เทพศึกมังกรหวนคืน – ตอนที่ 59 การมาถึงของตู้ต้วนเทียน

เมื่อมาถึงโรงแรม อิ่นซินพูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “พ่อแม่ของฉัน ทำเกินไปแล้วจริงๆ มาบังคับให้คุณคุกเข่าและโขกศีรษะคำนับ นี่คือสิ่งที่ผู้ชายควรทำเหรอ ผู้ชายมีทองคำอยู่ใต้หัวเข่า นี่มันเป็นการเอาศักดิ์ศรีของคนเหยียบย่ำลงบนพื้นดิน”

“ไม่เป็นไร”

ฉินเฟิงมองไปที่อิ่นซิน แล้วหายโกรธอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าผู้คนรอบๆ จะสร้างความลำบากให้กับเขา แต่อย่างน้อยภรรยาของเขาก็ยังคอยปกป้อง เปรียบเสมือนความอบอุ่นในหิมะน้ำแข็ง ทำให้ผู้คนต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้อง

ผู้ชายมีทองคำอยู่ใต้หัวเข่า ครั้งที่แล้วฉินเฟิงคุกเข่าลงเพื่ออิ่นซินกับกั่วกั่ว ส่วนศีรษะก็ยอมโขกคำนับเพื่อพวกเขาเช่นกัน

เรื่องนั้นเขาไม่เสียใจเลย

หลังจากนั้นฉินเฟิงก็ไปรับฉินกั่วกั่วกลับมา ทั้งสามคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน ฉินเฟิงยังคงปูพรมเช่นเคย ตราบใดที่อิ่นซินยังไม่ได้อนุญาตให้เขาขึ้นเตียง เขาก็ขึ้นไปไม่ได้

นี่เป็นหลักการที่ยึดถือกันมา

เช้าวันถัดมา อิ่นซินตื่นมาเก็บของออกจากโรงแรม เธอไม่ได้บอกฉินเฟิงกับฉินกั่วกั่ว แต่ฉินเฟิงตื่นขึ้นมาทันทีที่เธอออกไป

“เมียโง่ของผม ผมจะปล่อยให้คุณไปเผชิญหน้ากับทุกอย่างตามลำพังได้ยังไง”

จากนั้น เขาก็ส่งฉินกั่วกั่วไปโรงเรียน แล้วรีบไปที่บริษัทซานหยวนกรุ๊ป

ในบริษัทซานหยวนกรุ๊ปกำลังมีการประชุมอยู่ในห้องโถง พนักงานหลายร้อยคนในบริษัทกำลังมองดูห้องรับแขกนี้อยู่

ที่นำมาเป็นคนแรกที่ฟางเย้น คุณชายใหญ่ฟาง ทางด้านซ้ายคืออิ่นเสี้ยงสวี่ และทางด้านขวาคืออิ่นป่าย เนื่องจากคุณท่านอิ่นไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ พวกเขาทั้งสองจึงเป็นบุคคลผู้มีอำนาจของบริษัท

“เฮ้ ว่าไง มาคนเดียวเหรอ? แล้วคนไม่เอาถ่านนั่นล่ะ?”

ฟางเย้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองไปที่อิ่นซินที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน เธอเป็นเหมือนดอกบัวสีขาวที่อ่อนนุ่ม ละเอียดอ่อนและน่าสงสาร แต่สัมผัสได้ถึงความหัวแข็งในดวงตาของเขา

ผู้หญิงแบบนี้ทำให้เขามีความรู้สึกอยากจะพิชิตเธอ

เธอเป็นสาวสวยอันดับหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงจริงๆ

“ฮ่าฮ่า วันนี้คนไม่เอาถ่านไม่กล้ามาสินะ เพราะถ้ามา เขาก็ต้องคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ สำหรับผู้ชาย จะทนรับได้อย่างไร อีกอย่างยังมีคนจับตาดูอยู่มากมาย”

“คนไม่เอาถ่านน่าจะทิ้งอิ่นซินให้มาตามลำพัง ตัวเขาหนีไปแล้ว ผู้ชายแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าอิ่นซินยังเก็บไว้อีกทำไม”

“คนไม่เอาถ่านคนนั้นจะหนีไปได้ยังไง เขาเป็นพระเอกของงานเลี้ยงในวันนี้นะ ถ้าเขาไม่มา แล้วใครจะคุกเข่าโขกศีรษะคำนับล่ะ ถ้าอยางนั้นบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของเราไม่ต้องล้มละลายหรอกหรือ?”

“อิ่นซินไม่อยู่ที่นั่น ได้ยินมาว่า ฟางเย้นชอบอิ่นซินมาโดยตลอด เช่นนั้นก็อาจจะเป็น ค่ำคืนแห่งฤดูใบไม้ผลิ”

คนรอบๆ พากันวิพากษ์วิจารณ์ เอะอะก็คนไม่เอาถ่าน มีไม่น้อยที่พุ่งความสนใจไปที่อิ่นซิน มีข่าวแพร่กระจายเล็กน้อยว่าต้องการให้อิ่นซินไปอยู่กับคุณชายฟาง

คนที่พูดเช่นนี้ ส่วนใหญ่มาจากลูกๆ ตระกูลอิ่น

“สามีของฉัน วันนี้เขาไม่สบาย…”

เดิมทีอิ่นซินอยากจะบอกว่าวันนี้เธอไม่สบาย แต่ในเวลานี้มีมือข้างหนึ่งวางลงบนหัวไหล่ของเธอ ต่อมาชายคนหนึ่งได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางหน้าเธอเอาไว้ เขาพูดอย่างโกรธเคือง “รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย แต่ไปหาหมอมาแล้ว เลยรีบมา”

“คุณ ที่รัก”

อิ่นซินมองไปข้างหน้าตนเอง ค่อนข้างผอม แต่หัวไหล่กว้างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ชั่วครู่หนึ่ง หางตาของเธอก็ชื้นเล็กน้อย แต่เธอยังคงถามอย่างดื้อรั้นว่า “คุณมาที่นี่ทำไม?”

“ถ้าผมไม่มา คุณก็ถูกรังแกไปแล้ว”

ฉินเฟิงหันกลับมา เอามือข้างหนึ่งแตะแก้มของอิ่นซิน แล้วพูดเบาๆ “ที่เหลือ ให้ผมจัดการเอง”

“นึกไม่ถึงเลยว่าคนไม่เอาถ่านอย่างฉินเฟิงจะกลับมาแล้วจริงๆ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ พวกคุณดูสิ รออีกแป๊บเดียวก็ได้ดูการแสดงดีๆ แล้ว มาดูกันว่าฉินเฟิงผู้นี้จะคุกเข่าลงยังไง”

“มาแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ ขอแค่ยอมโขกศีรษะคำนับแต่โดยดี คำนับคุณชายฟางสามครั้ง ถ้าคุณชายฟางอารมณ์ดี บางทีอาจจะปล่อยเขาไป”

กลุ่มคนมองฉินเฟิงด้วยความรังเกียจ ปากก็วิพากษ์วิจารณ์เขา

“สมน้ำหน้า”

เมื่อฟางเย้นเห็นภาพที่ใกล้ชิดระหว่างคนทั้งสอง เขาก็โกรธจัดทันที เขาถือว่าอิ่นซินเป็นสมบัติของเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็มีฉินเฟิงโผล่ออกมากลางทาง แล้วแย่งอิ่นซินไป

อิ่นซินควรจะเป็นของเขา

เจ้าฉินเฟิงนั่น ตัวตลกต่ำต้อย คู่ควรที่ได้ครอบครองคนสวยเช่นนี้หรือ

“ฉินเฟิง คุณมาที่นี่เพื่อคุกเข่าโขกศีรษะคำนับให้คุณชายฟางใช่ไหม?”

อิ่นป่ายมองดูสีหน้าของฟางเย้นแล้วลุกขึ้นยืน พูดกับฉินเฟิงด้วยน้ำเสียงที่ดังจนทุกคนได้ยิน

เพื่อทำให้ฉินเฟิงอับอาย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฟางเย้นก็ผ่อนคลายลง และค่อนข้างพอใจ เขาพบว่าอิ่นป่ายอยู่เป็นมากขึ้นแล้ว

ทุกคนทอดสายตามาทางฉินเฟิง พวกเขานึกว่าฉินเฟิงมาที่นี่วันนี้เพื่อคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ แต่ในเวลานี้ ฉินเฟิงมองไปทางอิ่นป่ายแล้วถามว่า “ทำไมต้องคุกเข่า?”

ทุกคนตกตะลึง

ไม่ได้มาเพื่อยอมก้มหัวให้หรอกหรือ?

“ฉินเฟิง คุณนี่เป็นคนโง่หรือเปล่า? บริษัทฟางซื่อกรุ๊ป ได้แบนบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของเราแล้ว ช่องทางที่ใหญ่ที่สุดของพวกเรา ตอนนี้ได้ยุติความร่วมมือกับเราแล้ว บริษัทของเรากำลังจะล้มละลาย”

อิ่นป่ายจงใจทำท่าทางจริงจังขึ้นอีกนิดแล้วพูดต่อว่า “ตอนนี้ถ้าคุณคุกเข่าขอโทษคุณชายฟาง เรื่องนี้จึงจะสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ ถ้าคุณไม่ต้องการให้บริษัทซานหยวนกรุ๊ปซึ่งก่อตั้งโดยภรรยาของคุณต้องล้มละลาย ก็ต้องเชื่อฟังแต่โดยดี”

เพื่อข่มขู่ฉินเฟิง เขาถึงขนาดพูดว่าบริษัทซานหยวนกรุ๊ปที่อิ่นซินสร้างมากับมือ

แม้ว่าเขาพยายามจะลบผลกระทบนี้ แต่ในความเป็นจริง บริษัทซานหยวนกรุ๊ปเป็นของอิ่นซินจริงๆ และก่อตั้งมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตามลำพังตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

แต่ตอนนี้มันเป็นของเขาแล้ว

“บริษัทซานหยวนกรุ๊ปเป็นของภรรยาผม เรื่องนี้ผมรู้”

ฉินเฟิงพยักหน้าแล้วพูดต่อ “แต่การคุกเข่ามันไม่เกี่ยวอะไรด้วย ไม่มีช่องทางแล้ว หาเพิ่มอีกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“หาเพิ่มอีก?”

อิ่นป่ายถึงกับอึ้งไป ก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยาม “เกิดมาเป็นขอทานยังไงก็คือขอทาน ช่องทางส่วนใหญ่ทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิง บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปได้แจ้งล่วงหน้าไปหมดแล้ว ไม่มีที่ใดเต็มใจร่วมมือกับเรา”

“ก็ใช่น่ะสิ แค่คนไม่เอาถ่านคนหนึ่ง ยังกล้ามาชี้นิ้วสั่งงานพวกเรา เป็นคนนอกวงการจริงๆ”

อิ่นเสี้ยงสวี่พูดอยู่ข้างๆ เช่นกัน

ส่วนอิ่นซินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเชื่อฉินเฟิง และไม่พูดอะไรอีก

“ฉินเฟิงนะ ฉินเฟิง ผมไม่รู้ว่าคุณโง่หรืออะไร ในเมืองเจียงเฉิง บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปของเราออกคำสั่งคำเดียว ก็ไม่มีบริษัทใดกล้าเป็นช่องทางให้พวกคุณแล้ว ไม่มีกิจการใดสามารถต้านทานการแก้แค้นของบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปของเราได้”

ฟางเย้นหัวเราะออกแล้วตบเก้าอี้

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหุบลงทันใด เขาเป็นผู้ชายที่มีความสูงศักดิ์ พอเข้ามาก็มายืนอยู่ข้างหลังฉินเฟิง แล้วกวาดสายตามองไปที่ฟางเย้น “จริงหรือ?”

“ผมตู้ต้วนเทียน ลูกชายคนโตของตระกูลตู้ และประธานตู้ซื่อกรุ๊ป ได้รับเชิญจากคุณฉินให้มาร่วมงานกับบริษัทซานหยวนกรุ๊ปโดยเฉพาะ คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไง ตู้ซื่อกรุ๊ปของเรา ยินดีต้อนรับสู่การแก้แค้น”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset