ่ยปากขึ้นมาด้วยความแน่วแน่ ทอสีหน้ามั่นอกมั่นใจ

 

“พี่หลิงเฟ่ยนั้นมาจากหมู่ตึกสวรรค์นอกแห่งแดนตงฮวง เป็นแหล่งสถานที่ที่มีวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่สุดแห่งแดนตงฮวง สิ่งที่เขาเคยพบเจอมักจะเป็นเรื่องที่ประหลาดอยู่เสมอ การวิเคราะห์อย่างน้อยย่อมไม่ผิดแผกไปแน่ ในเมื่อพวกเราในครั้งนี้ก็มาเพื่อวาสนาแห่งเซียน ในเมื่อได้มาถึงขั้นนี้กันแล้ว เท้าก็เกือบจะย่างเข้าประตูอยู่แล้ว แล้วยังจะถอยกลับไปเช่นนี้อีกแล้วละก็ ก็ชั่งน่าเสียดายเกินไปแล้ว ! อีกทั้ง ชนชั้นมหาราชันตนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีตนใดที่เรียกได้ว่าธรรมดาแม้แต่คนเดียว หากว่าพวกเขามีปฏิกิริยากลับคืนมาแล้วละก็ รอจนพวกเขาหันกลับมาฆ่า ก็ช้าเกินกาลแล้ว ของสิ่งนั้นหากว่าเป็นโลงศพเก้าฟ้าจริง แล้วตกไปอยู่ในมือของคนอื่นๆ แล้วละก็ พวกเราไม่แน่ว่าก็อาจที่จะไม่ตายดีอย่างแน่นอน ! ” จงหลี่กล่าว “โอกาสมิได้กลับมามีใหม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ ! ”

 

คนมากมายสบตากัน ต่างก็มีเกิดความคิดขึ้นมา

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดีกว่าเกินเหตุคาดคิด ก็เตรียมความพร้อมเอาไว้เถอะ ไต๋ซือ ความปลอดภัยของพวกเราก็ต้องให้ท่านดูแลแทนแล้ว ! ” เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ ยื่นกระบี่แสงจันทร์มอบให้แก่ไต๋ซือหวู่โหว

 

จงหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้ยื่นถ้วยทุนเทียนให้แก่ไต๋ซือหวู่โหว

 

ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้ากล่าวอันใดไม่ออก เขาเห็นได้ชัดว่าไม่คิดที่จะกลับเข้าไปเพื่อที่จะไปหาอันตรายต่ออีก แต่ว่าขณะนี้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุหนึ่งชิ้นครึ่งก็ได้มอบให้แก่เขาไปแล้ว เขาต้องการที่จะถอยแล้วละก็ ย่อมไม่อาจที่จะกล่าวออกมาได้

 

“ไป——”

 

เมื่อได้การตัดสินเป็นที่เรียบร้อย เยี่ยจงและคณะก็ไม่กล่าววาจาไร้สาระมากมายอีก เพียงแต่เข้าไปยังตามส่วนลึกของเส้นทางอย่างรวดเร็ว

จะว่าไปก็น่าแปลก การเข้ามาส่วนลึกในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่พบเห็นกับสิ่งที่ดูรกแล้ว แม้แต่พลังแรงกดดันวิถีเซียนอันน่าหวาดกลัวก็ไม่มีการคงอยู่อีกต่อไปแล้ว ในตอนที่ได้เหยียบย่างมาจนถึงสะพานไน้เหอนั้น จิตใจของผู้คนทั้งคณะก็ยิ่งเกิดความเครียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าร่ำไห้ใช้ออกด้วยถ้วยทุนเทียนและกระบี่แสงจันทร์ ประกายดาราและแสงจันทราก็ได้ปกคลุมไปบนร่างกายของผู้คนทั้งหมดในเวลาเดียวกัน จนคุ้มครองพวกเขาเอาไว้ได้

 

คนทั้งคณะระมัดระวังก็ได้เข้ามายังบริเวณโดยรอบที่เป็นใจกลางอีกครั้ง แล้วก็ได้พบว่า หลุมฝังศพโบราณได้ถูกเปิดออกไปแล้ว และความบริสุทธิ์ของตำหนักศิลาเองก็ได้ถูกเปิดขึ้นมาจากมุมหนึ่ง หากว่าเปิดเพิ่มขึ้นมาอีกนับร้อยพันเท่าแล้วละก็ นี้ย่อมต้องมิใช่อารามที่มีแต่เพียงวาสนาหลังหนึ่งอย่างแน่นอน

 

มังกรอสรพิษขนาดใหญ่ทั้งสองตัวขณะนี้เรียกได้ว่ากินพื้นที่ไปกว่าสองฟากฟ้าไปแล้ว พวกมันนั้นมีร่างกายที่ทอเป็นประกาย ตลอดทั่วร่างต่างก็เปล่งประกายแสงสีทองออกมา จนทำให้ผู้คนมองดูจนตาค้างได้

 

“ตายแล้วจริงอย่างงั้นหรือ ! ” ไต๋ซือหวู่โหวจ้องไปที่มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนี้หลังจากนั้นสักพัก แล้วจึงได้ค่อยถอนหายใจออกมายาวๆ คำหนึ่งแล้วก็ได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา

 

เยี่ยจงเองก็ได้ตรวจสอบอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นก็ได้ถอนหายใจยาวๆ ออกมาคำหนึ่ง มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนี้คาดว่าคงเป็นเพราะถูกผนึกเอาไว้อยู่ในสถานที่แห่งนี้มานานหลายปี เลือดเนื้อบนร่างกายของพวกมันเก้าในเก้าส่วนดูหดตัวเป็นอย่างมาก ประดุจดั่งกลายเป็นก้อนหิน แม้ว่าบริเวณส่วนที่เป็นหัวใจ ราวกับยังมีความเคลื่อนไหวของชีวิตอยู่ แต่ว่ากลับมิได้เต้นได้อีกยาวนาน อย่างน้อยไม่นานนักก็คงจะต้องหยุดลง

 

และกลายเป็นเพียงเสียงอันลี้ลับเท่านั้น ที่เป็นเสียงที่ค่อยๆ ที่จะนำพาพวกมันเข้าสู่ความดับสูญ

 

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ กายเนื้อของพวกมันก็ยังคงแผ่ขยายพลังแรงกดดันแห่งมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาอยู่สายหนึ่ง

 

ควรทราบว่าความเป็นอมตะของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนี้จะมีระดับความศักดิ์สิทธิ์ที่จะเป็นเหมือนดั่งพลังชีวิตที่จะไม่เลือนรางหายไป

 

“นี้เป็นของดีเลยละ เกี่ยวกับชนชั้นมหาราชัน หากว่าสามารถฝึกปรือทั้งวันทั้งคืนกับซากศพทั้งสองที่อยู่บริเวณเบื้องหน้าได้แล้วละก็ ต่อให้เป็นทั่วทั้งสี่ดินแดน ก็ยังมีเป็นไปได้ที่จะมีการปรากฏขึ้นมาของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนได้แล้ว ” ไต๋ซือหวู่โหวเลียริมฝีปากไปมา อดไม่ได้เอ่ยปากขึ้นมา วัตถุชิ้นนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อเขาเป็นอย่างมาก อีกทั้งเขายังเป็นคนที่อยู่ในระดับชนชั้นมหาราชันภายในคนทั้งคณะนี้เพียงคนเดียว เยี่ยจงและพวกย่อมไม่แย่งชิงกับเขาแน่ ซากศพของมังกรอสรพิษทั้งสองตัวนี้ก็ถือได้ว่าเป็นรางวัลจากชัยชนะของเขาเลยก็ว่าได้

 

ขณะนี้ไต๋ซือหวู่โหวก็ไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมายอีก เพียงแต่พลิกมือไปมา เริ่มต้นที่จะวิเคราะห์ว่าทำยังไงจะสามารถที่จะนำเอาซากศพของมังกรอสรพิษทั้งสองตัวไปได้

 

ที่เหลืออีกสี่คนต่างก็ไร้คำจะกล่าว หลังจากนั้นก็ได้รวมตัวกันอยู่ทางด้านหน้าของตำหนักศิลานั้น มุ่งหน้ามองดูเข้าไปทางด้านใน

 

ตำหนักศิลานี้เมื่อดูจนละเอียดแล้วละก็ ก็เหมือนกับเป็นตำหนักใต้ดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก็มิปาน โลงศพหยกที่เป็นวาสนานั้นกลับมีขนาดเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือเท่านั้น ก็ได้ถูกวางเอาไว้อยู่ภายในใจกลางของอารามใต้ดิน จนสามารถที่จะพบเห็นโลหิตสายหนึ่งกำลังรวมตัวกันเข้ามายังบริเวณทางด้านของโลงศพนี้หยกนั้น ราวกับว่า สิ่งที่มีสีดำทมิฬเหล่านี้กลับเป็นโลหิตที่มีความบริสุทธิ์อย่างไร้ที่เปรียบ กำลังหล่อเลี้ยงอะไรบางอย่างอยู่ก็มิปาน

 

“ของสิ่งนี้ที่แท้เป็นอะไรกัน ? ” จงหลี่ลงมือ จนคว้าโลงศพหยกมาไว้อยู่ในมือ แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในมือกลับเป็นวัตถุที่เบาเป็นอย่างมาก ประดุจดั่งเป็นเพียงแค่กล้องศิลาขนาดเล็กก็มิปาน คนทั้งคณะมองไปทางซ้ายทีขวาที ไม่ว่าจะดูยังไงก็ยังคงดูไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดกันแน่

 

“อย่าพึ่งสนใจสิ่งเหล่านี้เลย ออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้วค่อยวิเคราะห์กันอีกที ว่าภายในนั้นมีประโยชน์ที่ใดแล้วละก็ พวกเราค่อยแบ่งกัน ! ” เพียงแต่ว่าเพราะความล่าช้าไปเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้นำเอาซากของมังกรอสรพิษทั้งสองตัวนั้นเก็บเอาไว้ภายในท่ามกลางถ้วยทุนเทียนของจงหลี่ หลังจากนั้นก็ได้ควบคุมพลังนำพาเยี่ยจงและพวกจากไป

 

คนทั้งคณะพยักหน้าตอบรับ ก็มิได้ไปเสาะหาสิ่งของอื่นใดที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อีกต่อไป เพียงแต่ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ได้ออกไปจากบริเวณเขตแดนนี้

 

คนทั้งคณะพึ่งจะออกไปได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่จะซ่อนตัว ก็ได้พบเห็นทางด้านหน้าไม่ไกลมากนักได้มีชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นแต่ละคนมุ่งหน้ากลับมา พวกเขาใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุนำทาง มุ่งหน้าทั่วทั้งสี่ด้านของภูเขาโบราณได้ราวกับเหมือนจะถล่มลงมา

 

“สหายทุกท่าน จากการหารือของชนชั้นมหาราชันผู้ยิ่งใหญ่ทุกคน สิ่งของที่มังกรอสรพิษระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวกำลังปกป้องอยู่นั้นอย่างน้อยก็ย่อมต้องไม่ธรรมดา ทุกท่านในครั้งนี้ก็ปล่อยวางบุญคุณความแค้นลงไปก่อน ร่วมมือกันเถอะ ! ” มีชนชั้นมหาราชันตะโกนออกมา เห็นได้ชัดขณะนี้มีคนที่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมาแล้ว พริบตานั้นก็ได้มุ่งหน้ากลับมา

 

แล้วก็ได้พบว่าชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นต่างก็กำลังมุ่งหน้านำพาผู้คนกลับมาอยู่ ในครั้งนี้มิใช่เพียงคนสองคนเท่านั้น เพียงแต่กลับเป็นกลุ่มที่รวมตัวกันขึ้น

 

“พวกเราจะทำอย่างไรกันดี ? จะเข้าไปด้วยกันอีกงั้นหรือ ? ” จงหลี่ซ่อนโลงศพหยกที่อยู่ในมือเอาไว้อย่างรวดเร็ว กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“หากว่าไม่เข้าไปแล้วละก็ ก็มิใช่กลายเป็นว่าจะทำให้ทุกผู้คนต่างก็ทราบคิดว่าสิ่งของได้ตกมาอยู่ในมือของพวกเราไปแล้ว ? ” ไต๋ซือหวู่โหวกรอกตาขาวขึ้นมา ไม่อาจที่จะไม่โบกมือคราหนึ่ง ชักนำเยี่ยจงและพวก มุ่งหน้าเข้าไปยังภูเขาโบราณที่กำลังมีการกลับมาของผู้คนทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

 

“ตูม——”

 

หลังจากนั้นไม่นาน ชนชั้นมหาราชันกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึง ในครั้งนี้ไม่มีคนเข้าไปยังส่วนกลางอีก เพียงแต่ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุลงมือออกไปด้วยพลังอันเข้มแข็ง ทว่าพริบตานั้นรอบบริเวณของภูเขาโบราณก็ได้ถูกทำลายลงไปเป็นอย่างมาก

.

.

.

.

#########################################

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาท

โปรโมชั่น กลุ่ม 7-14 ราคา 700

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/375DtZJ
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
VIP14 https://bit.ly/2YHVTfY

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

#########################################

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset