เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 13 พ่อเกือบถูกลอบสังหาร?

 เย่เทียนเฉินมองหูหลงพลางพยักหน้า รู้สึกว่าเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง มีฝีมือก็ไม่เลว แม้ว่าจะไม่ใช่คู่มือของชายฉกรรจ์พวกนี้ แต่ก็ปกป้องน้องสาวไว้เบื้องหลังอย่างเต็มที่ ท่าทางเด็ดเดี่ยว แม้ตายก็ไม่ยอมให้คนพวกนี้พาตัวน้องสาวของตนไป

 การสาบานว่าจะปกป้องครอบครัวของตนเอง จุดนี้เหมือนกับเย่เทียนเฉินมาก ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงชื่นชมหูหลง รู้สึกว่าคนๆ นี้มีมีความกล้าหาญมาก

 “แม่งเอ้ย ไอลูกเต่านี่พูดดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้ลงมือ”

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพุ่งเข้ามาฟันมีดใส่ศีรษะของหูหลง หูหลงฝีมือไม่เลว เบี่ยงตัวหลบการฟันไปด้านข้าง ก่อนที่จะสวนหมัดไปยังหน้าอกของชายฉกรรจ์คนนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น

“เข้าไปพร้อมกันเลย!” หัวหน้าชายฉกรรจ์กล่าวพลางโบกมือ

หูหลงสู้ไปพลางถอยไปพลาง ชายฉกรรจ์ที่ถือมีดราวห้าหกคนลงมือพร้อมกัน หูหลงต้องคอยปกป้องน้องสาวของตนและคอยโจมตีตอบโต้อย่างยากลำบาก ไม่ทันไรก็ถูกต่อยไปหลายหมัด ถูกเตะไปอีกหลายที มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

ฉัวะ!

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งฟันใส่แขนของหูหลง ทันใดนั้นเสื้อก็ถูกฟันขาด เลือดไหลออกมาเป็นสาย แล้วชโลมแขนขวาจนเปียกโชกในพริบตาเดียว เมื่อมองดูก็ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว

“พี่….พี่ชาย พี่ไม่เป็นไรนะ?” พอน้องสาวของหูหลงเห็นว่าพี่ชายของตนถูกมีดฟัน น้ำตาก็ไหลออกมา วิ่งไปประคองพี่ชายแล้วพร้อมกับร้องตะโกนทั้งน้ำตา

“ไม่เป็นไร เธอไปยืนห่างๆ บาดเจ็บแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก” หูหลงตะโกนขึ้นพลางผลักไสน้องสาวออกไป ด้วยเกรงว่าเธอจะถูกลูกหลงจากการต่อสู้

“พี่ชาย พี่ชาย อย่าสู้อีกเลย ให้หนูไปกับพวกเขาเถอะ….พวกคุณ ได้โปรด ขอร้องล่ะ อย่าทำร้ายพี่ชายฉันอีกเลย ฉันยอมไปกับพวกคุณแล้ว….” น้องสาวของหูหลงร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

“เงียบซะ ต่อให้ตายพี่ก็จะปกป้องเธอ ไม่งั้นจะมีหน้าไปพบพ่อแม่ที่ตายไปแล้วได้ยังไง” หูหลงคำรามออกมาเสียงดัง

 ในตอนนี้ หูหลงและน้องสาวถูกต้อนไปที่มุมๆ หนึ่ง ชายฉกรรจ์ห้าหกคนต่างชูมีดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา หูหลงกับน้องสาวสิ้นไร้หนทาง ไม่มีทางหนีอีกแล้ว

“หูหลง ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ส่งน้องสาวแกมาและยอมสวามิภักดิ์กับนายท่านของพวกเราซะ ไม่งั้นไม่มีคนช่วยแกได้ทั้งนั้น” หัวหน้าชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

“ฝันไปเถอะ” หูหลงกล่าวออกมาอย่างดุดัน

 “จะตายอยู่แล้วยังปากดีอีก”

เหล่าชายฉกรรจ์ที่กำมีดอยู่ในมือกระชับวงล้อมเข้ามาช้าๆ เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก คือต้องการล้ม หูหลงลง จากนั้นก็พาน้องสาวของหูหลงกลับไปให้เจ้าเดรัจฉานหลี่เถียเล่นสนุก

 ตอนที่ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยกมีดขึ้นฟันใส่หูหลง ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงของเย่เทียนเฉิน

“หยุด!”

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างก็รู้สึกสงสัย หันมามองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดุร้าย อยากจะรู้ว่าใครมันช่างใจกล้าถึงขนาดมายุ่งเรื่องของพวกเขา

ตอนที่เห็นตัวเย่เทียนเฉิน ชายฉกรรจ์หลายคนพากันหัวเราะเย็นชาอย่างอดไม่ได้ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง ช่างไม่รู้จักประมาณตนเสียเลย กล้าเสนอหน้าเข้ามายุ่ง ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรอกเหรอ?

“เหอะ เจ้าเด็กนี่เป็นใคร? แม่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือไง?”

“ดีจริง ฆ่าหนึ่งคนก็คือฆ่า ฆ่าสองคนก็คือฆ่า”

“กล้ามาแส่เรื่องของพวกเรา สงสัยจะเบื่อชีวิตแล้ว”

เย่เทียนเฉินไม่สนใจฟังคำพูดของพวกชายฉกรรจ์เหล่านั้น ในสายตาของเขา คนเหล่านี้จะกลายเป็นศพตอนไหนก็ได้

“จะให้เวลาพวกแกหนีสามวินาที ไม่งั้นมีคนตายแน่นอน” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

“หืม? แม่งเอ้ย แกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร? กล้ามาวางท่าต่อหน้าพวกเราเหรอ เดี๋ยวพ่อฆ่าก่อนซะเลย”

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินมาหาเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินยักไหล่อย่างจนใจ เขาแค่อยากช่วยชายที่มีนิสัยกล้าหาญคนนี้สักครั้งเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะหลีกเลี่ยงการลงมือไม่ได้

ชายฉกรรจ์คนที่พุ่งเข้าไป มองเย่เทียนเฉินอย่างดุร้าย แล้วฟันมีดใส่เย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา ใช้เท้าถีบเขาจนกระเด็นไปร้องคร่ำครวญกับพื้น ขณะเดียวกันก็หยิบมีดที่อยู่บนพื้นของชายฉกรรจ์ขึ้นมา จากนั้นก็มองหูหลงพลางกล่าวว่า “ฝีมือของคุณแข็งแกร่งกว่าพวกมัน เพียงแต่ใจยังไม่กล้าพอ”

หูหลงเองมองไปยังชายวัยรุ่นตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ชายคนนี้มีฝีมือสูงส่งมาก คาดว่าต่อให้ตนเองลงมืออย่างสุดกำลังก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

“คุณพูดถูก ฉันขี้ขลาดเกินไป” หูหลงก้มหน้าลมแล้วกล่าวออกมา

“ตอนนี้คุณถูกบีบถึงทางตันแล้ว แม้แต่น้องสาวของตนเองก็ปกป้องไว้ไม่ได้ ยังมีอะไรต้องกลัวอีกเหรอ?” เย่เทียนเฉินกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน หูหลงก็ชะงักไป จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วกำหมัดตนเองแน่น เย่เทียนเฉินกล่าวได้ถูกต้อง ตอนนี้แม้แต่ชีวิตของตนเองเขาก็ปกป้องไว้ไม่ได้ กระทั่งน้องสาวก็ดูแลไม่ไหว ยังจะมีอะไรให้กลัวอีก? คนพวกนี้กล้าบุกเข้ามา ต้องฆ่าทิ้งถึงจะถูก

ความจริงแล้วด้วยฝีมือของหูหลง ชายฉกรรจ์ห้าหกคนตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย เขาที่ฝึกศิลปะการต่อตั้งแต่เด็ก การจัดการอันธพาลแปดคนสิบคนไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ว่าเขาต้องปกป้องน้องสาว และกังวลว่าหลังจากอัดชายฉกรรจ์พวกนี้ไปแล้ว ความโกรธแค้นระหว่างเขากับหลี่เถี่ยจะล้ำลึกขึ้น แม้เขาจะไม่เกรงกลัวความตาย แต่ก็จำเป็นต้องคิดเผื่อน้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ด้วย

เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินเดินเข้ามาที่ละก้าวๆ ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าก็ขมวดคิ้ว กล่าวถามอย่างเย็นชาว่า “แกเป็นใคร?”

“พวกแกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ถ้ายังไม่ไปอีก มีคนคอหลุดจากบ่าแน่” เย่เทียนเฉินยังคงเดินไปพลางกล่าวไปพลาง

“ไปตายซะเถอะ!”

 ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์ที่ถูกเย่เทียนเฉินเตะไปกองกับพื้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับเก็บมีดขึ้นมา ก่อนจะแทงไปยังหัวใจของเย่เทียนเฉิน

 เสียงฉัวะที่เสียงมีดกรีดผิวหนังดังขึ้น เย่เทียนเฉินหมุนตัวหลบชายฉกรรจ์คนนั้นที่ลอบโจมตีตน พลางตวัดมีดสวนไป บริเวณลำคอของชายฉกรรจ์พลันมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมา สองมือกุมบริเวณลำคอของตนเอง มองไปทางเย่เทียนเฉินด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เขาคาดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ ฆ่าคนราวผักปลา ตวัดมีดครั้งเดียวก็ปาดลำคอของเขาขาด

พอพวกชายฉกรรจ์ที่เหลือเห็นว่าพี่น้องของตนถูกเย่เทียนเฉินฆ่าทิ้งจนไปนอนจมกองเลือดด้วยการสะบัดมีดครั้งเดียว ก็ช็อกจนทำอะไรไม่ถูก ต่างพากันถอยหลังอย่างอดไม่ได้ สั่นสะท้านไปทั้งตัว ทั้งมีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาไม่หยุด

 ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ฆ่าคนราวผักปลา บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า ไม่มีอาการมือไม้อ่อนสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกที่ราวกับไม่มีอะไรหลังจากที่ฆ่าคนไปแล้วนั้น ทำให้ผู้คนต้องชาวาบในใจ

“แก….แก….แกเป็นใครกันแน่? พวก…พวกเราเป็นลูกน้องของหลี่เถี่ย แกฆ่าพี่น้องพวกเรา แกก็ไม่รอดเหมือนกัน” หัวหน้าชายฉกรรจ์เช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของตนเองพลางกล่าวอย่างสั่นระริก

พวกชายฉกรรจ์ต่างถูกเย่เทียนเฉินทำให้ตกใจกลัว ตอนแรกยังหัวเราะเยาะเย่เทียนเฉิน อยากจะลงมือสั่งสอน ตอนนี้กลับกลัวจนก้าวถอยหลังไม่หยุด ไม่มีใครกล้าออกมาข้างหน้า แม้ว่าพวกเขาต่างจะเป็นพวกอันธพาล การตีรันฟันแทงไม่ต้องพูดถึง แต่การฆ่าคนกลับไม่สะอาดหมดจดเหมือนดั่งชายวัยรุ่นตรงหน้า

“กลับไปบอกหลี่เถี่ยอะไรนั่นด้วย หากมีโอกาสฉันจะไปเยี่ยมเขา” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

“แก ถือว่าแกเก่ง….”

พวกชายฉกรรจ์ที่ถือมีดในมือกลัวจนวิ่งหนีไปอย่างขี้หดตดหาย เย่เทียนเฉินหาวครั้งหนึ่ง แล้วหมุนตัวเตรียมเดินจากไป ที่เขาลงมือช่วยเหลือสองพี่น้องหูหลงไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่าความเลือดร้อนและนิสัยใจคอของ หูหลง ทำให้ตนรู้สึกว่าเขาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ดังนั้นจึงออกแรงช่วย

เมื่อเห็นว่าผู้ที่ช่วยเหลือตนเองและน้องสาวกำลังหมุนตัวจากไป หูหลงตบไหล่ของน้องสาวเพื่อให้เธอใจเย็นขึ้น ก่อนจะเดินตามไป

“สหายหยุดก่อน ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตฉัน!” หูหลงไล่ตามไปพลางกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ

“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่ทำให้ฉันต้องแปลกใจก็คือ ด้วยความสามารถของคุณ จะเก็บกวาดพวกมันย่อมไม่ใช่ปัญหา ทำไมถึงยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่อีก หรือกลัวว่าจะถูกพวกมันเล่นงานเพื่อแก้แค้น?” เย่เทียนเฉนถาม。

 หูหลงมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เล่าเรื่องที่ผ่านมาคร่าวๆ แต่ก็ทำให้เย่เทียนเฉินรับรู้ถึงเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ที่แท้หูหลงฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก เคยคำนับผู้สืบทอดวิชาฝ่ามือมังกรท่องแปดทิศเป็นอาจารย์ ฝึกฝนวิชาเป็นเวลาสิบกว่าปี ไม่ทราบว่าพ่อแม่ของตนเป็นหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยสูง ถูกหลี่เถี่ยบีบบังคับจนตาย ภายหลังหลี่เถี่ยส่งคนออกตามหาหูหลงจนพบ ใช้ให้หูหลงทำเรื่องให้หนึ่งเรื่อง หากทำสำเร็จก็จะถือว่าล้างหนี้ไป หูหลงไม่ตอบรับ จึงได้มีเหตุการณ์ถูกล้อมฆ่าในวันนี้เกิดขึ้น

ตอนที่หูหลงออกกระบวนท่า เย่เทียนเฉินก็ดูออกแล้ว ในช่วงสิ้นโลก เย่เทียนเฉินเคยต่อสู้กับยอดฝีมือของพรรควรยุทธโบราณมาก่อน ประวัติศาสตร์จีนนับห้าพันปี ศิลปะการต่อสู้ก็ลึกซึ้งกว้างไกลเหมือนกัน เช่น พรรควรยุทธโบราณอย่างเส้าหลิน บู๊ตึ๊ง ง้อไบ๊ หัวซาน ดรุณีหยกในยุคปัจจุบัน เป็นต้น แม้จะมีจำนวนน้อยที่ดำเนินการในสังคมเบื้องหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหายไปแล้ว เพียงแต่กบดานอยู่เบื้องหลัง ในหมู่คนเหล่านี้ยังคงมียอดฝีมือในยุทธจักรที่ทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึงอยู่

“หลี่เถี่ยให้ฉันไปฆ่าคนๆ หนึ่ง แต่ฉันปฏิเสธไป มันก็เลยส่งคนมาสร้างความวุ่นวายให้กับฉัน” หูหลงกล่าว

“ฆ่าคนๆ หนึ่ง? ด้วยฝีมือของคุณ ถ้าจะฆ่าคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง คงจะทำได้อย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยแน่ นอกจากว่าคนที่ต้องการฆ่าก็ต่อกรยากเช่นกัน?” เย่เทียนเฉินอดกล่าวถามอย่างสงสัยไม่ได้

“ไม่ใช่ คนๆ นั้นเป็นแค่คนธรรมดาๆ แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นข้าราชการที่ดีคนหนึ่ง ผมหูหลงแม้จะเรียนมาน้อย ไม่มีความรู้อะไร แต่เรื่องคุณประโยชน์ประเทศชาติผมก็ยังรู้”

“ฆ่าคนที่เป็นข้าราชการ เจ้าหลี่เถี่ยคนนี้เป็นใครกันแน่?” เย่เทียนเฉินถามอย่างสงสัย

“หลี่เถี่ยเป็นอันธพาลและงูเจ้าถิ่นของเมืองหลวง  เส้นสายทุกด้านล้วนแข็งแกร่ง มักจะช่วยจัดการธุระให้กับอิทธิพลที่มีฉากหน้าใสสะอาด เดาว่าการที่มันให้ฉันไปฆ่าข้าราชการที่ดีคนนั้นในครั้งนี้ ก็เป็นการจัดการแทนคนอื่น” หูหลงกล่าว

“งั้นคนที่หลี่เถี่ยต้องการให้นายคุณคือใคร?”

“รองผู้ว่าของเมือง H ที่ชื่อเย่หง!”

“อะไรนะ?”

คำพูดของหูหลงทำให้เย่เทียนเฉินตกใจจริงๆ คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหลี่เถี่ยอันธพาลแห่งเมืองเมืองหลวง เคยให้หูหลงที่เป็นยอดฝีมือของพรรควรยุทธโบราณไปลอบสังหารพ่อของตน เรื่องนี้ต้องสืบให้ชัดเจนเสียแล้ว

เกิดใหม่ในโลกนี้ เย่เทียนเฉินไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายครอบครัวของเขาเด็ดขาด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร หากหล้ามาลงมือกับครอบครัวของเขา ต้องถูกเก็บกวาด

………………………………………

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset