เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 303 มนุษย์ที่แข็งแกร่งดุจปีศาจ

การที่เย่เทียนเฉินสามารถเอาชนะมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนี้ได้ในพริบตา สาเหตุที่สำคัญที่สุดเป็นเพราะในครั้งนี้เขาได้เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน หลังจากที่กลับมาจากความตาย และได้ผ่านการรักษาจากจางอีเต๋อ อีกทั้งยังมีจางรั่วถงที่ใช้ร่างกายอันบริสุทธิ์ซึ่งมีลักษณะพิเศษของตนมารักษาเย่เทียนเฉิน ทำให้ความสามารถของเย่เทียนเฉินเพิ่มขึ้นมาก ในขณะนี้นับว่าเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็พัฒนาเพิ่มขึ้นอีกขั้น เพียงแต่ยังไม่สามารถทะลวงขอบเขตไปได้ก็เท่านั้น แต่กลับมีพลังต่อสู้ในขอบเขตจักรพรรดิให้เห็นลางๆ แล้ว ดังนั้นจึงสามารถกดข่มมือสังหารทั้งสี่คนนี้ได้

“ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงจะมาด้วยตัวเองหรือเปล่า ถ้าหากว่ามา ฉันจะฆ่าเขาตอนนี้เลย!”

เย่เทียนเฉินไม่ได้ดูถูกคุณชายใหญ่คนนี้ นี่เป็นคนที่ลึกลับมากคนหนึ่ง เป็นคนที่ไม่อาจดูถูกได้ เรียกได้ว่าหลังจากที่เย่เทียนเฉินได้มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ เขาเป็นคนที่รับมือได้ยากมากที่สุด คนคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีอำนาจอันแข็งแกร่ง มีลูกหวังเจี๋ยที่แข็งแกร่ง กระทั่งความสามารถส่วนตัวของเขาก็ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาอีกด้วย เย่เทียนเฉินไม่เคยลำพองใจ ที่เขาพูดเช่นนี้เป็นเพราะอยากจะเห็นสักหน่อยว่า ถ้าหากคุณชายใหญ่อยู่รอบๆ ก็จะกระตุ้นเขาให้โผล่ออกมา อย่างน้อยแค่ทดสอบความสามารถของคนคนนี้ก็ยังดี

“แกไม่ใช่คู่มือของคุณชายใหญ่ของพวกเรา คนแบบแกไม่คู่ควรที่จะให้เขาลงมือด้วยตัวเอง!” มือสังหารร่างสูงฝืนยืนขึ้นมา ในปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมาเป็นสาย หมัดนั้นของเย่เทียนเฉินเกือบจะทำให้หัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว มือสังหารชุดดำคนนี้รับหมัดนี้ได้ เห็นได้ว่าเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ

“ไม่เป็นไรไม่ใช่ว่าเขาต้องการให้พวกแกนำหัวของพี่หวังเจี๋ยทั้งสิบสองคนของฉันไปรึไง? ฉันคิดว่าตอนที่ฉันเอาหัวของพวกแกส่งกลับไปถึงเบื้องหน้าเขา เขาจะต้องดีใจมากแน่!”

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยอ่อนข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าหากอ่อนข้อก็จะเป็นการทิ้งอุปสรรคในภายภาคหน้าเอาไว้ให้ตัวเอง เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่กระหายเลือดแต่ก็ไม่ใช่คนมีเมตตาอะไร เขามีหลักการของตน คนที่สมควรฆ่าก็จำเป็นต้องฆ่า

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมลงมือกำจัดมือสังหารทั้งสี่คนนี้และนำหัวของพวกมันส่งกลับไปให้คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง จู่ๆ เขาจะขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองไป เบื้องหน้าเขามีหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมา เสียดแทงจมูกยิ่งนัก และมีกลิ่นอายของมัจจุราชเจือปนอยู่ด้วย ทุกที่ที่ผ่านไป แม้กระทั่งหินก็ยังกลายเป็นผุยผง น่าหวาดกลัวอย่างมาก

ฟู่ๆ มีเสียงลมพัดอันแปลกประหลาดดังขึ้นมา มือสังหารทั้งสี่คนนั้นเดิมทีก็เป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งอยู่แล้ว รวมกับที่มีอาวุธเทพอยู่ในมือ ต่อให้คู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงไรก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว เพราะว่านี่มากเพียงพอจะป้องกันตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่กลับเผยสีหน้าหวาดกลัวอย่างหาใดเปรียบออกมา เหมือนกับรู้ว่ามีสิ่งประหลาดอันใดที่กำลังเข้ามา

“แย่แล้วลูกพี่…ลูกพี่มาแล้ว…” มือสังหารร่างสูงตกใจจนพูดติดขัด

“ทะ ทำยังไงดี…” มือสังหารร่างเตี้ยก็พูดออกมาด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงไอสังหารอันเข้มข้น ต่อให้เป็นมือสังหารทั้งสี่คนที่อยู่เบื้องหน้าที่บนร่างของทั้งสี่สะสมไอสังหารอันนับไม่ถ้วนเอาไว้ แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันยังไม่อาจเทียบได้กับไอสังหารอันแข็งแกร่งที่แผ่พุ่งออกมาจากร่างของผู้มาเยือนคนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น สามารถทำให้มือสังหารชุดดำระดับสูงทั้งสี่คนนี้ตกใจจนมีสภาพแบบนี้ได้ ดูท่าทางผู้มาเยือนจะน่ากลัวมาก มีความสามารถที่ทำให้ผู้คนต้องหาดกลัวจนถึงกระดูก

“พี่ใหญ่…” อู๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

“พวกแกถอยไปให้หมด ฉันจัดการเอง!” เย่เทียนเฉินในตอนนี้พูดออกมาอย่างเคร่งเครียด

พวกอู๋เสวี่ยมองดูหมอกโลหิตกลุ่มนั้น ต่างรู้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง เพียงแต่กลับไม่ได้ถอยไป พวกเขารู้ว่าหากพวกเขาพุ่งไปตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยพี่ใหญ่ไม่ได้ แต่ยังจะถ่วงแข้งถ่วงขาพี่ใหญ่อีกด้วย ตอนนี้วิธีการที่ดีที่สุดก็คือยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ให้เย่เทียนเฉินต้องแบ่งสมาธิมาปกป้องพวกเขา

“หึๆ กระทั่งเย่เทียนเฉินตัวเล็กๆ คนเดียวก็ยังกำจัดไม่ได้ พวกแกสี่คนน่าขายหน้าจริงๆ อยู่ต่อไปแล้วมีประโยชน์อะไร?” เสียงหนึ่งที่ฟังดูเหมือนเสียงปีศาจดังขึ้นราวกับผุดออกมาจากนรกขุมที่เก้า เมื่อได้ยินก็ทำให้ผู้คนต้องขนลุกไปทั่วทั้งร่าง มีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา ส่วนลึกของจิตวิญญาณถูกทำให้ตกใจจนสั่นสะท้าน

“ลูกพี่…อั่ก…”

ครืน!

ชายร่างอ้วนอยู่ใกล้หมอกโลหิตที่สุดคำ พูดที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวของเขายังไม่ทันพูดจบ กรงเล็บสีดำก็พุ่งออกมาจากหมอกโลหิต บีบคอของชายร่างอ้วนเอาไว้จนศีรษะของเขาขาดลงมา เสาเลือดพุ่งทะยานขึ้นฟ้า โหดเหี้ยมและรุนแรงเป็นอย่างมาก คนอื่นๆ อีกสามคนที่เหลือได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องการหนีเอาชีวิต

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ มือสังหารชุดดำคนอื่นๆ อีกสามคนหนีไม่พ้นโชคชะตาที่จะถูกหักคอ มือสังหารชุดดำทั้งสี่ต่างตัวกับหัวแยกจากกัน ตายอย่างน่าอนาถ ส่วนคนที่ฆ่าพวกเขาก็คือหัวหน้าของพวกเขาเอง คนคนนี้เป็นคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่เลย ไม่ว่าจะฆ่าใครก็ฆ่าเหมือนกับหักต้นไม้ ฝีมือแข็งแกร่งมาก แต่จิตใจเย็นชาหาใดเปรียบ เหมือนกับคนตายอย่างไรอย่างนั้น

ในระหว่างนี้ถึงแม้คนในหมอกโลหิตจะลงมืออย่างรวดเร็วจนดูเหมือนจะมองไม่ทัน แต่เย่เทียนเฉินกลับสังเกตเห็นได้ถึงจุดหนึ่ง นั่นก็คือมือของคนที่อยู่ภายในหมอกโลหิตมือคล้ายจะถูกโลหะห่อหุ้มเอาไว้ รวมไปถึงนิ้วทั้งสิบก็มีโลหะสีดำห่อหุ้มเอาไว้เช่นกัน เหมือนกับกรงเล็บเหยี่ยวอย่างไรอย่างนั้น นี่คงจะเป็นอาวุธของเขา ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะถูกของแบบนี้ห่อหุ้มไปทั้งร่าง ไม่มีใครเห็นหน้าที่แท้จริงของเขา ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

“กระทั่งลูกหวังเจี๋ยที่ติดตามกันมาหลายปีก็ยังฆ่าได้ แกไม่คิดว่าตัวเองจะโหดเหี้ยมเกินไปรึไง?” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้วพูด

“หึ ลูกหวังเจี๋ย? พวกมันก็เป็นแค่สุนัขสี่ตัวเท่านั้นและเป็นสุนัขไร้ค่าไปแล้ว เหลือเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สู้ฆ่าพวกมันให้ตายเร็วหน่อยจะอย่างดีซะกว่า!” คนภายในหมอกโลหิตยังไม่ปรากฏตัวออกมาและไม่มีใครเห็นสภาพของเขา ได้ยินเพียงเสียงที่เหมือนปีศาจล่องลอยดังมา

“ถ้าหาแกฆ่าฉันไม่ได้ คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงก็จะไม่ปล่อยแกไป ถ้างั้นแกเตรียมหักคอตัวเองแล้วหรือยัง?” เย่เทียนเฉินถามอย่างเรียบเฉย

“ไม่ ภารกิจที่ฉันมาในวันนี้ ไม่ได้มาเพื่อฆ่าแก แต่มาเพื่อดูความสามารถของแก ฉันเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายใหญ่ ถึงแม้ฉันจะทนไม่ไหวอยากต่อสู้กับแกสักครั้งก็ตาม!” คนในหมอกโลหิตพูดออกมาอย่างเย็นชา

“ถ้างั้นก็มาสู้กันซักตั้งเป็นไง ฉันก็ต้องการอยู่พอดี!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างหนักแน่น เขารู้ว่าคนที่อยู่ในหมอกโลหิตคนนี้แข็งแกร่งมาก หากไม่ฆ่าเขาตอนนี้ เกรงว่าในวันข้างหน้าก็ยากจะมีโอกาสเช่นนี้อีก และจะกลายเป็นอุปสรรคในใจของตน

“แต่คุณชายใหญ่มีคำสั่งลงมาแล้ว ความจริงแกแข็งแรงมาก ฉันอยากจะฆ่าแกจริงๆ ฉันไม่ได้ลงมือฆ่าคนมาเกือบสิบปีแล้ว แกควรจะรู้สึกเป็นเกียรติ…” คนในหมอกโลหิตอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา

“งั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติสักหน่อยสิ…”

มีน้อยครั้งมากที่เย่เทียนเฉินจะเริ่มลงมือเอง แต่ในครั้งนี้กลับกำหมัดขวาแน่น แม้เขาจะอยู่ในสภาพขั้นสูงสุดของขอบเขตจอมราชันแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ดูถูกคนในหมอกโลหิตคนนี้ ความสามารถของคนคนนี้ไม่อาจนำมือสังหารทั้งสี่ที่ถูกหักคอไปแล้วมาเทียบได้ อยู่กันคนละระดับโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าเมื่อลงมือ หากไม่ใช้พลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะตาย นี่เป็นการต่อสู้กับยอดฝีมือ ถ้าหากไม่ระวังก็จะตายอย่างน่าอนาจ

พวกอู๋เสวี่ยทั้งสิบสองคนต่างมองภาพนี้อย่างเคร่งเครียด พวกเขารับรู้ได้ว่าคนในหมอกโลหิตคนนี้แข็งแกร่งมาก ถ้าหากใครในหมู่พวกเขาลงมือ ต่อให้จะลงมือเต็มกำลังก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ความจริงแล้วไม่อยากจินตนาการเลยว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงจะแข็งแกร่งถึงขั้นวิปลาสเพียงใด ต้องการที่จะรับมือกับคนคนนี้เป็นเรื่องยากมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ

ตู้ม!

ฝ่ามือสีดำอันใหญ่เหมือนกับสวมใส่เกราะสีดำบนแขนทั้งท่อนตบลงมายังเย่เทียนเฉินโดยตรง ทั้งทรงพลังและเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก สะบัดลงมายังศรีษะของเย่เทียนเฉิน ดูเหมือนต้องการจะตบศีรษะ ของเย่เทียนเฉินให้แหลกเป็นชิ้น

พลั่ก!

เย่เทียนเฉินต่อยกลับไปตรงๆ มัดหนึ่งใช้ความสามารถขั้นสูงสุดของพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันออกไป โจมตีออกไปโดยไม่ถอยเลยแม้แต่น้อย ฝ่ามือและหมัดปะทะเข้าด้วยกัน

ตู้ม!

ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น เย่เทียนเฉินยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน พื้นดินใต้เท้าของเขาแหลกเป็นผุยผงไปแล้ว ส่วนคนที่เหมือนกับปีศาจคนนั้นซึ่งยังซ่อนตัวอยู่ในหมอกโลหิตที่เกือบถูกทำให้ฟุ้งกระจายออกไปยังคงยืนอย่างมั่นคง เกือบจะเผยร่องรอยออกมา

นี่เป็นเหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตน ทั้งสองต่างโจมตีออกมาครั้งหนึ่ง แต่กลับมีพลังอำนาจถึงเพียงนี้ สรรพสิ่งรอบด้านในขอบเขตร้อยเมตรต่างราบเป็นหน้ากลอง พวกอู๋เสวี่ยที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึงจนสั่นสะท้าน จินตนาการได้เลยว่าหนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือที่ดูเหมือนจะเบานั้นแฝงไปด้วยพลังที่มากมายมหาศาลขนาดไหน

หลังจากโจมตีกันครั้งหนึ่งเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ลงมืออีก ส่วนคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกโลหิตก็ไม่ได้ลงมือเช่นกัน พวกเขาต่างแปลกใจในความสามารถของอีกฝ่าย หากต่อสู้กันจริงๆ เกรงว่าที่นี่คงพังทลายไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายใหญ่ให้มาฆ่าเย่เทียนเฉิน เขาเพียงแค่มาดูว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหนเท่านั้น ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้ว

“แกแข็งแกร่งมาก ฉันจะกลับไปรายงานคุณชายใหญ่ หวังว่าแกจะมีชีวิตอยู่ให้นานซักหน่อย!” คนในหมอกโลหิตยังคงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงล่องลอยเหมือนปีศาจ

“เอาหัวของสี่คนนั้นกลับไปด้วยเถอะ เอาไปให้คุณชายใหญ่ได้เห็นสักหน่อย นอกจากนั้นบอกเขาด้วยว่า ฉันเย่เทียนเฉินรอให้เขามาอยู่” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“ได้!”

คนในหมอกโลหิตไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ทำเพียงนำศีรษะของมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนไปและจากไปเช่นนี้เอง เย่เทียนเฉินไม่ได้ตามไปต่อสู้ เนื่องจากเขารับรู้ได้ว่าตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น เชื่อว่าในระยะเวลาสั้นๆ หากเขาต้องการฆ่าคนในหมอกโลหิตคนนี้คงเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้คนอื่นๆ อีกสิบสองคนในกลุ่มจ้าวสวรรค์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่อยากจะให้มีอะไรนอกเหนือความคาดหมายอีก จะอย่างไรพี่หวังเจี๋ยกลุ่มนี้ก็หาได้ยากนัก

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ นอกจากสมาชิกทั้งสิบสองคนอย่างพวกอู๋เสวี่ยที่รู้สึกเหนือคาดแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่รู้สึกประหลาดใจอย่างหาใดเปรียบ ใช้สายตาลึกล้ำไม่อาจคาดเดามองไปยังเย่เทียนเฉิน เธอรับรู้ได้ถึงความแข็งแรงของเย่เทียนเฉินแล้ว ในใจยิ่งไม่กล้ามั่นใจว่าถ้าตนเองลงมือต่อให้เป็นการลอบโจมตี จะสามารถสังหารเย่เทียนเฉินได้หรือไม่? คนคนนี้ก็คืออลิซที่ขับมอเตอร์ไซค์มาส่งเย่เทียนเฉินนั่นเอง

…………….

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset