เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 298 กำจัดม้าที่อันตรายต่อฝูง

กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่นาน จิตใจจึงยังไม่รวมกันเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์ หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาสองครั้ง เย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นตายไม่แน่นอน เขายังไม่ได้กลับมาก็มีคนเริ่มก่อความไม่สงบแล้ว เพราะคิดว่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายไปแล้วแน่นอน และจะกลับมาไม่ได้อีก ส่วนกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก็ต้องแยกย้ายกันไป จึงต้องการเงินค่าโยกย้าย

สองพี่น้องฝาแฝดจางเหลยและจางต๋าย่อมยืนอยู่ข้างเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็เป็นคนนำก่อเรื่อง ความสามารถแข็งแกร่งมาก ถ้าหากพวกเขาสองพี่น้องร่วมมือกัน กระทั่งอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ย หากคิดจะจัดการพวกเขาโดยลำพังก็เป็นเรื่องยาก ทั้งยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้ คนกันเองก่อเรื่อง ถ้าต่อยตีกันขึ้นมา จะทำให้ในใจของคนอื่นๆ รู้สึกหมดหวังกับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มากยิ่งขึ้น

หวังเจี๋ยเป็นคนที่มีนิสัยใจร้อน หลังจากที่แพ้เย่เทียนเฉินก็ติดตามด้วยใจภักดีซื่อสัตย์ ตอนนี้เห็นสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋านำคนก่อเรื่อง ทำให้ในใจของสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เริ่มร้อนรนขึ้นมา เขาจึงรู้สึกโกรธโดยพลัน กำหมัดแน่นต้องการที่จะเข้าไปสั่งสอนสองพี่น้องคู่นี้

“อะฮ่า ไม่มีเหตุผลแล้วยังคิดจะลงมืออีก คิดว่าพวกเราสองพี่น้องกลัวแกรึไง?” จางเหลยเองก็กำหมัดมองไปยังหวังเจี๋ยแล้วพูดขึ้น

“หึ ถ้าพวกเราสองพี่น้องร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าแกจะชนะ!” จางต๋ารีบวางมาดก้าวออกมาทันที แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ถ้าหวังเจี๋ยลงมือ พวกเขาสองพี่น้องก็จะไม่เกรงใจ

“ดี วันนี้ฉันจะสั่งสอนพวกแกแทนพี่ใหญ่เอง ทำความสะอาดสำนักสักหน่อย!” หวังเจี๋ยขมวดคิ้วอย่างดุดัน พูดออกมาอย่างระงับความโกรธไว้ไม่อยู่

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่หวังเจี๋ยเตรียมจะลงมือนั้น อู๋เสวี่ยจะดึงเขาเอาไว้พลางส่ายหน้า หวังเจี๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปยังสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋าอย่างดุดันแต่ไม่ได้ลงมือ

หวังเจี๋ยยอมเข้าใจความหมายของอู๋เสวี่ยดี เพียงแต่หวังเจี๋ยคนนี้ค่อนข้างบุ่มบ่าม ไม่เหมือนอู๋เสวี่ยที่สามารถควบคุมความโกรธได้ แน่นอนว่านี้ไม่ได้หมายความว่าหวังเจี๋ยโง่ เขาเองก็เข้าใจดีว่า หากตนลงมือลงไม้กับสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋า ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ต่างสร้างผลกระทบที่ไม่ดีต่อกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ทั้งสิ้น ตนเองลงมือกับคนกันเอง การตัดสินแพ้ชนะเป็นเรื่องรอง แต่เป็นไปได้มากว่าจะทำให้จิตใจของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ออกห่างยิ่งขึ้น ใจคนเป็นสิ่งที่ยากจะรวบรวมมากที่สุดแล้ว

เพียงแต่สองพี่น้องคู่นี้จะทำเกินไปแล้วจริงๆ ตั้งแต่แรกเริ่มก็เป็นพวกเขาที่นำคนก่อเรื่อง ตอนนี้ยังพูดเรื่องแยกกลุ่มออกมาอย่างใจกล้าอีกด้วย จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร

อู๋เสวี่ยก้าวออกมา มองไปยังสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋า แล้วมองไปยังคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านล่าง เขารู้ว่าการที่คนเหล่านี้ก่อความวุ่นวาย เป็นเพราะพวกเขามีความกังวลใจ นั่นคือกังวลว่าเย่เทียนเฉินจะตายไปแล้วและกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์จะต้องแยกย้าย ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาโอกาสพัฒนาตัวเองได้ แต่กลับเลือนหายไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความเชื่อมั่นอีก

“ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันสามารถบอกพวกแกได้เลยว่า พี่ใหญ่จะกลับมาแน่นอน ตอนนี้เขาได้สติแล้ว ฉันขอบอกพวกแกอย่างไม่ปิดบังเลยว่า ครั้งนี้อาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่สาหัสมาก ดังนั้นจึงกลับมาไม่ได้ชั่วครู่ ฉันแค่หวังว่าทุกคนจะลองถามใจตัวเองดูบ้าง ตอนแรกพวกเราติดตามพี่ใหญ่มาที่นี่เพื่ออะไร? พี่ใหญ่ปฏิบัติต่อพวกเรายังไง?” อู๋เสวี่ยใช้คำพูดซาบซึ้งกระทบใจผู้ฟัง ใช้เหตุผลจูงใจคน

“ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้องการช่วยพวกเรา พี่ใหญ่จะฝืนลากร่างกายบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ไปปะทะกับกระบี่ไท่อาหรือ? เป็นเพราะต้องการช่วยพวกเรา พี่ใหญ่จึงพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจชีวิต แล้วตอนนี้พวกเราจะทำแบบนี้กับเขาเหรอ?” หลินตวนก้าวออกมาแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

“ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะติดตามพี่ใหญ่ต่อไป ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานพี่ใหญ่ก็จะกลับมา!” หูหลงเองก็ก้าวออกมา ยืนอยู่ข้างอู๋เสวี่ยหวังเจี๋ยและหลินตวนแล้วพูดขึ้น

“ฉันก็เหมือนกัน!” เปาเทียนหลงก็ก้าวออกมาเช่นกัน

“ชายคนนี้ไม่ตายแน่นอน ฉันเชื่อว่าเขาจะกลับมา!” เสี่ยวชิงยิ้มอย่างงดงามแล้วก้าวออกมาพลางกล่าวขึ้น

อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวน หูหลง เปาเทียนหลงและเสี่ยวชิง รวมทั้งหมดหกคน พวกเขามีใจซื่อสัตย์ภักดีต่อเย่เทียนเฉิน ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลืออีกหกคนนั้นไม่ใช่ว่าไม่จริงใจ เพียงแต่พวกเขาลังเล โดยเฉพาะสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋าที่เป็นผู้นำคนสร้างความวุ่นวาย กระทั่งเติ้งซวงและจางอู่เฉวียนที่เคยติดตามหวังเจี๋ยเมื่อก่อน ก็ยังจิตใจสั่นคลอนไม่มั่นใจ ในจุดนี้หวังเจี๋ยไม่ได้บีบบังคับ จะอย่างไรแต่ละคนก็มีความคิดของตัวเอง เขาไม่สามารถบีบบังคับให้พวกเขาเลือก การทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดี

“หึ ไม่ว่าเขาจะตายหรือไม่ พวกเราสองพี่น้องก็จะไม่ขอร่วมด้วยแล้ว!” จางเหลยเห็น พวกอู๋เสวี่ยยืนอยู่ข้างกันอย่างแน่วแน่ แม้จะยังมีอีกหกคนที่อยู่ข้างเดียวกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนนัก

“ใช่ ช่วงเวลาแบบนี้ บิดารอไม่ไหวแล้ว!” จางต๋าย่อมพูดสนับสนุนตามไป

“ในเมื่อพวกแกสองคนไม่ร่วมด้วยแล้วก็ไปซะเถอะ พวกเราจะไม่ขวาง!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างเรียบเฉย

“แก… จะให้พวกเราสองพี่น้องไปมันไม่ง่ายแบบนั้น เอาเงินมา!” จางเหลยชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากอย่างดุดัน

“ใช่ พวกเรากำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและกำจัดตระกูลโอวหยาง จะพูดยังไงพวกเราก็สร้างผลงาน คิดจะไล่พวกเราสองพี่น้องไปเฉยๆ แบบนี้ ไม่มีทางซะหรอก!” จางต๋าพูดขึ้นมาด้วยท่าทางราวกับหากไม่ได้เงินก็จะไม่ไป ดูท่าทางไม่มีเหตุผลอยู่บ้าง

“งั้นเหรอ? ในการต่อสู้กับตระกูลเซวียนเยวี๋ยน พวกแกสองคนก็สร้างผลงานจริงๆ ในจุดนี้ฉันไม่ปฏิเสธ แต่ในการต่อสู้กับตระกูลโอวหยาง มีแค่สิบสามราชาเสือดาวที่ถูกพวกเราฆ่า ส่วนพวกแกสองพี่น้องฆ่าไปแค่ไม่กี่คน นอกจากนี้การล่มสลายของตระกูลโอวหยางก็ไม่ใช่เรื่องที่กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเรากระทำทั้งหมด แต่เป็นการลงมือของรัฐบาล ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกแกแม้แต่นิดเดียวละมั้ง?” อู๋เสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน

“สวัสดิการของทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เท่าเทียมกัน พวกแกสร้างผลงานในการต่อสู้กับตระกูลเซวียนเยวี๋ยน พวกเราจะได้รับเงินเดือนเพิ่มอีกหนึ่งเดือน ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องคิดแล้ว ไสหัวไปเถอะ!” หวังเจี๋ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์

มาถึงตอนนี้ทุกคนล้วนฉีกหน้ากันหมดแล้ว ในเมื่อสองพี่น้องจางเหลยและจางต๋าพูดถึงเรื่องเงินทอง อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยก็จะพูดกับพวกเขาเสียให้พอ พูดด้วยความจริง คนแบบนี้ พวกเขาไม่เห็นเป็นพี่น้องนานแล้ว

“พวกแก…”

จางเหลยและจางต๋าโกรธจนหน้าเขียวคล้ำโดยพลัน คิดไม่ถึงว่าอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนนี้จะเล่นด้วยไม่ง่ายเลย หลังจากแตกหักกันโดยสิ้นเชิงแล้วก็ไม่อาจหาเรื่องได้ง่ายๆ

“พวกแกสองคนเป็นผู้นำในการสร้างความวุ่นวาย ฝ่าฝืนจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มีความสามัคคีกัน ดังนั้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าพวกแกต้องการไปด้วยตัวเอง แต่เป็นพวกเราที่ไล่พวกแกสองพี่น้องออก ตอนนี้พี่ใหญ่ไม่อยู่ จากการปรึกษากันของฉันและหวังเจี๋ยที่เป็นรองหัวหน้ากลุ่มจ้าวสวรรค์ พวกแกไปซะเถอะ!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างหนักแน่น

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่า หวังเจี๋ยและอู๋เสวี่ยที่ตอนแรกยังเกรงอกเกรงใจอยู่มาก ให้ความรู้สึกว่าไม่อยากจะทำให้เรื่องราวใหญ่โต มาตอนนี้กลับเปลี่ยนไปกระทันหัน ไล่จางเหลยและจางต๋าออกไปจากกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อย่างแข็งกร้าว

ตู้ม!

ในตอนนี้เอง มีเสียงหนึ่งดังสนั่น ในสระว่ายน้ำใหญ่ด้านหลังกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เกิดระเบิดขึ้น ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยหยดน้ำร่วงลงมา คนผู้หนึ่งสวมใส่เสื้อโค้ทสีดำห่อหุ้มไว้ทั้งร่าง มีเพียงดวงตาที่โผล่ออกมา กำลังจับจ้องพวกกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อย่างโหดเหี้ยม ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่ฟุ้งกระจายออกมาอย่างชัดเจน

คนที่สวมใส่เสื้อโค้ทสีดำปกปิดทั้งร่างคนนี้มีร่างกายไม่สูงใหญ่นัก สูงประมาณ 160 เซนติเมตรเท่านั้น กำลังยืนอยู่ข้างสระว่ายน้ำ เสียงดังสนั่นเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นการลงมือของเขา เขาไม่ได้ใช้การโจมตีนี้ลงมือกับสมาชิกสิบสามจ้าวสวรรค์ คล้ายกับเพียงต้องการบอกพวกเขาว่าตนเองมาแล้ว โอหังและหยิ่งทะนงเป็นอย่างมาก กระทั่งเรียกได้ว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“สิบสามจ้าวสวรรค์? ทำไมถึงหายไปคนหนึ่ง แบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันจะเอาหัวกลับไปได้แค่สิบสองหัวหรือไง?” คนที่สวมเสื้อโค้ทสีดำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แย้มยิ้มออกมาจนทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน

“แกเป็นใคร?” อู๋เสวี่ยขมวดคิ้วถาม

“พวกแกไม่จำเป็นต้องรู้ให้มาก รู้แค่ว่าหัวของพวกแกทั้งสิบสองคนจะถูกฉันฟันขาดให้หมดก็พอ!” ชายสวมเสื้อโค้ทสีดำพูดอย่างโหดเหี้ยมเย็นชา

ฉัวะ!

เปาเทียนหลงเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไป เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมาเพื่อฆ่าพวกเขา อีกทั้งยังมั่นใจและโอหังเป็นอย่างมาก นี่ยังจะต้องพูดอะไรอีกล่ะ? ย่อมต้องลงมือกำจัดเขาแน่นอนอยู่แล้ว

ตู้ม!

หันหมัดเข้าใส่ เพียงพริบตาเดียว เปาเทียนหลงก็พุ่งไปถึงเบื้องหน้าของคนสวมเสื้อโค้ทสีดำแล้ว หมัดสังหารโจมตีออกไป ในดวงตาของคนสวมเสื้อโค้ทสีดำคนนั้นมีความแปลกใจเล็กน้อย แต่กลับปล่อยหมัดปะทะเข้าโดยไม่หลบไม่ซ่อน

หมัดทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน คนสวมเสื้อโค้ทสีดำคนนั้นและเปาเทียนหลงต่างถอยไปคนละสองก้าว จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

คนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เห็นว่าเปาเทียนหลงลงมือแล้ว แต่ถึงกับไม่สามารถฆ่าคนสวมเสื้อโค้ทสีดำคนนั้นได้ในทันที ทั้งยังปะทะหมัดกันอีกด้วย ทั้งสองต่างถอยไปคนละสองก้าว นับว่าเสมอกัน ทำให้รู้สึกประหลาดใจอย่างหาใดเปรียบ ทุกคนรู้ว่าเปาเทียนหลงเคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ามาก่อน หากระเบิดฝีมือเต็มกำลัง จะต้องเทียบเท่าหวังเจี๋ยกับอู๋เสวี่ยได้แน่นอน จินตนาการได้เลยว่าหมัดของเขาหนักขนาดไหน เจ้าเตี้ยสวมเสื้อโค้ทสีดำคนนี้ ถึงกับปะทะเข้ามาโดยไม่หลบไม่ซ่อน และยังไม่กระเด็นออกไป น่าเหลือเชื่อจริงๆ

“ไม่เลวๆ พอไปวัดไปวาได้ ไม่ทำให้น่าเบื่อตอนที่พวกเราลงมือฆ่าแล้ว!” เจ้าเตี้ยชุดดำพูดด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม

“ถ้าหากแกยังไม่พูดความจริงอีก ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว!” อู๋เสวี่ยขมวดคิ้วมองไปยังเจ้าตัวชุดดำแล้วพูดขึ้น

“งั้นเหรอ? แต่ฉันอยากจะลองดูสักหน่อย!” เจ้าเตี้ยชุดดำไม่เห็นกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ยังคงพูดออกมาอย่างโอหัง

อู๋เสวี่ยไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงส่งสายตาเป็นสัญญาณไปให้หลินตวน หลินตวนย่อมเข้าใจดีว่า คนคนนี้มาก่อความวุ่นวายในตอนนี้จะต้องกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนแน่นอน ถ้าไม่ฆ่าก็ไม่สามารถสงบความโกรธไปได้

หลินตวนพุ่งเข้าไป มีเขาและเปาเทียนหลงร่วมมือกัน เจ้าเตี้ยชุดดำคนนั้นก็รับมือไม่ไหว เพียงไม่นานก็ถูกอัดจนกระอักเลือด มีหลายครั้งที่เกือบจะถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว

ตู้มๆ!

หนึ่งหมัดหนึ่งเท้า เจ้าเตี้ยชุดดำถูกอัดจนกระเด็นออกไป ตกลงมาบนพื้นและพ่นเลือดออกมา ไม่มีสีหน้ายโสโอหังไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอีกต่อไป ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและความแปลกใจ จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่เย่เทียนเฉินก่อตั้งขึ้นจะไม่ใช่คนประเภทบอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไป ภายในยังมียอดฝีมือระดับสูงอยู่จำนวนหนึ่ง หากต้องการตัดหัวคนทั้งสิบสองคนนี้ไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

……….

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset