เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 12 ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!

เย่เทียนเฉินไปเก็บกวาดลั่วเหลยที่เทียนซ่างเหรินเจียน การลงมือที่เฉียบขาดทำให้ลั่วเหลยที่เป็นสมาชิกกองกำลังเหยี่ยวนักล่าถูกซัดคว่ำลงไปนอนครวญครางอยู่บนพื้นอย่างโหยหวนทั้งที่ยังไม่ทันออกกระบวนท่าด้วยซ้ำ

ไม่ใช่เพราะความสามารถของสมาชิกกองกำลังเหยี่ยวนักล่าจะไม่ดี แต่เป็นเพราะลั่วเหลยเข้ากองกำลังลึกลักที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายตะวันออก ภายในกองกำลังนี้มีการกล่าวเกินจริง ซึ่งเกี่ยวพันกับนายใหญ่ตระกูลลั่วอย่างแยกไม่ออก สาเหตุที่ลั่วเหลยเข้ากองกำลังเหยี่ยวนักล่านั้นก็เพื่อเส่ริมข้อมูลอันเจิดจรัสไปบนแฟ้มข้อมูลของเขา ต้องทราบว่าสมาชิกทั้งหมดของของกองกำลังเหยี่ยวนักล่านั้นเป็นหัวกะทิจากหนึ่งในหมื่น แม้ว่าจะได้รับเลือกเข้ามาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการได้ ยังต้องดูการประเมินผลอย่างละเอียด การเข้ากองกำลังเหยี่ยวนักล่าจึงเป็นความใฝ่ฝันของทหารจำนวนนับไม่ถ้วน

“แก….เย่เทียนเฉิน แกกล้าหือกับตระกูลลั่วของฉัน ตระกูลเย่ของพวกแกไม่ตายดีแน่!” ลั่วเหลยแม้ว่าจะถูกซัดจนไม่มีแรงโต้กลับ แต่ก็ยังคำรามออกมาด้วยความหยิ่งผยอง

เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อย เขานั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องตระกูลลั่ว เรื่องอำนาจ หรือเรื่องผลเสียต่อตระกูลเย่ คนที่เขาต้องการปกป้องไม่ใช่ทุกคนในตระกูล มีเพียงพ่อแม่และน้องสาวเท่านั้น สำหรับบ้านหลักตระกูลเย่ที่ชอบบีบบังคับและ ปฏิบัติไม่ดีกับครอบครัวของเขามาโดยตลอด เขาไม่ต้องการตั้งนานแล้ว

หากจะพิจารณาภูมิหลังของตระกูลลั่วและผลเสียจากการทำร้ายลั่วเหลยสองพี่น้องจริงๆ คืนนี้เย่เทียนเฉินก็คงไม่มาที่เทียนซ่างเหรินเจียนแห่งนี้แล้ว

เมื่อได้ยินคำด่าของลั่วเหลย เย่เทียนเฉินไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย กากเดนผู้นี้ไม่คู่ควร เขาเดินไปยังเบื้องหน้าของชายอ้วนเตี้ยที่ร้องโหยหวนอยู่บนพื้น จากนั้นก็โยนผ้าเช็ดมือสีขาวไปบนศีรษะของชายอ้วนเตี้ยก่อนจะนั่งลงไป

คำพูดเมื่อครู่ของชายร่างอ้วนเตี้ย เย่เทียนเฉินได้ยินจากข้างนอกหมดแล้ว ในเมื่อชายร่างอ้วนบอกว่าจะให้ตัวเขาใช้ศีรษะเป็นม้านั่ง จะดีจะร้ายก็ต้องให้เกียรตินี้หน่อยไม่ใช่หรือ?

เมื่อเย่เทียนเฉินนั่งลงไป ชายร่างอ้วนเตี้ยคนนั้นก็ไม่ส่งเสียงร้องโหยหวนอีกต่ออีก ไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย ทำให้ลั่วเหลยกับชายสวมแว่นกรอบทองตกตะลึง พวกเขารู้สึกว่าชายตรงหน้าทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ออกจริงๆ ราวกับว่าเขาแค่ทำตามใจตัวเอง ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจ และไม่พูดอะไรมากความ

“เย่เทียนเฉิน แกกล้าสู้กับฉัน กล้าสู้กับตระกูลลั่วของฉัน คงรู้ผลที่จะตามมาดีใช่ไหม?” ลั่วเหลยกลั้นความเจ็บปวดพลางลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนออกไปด้วยความโกรธ

การโจมตีครั้งนี้ร้ายแรงสำหรับลั่วเหลยจริงๆ เดิมทีในความคิดของเขา เย่เทียนเฉินไม่มีทางมีความสามารถขนาดนี้เด็ดขาด การที่ตระกูลลั่วจะเหยียบย่ำตระกูลเย่ให้ตายง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก การที่ตนเองจะเหยียบเย่เทียนเฉินให้ตายก็ง่ายดายราวกับบี้แมลงสักตัวเช่นกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดการสลับบทบาทกัน ที่เหมือนแมลงก็คือเขา นี่จะทำให้ลั่วเหลยที่อวดดีมาโดยตลอดจะทนได้อย่างไร?

“ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย แต่ที่ฉันอยากจะบอกกับแกก็คือ ถ้ากล้ามาวุ่นวายกับฉันอีก ชีวิตแก ใครก็ปกป้องไม่ได้!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นกล่าวกับลั่วเหลยพลางมองด้วยสายตาเย็นเยียบ

ลั่วเหลยอึ้ง รู้สึกว่าสันหลังเย็นวาบ แม้ว่าความรู้สึกนี้จะเกิดเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่คำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเย่เทียนเฉินไม่เหมือนกับกำลังพูดเล่น สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชายคนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ใช่เจ้าเศษขยะคนเดิม มีความแข็งกร้าวที่พูดจริงทำจริง

“เหอะ ขู่ลั่วเหลยคนนี้? ยังไม่มีใครกล้าขู่ฉันมาก่อน….” ลัวเหลยคำรามออกมาด้วยความโกรธสุดขีด

เย่เทียนเฉินไม่มีความสนใจอะไรในตัวลั่วเหลยอีก เขามาที่นี่เพื่อมาสั่งสอนลั่วเหลย ให้เจ้าเศษสวะที่ชอบเล่นงานลับหลังได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง อีกอย่างเขาคาดหวังว่าลั่วเหลยที่เป็นสมาชิกของกองกำลังเหยี่ยวนักล่าจะแสดงอะไรที่ไม่ธรรมดาออกมาสู้กับเขาสักยกเพื่อกระตุ้นพลังพิเศษในร่างกาย ไม่คิดเลยว่าลั่วเหลยจะอ่อนแอจนแม้แต่การโจมตีครั้งเดียวก็รับไว้ไม่ไหว พอลองสู้ถึงได้รู้ว่าการที่ลั่วเหลยเข้ากองกำลังเหยี่ยวนักล่าได้มาจากเส้นสายของตระกูล

“ฉันไม่ได้ขู่แกสักหน่อย แค่อยากจะบอกแกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน โดยเฉพาะครอบครัวของฉัน ไม่งั้นตาย”

“ถ้าหากแกไม่อยู่ห่างๆ หานเจี๋ย ยังกล้าติดต่อกับเธออีก ฉันจะไม่ยอมเลิกราแน่”

ลั่วเหลยเพิ่งจะพูดจบ เย่เทียนเฉินก็ใช้หมัดเดียวซัดลั่วเหลยปลิวออกไปจนโซซัดโซเซลุกไม่ขึ้น กระอักเลือดคายฟันออกมาจนหมดปาก สมกับคำว่าฟันร่วงเต็มพื้น มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยสายตาที่มีความหวาดกลัวอยู่บางๆ เจ้าหมอนี่ทำให้เขากลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ ไม่สามารถใช้สามัญสำนึกปกติได้เลย หากไม่ระวังตัวกำบั้นอันหนักหน่วงก็จะลอยมา

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าพี่หานเป็นผู้หญิงของฉันรึเปล่า เศษสวะอย่างแกไม่คู่ควรกับเธอ อย่าไปยุ่งกับเธอ ไม่งั้นแกต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!”

ในช่วงสิ้นโลก เย่เทียนเฉินไม่อนุญาตให้ใครมาวุ่นวายกับผู้หญิงของตนโดดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ตนเองรัก หรือผู้หญิงที่รักตน ยิ่งเป็นผู้หญิงข้างกายของเขา ใครกล้ามายุ่ง ก็ถือว่ามารนหาที่ตาย ชายชาตรีคนหนึ่งย่อมมีเกียรติและความทระนงของตนเอง ผู้หญิงของตนเองถูกผู้อื่นดึงดูดความสนใจจนถึงขึ้นเตียงกัน หากว่าไม่เอาเรื่อง มีชีวิตอยู่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร

ในตอนนั้นต่อให้เย่เทียนเฉินยังไม่มีความสามารถของผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า หากต้องต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งตนเอง แต่กล้ามายุ่งกับผู้หญิงของเขา เย่เทียนเฉินก็จะทุ่มเท่สุดชีวิตหาวิธีฆ่าอีกฝ่าย นี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับพลังความสามารถเลยแม้แต่น้อย

เย่เทียนเฉินหมุนตัวเดินออกไปจากตึกเทียนซ่างเหรินเจียน ชายร่างอ้วนเตี้ยกับลั่วเหลยต่างก็ถูกซัดจนเลือดท่วมตัว สลบเหมือดคาห้องวีไอพี ชายสวมแว่นกรอบทองตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมร่าง เมื่อตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล แต่ไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ พ่อของเขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจ เรื่องในครั้งนี้ชายสวมแว่นกรอบทองรู้สึกว่าไม่ปกติ เขาไม่อยากให้พ่อของตนต้องมาพัวพัน

ลั่วเหลยถูกอัดเสียจนเลือดท่วมตัว ไม่ทราบว่าสภาพบาดเจ็บเป็นอย่างไร ในเมืองหลวงตระกูลลั่วถือว่ามีอำนาจค่อนข้างแข็งแกร่ง สองพี่น้องลั่วถูกเย่เทียนเฉินอัดเสียจนครึ่งเป็นครึ่งตาย รวมกับการที่ชายร่างอ้วนเตี้ยผู้เป็นลูกชายของประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ถูกทำร้าย เรื่องราวอาจจะไม่จบลงแค่เท่านี้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นคนที่เข้ามาพัวพันก็ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร

ชายอ้วนเตี้ยกับลั่วเหลยต่างถูกชายสวมแว่นกรอบทองส่งไปที่โรงพยาบาลเมืองหลวง แต่เย่เทียนเฉินที่ออกมาจากเทียนซ่างเหรินเจียนกลับเดินทอดน่องอยู่บนถนน ตอนนี้เป็นเวลาราวๆ ตีหนึ่งตีสอง เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นของชีวิตกลางคืนในเมืองใหญ่ เวลาเดินอยู่บนถนนมักจะพบกับเหล่าแมงดาหรือกระทั่งสาวขายบริการที่เข้ามาทักทายชวนคุยได้เป็นระยะๆ เรื่องพวกนี้ไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของเย่เทียนเฉินได้แม้แต่น้อย ในช่วงสิ้นโลกเย่เทียนเฉินมีสัมพันธ์กับหญิงสาวมากมาย แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเจอผู้หญิงก็มีสัมพันธ์ไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง เพียงแต่เขาไม่สนใจหญิงมีตำหนิ ผู้หญิงที่เขามีสัมพันธ์ด้วยในชีวิตก่อนต่างก็เป็นผู้หญิงชั้นยอด โลกที่มาเกิดใหม่ใบนี้ทำไมจะไม่มีผู้หญิงชั้นยอดล่ะ?

ในขณะที่เดินผ่านซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง เย่เทียนเฉินก็คล้ายได้ยินคำพูดประมาณว่า คืนเงินมา ไม่อย่างนั้นจะฆ่าทิ้ง ให้น้องสาวแกไปนอนกับหัวหน้า

เย่เทียนเฉินมองไปทางนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ พลางเดินเข้าไปช้าๆ พบว่าชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนล้อมชายร่างผอมคนหนึ่งเอาไว้ตรงกลาง ชายเจ็ดแปดคนนั้นต่างก็ถือมีดไว้ในมือ และมองไปยังชายร่างผอมคนนั้นอย่างดุร้าย ส่วนชายร่างผอมคนนั้นกำลังปกป้องเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ด้านหลัง เด็กหญิงคนนั้นจับแขนชายร่างผอมไว้อย่างหวาดกลัว  เสียขวัญจนสั่นไปทั่วทั้งตัว

“หูหลง ฉันว่าแกส่งน้องสาวแกออกมาดีๆ เถอะน่า ไม่งั้นวันนี้แกได้เจ็บตัวแน่” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล่าวออกมาพลางมองไปยังชายคนนั้นอย่างดุร้ายในขณะที่กำมีดไว้ในมือ

“ไม่มีทาง!” ชายนามหูหลงกล่าวออกไปด้วยใบหน้าแน่วแน่

“แกแม่งรนหาที่ตาย…”

ชายฉกรรจ์คนนั้นฟันมีดไปยังหูหลง มุมปากของเย่เทียนเฉินพลันปรากฏรอยยิ้ม เนื่องจากเขาเห็นหูหลงลงมือ

ลงมือก่อนได้เปรียบ หูหลงใช้เท้าถีบไปยังชายฉกรรจ์ที่ฟันมีดมาใส่เขาจนกระเด็นออกไป สร้างความตกตะลึงให้แก่ชายฉกรรจ์ที่เหลือ จนต้องกำมีดในมือแน่นอย่างหวาดกลัว

หูหลงมองไปยังชายฉกรรจ์คนอื่นอย่างระมัดระวัง สองหมัดกำแน่น เพื่อเตรียมป้องกันการลงมืออย่างฉับพลันของฉกรรจ์เหล่านั้น

เย่เทียนเฉินพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ ชายคนนี้มีฝีมือไม่เลวเลย แม้จะไม่เท่าตนเอง แต่ก็นับเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ ถ้าหากได้รับการฝึกฝนอีกหน่อยจะต้องเก่งยิ่งขึ้นแน่นอน

ในตอนนี้คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกชายฉกรรจ์เดินออกมา มองไปยังหูหลงและเด็กผู้หญิงงดงามสดใสที่หูหลงคุ้มกันแน่นหนาอยู่ด้านหลัง แล้วกล่าวอย่างเป็นมิตรว่า “เสี่ยวหลง ฉันรู้ว่าแกมีฝีมือไม่เลว แต่พี่หลี่บอกแล้วว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่พ่อแม่ของพวกแกติดเราอยู่จำเป็นต้องคืน ในเมื่อพวกแกไม่มีคืน ก็ให้น้องสาวแกมานอนเป็นเพื่อนพี่หลี่สักสองสามวัน ดอกเบี้ยวพวกนั้นนั่นถือว่าหายกัน”

“เหอะ แกกลับไปบอกมันด้วย พ่อแม่ของฉันถูกมันบีบบังคับจนตายไปแล้ว ฉันหูหลงแม้จะต้องไปนอนในคุก หรือต่อให้ต้องตาย ก็จะแก้แค้นให้พ่อกับแม่ให้ได้ ฉันจะต้องฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง” หูหลงโกรธแค้น กล่าวออกมาพลางมองไปยังหัวหน้าชายฉกรรจ์ด้วยดวงตาแดงก่ำ

“แกมันไม่รู้เรื่องเอาซะเลย ดอกเบี้ยสิบกว่าล้าน แค่ให้น้องสาวแกไปนอนกับนายท่านของพวกเราไม่กี่วันก็ใช้หมดแล้ว คิดดูให้ดีๆ ซี่”

“ใช่แล้ว ไม่แน่ว่านายท่านใหญ่ของเราอาจจะให้น้องสาวแกเป็นคนรัก แล้วให้ค่าครองชีพทุกเดือนก็ได้”

“บอกแกตามตรง หัวหน้าของพวกเราช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี วันนี้ถ้าหากพวกเราไม่พาน้องสาวแกกลับไป ไม่เพียงแต่พวกเราจะลำบาก แกก็จะเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน”

ชายฉกรรจ์หลายคนที่เหลืออยู่ต่างก็ใช้ไม้แข็งไม้อ่อน รู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น เป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อต้องการนำตัวหญิงอายุราวสิบห้าสิบหกปีที่หูหลงปกป้องอยู่ด้านหลังนั้นกลับไปให้หัวหน้าเล่นสนุก

“อย่าหวังไปเลย พวกแกอยากได้ตัวน้องสาวฉันก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน” หูหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ปกป้องน้องสาวเอาไว้ด้านหลังอย่างแน่นหนา

“เสี่ยวหลง แกมีฝีมือไม่เลว แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราหรอก ถ้าพวกเราลงมือกันจริงๆ แกไม่รอดแน่ ฉันเห็นว่าแกเป็นคนมีพรสวรรค์คนหนึ่ง หากมาเข้าร่วมกับหัวหน้าของพวกเรา ฉันจะช่วยแกขอร้องหัวหน้าให้ อาจไม่มีปัญหาก็ได้” หัวหน้าชายฉกรรจ์พูดจาหว่านล้อมต่อไป

“เหอะ หลี่เถียอยากให้ฉันไปเป็นลูกน้อง มันยังไม่มีคุณสมบัตินั้น พี่ใหญ่ของหูหลงคนนี้จะต้องมีความยุติธรรม ไม่กดขี่ข่มเหงคนบริสุทธิ์ พวกแกทำเรื่องชั่วๆ มากมาย หากว่าฉันเข้าร่วมกับพวกแกจะสู้หน้าพ่อแม่ที่ตายไปแล้วได้ยังไง” หูหลงร้องเหอะพลางกล่าว

“แม่งเอ้ย ยังจะพูดจาไร้สาระอะไรกับมันอีก ไอเด็กนี่พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ลงไม้ลงมือ ฆ่ามันเลยเถอะ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดอย่างดุดัน

หัวหน้าชายฉกรรจ์โบกมือ คนที่เหลือต่างก็ยกมีดในมือขึ้น เข้าไปล้อมหูหลงไว้ ดูน่ากลัวมาก หูหลงเองก็ไม่มีความมั่นใจ ค่อยๆ ถอยหลังไปช้าๆ แม้ว่าฝีมือของตนเองจะไม่แย่ แต่การต่อกรกับชายฉกรรจ์ที่มีอาวุธพร้อมมือเพื่อปกป้องน้องสาว ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

“พี่ชาย ให้หนูไปเถอะ หนูไม่อยากให้พี่มีปัญหา” เด็กสาวตัวเล็กที่หลบอยู่ข้างหลังหูหลงกล่าวทั้งน้ำตา

“ไม่ได้ พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ต่อให้ตายพี่ก็ไม่ยอมให้น้องไป เจ้าหลี่เถียนั้นมันไม่ใช่คนดีอะไร” หูหลงกล่าวออกมาอย่างดุดัน

“พี่ชาย พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว หนูไม่อยากเสียพี่ไปอีกคน ให้หนูไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เด็กสาวคนนั้นรู้เรื่องรู้ราวมาก แต่น้ำตากลับไหลลงมาไม่หยุด

หลี่เถียให้เหล่าชายฉกรรจ์มาพาตัวน้องสาวของหูหลงไป ความตั้งใจชัดเจนมาก คือต้องการทำเรื่องสกปรกโสมม หากเด็กสาวคนนี้ไปก็เท่ากับเดินเข้าไปในกองไฟ ไม่รู้ว่าจะถูกย่ำยีอย่างไร ทำให้คนอดจินตนาการไม่ได้

“ไม่ ถ้าหากว่าน้องเป็นอะไรไป ต่อให้พี่ตายก็ไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่ วันนี้พี่จะไม่ให้มันเอาตัวน้องไป นอกจากจะข้ามศพพี่ไปก่อน” หูหลงตะโกนพูดกับน้องสาวด้วยเสียงอันดัง

………………………………….

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset