เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 173 พบฉินเหยาเยว่อีกครั้ง

“กอดให้แน่นหน่อย ฉันจะออกรถแล้วนะ!” เย่เทียนเฉินหันมามองเสี้ยวหยาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

นี่เป็นครั้งแรกที่เสี้ยวหยากอดผู้ชาย และการนั่งแบบนี้ก็เหมือนกับคู่รัก ในใจของทุกคนมักจะมีจินตนาการสุดเจ๋งอยู่ รถมอเตอร์ไซค์สุดเท่ มีคนรักนั่งซ้อนท้าย โอบกอดเอวของคุณเอาไว้ บิดคันเร่งเต็มพิกัด เปิดเพลงเสียงดัง หล่อและเท่มาก!

“อืม!” ใบหน้าอันบริสุทธิ์ของเสี้ยวหยาแดงระเรื่อ กอดเย่เทียนเฉินเอาไว้เบาๆ

บรื้น!

กรี๊ด!

เมื่อเย่เทียนเฉินบิดคันเร่ง มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็พุ่งทะยานออกไปในพริบตา หลิงอวี่สวิ๋นคิดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ จะเร็วถึงขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาครั้งหนึ่ง ตกใจจนรีบใช้มือทั้งสองกอดเย่เทียนเฉินไว้แน่น ส่วนเย่เทียนเฉินกลับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ บิดคันเร่งจนถึงขีดสุด ขับมุ่งไปยังมหาวิทยาลัยหลงเถิง

ทีละเล็กทีละน้อย เสี้ยวหยาค่อยๆ คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ถึงแม้ว่ารถมอเตอร์ไซค์จะขับเร็ว แต่ด้วยฝีมือของเย่เทียนเฉินก็ปลอดภัยมาก ลมพัดผมของเสี้ยวหยา ทำให้ใบหน้างดงามบริสุทธิ์ปรากฏออกมา ชายเสื้อชุดเดรสสีขาวถูกลมพัดปลิวเล็กน้อยดูงดงาม โดยเฉพาะเสี้ยวหยาที่นั่งอยู่นั้นพิงหลังของเย่เทียนเฉินโดยไม่รู้ตัว อบอุ่นเป็นอย่างมาก ด้วยความสวยของเสี้ยวหยาและความเท่ของมอเตอร์ไซค์เย่เทียนเฉิน ทำให้ดึงดูดความสนใจของคนขับรถจำนวนไม่น้อยไปตลอดทาง ส่วนใหญ่จะเป็นคนขับรถผู้ชายที่อิจฉาริษยาจนถึงขั้นเกลียดชัง

ในใจของเย่เทียนเฉินก็รู้สึกอบอุ่น คิดไปถึงในยุคสิ้นโลก ผู้หญิงที่ตนรักที่สุดคนนั้น ทุกครั้งล้วนกอดตนเองเช่นนี้ ใช้ศรีษะซบลงบนหลังของเขา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจ วันเวลาเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาที่เย่เทียนเฉินมีความสุขที่สุด เพียงแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งในช่วงยุคสิ้นโลกคนนั้นไม่อยู่แล้ว กลายเป็นความเจ็บปวดในส่วนลึกของจิตใจของเย่เทียนเฉินไปตลอดกาล บางครั้งเขาก็คิดว่า ถ้าหากสามารถกลับไปในช่วงยุคสิ้นโลกได้ เช่นนั้นคงจะดีมาก และไม่รู้ว่าทางโลกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง จะมีผู้แข็งแกร่งระดับไหนปรากฏตัวขึ้นมาอีก?

เวลาครึ่งชั่วโมง เย่เทียนเฉินก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าประตูของมหาวิทยาลัยหลงเถิงแล้ว ในพริบตาที่ลงจากรถนั้น เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงสายตาอำมหิตคู่หนึ่งกำลังมองตนเองอยู่ เขาทำเพียงหันไปมองแวบนึง แล้วก็ไม่ได้สนใจ เดินเข้ามหาวิทยาลัยไปด้วยกันกับเสี้ยวหยา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว เสี้ยวหยาต้องรีบไปรายงานตัวกับอาจารย์ที่ปรึกษา และยังต้องไปหอพักเพื่อเก็บกวาดเตียงของตนเองอีก

“แม่งเอ๊ย ทำไมอาหู่ถึงยังไม่ส่งคนไปลงมืออีก!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ยืนอยู่ไม่ไกลมองเย่เทียนเฉินและเสี้ยวหยาเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยหลงเถิง บีบกระป๋องเครื่องดื่มในมืออย่างรุนแรงจนบุบบี้ จินตนาการได้เลยว่า ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่งหัวรุนแรงขนาดนี้ แล้วโตไปจะเป็นอย่างไร?  ไม่รู้ว่าทำร้ายคนธรรมดาไปมากเท่าไหร่แล้ว

“คุณชายน้อย ผะ ผมว่าพวกเราอย่าไปเร่งพี่หู่เลยครับ ในเมื่อพี่หู่บอกว่าเขาจะฆ่าเย่เทียนเฉิน งั้นก็จะต้องลงมือแน่!”

“ใช่แล้ว พวกเรารอหน่อยเถอะครับ พี่หู่บอกว่าคืนนี้ ก็จะต้องเป็นคืนนี้แน่ ไอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่นอน!”

บอดี้การ์ดคนใหม่ล่าสุดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังเซวียนเยวี๋ยนอวี่ย่อมรู้ว่าเมื่อคืนเซวียนเยวี๋ยนอวี่ไปทำให้อาหู่โมโห ด้วยจุดจบของบอดี้การ์ดคนก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาจึงไม่อยากให้เซวียนเยวี๋ยนอวี่ไปหาเรื่องอาหู่อีก ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะต้องกลายเป็นแพะรับบาป แบบนั้นไม่ยุติธรรมมากจริงๆ!

“พวกแก…ไอ้พวกไร้ประโยชน์ มีแต่พวกไร้ประโยชน์ทั้งฝูง ฆ่าเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ อาหู่ก็เป็นแค่สุนัขใต้บัญชาของพี่ชายฉันเท่านั้น ในเมื่อกล้าไม่ฟังคำสั่งฉัน แล้วยังกล้าเล็งปืนมาที่หัวของฉัน รอให้พี่ชายฉันกลับมาก่อน จะต้องให้มันมาโขกหัวรับผิดแน่!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่เปิดปากพูดอย่างดุดัน

เมื่อได้ยินคำพูดของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ บอดี้การ์ดคนใหม่ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็มองไปที่เซวียนเยวี๋ยนอวี่อย่างเหยียดหยาม แต่ไม่กล้าพูดอะไร ขนาดพวกเขาก็ยังดูถูกเซวียนเยวี๋ยนอวี่ หากไม่ใช่เพราะว่าอำนาจของตระกูลเซียนเยวี๋ยน ใครจะเต็มใจมาตามตูดไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่กัน เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่พอใจ อีกทั้งเรื่องที่เมื่อวานเซวียนเยวี๋ยนอวี่ถูกทำให้ตกใจจนฉี่ราดก็ได้แพร่ไปในหมู่ลูกน้องแล้ว ตอนนี้เห็นเขาบ้าขึ้นมาอีก ใครจะไม่ดูถูกคนแบบนี้กัน

“ใช่แล้ว คุณชายน้อยระงับความโกรธหน่อยนะครับ รอให้คุณชายใหญ่กลับมาก่อน ทุกอย่างจะต้องไม่มีปัญหาแน่!”

“เรื่องฆ่าเย่เทียนเฉินให้อาหู่ไปจัดการเถอะครับ นี่ก็เป็นคำสั่งของคุณชายใหญ่ หากว่าอาหู่ฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ ก็ดูว่าเขาจะไปรายงานคุณชายใหญ่ยังไง!”

“หึ เย่เทียนเฉินกล้ามาหาเรื่องฉันจะต้องตายแน่นอน อาหู่กล้าไม่เคารพฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยมันไว้แน่!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ยังอายุน้อย แต่กลับพูดได้อำมหิตยิ่ง

เย่เทียนเฉินและเสี้ยวหยาเดินทางไปยังตึกภาควิชาบริหารธุรกิจ เพราะเสี้ยวหยาลงทะเบียนเรียนเอกวิชาบริหารธุรกิจ เมื่อไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาและรายงานตัวเรียบร้อยแล้ว เสี้ยวหยาก็ถือกุญแจห้องนอนแยกมา

“ตอนนี้เธอก็วางใจได้แล้วใช่ไหม รายงานตัวกับอาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว ฉันว่าอาจารย์ที่ปรึกษาดูประทับใจเธอไม่น้อยเลย!” เย่เทียนเฉินพูดยิ้มๆ

“อืม ฉันจะต้องเรียนให้ดีๆแน่นอน หวังว่าจะสามารถเรียนรู้กับอาจารย์ที่ปรึกษาได้อีกหลายอย่าง!” เสี้ยวหยาพูดพลางพยักหน้า

เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูหอพักนักศึกษาหญิง เย่เทียนเฉินก็หยุดฝีเท้าตรงนั้น พูดด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนว่า “ฉันไม่ขึ้นไปนะ รอเธออยู่ตรงนี้แหละ ไม่ค่อยสะดวก!”

“ถ้านายมีธุระก็ไปก่อนเถอะ ฉันขึ้นไปแล้วยังต้องไปเก็บกวาดเตียงอะไรอีก ได้ยินอาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าเพื่อนนักเรียนคนอื่นมารายงานตัวแล้ว แต่ว่าคืนนี้ทุกคนไม่ได้พักอยู่ที่มหาวิทยาลัย ฉันเลยคิดว่าจะทำความสะอาดห้องนอนสักหน่อย!” เสี้ยวหยามองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

“ไม่มีปัญหา ฉันจะรอเธออยู่ข้างล่างนี่แหละ เดินเล่นไปเรื่อย ถึงเวลาอาหารเย็นพวกเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน ไม่มีหลิงอวี่สวิ๋นมาโวยวาย กินข้าวเงียบๆ คงดีมาก!” เย่เทียนเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้น

“ความจริงพี่อวี่สวิ๋นก็ดีกับนายมาก แต่ปากร้ายไปหน่อยเท่านั้นเอง งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ!” เสี้ยวหยายิ้มอย่างไร้เดียงสาแล้วพูดขึ้น

เมื่อเห็นว่าเสี้ยวหยาเดินเข้าไปในตึกหอพักนักศึกษาหญิงแล้ว เย่เทียนเฉินก็ควักโทรศัพท์ออกมาดู สี่โมงเย็นแล้ว ยังมีเวลาอีกสามชั่วโมงกว่าฟ้าถึงจะมืด และคาดว่าเสี้ยวหยาเองก็จะเก็บกวาดห้องถึงเวลานั้น เสี้ยวหยาเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีงามจากก้นบึ้งของหัวใจ ถึงแม้ว่าดูแล้วจะอ่อนแอ กระทั่งดูท่าทางผอมกะหร่อง แต่เย่เทียนเฉินรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีหัวใจแน่วแน่คนหนึ่ง เธอมีจิตใจที่เคารพตัวเอง มีความพยายามมาตลอด คิดจะใช้ความพยายามของตนเพื่อเปิดทางสู่อนาคต

เย่เทียนเฉินบิดขี้เกียจครั้งหนึ่งแล้วออกไปจากหน้าประตูตึกหอพักนักศึกษาหญิง เขาเป็นผู้ชาย มายืนอยู่หน้าประตูหอพักนักศึกษาหญิง คนที่ไม่รู้คงคิดว่าจะเข้าไปทำเรื่องลามก

เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เพียงเดินอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยหลงเถิงไปเรื่อย มหาวิทยาลัยหลงเถิงแห่งนี้เป็นสถานศึกษาชั้นหนึ่งของประเทศจีน ไม่เพียงแต่มีเนื้อที่กว้างขวาง ทิวทัศน์ก็ยังไม่เลวอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูร้อน สาวสวยในมหาวิทยาลัยแต่ละคนต่างสวมชุดร้อนแรง คนนั้นสวมกระโปรงสั้นจนเห็นขางามๆ คนนี้สวมเสื้อลูกไม้บางจนเห็นอกภูเขา เย่เทียนเฉินมองจนรู้สึกตาพร่า มิน่าล่ะทุกคนถึงได้บอกว่า ทุกเวลาของมหาวิทยาลัยล้วนเป็นฤดูแห่งความรัก

โดยไม่รู้ตัว ตอนที่เย่เทียนเฉินเงยหน้าขึ้นมอง เขาพบว่าได้เดินมาถึงตึกภาควิชาโบราณคดีแล้ว ในตอนที่มากับหลิงอวี่สวิ๋น เขารู้สึกได้ถึงพลังพิเศษอันแข็งแกร่ง ทำให้เขารู้สึกสงสัยมาโดยตลอดว่าตกลงแล้วเป็นใครกันแน่ที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ สามารถปล่อยพลังพิเศษออกมาครอบคลุมทั่วทั้งตัวตึกได้ กระทั่งเย่เทียนเฉินก็รู้สึกสั่นสะท้าน

คิดครู่หนึ่ง เย่เทียนเฉินก็รู้สึกว่า อาจจะเป็นไปได้มากว่าจิตใต้สำนึกของตนเองต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าพลังพิเศษอันแข็งแกร่งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่ ดังนั้นจึงเดินมาที่หน้าตึกภาควิชาโบราณคดีโดยไม่รู้ตัว ในเมื่อเดินมาถึงนี่แล้วก็เข้าไปดูสักหน่อยเถอะ คราวก่อนเป็นเพราะมีหลิงอวี่สวิ๋นมาด้วย เย่เทียนเฉินจึงไม่สะดวกที่จะตามหา และไม่สะดวกที่จะใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรต้องสนใจ ต่อให้เจอกับอันตรายอะไร ก็เพียงพอที่จะรับมือได้

แต่ว่าในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะก้าวเดินไปและเตรียมที่จะเดินเข้าไปในตึกภาควิชาโบราณคดีนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งมีรูปร่างสูงเพรียว สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร สวมรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง  กางเกงหนังสีดำ เสื้อยืดสีดำ สวมแว่นตากันแดดสีดำอันใหญ่ กระทั่งปากก็สวมผ้าปิดปาก เธอเดินออกมาจากด้านใน ชนเข้ากับเย่เทียนเฉิน

“ขอโทษค่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวประโยคหนึ่งแล้วคิดที่จะจากไปอย่างรีบร้อน

“คนสวย แว่นของคุณตกแล้วครับ!” เย่เทียนเฉินเก็บแว่นของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจากพื้น อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไปด้วยรอยยิ้ม

ผู้หญิงคนนั้นหันมา ถึงแม้ว่ายังคงสวมผ้าปิดปากอยู่บนหน้า แต่เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไป ดวงตางดงามคู่นั้นราวกับสามารถสื่อความออกมาได้ ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก รวมกับร่างกายของผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สะบึม แต่ก็สัดส่วนดี ให้ความรู้สึกอยากเข้าไปโอบกอด

“ขอบคุณค่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นรับแว่นมาจากในมือเย่เทียนเฉิน หลังจากที่พูดขอบคุณก็รีบเดินไปด้วยความเร็ว

เย่เทียนเฉินมองแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้น รู้สึกราวกับว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ในเวลาเพียงชั่วคู่ก็คิดไม่ออก นั่นเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก ในตอนที่เขาหันไปเตรียมจะเดินเข้าไปในตึกภาควิชาโบราณคดีต่อไปนั้น ก็เกือบจะชนเข้ากับคนข้างหลังเขาอีกครั้ง เกือบจะศีรษะชนกัน

“เป็นเธอนั่นเอง? มีธุระอะไรเหรอ?” ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเย่เทียนเฉิน มองเย่เทียนเฉินอย่างแปลกใจแล้วแล้วเอ่ยถามขึ้น

“อ๋อ อาจารย์ฉินนี่เอง ไม่มีธุระหรอกครับ แค่เดินไปเรื่อย ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

คิดไม่ถึงว่าตอนที่เย่เทียนเฉินหมุนตัวไป ฉินเหยาเยว่จะยืนอยู่ด้านหลังเขา ส่วนเรื่องที่ว่าฉินเหยาเยว่ปรากฏตัวเมื่อไหร่นั้น เย่เทียนเฉินถึงกลับไม่ได้สังเกตเห็น ต้องทราบว่าเขาในตอนนี้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังพิเศษขอบเขตจอมราชัน ในระยะไกลไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างน้อยภายในขอบเขตหนึ่งพันเมตร ทุกเรื่องจะต้องสามารถรับรู้ได้ราวกับรู้ฝ่ามือของตน การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของฉินเหยาเยว่ ทำให้เย่เทียนเฉินยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น

เพราะว่าคนธรรมดาคนหนึ่งจะไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนี้อย่างเด็ดขาด หากต้องการปรากฏตัวด้านหลังเย่เทียนเฉินโดยที่ไร้ซุ่มไร้เสียง เชื่อว่าจะต้องถูกเขาพบนานแล้ว แต่ฉินเหยาเยว่ถึงกับทำได้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินสงสัยว่าเธอจะเป็น…

……………………..

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset